รับมือกับความผิดหวัง

ข้อคิด รอบตัว

 

รับมือกับความผิดหวัง

จากรายการข้อคิด รอบตัว ออกอากาศทางช่อง DMC

โดย : พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ

 

 

รับมือกับความผิดหวัง

      สมหวังผิดหวังเป็นเรื่องธรรมดา แต่ทั้งที่รู้กันอย่างนี้เมื่อตั้งใจแล้วไม่ได้ดังหวังก็อดไม่ได้ที่จะเศร้าโศกเสียใจ  ด้วยความเมตตาของ  พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ วันนี้เราจะมารับมือกับความผิดหวังกัน

     ถ้าเราตั้งเป้าอะไรแล้วว่าปรารถนาสิ่งใด แล้วพอมันไม่ได้ตามปรารถนา ก็จะเกิดอาการที่เรียกว่าผิดหวังใช่ไหม คราวนี้ว่า องค์ประกอบก็คือว่า 1.เป้าหมายที่ตั้ง ถ้าตั้งสูงเช่นว่าตั้งเป้าหมายว่าจะให้รวยหมื่นล้าน คนที่จะถึงได้ก็คงมีแค่บางคน คือถ้าเกิดเป้าหมายนี้มันสูงเกินจริงหรือว่าเกินศักยภาพของเราไปหรือตั้งเป้าหมายไว้ว่า มีอายุยืน 200 ปี ท่าทางจะต้องผิดหวังใช่ไหม อยู่ที่ว่าการตั้งเป้าหมายถูกไหม อันที่ 2 คือความวิริยะอุตสาหะ ความทุ่มเทเราเองที่ลงไปเพียงพอหรือเปล่าที่จะถึงเป้านั้นหรือให้ใกล้เป้านั้น และประการที่ 3 คือว่า พอมันไม่ได้ตามที่เราหวังไว้ อาการความผิดหวัง ที่ว่าแต่ละคนดีกรีแก่อ่อนไม่เท่ากันนะ อันนี้ก็อีกอันหนึ่ง จริง ๆ ก็มีอยู่ 3 แฟคเตอร์ 1.เป้า อันที่ 2. คือการพยายามไปถึงเป้า อันที่3 คือเมื่อไม่ได้ตามเป้าแล้วเกิดอาการมากน้อยเพียงใด  ฉะนั้นองค์ประกอบใหญ่เกี่ยวกับเรื่องผิดหวังอยู่ที่ 3 เรื่องนี้แหละ

      แล้วถ้าพูดถึงเรื่องของการตั้งความหวังบางทีเราก็ตั้งไว้สูง บางทีเราก็ตั้งไว้น้อย แต่ว่าถ้าเกิดผิดหวังขึ้นมาเราก็รู้สึกเสียใจอย่างนี้เราต้องตั้งรับกับความผิดหวังเหล่านั้น อย่างไรบ้าง

      คือให้เรามองอย่างนี้ก่อนนะว่า ในชีวิตจริงเรื่องที่เราสมหวังมันน้อยกว่าเรื่องที่ไม่ตามหวังนะเราดูง่าย ๆ คนอยู่ในวงราชการจะรู้ ถามว่าตำแหน่งผู้กำกับว่างอยู่หนึ่งตำแหน่งมีคนปรารถนาตำแหน่งนั้นกี่คนอาจจะมีสัก 30 ใน 30 คน จะมีคนสมหวังอยู่ 1 คน แล้วคนผิดหวังอยู่ 29 คนแม้ในวงการอื่น ๆ ก็ทำนองเดียวกันไปดูเถอะรับรองแค่เรื่องขึ้นขั้น ขึ้นตำแหน่ง คนหวังกับตำแหน่งที่มี มันต่างกันหลายเท่าตัวมาก หรือว่าความปรารถนาเรื่องของทรัพย์บ้าง อยากจะรวยเยอะ ๆ คนที่ฝันอยากจะมีเงินล้านสิบล้านร้อยล้านพันล้านหมื่นล้านแสนล้านคิดหวังแป๊บเดียวแต่ว่ากว่าจะสมหวังมันนานแล้วมันยาก ในบรรดาคนที่หวัง คนที่สมหวัง  มีอยู่แค่นิดหนึ่งเท่านั้นเองใช่ไหมนี่เป็นปรากฎการณ์ธรรมดา ดังนั้นสุภาษิตจีนเขามีคำว่าเหยินเซินปู้อยู่อี้ ซื้อจือปาจิ่ว  เหยินเซินแปลว่าชีวิตมนุษย์ ปุ้อยู่อี้ แปลว่าไม่ได้ตามปรารถนา แล้วก็ซื้อแปลว่าสิบ จือปาจิ่ว  จือ คือภายในสิบ ปาจิ่ว คือว่าแปดเก้า พูดง่าย ๆ ว่าแปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ความหวังของชีวิตมนุษย์มันไม่ได้ตามปรารถนา เรื่องนี้จริงเลยนะ จริงแสนจริงเขาสรุปจากความคิดแล้วก็ประสบการณ์ที่เจอสั่งสมมานาน มันเป็นร้อยเป็นพันปีก็เจออย่างนี้แหละ ความจริงมันไม่ใช่ว่าแปดสิบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำไป เผลอ ๆ อาจจะเกิน 90% ที่ไม่สมหวัง ดังนั้นเราจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้ดี ถามว่าแล้วจะต้องเตรียมตั้งรับอย่างไรต้องเจอแน่ ๆ เยอะด้วยนะ สุภาษิตของพระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านฝากเอาไว้เป็นข้อคิด คือคำว่า ประกอบเหตุ สังเกตผล ทนเอาเถิดประเสริฐนัก เราสังเกตไหมว่าคนทั่วไปใจไปมุ่งที่ผลนะ อยากได้อยากเป็นอยากให้ได้ตามที่เราหวัง ใจไปมุ่งตรงนั้นพอไม่ได้แล้วผิดหวังแต่หลวงปู่ท่านบอกว่า คำแรกที่ขึ้นมา ประกอบเหตุ แล้วค่อยสังเกตผล ไม่ใช่มุ่งหวังผลนะ

