ความรักจากความร้ายคนร้ายๆ แล้วเราจะไปรักเขาได้อย่างไร
เรื่อง : พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑฺโฒ)
จากรายการทันโลกทันธรรม ออกอากาศทางช่อง GBN
ละครที่พระเอกจับนางเอกไปขังไว้แล้วทรมานทำให้นางเอกลำบากต่างๆนานาแต่แทนที่นางเอกจะแจ้งความดำเนินคดีกับพระเอกกลับตกหลุมรัก กลายเป็นแฮปปี้แอนดิ้งไป เรื่องราวอย่างนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ และเกิดขึ้นด้วยเหตุผลอะไร?
กรณีถึงร้ายก็รักเป็นเรื่องมีจริง ทางจิตวิทยาได้อธิบายว่า การที่เป็นตัวประกันแล้วก็ไปเห็นคล้อยตามผู้ร้ายขึ้นมาในทีหลังเรียกว่า Stockholm syndrome เกิดจากกรณีโจรปล้นธนาคารที่ปล้นไม่สำเร็จจึงจับตัวประกันไป 4 คน ระหว่างที่จับตัวประกันไว้ 4 วัน มีการต่อรองต่างๆนานา สุดท้ายตัวประกันได้รับการช่วยเหลือออกมา ตัวประกันทั้ง 4 คนไม่มีใครที่ขึ้นให้การกับผู้ร้ายเลย แต่กลับไประดมทุนเพื่อที่จะไปช่วยเหลือคดีให้กับผู้ร้ายแทน เหตุการณ์เกิดที่กรุงสตอกโฮล์ม จึงเรียกว่า Stockholm syndrome เป็นหลักจิตวิทยาที่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างโจรกับเชลย
คนปกติจะเกิดอาการผิดปกติขึ้นได้หรือไม่?
เป็นอาการ เป็นสิ่งไม่ปกติแต่เป็นลักษณะที่เชลยกับผู้ร้ายใช้ชีวิตร่วมกันในสถานที่ที่จำกัดเป็นระยะเวลาหนึ่ง แล้วเกิดเป็นความผูกพันขึ้นมาจนกระทั่งในที่สุดแล้วไปเห็นคล้อยตามกับผู้ร้าย หรือเป็นพวกเดียวกันซึ่งอาจจะยังหมายถึงที่ไม่ได้เกี่ยวกับการลักพาตัวด้วย เช่น สามีเขาร้ายกับภรรยามาทุบตีอยู่ตลอดเวลา แต่สุดท้ายก็ยังปกป้องเขาแก้ต่างเขาตลอดเวลา อาจจะเรียกวิบากกรรมมันบีบคั้น
อาการผิดปกติเกิดขึ้นด้วยเหตุผลอะไร?
แฟรงค์ ออชเบิร์ก นักจิตแพทย์ชาวอเมริกัน บอกว่าสตอกโฮล์มซินโดรมต้องมีส่วนประกอบ3 อย่าง คือ1.เกิดความผูกพัน สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างตัวประกันกับคนร้ายจะเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจจะมีรูปร่างหน้าตาดี2. คนร้ายเริ่มเอาใจใส่ดูแลเหยื่อ ทรมานเหยื่อจนสงสารขึ้นมาเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมาในใจลึกๆ หรือเปล่า แล้วก็อีกอย่างหนึ่งเหยื่ออาจจะดูดี3.ทั้งตัวประกันและคนร้ายไม่สนใจว่าข้างนอกจะมองอย่างไร แต่เกิดความผูกพันกันขึ้นมาจากผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกัน
ในแง่ของจิตวิทยา เป็นขบวนการเอาตัวรอดอย่างหนึ่ง คือหากเป็นตัวประกันแล้วไปต่อต้านกับผู้ร้าย อาจจะโดนมากขึ้นถูกทรมานมากขึ้น แต่ทำตัวเป็นพวกเขา จะมีความรู้สึกว่าตัวเราไม่ใช่ภัยคุกคามของผู้ร้ายอีกต่อไป แล้วจากความเครียดจากความทุกข์กดดันต่างๆมันก็เลยเกิดอาการทางจิตขึ้นมา กลายเป็นรู้สึกผูกพันกับผู้ร้ายไป
นอกเหนือจากสตอกโฮล์มซินโดรมที่ตัวประกันหรือเหยื่อหลงรักผู้ร้าย มีทางกลับกันที่ผู้ร้ายหลงรักเหยื่อหรือไม่?
