เราเกิดมาทำไม ?.. ใคร่ขอถาม
เห็นต่างความเป็นอยู่ แยกพันธุ์เผ่า
ใยวิไล เลิศ-รวย-จน ต่างกันเล่า ?
ทั้งสูง-ต่ำ ฉลาด-เขลา ล้วนแผกกัน
สิ่งที่เห็น นั้นเป็นผลมาแต่เหตุ
หากสังเกตจักเข้าใจ.. กรรมจัดสรร
ยังติดตาม ดาลดลพัลวัน
ดี-ชั่วนั้น นำผลผลิที่ใจ
เหมือนน้ำ-ปุ๋ย ปลูกฝัง ยังโคนต้น
ครั้นออกผลเป็นเงาะ-ส้ม สมดังใฝ่
ถ้าปลูกดี ย่อมได้ดี เสมอไป
ปลูกชั่วไซร้ ได้เสวยผลบาปกรรม
ถ้าเช่นนั้น.. เราเกิดมาต้องทำดี
ทำจนเป็นบารมี ที่เลิศล้ำ
เว้นกรรมชั่วทั้งสามทาง คิด-พูด-ทำ
ทาน-ศีล-ภาวนา-ถึงธรรม เท่านั้นเอง
ให้ทานด้วยศรัทธา ก็รวยทรัพย์
รักษาศีลคณานับ อันควรเคร่ง
ก็แข็งแรงอายุยืน.. โรคยำเกรง
มีปัญญาเพราะภาวนาเก่ง.. ทุกวี่วัน
ทำดังนี้ มีความสุขทั้งครอบครัว
ขยายทั่ว ประเทศชาติพลอยสุขสันต์
ทำทั้งโลก สุขทั่วโลก เป็นเช่นกัน
สันติภาพที่ฝันฝัน.. จักพลันจริง
โลกที่ร้อน โลกที่ร้าย ย่อมหายโศก
เศรษฐกิจที่บักโกรก กลับปั๊งปิ๊ง
โรคเลวร้าย ภัยพิบัติ ค่อยประวิง
สรรพสิ่ง.. ล้วนมีเหตุจากผู้คน
แก้ที่เหตุ.. ต้องกำจัดโลภ-โกรธ-หลง
ปลดปล่อยปลงจากใจ ให้.. ทุกหน
ให้.. คือได้ ชัยชนะเหนือใจตน
หยุดโกรธพ้นเผาใจ.. ด้วยศีลทาน
ยิ่งเยือกเย็นเป็นน้ำใส ได้ภาวนา
หลุดจากหลง เกิดปัญญา มหาศาล
โลภ-โกรธ-หลง.. แก้ได้ตลอดกาล
ด้วยผลทาน-ศีล-ภาวนา ตลอดไป
เมื่อหล่อ-รวย-สวย-ใส ใจสว่าง
ย่อมเปิดทาง สร้างบารมีสิ่งยิ่งใหญ่
ทั้งทาน-ศีล-เนกขัมมะ-ปัญญาไว
วิริยะ-ขันติไซร้.. ใกล้ความจริง
สัจจะ-อธิษฐาน และเมตตา-
อุเบกขาบารมี อันเลิศยิ่ง
เป็นดวงใสครบสิบ.. เสร็จทุกสิ่ง
ย่อมละทิ้งสามภพ.. จบนิพพาน
ไม่ต้องว่ายเวียนเกิด ไม่รู้จบ
เพราะค้นพบธรรมกาย.. ได้สุขศานต์
เป็นที่พึ่งที่ระลึก ชั่วกาลนาน
จากกลางกายถึงนิพพาน.. ที่สุดธรรม
ปุณฺณสุโข ภิกขุ