 

 

      สังเกตตรงนี้ ท่านเน้นที่การประกอบเหตุคนทั่วไปบอกว่าอยากได้อยากได้แต่บอกให้ขยัน อ้าวไม่ขยันน่ะ แต่อยากจะได้ตำแหน่งสูง ๆ แต่ความทุ่มเทวิริยะอุตสาหะศึกษาเรียนรู้ให้ทำงานได้ดีผลงานให้ดีตรงนี้ การแข่งขันกับน้อย ไปมุ่งที่ผลคือวิ่งฝุ่นตลบทำอย่างไรก็ได้ให้เขาเข้าเป้าให้ได้ตามที่ปรารถนา ไปมุ่งที่ผลแต่หลวงปู่ท่านบอกไม่ใช่ หลักการที่ถูกต้องคือต้องเน้นที่การประกอบเหตุ ส่วนผลเราแค่ชำเลือง ๆ สังเกตผลสังเกตเพื่ออะไรสังเกตเพื่อว่าที่เราทำตรงเป้าไหม เข้าเป้าไหม ถ้าไม่เข้าเป้าก็มาจูนปรับเปลี่ยนใหม่ให้เข้าเป้าเดี๋ยวผลมันจะได้เอง รดน้ำพรวนดินเดี๋ยวผลมันก็ออกไม่ใช่นั่งรอพอต้นไม้ลุ้นออกลูก ออกลูก แล้วไม่ยอมรดน้ำพรวนดิน มันก็เสียท่าใช่ไหม นี่ประกอบเหตุรดน้ำพรวนดิน ดูแลให้ดีอย่าให้มีโลกมารังควานนะเดี๋ยวถึงเวลามันก็ออกลูกให้เรา รดน้ำพรวนดินแล้วชำเลืองใส่ปุ๋ยประเภทนี้ ลูกออกมาเป็นอย่างไร เข้าท่าไหม ถ้ายังไม่ค่อยเข้าท่าก็จูนปรับสูตรปุ๋ยใหม่ เดี๋ยวก็จะเข้าท่า ประกอบเหตุ สังเกตผล แล้วก็ ทนเอาเถิด อดทนหน่อยไม่ใช่ทำวันนี้ แล้วพรุ่งนี้จะเอาเลย รดน้ำพรวนดินปั๊บพรุ่งนี้มะม่วงต้องออกลูกแล้วต้องกินได้  มันก็ใจเร็วด่วนได้เกินไป เพราะงั้นต้องประกอบเหตุสังเกตผลแล้วก็ทนเอาเถิดทำอย่างต่อเนื่องประเสริฐนักคือเดี๋ยวสำเร็จ สูตรนี้ไม่ใช่ใช้ในการนั่งสมาธิ(Meditation) มาที่ปฏิบัติธรรมเท่านั้น แต่จะทำเรื่องอะไรใช้ได้หมดเลย อยากจะรวยก็ใช้สูตรนี้แหละ อยากจะตำแหน่งเลื่อนก็สูตรนี้แหละ อยากให้มีคนชื่นชมสรรเสริญก็สูตรนี้ อยากจะมีความสุข ความสำเร็จในชีวิตก็สูตรนี้ ประกอบเหตุ สังเกตผล ทนเอาเถิด ประเสริฐนัก แล้วท่านย้ำหลายรอบนะ พอย้ำรอบสองไม่ได้ใช้สูตรอื่นเลย สูตรเดิมแต่ลึกซึ้ง ขึ้นอยู่กับว่าประกอบดูในเหตุ สังเกตดูในผล อดทนเข้าไว้เถิด ประเสริฐดียิ่งนัก ก็คือว่านี่เป็นสูตรสำเร็จเลย ถ้ารอบแรกเรารู้สึกว่าประกอบเหตุ สังเกตผล ทนเอาแล้ว ก็ยังไม่ได้อย่างที่เราคิดนะ ก็ต้อง ประกอบดูในเหตุคือให้หนักแน่นเข้าไปอีก สังเกตดูในผล ดูไตร่ตรองให้ลึกซึ้งเข้าไปอีก ให้เห็นประเด็นที่ต้องแก้ไขปรับปรุงให้ชัดเลย แล้วอดทนเข้าไว้เถิด ให้หนักขึ้นไปกว่าเก่า รับรองประเสริฐดียิ่งนัก นี่คือสูตรสำเร็จในการทำสิ่งต่าง ๆ ให้สำเร็จแล้วเราจะไม่พบความผิดหวังเพราะว่าถ้าไม่ได้อย่างเป้าตรงนั้นกลับกลายเป็นข้อมูล เราจะไม่ถือว่ามันล้มเหลวแล้ว ใช่นี่คือข้อมูลที่เราเองจะสะท้อนกลับมาเพื่อปรับปรุงการประกอบเหตุของเราให้สมบูรณ์ขึ้น เป็นรอบ รอบ รอบ รอบ รอบ รอบนี้ไม่ได้ก็ปรับปรุงแล้วเดี๋ยวรอบหน้ารอบต่อไปรอบต่อไป จนกว่าวันใดวันหนึ่งเหตุเราครบถ้วนบริบูรณ์ผลที่ดีย่อมเกิดขึ้นมาแน่นอน เจริญพร