ในกรณีที่ผู้ร้ายเกิดเป็นฝ่ายไปเห็นใจเหยื่อขึ้นมา แบบนี้เรียกว่า Lima syndrome ก็คือเป็นอาการในทางตรงข้าม ที่เปรู มีพวกที่เป็นเหมือนกบฏ เมื่อสถานทูตญี่ปุ่นจัดงานเลี้ยงก็ไปจับตัวประกัน 100 กว่าคนทั้งงานเลี้ยง ระหว่างที่จับตัวประกันไปแล้วทรมานอยู่ไม่ถึงวัน ก็ปล่อยตัวประกันที่สำคัญทั้งหมดออก ด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจตัวประกัน ประเด็นหลักคือเป็นเรื่องของผู้ร้ายไม่ได้ร้ายจริง ผู้ร้ายไม่ได้ต้องการที่จะทำร้ายคนบริสุทธิ์ ซึ่งอาจไม่ใช่ผู้ร้ายโดยสันดาน แต่มีเหตุบีบคั้นบางอย่างขึ้นมา ลึกๆแล้วไม่อยากทำร้ายคนบริสุทธิ์ ยังมีคุณธรรมอยู่ เกิดความรู้สึกว่าทำด้วยเหตุจำเป็นทำเรื่องไม่ดีขึ้นมาเพราะมีความจำเป็นบางอย่าง เพราะฉะนั้นจึงไม่อยากทำร้ายคนที่เป็นผู้บริสุทธิ์ เกิดความเห็นอกเห็นใจขึ้น
เมื่อได้อยู่ตามลำพัง หมายถึงผู้ร้ายได้อยู่ตามลำพังกับตัวประกันเกิดความใกล้ชิดกันก็อาจเป็นเหตุผลให้เกิดการเห็นใจกันก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเหยื่อมีความน่าสงสารพอ หรือเหยื่ออาจจะหน้าตาดีก็เป็นได้ตัวประกัน อาจจะพูดอะไรบางอย่างออกมา ให้ผู้ร้ายเกิดการกระตุ้นให้โมโห ให้รู้สึกสำนึกให้คิดได้ หากผู้ร้ายมีหลายคนแล้วมีคนใดคนหนึ่งเกิดมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันขึ้นมา แล้วเกิดการโต้เถียงโน้มน้าวกันขึ้น เกิดความเห็นอกเห็นใจแล้วก็คนที่คิดแตกต่างกันออกไปเกิดไปผูกพัน ไปเกิดความรักกับตัวประกันบางคน
ผลของ ลิม่าซินโดรมที่ผู้ร้ายหลงรักเหยื่อ กับสตอกโฮล์มซินโดม ที่เหยื่อหลงรักผู้ร้ายมีผลเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ?
