ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

ย้อนรอยหมู่คณะตอนที่ 3


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 7 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 29 April 2010 - 11:37 PM

อ้างอิงจากย้อนรอยหมู่คณะตอนที่ 2 คนดีไม่ได้ตกลงมาจากฟากฟ้าครับ
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=23044

ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆ นักเรียนฝันในฝันหลายๆ ท่าน ที่โพสมาให้กำลังใจในกระทู้ก่อนหน้าด้วยนะครับ คราวที่แล้วเขียนถึงเรื่องเตรียมจะไปเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร แต่ก่อนจะบอกว่า ไปเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครแผนกไหนอย่างไร วันนี้ขอแวะเวียนมาพูดถึงเรื่องสมาธิเสียก่อน

ต้องยอมรับว่า วันแรกที่ผมได้มาฝึกสมาธิที่วัด เป็นสิ่งที่แปลกมาก การจัดกิจกรรมของวัดในตอนนั้น ช่วงเช้าหลวงพ่อครูไม่ใหญ่ท่านจะนำสาธุชนนั่งสมาธิ ส่วนช่วงบ่ายหลวงพ่อทัตตะจะลงเทศน์ครับ
การฝึกสมาธิที่ผมเคยฝึกมาสมัยเป็นนักเรียนคือ อาจารย์จะบอกวิธีการตามที่มีในตำราพระพุทธศาสนามัธยมปลาย เช่น กำหนดลมหายใจ แล้วก็ให้นักเรียนหลับตาฝึกสมาธิกันไปเองเลย แต่ที่นี่หลวงพ่อท่านจะนั่งสมาธิไปด้วย แล้วก็พูดสอนไปด้วย โดยให้สาธุชนทำตามอยู่สักพัก แล้วค่อยให้สาธุชนทำต่อไปเอง

อีกทั้งผลของสมาธิในตำรับตำราที่เรียนมา ผลเขาบอกไว้ว่า
จิตจะหยุดนิ่งจนเกิดวิตก วิจาร ปีติ สุข เอตักคะตา จากนั้นจิตจะเข้าสู่
รูปฌาน 4 ได้แก่ ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน จากนั้นจิตจะเข้าสู่
อรูปฌาน 4 ชึงชื่อจำยากมาก เช่น อากาสายันจายตนะ อากินจันยายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ และอีกอย่างจำไม่ได้ จำได้ว่าตอนนั้น ท่องไปสอบวิชาพระพุทธศาสนา ยังตอบผิดเลย
แล้วก็เจริญวิปัสสนา จนหมดกิเลสบรรลุธรรม

อ่านแล้ว ลงมือปฏิบัติแล้วบ้างนิดๆ หน่อยๆ แล้ว ก็ไม่อาจรู้ไม่อาจเข้าใจได้เลยว่า จิตแต่ขั้นจะเป็นอย่างไร อย่างไรเรียกว่า ได้ปฐมฌาน อย่างไรเรียกว่าได้ ทุติยฌาน เป็นต้น

จนกระทั่งได้มาฝึกสมาธิ ตามที่หลวงพ่อครูไม่ใหญ่ท่านสอน ตอนนั้น ยอมรับว่า รู้สึกแปลกๆ เล็กน้อยถึงปานกลางว่า เอ๊ะไม่ยักเหมือนตำรับตำราแฮะ ครูไม่ใหญ่บอกว่า ให้นึกนิมิตเป็นดวงแก้วกลมใส ที่กลางกาย เมื่อใจหยุด จะเข้าถึงดวงปฐมมรรค หยุดไปเรื่อยๆ จะเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ กายพรหม กายอรูปพรหม และกายธรรม แล้วอาศัยปัญญาของกายธรรม เจริญวิปัสสนา ก็จะหมดกิเลสในที่สุด

ตอนนั้น ฟังๆ แล้ว เห็นว่า เอ รู้สึกง่ายกว่าในตำรับตำราแฮะ เพราะก็แค่หยุดใจเข้าไปจนถึงสภาวธรรมของกายต่างๆ ดูแล้วเป็นรูปธรรมมากกว่า ภาษาก็จำได้ง่ายกว่า แม้ภาษาไม่เหมือนตำราก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่นา ทำๆไปเดี๋ยวก็รู้เอง ว่าแล้วก็มานั่งสมาธิกับหลวงพ่อครูไม่ใหญ่ทุกอาทิตย์ บวกกับลองไปทำเองที่บ้านด้วย

จนกระทั่งเมื่อมาเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร และได้ขึ้นชมรมพุทธ อาจารย์เสาวลักษณ์ เปี่ยมปีติ (ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว) ท่านเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาชมรมพุทธ ท่านได้มาอธิบายให้ฟังว่า