      วัยรุ่นมักจะเป็นวันที่มีความรัก โดยเฉพาะรักครั้งแรกก็จะตั้งความหวังไว้สูงแล้วทีนี้ ถ้าเกิดอกหักขึ้นมาก็จะเสียใจเป็นอย่างมากอยากให้พระอาจารย์ให้แง่คิดเกี่ยวกับการตั้งความหวังกับความรัก

         คืออารมณ์รัก มันแปลกนะ มีศัพท์ทางธรรมะคำหนึ่งเขาใช้คำว่า สิเน่หา คำไทยเราใช้คำว่าเสน่ห์ มาจากคำว่าสิเนหาแปลว่า ยางเหนียว คนนั้นเสน่ห์แรงแสดงว่า คนนั้นยางเหนียวหนึบเลยอย่าไปใกล้นะ  ใกล้ปั๊บเรียกว่ายางติดเลยถอนตัวไม่ออกเพราะเสน่ห์แรงมาก หลับตาก็ฝันถึงลืมตาก็ฝันถึงแสดงว่าเสน่ห์แรง คือยางเหนียวหนึบเลย ปกติใจคนเหมือนลิงชอบซนหนีไปเที่ยวนั่นเที่ยวนี่ไปเรื่อยใช่ไหม แต่พอมาเจออารมณ์เสน่หา มันติดหนึบถอนไม่ออกนะ บ่เห็นหน้าเจ้ากินข้าวบ่ลงเลย จะหลับตาลืมตายิ่งถ้าเกิดเด็กวัยรุ่นนะ ฮอร์โมนกำลังพลุ่งพล่านใช่ไหม มีเรื่องนี้เข้ามาปั๊บ ทำอะไรคิดไม่ออก ใจมันหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ จะสมหวังผิดหวังอารมณ์มันจะแรงตรงนี้

 