ต่างกันมาก คือสตอกโฮล์มซินโดม คนก็ยังงงว่าถูกจับตัวไปแล้วทำไมถึงไปรักเขา ทำไมถึงไปชอบเขา ปกป้องเขา นักจิตวิทยาต้องมานั่งคิดว่า การล้างสมองมีจริงหรือไม่ มีวิชาล้างสมองเกิดขึ้นจริงไหม แต่ลิม่าซินโดรมผลของมันคือ1.จะเกิดการเกลี้ยกล่อมคนร้ายคนอื่นๆให้ล้มเลิกแผนหรือเปลี่ยนแปลงแผนการได้ อาจจะปล่อยตัวประกันออกไป ยอมให้เขาจับไปดีกว่า2.อาจเกิดเหตุการณ์ปกป้องตัวประกันคือเห็นอกเห็นใจแทนที่จะปล่อยให้ตัวประกันอด ทำร้ายตัวประกัน เพื่อที่จะให้ทางโน้นรีบจัดการแก้ไขปัญหา จึงให้อาหารให้น้ำดูแล3.มีการปล่อยตัวประกันที่เป็นเด็ก เป็นคนท้องหรือคนสวยออกมา เพราะว่ารู้สึกเห็นใจเขา4. คือการตกหลุมรักตัวประกัน พากันหนี สุดท้ายก็ไปแต่งงานกัน
ความรักบางครั้งก็ไม่มีเหตุผลแต่ความรักที่เกิดจากความร้ายทางจิตวิทยา เป็นอาการทางจิตอย่างหนึ่งแต่เป็นอาการที่สังคมยอมรับได้ หากอยากจะให้รักกันจริงๆ ต้องมีความดีความเห็นอกเห็นใจ เป็นพื้นฐานและสงเคราะห์กันด้วยสังคหวัตถุ 4 ได้แก่1.ทาน การให้แบ่งกันกินแบ่งกันใช้2.ปิยะวาจา พูดจาดีต่อกัน ยกกำลังใจไม่ทำร้ายน้ำใจกัน3.อัตถจริยา มีการช่วยเหลือกัน ในสิ่งที่สมควร4.สมานัตตา วางตัวต่อกันอย่างสม่ำเสมอ หากเกิดรักกันมีความดีจะยั่งยืนกว่าแน่นอน
ทันธรรม
ความรักจากความร้าย คนร้ายๆ แล้วเราจะไปรักเขาได้อย่างไร ในชีวิตจริงมีกรณีเกิดขึ้นเหมือนกัน จากการสำรวจพบว่าในทางจิตวิทยา ผู้หญิงก็สนใจคนที่ดูร้ายๆ นิดๆ เหมือนกัน ผู้ชายเจ้าชู้เห็นแก่ตัวหน่อย จะรู้สึกว่าแมน บางทีเกเรๆ นิดๆ นักเลงหน่อยๆ รู้สึกเป็นที่พึ่งได้ โดยเฉพาะช่วงที่กำลังจะตกไข่ อยู่ในช่วงเจริญพันธุ์ ฮอร์โมนจะออกมาช่วงนั้น ทำให้ร่างกายมีการเตรียมความพร้อมในการสร้างลูกสร้างหลานต่อไป สมัยโบราณผู้หญิงก็จะหาผู้ชายที่แข็งแรง เพราะเป็นที่พึ่งได้และผู้ชายที่ออกร้ายๆ ก็รู้สึกว่ามีภาพลักษณ์ที่เหมือนจะพึ่งได้ ฮอร์โมนจะบังตาทำให้ทุกอย่างไม่ชัด ถ้าผู้หญิงไม่ได้ไตร่ตรองใช้สติใช้ปัญญาดีๆ อาจจะพลาดสุดท้ายอาจจะไม่ได้แฮปปี้แอนดิ้งเหมือนในหนัง แต่อาจถูกตบตีหรือมีการทำร้ายร่างกาย ชีวิตครอบครัวแตกแยกมีปัญหาตามมา เพราะฉะนั้นต้องตั้งสติแล้วไตร่ตรองด้วยปัญญาให้ดี