"สมาธิมันก็เหมือนกับคอมพิวเตอร์นั่นแหละ คอมพิวเตอร์นั้น ต่อให้เราอ่านตำรับตำราเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ต่างๆ มาชั่วชีวิต แล้วก็เอาแต่นั่งหน้าจออย่างเดียว หรือ ลงมือเคาะแป้นบ้างนิดๆ หน่อยๆ เราก็ไม่มีวันรู้และเข้าใจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ได้ อึกทั้งไม่มีทางใช้งานคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย สมาธิก็เช่นเดียวกัน ต่อให้อ่านตำรับตำราทางสมาธิมาชั่วชีวิต จากทุกๆ สำนัก แต่ไม่ลงมือปฏิบัติธรรม หรือ ปฏิบัติบ้างสองสามทีแล้วเลิก เราก็ไม่มีทางจะเข้าถึงผลของสมาธิได้"

ฟังอาจารย์พูดเสร็จ ผมก็นั่งนึกย้อนดู "เออ ตอนนั้นเราคิดถูกแฮะ นี่ถ้าตอนนั้น เรามาฟังหลวงพ่อครูไม่ใหญ่สอนสมาธิ แล้วไม่เปิดใจรับ คิดแต่เพียงว่า ภาษาที่ใช้ไม่เห็นเหมือนในตำราเลย ป่านนี้เราคงไม่มีทางได้ฝึกสมาธิต่อเนื่องแน่นอน ซึ่งการที่สำนักปฏิบัติแต่ละแห่งจะสอนสมาธิด้วยภาษาที่ไม่เหมือนกัน คิดๆ ดูแล้ว ก็ไม่เห็นจะแปลก อุปมาดั่งตำรับตำราโปรแกรมทางคอมพิวเตอร์ ก็ยังมีภาษาคำสั่งในโปรแกรมไม่เหมือนกันเลย เช่น window กับ เมคอินทอช เป็นต้น

เมื่อเป็นเช่นนี้ ผมก็ลุยนั่งสมาธิต่อไป พร้อมๆ กับให้มิตรรักแฟนเพลง เอ้ยไม่ใช่ ให้เพื่อนๆ นักเรียนอนุบาล ติดตามตอนต่อไปครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#2 ธาตุล้วนธรรมล้วน

ธาตุล้วนธรรมล้วน
  • Members
  • 255 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 April 2010 - 02:59 AM

น่าติดตามต่อมากมายครับ

สาธุๆๆๆ rolleyes.gif


ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ

ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ

เราตถาคต คือธรรมกาย

#3 usr32278

usr32278
  • Members
  • 33 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 April 2010 - 08:03 AM

อ่านแล้ว นำเป็นแนวทางปฏิบัติได้เลยนะครับ

#4 @--แสงตะวัน--@

@--แสงตะวัน--@
  • Members
  • 723 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Thailand

โพสต์เมื่อ 30 April 2010 - 09:50 AM

เห็นภาพหมู่คณะในสมัยก่อน นู้น ๆๆๆๆ เชียว
รอติดตามอ่านตอนต่อๆ ไปนะครับ

อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ
"ชีวิตนี้อุทิศเพื่อพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย"

#5 สิริปโภ

สิริปโภ
  • Members
  • 1766 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:เรื่องลึกลับ

โพสต์เมื่อ 30 April 2010 - 11:46 AM

ผมติดตามอ่านมาตั้งแต่ตอนที่1 วันนี้พี่หัดฝันพูดถึงเรื่องสมาธิ ก็อดเข้ามาแจมไม่ได้

เมื่อก่อนผมเรียนมัธยมต้น รร.ชายล้วนแถวฝั่งธน เข้าไปสมัครชมรมพุทธ อาจารย์ท่านก็ไห้คัดเลือกโดยการเข้าไปนั่งสมาธิในห้องพระ ถ้าเสียงออดหมดคาบ ใครยังไม่ลุก ก็จะได้รับคัดเลือกเข้าชมรมพุทธ ในตอนนั้นก็นั่งไปตามสภาพที่คนทั่วไปสอนให้นั่ง เช่นนึกถึงลมหายใจบ้าง องพระบ้าง พุทธโธ , สัมมาอรหัง ยุบพอง ฯลฯ ไม่มีแนวทางใดชัดเจนและเห็นประสิทธผลเลย

ในระหว่างนั้นผมก็เริ่มได้ยินเรื่องราวของวัดพระธรรมกายอยู่บ้าง โดยเฉพาะชื่อเสียงเรื่องการสอนคนนั่งสมาธิอย่างมีประสิทธภาพ ทำให้ในใจลึกๆ อยากจะมาที่วัดพระธรรมกายเหลือเกิน ในตอนนั้น 2533-2535 เห็นจะได้