      เขาผูกเป็นคำกลอนสอนใจว่า "จะหักอื่นขืนหักก็หักได้ หักอาลัยนี้ไม่หลุดสุดจะหัก สารพัดตัดขาดประหลาดนัก แต่ตัดรักนี้ไม่ขาดประหลาดใจ" อย่างอื่นตัดขาดหมดแต่ว่าตัดรักมันขาดยาก ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ให้สังเกตดูอีกนิดหนึ่งเราจะพบว่าที่ว่าตัดยาก ๆ พอเจอเมื่อไหร่มีความรู้สึกว่า เขาไม่ได้รักเราจริง บางคนถ้ารู้สึกว่าเกิดการเข้าใจผิดยังมีเยื่อใยก็เป็นแบบหนึ่ง แต่ถ้ารู้สึกเมื่อไหร่ว่าเขานอกใจ บางคนก็ปึงปังขนาดยิงกันฆ่ากันก็มีแต่บางส่วนก็ตัดใจได้แต่ถ้าเกิดรู้สึกว่าเขายังคิดถึงยังรักกันอยู่ล่ะก้อจะห่างกันไป 5 ปี 10 ปีเยื่อใยก็ยังอยู่ ที่ว่าตัดยาก ๆ เมื่อไหร่ขาดความจริงใจต่อกัน ขาดความรักต่อกัน ก็จะขาดออกไป แล้วก็มีอีกอันที่เป็นแง่คิด เดี๋ยวสิ่งนี้ประกอบเราควรจัดการกับมันอย่างไรเรื่องความรัก เคยเจอบางคนญาติโยมก็ บ้างก็ครองเรือนร่วมกันแล้วบ้างก็เป็นสามีภรรยาร่วมกันแล้วบ้างก็เป็นเพียงคู่รักกันยังไม่ได้แต่งงานกัน ฝ่ายชายพอจะคิดมาบวชแล้วบวชยาว ๆ นะ ฝ่ายหญิงบางคนโอเคนะ ขนาดว่าเป็นคู่รักกันยังไม่ได้แต่งก็โอเค แต่งแล้วก็ยังโอเค แต่ถามว่าถ้าฝ่ายชายบอกว่าซาโยนาระ จะไปขอมีใหม่ โอเคไหม บอกไม่โอเค แต่มาบวชโอเค เพราะอะไรรู้สึกมาบวชเป็นการยกสถานะแล้วก็ไม่กระทบกระเทือนศักดิ์ศรี แต่ถ้าเขาทิ้งเราไปมีใหม่ มีความรู้สึกว่าเรามันด้อยค่าเราสู้เขาไม่ได้หรือไง ทำไมถึงมาทิ้งเราแล้วไปมีของใหม่ แสดงว่าของใหม่ ต้องดีกว่าของเก่าคือดีกว่าเรา ความรู้สึกต่ำต้อย ความรู้สึกภูมิใจตัวเองมันเสียมันกระทบกระเทือนด้วย ศักดิ์ศรีถูกหมิ่น

 

 

     เพราะฉะนั้นแสดงว่าตรงที่เรียกว่าความรักมันมีหลายอย่างผสมกันนะ มีทั้งศักดิ์ศรีมีทุกอย่างมาผสมกันด้วย เราค่อย ๆ แยกแยะจะเริ่มเข้าใจตัวเองดีขึ้นแล้วถ้าเกิดเอาตรงนี้ดีดออก ต้องบอกบอกว่าคู่รักทุกคน คู่ครองทุกคู่ จะต้องผิดหวังแน่นอน ต่อให้เป็นคู่ที่ว่า โอ้โฮ รักใคร่กลมเกลียวกันไม่เคยมีปัญหากันเลยตลอดชีวิตก็จะต้องผิดหวังเหมือนกัน เพราะว่าจะต้องพลัดพรากจากกันแน่ ๆ เป็นคู่รักกันชาตินี้เดี๋ยวก็ต้องตายใช่ไหม ต้องแก่ต้องตายและชาติหน้าจะไปเจอกันอีกหรือเปล่า ไม่ได้มีหลักประกันนะ คนหนึ่งทำดีขึ้นสวรรค์ อีกคนทำบาปตกนรก ไปเกิดเป็นเปรตอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉานเป็นไปได้ทั้งนั้น  ที่ว่าอยู่ด้วยกันรักกันจนชั่วฟ้าดินสลาย มันมีแต่ในคำพูดเท่านั้นแหละ

 

      เพราะมันก็อยู่แค่ชาตินี้เท่านั้นเอง เดี๋ยวฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และทั้งสองฝ่าย ก็ต้องจากโลกนี้ไปอยู่ที่ว่า ใครเร็วหรือช้าเท่านั้นเอง ดังนั้นเรื่องความรักให้เตรียมใจไว้เถอะว่าผิดหวังแน่นอนให้เข้าใจอย่างนั้นแล้วก็ใครที่กำลังเจอเรื่องนี้อยู่ให้เคล็ดลับในการแก้โรคอกหักหลักง่าย ๆ มีว่าหยุดคิดปัญหามันเกิด เกิดจากความคิด สังเกตสิ พอยิ่งคิดมันก็ยิ่งวนทำไมนะ ๆ ๆ ๆ แล้วมันก็เศร้าซึมน้ำตาร่วงเผาะๆ ๆ ๆ รู้สึกว่ามองโลกมันหดหู่ไปหมดไม่อยากทำอะไร อารมณ์ของหนุ่มสาวที่มีความรักแล้วผิดหวัง จะเป็นอย่างนั้นเขาเรียกโรคอกหัก