คนเรายังมีกิเลสในตัว เราอยู่ในกามภพ แม้บนสวรรค์ก็อยู่ในกามภพเหมือนกัน คือพบที่กามเป็นใหญ่ กามครอบงำโลกอยู่ ทางจิตวิทยาสมัยใหม่ ซิกมันฟอยด์ กล่าวไว้ว่า กามคือแรงขับเคลื่อนสำคัญของมนุษย์โดยทั่วไปในการทำสิ่งต่างๆตั้งแต่วัยเด็ก ธรรมชาติของชายหญิงจะมีอายตนะดึงดูดกันอยู่แล้วโดยธรรมชาติ เหมือนขั้วบวกขั้วลบของแม่เหล็กจะดึงดูดกัน คำโบราณบอกว่าหญิงคนไหนเป็นคนรักนวลสงวนตัว รักศักดิ์ศรีถนอมศักดิ์ศรีของความเป็นหญิง ในสายตาของชายจะเป็นคนที่มีค่า ผู้ชายที่ดีจะมองว่ามีค่า แต่คนไหนไม่ถือตัวเฮฮา สบายๆ นึกว่ามีเสน่ห์ ความจริงไม่ใช่ ผู้ชายจะรู้สึกเข้าถึงง่าย แต่พอให้อยู่ด้วยกันจริงๆก็ไม่เอา จะเป็นดอกไม้ริมทางไปเด็ดแล้วก็ทิ้ง ดังนั้นอยู่ที่เราต้องการให้เราเป็นคนมีค่าในสายตาของคนอื่น หรือให้เขามองแบบดอกไม้ริมทางที่ไร้ค่า ก็อยู่ที่การวางตัวของเรานั่นเอง
ในบางกรณี ผู้หญิงสวยผู้ชายหน้าตาดูไม่ได้ชอบพอกัน หรือผู้ชายหล่อผู้หญิงหน้าตาดูงั้นๆ ซึ่งเวลาจะชอบพอกัน แค่ประเด็นใดประเด็นหนึ่งที่สะกิดใจสะดุดใจขึ้นมา แล้วรู้สึกพึงใจเขาในประเด็นนั้นก็สามารถบังเกิดเป็นความรักใคร่ชอบพอได้ เช่น อย่างอื่นเขาไม่สวยแต่ฟันสวยรู้สึกชอบใจในฟันเขา ก็เลยชอบเขาหรือคิ้วสวย ตาสวย ผมสวย อาจจะมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งของเขา ที่มีประเด็นสะกิดใจบางอย่างขึ้นมา แล้วพอใจจดจ่อสิ่งนั้นก็จะเห็นความงามสิ่งนั้น จนลืมเรื่องอื่นไป เพราะฉะนั้นจุดสร้างแรงผูกพันและความรักได้จากทุกกรณี ทั้งรูป เสียง กลิ่น รสสัมผัส ได้หมด เพราะฉะนั้นคนที่ร้ายๆ หากมีอะไรที่เป็นประเด็นสะกิดใจขึ้นมา มีโอกาสรักคนร้ายๆ พฤติกรรมบางอย่างทำให้สะกิดใจ พอสะกิดใจแล้วไปนึกถึง นึกไปบ่อยๆเข้าสามารถเปลี่ยนเป็นความพึงใจได้ ดังนั้นฝ่ายหญิงไม่ควรประมาท หากต้องการชีวิตการครองคู่ในอนาคตที่ดี มีชายที่เหมาะสม มาเป็นคู่ครองทำหน้าที่พ่อของลูกได้ เป็นผู้นำครอบครัวได้แล้ว ใครที่ไม่ดีเราเว้นระยะไว้ อย่าไปผูกพัน อย่าไปนึกถึง คือไม่นึกถึงเลยดีที่สุด แล้วใช้สติและปัญญาพิจารณา คนที่มีศีลไม่ยุ่งอบายมุข และมีความรับผิดชอบไม่เจ้าชู้ดูให้ดีให้ถี่ถ้วนแล้วก็จึงเปิดโอกาสสร้างความสัมพันธ์พัฒนาเป็นความรักแล้วก็อยู่ครองเรือนกันในที่สุด
รับชมคลิปวิดีโอความรักจากความร้าย : ทันโลกทันธรรม  
ความรักจากความร้าย
คนร้ายๆ แล้วเราจะไปรักเขาได้อย่างไร https://dmc.tv/a24546
บทความธรรมะ Dhamma Articles > ทันโลกทันธรรม[ 16 ก.พ. 2562 ] - [ ผู้อ่าน : 18261 ]
บทความอื่นๆ ในหมวด
ให้ใจอย่าให้เจ็บคนพันธุ์ Possible
แบกให้สมวัย
รักแท้ที่แม่ปลื้ม
หนึ่งคนกับตัวตนย่อย
พิษจากองศาอารมณ์ร้อน
พฤติกรรมลดเสน่ห์
ความเป็นส่วนตัวบนพื้นที่ส่วนรวม
วิกฤติมารยาท
ธรรมชาติลงโทษ
สุขภาพดีแม้ทำงานหนัก
เรื่องกินเรื่องใหญ่
คนในความลับ