พูดถึงเรื่องสมาธิ ทำให้คิดถึงวัดพระธรรมกายในสมัยยุคแรกๆ ยุคแถวพื้นที่ 500 ไร่ ศาลาจาค เราจะเน้นการนั่งสมาธิอย่างมากทีเดียว เรียกว่า มาถึงวัด เจอโคนไม้ สนามหญ้าเหมาะๆเป็นต้องนั่งสมาธิกันเลยละ

แต่ยุคสมัยนี้ คนเข้าวัดมากขึ้นมากจนกราฟทะลุจอ และภาระกิจเผยแผ่ของหมู่คณะเรามีงานหนักขึ้น จนทำให้ภาพของการนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมในวัดเราดูบางตาลง

พูดแล้วก็คิดถึง ศาลาหลังคาจาค นกยูงตัวใหญ่ น้ำค้างยอดหญ้า ลมเย็นๆพัดยอดไม้ แล้วก็ภาพคุณยายเดินลงมานั่งสมาธิกับพวกเรา .....




#6 Kay :)

Kay :)
  • Members
  • 238 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 April 2010 - 11:48 AM

สาธุค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่ค่ะ
รวมเล่มเลยดีกว่าค่ะพี่หัดฝัน biggrin.gif


#7 Nee-Sansanee 2

Nee-Sansanee 2
  • Members
  • 893 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 30 April 2010 - 09:18 PM

สมาธิกับcom. โดนใจจริงๆ ค่ะ

#8 usr23182

usr23182
  • Members
  • 114 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 May 2010 - 12:12 AM

คุณหัดฝัน ค่ะ
รวบรวมทำหนังสือเลยค่ะ ได้ประโยชน์กับทุกคนโดยเฉพาะ ผู้มาวัดคนใหม่ ๆ เพราะอีกหน่อยนึง คนจะมาเป็นล้าน ๆ จะได้มีโอกาสเห็น
ภาพเก่า ๆ สมัยโน้น สมัยเมื่อ 20 - 40 ปี ที่ผ่านมาว่า เป็นอย่างไร
ยังจำภาพวันเก่า ๆ ได้เลยค่ะ ขี่จักรยานจาก สภาธรรมกายหลังคาจาก ไปที่ลานธรรม ปัจจุบัน คือ บริเวณสภาธรรมกายสากลหลังใหญ่
และ มหาธรรมกายเจดีย์ สมัยนั้น คื่อ ลานท้องทุ่งหญ้า พื้นดิน ที่กลางลานว่าง ๆ นั้นจะมีเพียง เวที่ยกสูง (เหมือนเวทีที่ใช้แสดงดนตรีค่ะ)
และที่กลางเวทีจะมีพระธรรมกายองค์สีขาวใหญ่ ตั้งตระหง่า อยู่ เพียงองค์เดียว ตอนนั้นยังนึกไม่ออกเลยว่าอนาคตจะเป็นยังไง
ขี่จักรยานไปก็ต้องคอยหลบหลุมด้วยค่ะ เพราะพื้นไม่เรียบ สุขและสนุกยังจำไม่รู้ลืม กับสายลมและท้องนาโล่งฟ้าโปร่งใส
ใครเคยมาทันไม๊ค่ะ มาเล่าสู่กันฟังได้น่ะค่ะ 20 ปีที่เข้าวัด เห็นการเปลี่ยนแปลงจากไม่มีอะไรมามีอะไร ๆ ทุกวันนี้ เงินทุกบาทที่ทำบุญ
ไม่เคยสูญหายไป แต่ย้อนกลับมาให้พวกเราทุกคนในวันนี้ค่ะ

ขอแจมอีกนิดน่ะค่ะ
ท่านใดเล่นคอมบ่อย ๆ เมื่อยามนั่งสมาธิลองทำใจเป็นเหมือนคอมพิวเตอร์ ดูก็ได้น่ะค่ะ Delete ทุกอย่างที่ไม่อยากรับรู้ เก็บและจำแต่
บุญและความดีทั้งหลาย ทำใจเหมือน hard disk เก็บสิ่งดี ๆ ไว้เท่านั้นค่ะ แล้วใจจะนิ่งได้ง่าย ๆ หยุดได้ง่าย ใสสว่างได้ง่ายค่ะ

ขอให้ทุกท่านมีความสุขที่ศูนย์กลางกาย สำเร็จ สมปราถนากันน่ะค่ะ ตามครูไม่ใหญ่ ไปที่สุดแห่งธรรมกันได้ทุกคนค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

จากนักเรียนอนุบาลของหลวงพ่อค่ะ