 

     หลักคือต้องหยุดคิด พระพุทธเจ้ายังบอกเลย ดูก่อน ปัญหาผู้เป็นเจ้าเรือน เราเห็นตัวเจ้าแล้ว เจ้าเกิดขึ้นมาจากความคิดนี้เอง ถ้าเราหยุดคิดอย่าไปคิดถึงมันเมื่อไหร่ มันก็จะจบ คนบอก โอ้โฮ พระอาจารย์พูดง่าย ทำยากนะ งั้นมีตัวช่วยคือ อย่าอยู่เฉย ถ้าอยู่เฉยนั่งมองฟ้ามองดินมันก็คิดฟุ้งซ่าน เพราะฉะนั้นให้ ลงมือทำงานอะไรก็ได้เคลื่อนไหว ร่างกาย ปัดกวาดเช็ดถูบ้านจัดโต๊ะจัดเก้าอี้หรือว่าไปทำสวนรดน้ำพรวนดินซักเสื้อซักผ้า ทำอะไรก็ได้ให้ยุ่ง ๆ เข้าไว้จะได้ไม่มีหัวไม่มีเวลาเหลือมานั่งคิดฟุ้งซ่านใจลอยยิ่งให้เหงื่อออกได้ยิ่งดีแล้วก็พอยุ่ง ๆ อย่างนี้มันไม่ค่อยคิด ตัด ๆ ใจจะเริ่มคลายยางเหนียวจะเริ่มเสื่อมสภาพแล้วก็คลายความเหนียวลงมาเดี๋ยวใจเราเองจะหลุดจากมันได้ แค่หยุดคิด จบเลย บางคน เศร้ามานานแต่พอคิดได้ปิ้งเดียวจบเลยนะ

 

      เคยมีท่านหนึ่งเล่าให้ฟังบอกว่าก็ไปเจอปัญหาเรื่องความรัก ทำไมหนอเขาถึงไม่รักไม่จริงใจกับเราเหมือนที่เรารักและจริงใจกับเขา จนกระทั่งคิดจะฆ่าตัวตายแล้วนะ นึกว่ามันเศร้ามันกลุ้มมากเลย หย่าเลย หย่าเลย ตอนที่คิดจะฆ่าตัวตายไม่ใช่วัยรุ่นแล้วนะ 28-29 แล้ว คิดจะฆ่าตัวตายตอนนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังคนรู้จักทั้งประเทศแล้วแต่เผอิญชำเลืองไปที่หัวเตียง มีหนังสือธรรมะอยู่เล่มหนึ่งวางอยู่เพื่อนให้มาไม่ได้มาหยิบอ่านสักที ไหน ๆ จะตายแล้วก่อนตายไปอ่านหนังสือธรรมะหน่อย หยิบมาปั๊บเปิดหนังสือมงคลชีวิต บทที่ 1 อะเสวนาจะ พาลนัง ไม่คบคนพาล อ่านไปแค่ 2-3 หน้า ไม่ถึง 5 นาทีเท่านั้นเอง โอ้โฮนี่ไงพระพุทธเจ้าตรัสไว้ลักษณะคนพาลเป็นยังไงบ้างต้องคิดชั่วทำชั่วพูดชั่ว ปกติ นี่ลักษณะคนพาลไม่รับรู้เรื่องระเบียบวินัย นั้น ๆ ๆๆ โอ ใช่เลยเพิ่งรู้ว่าคู่รักที่ตัวเองคิดถึงเศร้าสร้อยอะไรต่าง ๆ มากมายก็เขาเป็นคนพาลนี่นา เราไปผูกพันกับเขาก็มีปัญหากลุ้มใจเดี๋ยวเขานอกใจเดี๋ยวเขามีใหม่ เดี๋ยวเขากินเหล้าเดี๋ยวเขานั่นเขานี่ปวดหัวสารพัด บอกว่าพออ่านจบแค่ 5 นาที ความกลุ้มที่ครอบงำใจจนกระทั่งคิดว่าจะฆ่าตัวตายแล้วหายไปเลยหลุดออกจากใจยกมือไหว้หนังสือธรรมะวางไว้บนหัวเตียงเหมือนเดิมได้แล้วเอามาอ่านทุกวันทุกวันวันละมงคล สองมงคลนี่นะความกลุ้มความทุกข์หายหลุดไปจากใจไปเลย ไม่คิดอยากจะตายอีกแล้ว มองไปข้างหน้ามีแต่ความสว่างไสวแล้วก็เข้ามาสู่เส้นทางธรรมมาวัดมาปฏิบัติธรรมทำบุญทำกุศลดีกว่าชีวิตก็ดีขึ้นดีขึ้น พอได้คิดก็คิดได้ ตอนที่กลุ้มเพราะไม่ได้คิด คิดไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราเองเอาใจหลุดมาจากตรงนั้นให้ได้ใหม่ ๆ ไม่ยอมหลุด ทำงานช่วยออกกำลังกายแล้วก็ทำทุกสิ่งทุกอย่างแล้วขณะเดียวกันถ้าจะคิด อย่าไปคิดหมกมุ่นแล้ววน ๆ เรื่องนั้น ให้คิดให้ตกที่เขาเรียกว่าปลงให้ตกเอาธรรมะเข้าช่วยเดี๋ยวเราจะถอนใจจากความผิดหวังเรื่องความรักไป  เจริญพร

