วิบากกรรมอะไรจึงต้องไปเกิดเป็นยักษ์

ยักษ์มี ๒ ประเภทใหญ่ๆ คือ ยักษ์โดยอุปมาอุปไมย หมายถึงคนใจยักษ์ทั้งหลายรูปร่างเป็นคนเหมือนเรา แต่ใจคอร้ายกาจ กับยักษ์ที่เป็นยักษ์จริงๆ https://dmc.tv/a12640

บทความธรรมะ Dhamma Articles > หลวงพ่อตอบปัญหา
[ 17 พ.ย. 2554 ] - [ ผู้อ่าน : 18345 ]
 
 
โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)
เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC
 

คำถาม: ยักษ์มีจริงไหมคะ มีกี่ประเภท ทำผิดอะไรจึงไปเกิดเป็นยักษ์ ?

 
คำตอบ: เท่าที่เคยพบ คำว่ายักษ์นี่มีอยู่ ๒ ประเภทใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ ยักษ์โดยอุปมาอุปไมย นั่นอย่างหนึ่ง กับยักษ์ที่เป็นยักษ์จริงๆ นั่นอีกอย่างหนึ่ง
 
พวกคนใจยักษ์ เป็นคนมักโกรธ มีนิสัยขี้หงุดหงิด
พวกคนใจยักษ์ เป็นคนมักโกรธ มีนิสัยขี้หงุดหงิด
 
        ยักษ์ที่เป็นยักษ์โดยอุปมาอุปไมย คือพวกคนใจยักษ์ทั้งหลายรูปร่างเป็นคนเหมือนอย่างกับเรานี้แหละ แต่ใจคอร้ายกาจ เช่นมนุษย์กินคน เรามักพูดกันว่าพวกนี้มันไม่ใช่คน มันเป็นยักษ์ นี่ไม่ใช่ยักษ์จริงๆ แต่ก็ถือว่าเป็นยักษ์ประเภทหนึ่ง
 
        ส่วนยักษ์ที่เป็นยักษ์จริงๆ ถ้าเราฝึกสมาธิ(Meditation)ให้จิตนิ่งจนใสสว่างดีแล้ว ก็จะพบเห็นยักษ์ตัวจริงได้ ยักษ์พวกนี้ชาติในอดีตก็เป็นคนเหมือนอย่างกับพวกเรา แต่นิสัยเสีย มีโทสะจริต คือเป็นคนเจ้าโทสะ ทำอะไรมักทำไปด้วยโกรธไปด้วย ฮึ่มๆ ฮ่ำๆ อยู่ตลอดเวลา แม้แต่จะทำบุญทำทานก็ทำด้วยโทสะ ตักบาตรไป ก็ด่าลูกด่าหลานไปด้วย มึงไม่ช่วยกูโขลกน้ำพริก มึงไม่ช่วยกูจัดสำรับ ให้กูเหนื่อยอยู่คนเดียว ไม่มาช่วยหิ้วของบ้าง รอพระไปก็บ่นไป พระอะไรก็ไม่รู้ สายป่านนี้ยังไม่มาเลย เป็นคนมักโกรธอะไรง่ายๆ คนอย่างนี้จิตใจพอมีกุศลบ้าง อยากจะทำบุญ ทำทาน แต่ว่าปากเสีย เจ้าโทสะ เป็นนิสัยติดตัวตลอดชีวิต
 
ท้าวเวสสุวรรณกับยักษ์ชั้นสูง
ท้าวเวสสุวรรณกับยักษ์ชั้นสูง
 
        พอละโลกไปแล้ว เนื่องจากบุญพอมีบ้างเลยไม่ตกนรก ถามว่าบาปมีไหม ตอบว่ามี โดยมีโทสะเป็นตัวก่อ ก็ขนาดตั้งใจไปฟังเทศน์ พอพระเทศน์จี้ใจดำเข้าหน่อยก็โกรธ แต่โกรธไม่นาน พอกลับไปถึงบ้านก็คิดได้
 
        จากความที่มีโทสะติดตัว เลยก่อเวรกับคนโน้นคนนี้อยู่บ่อยๆ และเนื่องจากเคยเตะ เคยตีเขาเอาไว้บ้าง มีเรื่องต้องแก้แค้นกันมาก เพราะฉะนั้นพวกนี้เวลาจะไปไหนมักนิยมพกอาวุธ เมื่อมีชีวิตอยู่มักจะพกอาวุธ พกไม้ พกมีด พกตะพดติดตัว พอละโลกตายไปแล้วไปเกิดอยู่ในสภาพกายกึ่งหยาบกึ่งละเอียดเรียกว่า ยักษ์ ตัวโตมาก คนทั่วไปมองไม่เห็น บางสภาวะสามารถแปลงกายเป็นกายหยาบมาให้เห็นอย่างกับพวกเราทั้งหลายได้ แต่ส่วนมากยังอยู่ในลักษณะกึ่งหยาบกึ่งละเอียดคือละเอียดไม่ถึงเทวดา หยาบไม่ถึงมนุษย์ ก้ำกึ่งกันอยู่
 