 

    บางคนอยู่ในขั้นตอนที่เรียกว่าจมอยู่กับความทุกข์เพราะว่าผิดหวังมาแล้ว เราจะพูดอย่างไรให้เขาพ้นจากความคิดที่ว่าจมทุกข์อย่างนี้

      คือให้เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส เปลี่ยนความผิดหวังเป็นความสำเร็จ ซึ่งเรื่องในโลกจำนวนมากที่สำเร็จ ๆ กัน มาจากเขาเจอปัญหามาก่อน แต่เขาไม่จมจ่อมอยู่กับปัญหาแล้วนั่งกลุ้ม เราทำไมโชคร้าย เราทำไมแย่แล้วก็เศร้า แต่เขามองว่าเอ๊ะจะทำอย่างไร ถึงจะไม่เจอกับความผิดหวังนี้อีก แล้วทำอย่างไรจะไม่ให้คนอื่นผิดหวังอย่างเราด้วย คนที่ใจใหญ่ คิดจะให้ ตัวเองเจอปัญหาแล้วแทนที่จะนั่งกลุ้ม เปล่า คิดไปถึงคนอื่น คนอื่นเขาอาจจะเจออย่างไรแล้วทำอย่างไรให้ไม่เขาเจอปัญหา พอคิดจะช่วยแก้ปัญหาให้คนอื่นเขา ความสำเร็จรออยู่ข้างหน้าเลย เรานึกถึงแผนที่ในเมืองต่าง ๆ ที่มี A-Z ออกไหมเอ่ย เอาเมืองมา อย่างกรุงเทพมาถึงปั๊บแล้วตีตาราง a b c–z แล้ว 1- 2 - 3 ตีเป็นตารางหมากรุก แล้วก็ใครอยากจะดูรายละเอียดเหรอ a1 อยู่ช่องนี้ไปดูรายละเอียดที่เป็นภาพขยายในหน้า a1 a2 a3 a4 ไปเรื่อย ๆ  ทำให้การเดินทางในเมืองการหาสถานที่ หาตรอกซอกซอยมันสะดวกมาก ๆ เลย จุดกำเนิดเริ่มต้นมาจาก หญิงคนหนึ่ง ไปเรียนลอนดอน จะไปงานเลี้ยง ปรากฎว่าพยายามจะดูแผนที่ดูอะไรหมดแล้วนี่ ไปหาจริง ๆ เข้าก็หาไม่เจอ เพราะแผนที่ดีไม่พอ แทนที่จะมานั่งกลุ้ม โอ้โฮ แต่งตัวจะไปงานเลี้ยงไปถึงหาไม่เจอเหงื่อโทรมตัวเลย แย่เลย ผิดหวังเจ้าภาพบอกทำไมไม่มาอะไรต่าง ๆ นานา ไม่ เออ คนอื่นอาจจะเจอปัญหาอย่างเรา ทำอย่างไรเราจะไม่เจอปัญหาอย่างนี้อีก คนอื่นจะไม่เจอปัญหาอย่างนี้อีก งั้นเรามาทำแผนที่ดีกว่า ตัวเองเป็นนักวาดรูป เปลี่ยนจากนักวาดรูป เป็นนักทำแผนที่ ไปสำรวจให้ทั่ว ตรอกซอกซอย ทำยังไงหาแผนที่ให้ง่ายที่สุด จะต้องแบบกล้องขยาย เริ่มต้นแผ่นแรกเห็นทั้งเมือง แล้วจะดูรายละเอียดแต่ละจุดก็มีที่ขยาย คือระบบ a-z 1-2-3-4-5 กลายเป็นระบบแผนที่ที่คนทั่วโลกใช้ เจ้าตัวโด่งดังประสบความสำเร็จ รวยด้วย แล้วได้ช่วยแก้ปัญหาให้คนอื่นเขาด้วย เปลี่ยนความผิดหวังให้เป็นโอกาส

 

     อีกท่านหนึ่ง เป็นนักศึกษาชาวมาเลเซียนะ ไปเรียนหนังสือที่ยุโรป ถึงคราวชอบกลับบ้านไปเยี่ยมบ้าน ทางบ้านได้ชื่นใจ พอกลางเทอม ขอพ่อกลับมาบ้าน พ่อบอกโน ค่าเครื่องบินแพง ผิดหวังไหม อยากกลับ คิดถึงบ้านแล้วไม่ได้กลับเป็นคนทั่วไปคงผิดหวัง อันนี้ไม่ เขาก็เซ็ง หน่อยไปเดินสนามบินฮีทโรว์ที่อังกฤษ เห็นเครื่องบินขึ้น ๆ ลง ๆ เรากลับไม่ได้เพราะตั๋วเครื่องบินแพง ทำไมเราไม่ทำสายการบินราคาถูก ทำให้คนเดินทางไปด้วยความประหยัดได้ ลดคอร์สหมด ไม่ต้องมีแอร์โฮสเตส อะไรหรู ๆ มาก ทำทุกอย่างให้ง่ายที่สุด ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นทุกอย่างแล้วให้เหลือค่าตั๋วถูก ๆ คนจะได้เดินทางไปไหนมาไหนตามต้องการด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อย คน ๆ นี้คือคนที่ตั้งบริษัทแอร์เอเชีย เป็นบริษัทสายการบินราคาถูกที่ว่าโด่งดังติดอันดับ 1 ของมาเลเซียและอันดับต้น ๆ ของเอเชียเลยนะในระดับโลกก็มีคนรู้จัก  เขาเปลี่ยนความผิดหวังเป็นโอกาส เปลี่ยนความผิดหวังเป็นโอกาส งั้นพวกเรา ในเมื่อต้องเจอความผิดหวังแน่ ๆ เราจะจมจ่อมอยู่กับความผิดหวัง แล้วนั่งซึมเศร้าหรือว่าลุกขึ้นมามองให้กว้างออกไป สวมหัวใจเป็นผู้ให้ คนอื่นเขาจะเป็นอย่างเราไหมนะทำไมเราจะแก้ปัญหาคนอื่นเขาได้ พอคิดจะให้เท่านั้นเอง ความโศกเศร้าเสียใจผิดหวังหายไปจากใจแล้ว กลายเป็นหัวใจที่ยิ่งใหญ่เพราะคิดจะแก้ปัญหาให้คนอื่นเขาแล้วสุดท้ายก็จะมีความสำเร็จรออยู่ข้างหน้าแต่จะไปสู่ความสำเร็จได้ไม่ใช่หมูนะ

 

      อย่างหญิงที่ทำเรื่องแผนที่ระบบ a-z นี่ ช่วงทำออกจากบ้านแต่เช้ามืดแล้วก็ย่ำไปทุกตรอกซอกซอย วันละ 18 ชั่วโมง เดินเท้านะ ไม่ได้ทำแผนที่ขึ้นรถไม่เวิร์คหรอก เดินเท้าสำรวจหมดเลย มันถึงจะเห็นข้อมูลความจริงว่า จะทำแผนที่ยังไงให้มันสมบูรณ์ดีที่สุด มีเวลาพักวันละ 6 ชั่วโมงแต่ย่ำไปในที่ต่าง ๆ 18 ชั่วโมง รวมระยะทางเดินทางแล้ว เป็นหมื่นกิโล ขนาดนั้นเลยนะ หรือคนที่ก่อตั้งสายการบินแอร์เอเชีย ขนาดว่าก่อตั้งสำเร็จแล้วนะ เป็นเจ้าของสายการบินมีชื่อเสียงแล้ว เขายังแบ่งเวลาไปทำหน้าที่เป็นพนักงานขนกระเป๋า ว่าพอเขาเช็คอินเสร็จเรียบร้อยแล้วกระเป๋าที่โหลดใต้ท้องเครื่องไปลำเลียงกระเป๋าเข้าใต้ท้องเดือนละหนึ่งวันไปทำหน้าที่เป็นสจ๊วตบนเครื่องคอยบริการผู้โดยสารเดือนละ 2 วัน แล้วไปเป็นพนักงานเคาน์เตอร์รับเช็คอิน คนมาทำตั๋ว อีกเดือนละ 3 วัน เจ้าของบริษัทนะประธานสายการบิน ทำอย่างนี้ปั๊บเขาจะรู้หมดเลยว่า ระบบทั้งหมดมันเวิร์คหรือเปล่า ประเด็นสำคัญ ๆ เช็คอินแล้วเขาพอใจไหมมีโอกาสพูดคุยสัมผัสกับลูกค้าโดยตรง การลำเลียงกระเป๋ารวดเร็ว ไกลไหม เพราะกระเป๋าขึ้นเครื่องลงเครื่อง จะเสียเวลารอเร็วหรือช้าก็อยู่ตรงที่ว่ารอกระเป๋านี้ด้วย ทำไงคนพอลงจากเครื่องปั๊บเดินมาถึงเจอกระเป๋าตัวเองรออยู่แล้ว แล้วการต้อนรับบริการบนเครื่องแม้จะประหยัดแต่ก็ต้องทำให้ทุกอย่างสะดวกคล่องตัว ไปอยู่บนเครื่องจริง ๆ จะได้สัมผัส กว่าจะสำเร็จได้ไม่ใช่คิดแล้วปิ๊ง สำเร็จหมู ๆ หรอกมันต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะรองรับ ประกอบเหตุ สังเกตผล ทนเอาเถิด  ประเสริฐนัก  เจริญพร

 

      ในทางพระพุทธศาสนาทรงสอนเรื่องความผิดหวังไว้อย่างไร

      พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ตรัสว่า คุณธรรม แปลว่า ธรรมที่อยู่คู่โลก จะเป็นโลกยุคไหนยุคไหนก็เหมือนกันมี 8 ข้อ คือ 1. ได้ลาภ 2. เสื่อมลาภ 3 ได้ยศ 4. เสื่อมยศ 5. สรรเสริญ 6. ถูกนินทา 7. มีความสุข 8. มีความทุกข์  

 

     ลาภ ยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์ เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับโลกขนาดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ยังพบเลย ถูกคนตำหนินินทาก็มี ถึงตอนที่ว่าขาดลาภก็มี เกิดทุพภิขภัย ขึ้นมาภัตตาหารขบฉัน ที่เสวย ก็เป็นข้าวแดงเลี้ยงม้าก็ยังเคยเจอ งั้นเราเองเจออะไรให้ถือว่ามันเป็นปกติของโลกเพราะเป็นธรรมคู่โลกเมื่อตอนที่เราเองได้ลาภ ได้ยศ มีคนชื่นชมสรรเสริญ กำลังเจอกับสิ่งที่เพลิดเพลินมีความสุขอย่าเพลินกับมันเกินไปให้ตระหนักว่าสิ่งเหล่านั้นอยู่ชั่วคราวเดี๋ยวสักวันมันก็จะพลัดพรากจากเราไปคนที่ได้คิดอย่างนี้ตอนดีใจก็ไม่หัวเราะฮา ๆ ถึงคราวเสียใจก็ไม่ถึงกับร้องไห้โฮ ๆ ถึงคราวจะยิ้มก็เปรียบเทียบยิ้มสักมุมปากหนึ่ง เจอเรื่องดี ๆ ก็อดยิ้มไม่ได้ สงวนอีกมุมปากไว้เตรียมรับว่าเมื่อเวลาผิดหวังมันจะได้ไม่ทุกข์เกินไป

 

     นั่นคือโลกธรรมที่อยู่คู่โลก ไม่ได้มีเราเจอคนเดียวหรอก คนอื่นเขาก็เจอเหมือนกัน ขอให้เข้าใจอย่างนี้เสร็จแล้วถ้าหากเราเองได้มีการสวดมนต์นั่งสมาธิประจำทุก ๆ วันนะจะทำให้เราเองมีใจที่ผ่องใสถึงคราวเจอโลกธรรมอะไรปุ๊บ ไม่หวั่นไหวกับมันเกินไปเจอเรื่องดีใจก็ไม่ไหวเจอเรื่องที่ผิดหวังใจก็ไม่หวั่นกับมันสามารถรักษาใจให้นิ่งและดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้อย่างมีความสุข  เจริญพร

 

http://goo.gl/LdQOXZ