        เมื่อนั่งสมาธิเข้าไปถามว่าทำไมเป็นอย่างนี้ เขาก็บอกว่าเป็นเพราะกิเลสเจ้าโทสะ ชอบโกรธฮึ่มๆ ฮ่ำๆ เลยทำให้เขาต้องเป็นอย่างนี้ สำหรับรูปร่างยักษ์ที่เขาวาดกันตามโบสถ์หรือที่วัดพระแก้วนั่นสวยเกินไป จริงๆ แล้วรูปร่างแย่กว่านั้น เส้นขนแต่ละเส้นหยาบเหมือน กับเชือกทอกระสอบ เวลานอนก็บ่นงึมๆ งำ ไป ว่าเจ็บตัวจริงโว้ยๆ ทำไมจึงเจ็บ เจ็บเพราะขนมันครูด มันทิ่มตัวเองจนเจ็บ ตาก็แดง ฟันก็เขยิน ปากก็แบะ
 
        พวกนี้ส่วนมากจะเหน็บกระบองไว้ที่เอว ยักษ์บางตนกระบองใหญ่มาก ไปไหนก็ลากกระบองไปด้วย ลักษณะกระบองเหมือนกับไม้ตีพริก แต่อันเบ้อเร่อ ไปไหนก็ต้องแบกต้องลากไปด้วยตลอดเวลาทำให้เหนื่อยล้า ถามว่าโยนทิ้งเสียไม่ได้หรือ จะต้องแบกไปทำไม เขาบอกว่าขว้างทิ้งไปตั้งหลายทีแล้ว แต่เดี๋ยวมันก็กลับมาติดอีก ต้องแบกไปอย่างนี้
 
ยักษ์บางตนมีกระบองใหญ่มากส่วนมากจะเหน็บกระบองไว้ที่เอว
ยักษ์บางตนมีกระบองใหญ่มากส่วนมากจะเหน็บกระบองไว้ที่เอว
 
        ถามว่าเกิดจากเวรอะไร เขาบอกว่า เมื่อตอนเป็นมนุษย์ชอบพกอาวุธ เตรียมจะไปทำร้ายเขา ด้วยบาปอันนั้นเลยดึงดูดกระบองนี้ติดมาด้วยอันใหญ่มาก ถ้ายักษ์ตนไหนแสบน้อยหน่อยกระบองก็อันเล็กลง ยักษ์แต่ละตนต้องพกกระบองกันละอันสองอัน ลากไปพลาง มันก็บ่นไปพลางว่า “หนักจริงโว้ยๆ” พอขว้างทิ้งไปเดี๋ยวก็กลับมาติดมืออีก
 
        พวกยักษ์นี้ยังแบ่งชั้นอีกหลายระดับ แต่แบ่งเป็นพวกใหญ่ๆ ได้ ๒ พวก คือพวกหนึ่ง มีศีล อีกพวกหนึ่ง ไม่มีศีล
 
พวกยักษ์ไม่มีศีล มีนิสัยดุร้าย ชอบฆ่าคน ฆ่าสัตว์เอามากิน
พวกยักษ์ไม่มีศีล มีนิสัยดุร้าย ชอบฆ่าคน ฆ่าสัตว์เอามากิน
 
        พวกยักษ์ไม่มีศีล ชอบฆ่าคน ฆ่าสัตว์เอามากิน สมัยก่อนเวลาโจรจะออกปล้นจะต้องทำพิธีชุมนุมเทวดา เราก็นึกว่าเทวดาจริงๆ จะมา ที่แท้ที่มาก็ไอ้ยักษ์ตัวแสบพวกนี้เอง เวลาพรานป่าเขาจะไปล่าสัตว์เขาก็ไหว้เทวดา แต่เทวดาไม่มาหรอก เพราะท่านรังเกียจการฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต มีแต่ยักษ์พวกไม่มีศีลนี้มาแทน
 
        อีกพวกหนึ่งเป็น ยักษ์มีศีล พวกนี้ชาติในอดีตเป็นคนที่ตั้งใจรักษาศีล แต่ว่าก็เจ้าโทสะ รักษาศีลไปก็ฮึ่มๆ ฮ่ำๆ ไปด้วย พวกนี้พอเป็นยักษ์แล้วก็ยังติดนิสัยชอบรักษาศีล แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นคนขี้รำคาญ ฮึ่มๆ ฮ่ำๆ เหมือนอย่างเพื่อนเราบางคนไม่เคยทำร้ายใคร แต่ว่าพอเข้าใกล้แล้วเราก็รำคาญ เพราะเขาเป็นคนเจ้าอารมณ์ เวลาเดินก็มีเสียงดัง เตะโน่นๆ นี่ๆ โครมครามเรื่อยไปตลอดสองข้างทาง ไม่มีอะไรที่ถูกใจแม้แต่จะกินก็บ่น โน่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่อร่อย ไม่ดีสักอย่างเผลอเดี๋ยวเดียวกินหมดเป็นชามๆ เลย แต่ขอให้ได้บ่นเถอะน่า
 
ยักษ์ชั้นกลางกับยักษ์น้ำจัดอยู่ในจำพวกยักษ์มีศีล
ยักษ์ชั้นกลางกับยักษ์น้ำจัดอยู่ในจำพวกยักษ์มีศีล
 
        แล้วก็ใจร้อน ใครเอาอะไรมาให้ไม่ทันใจก็โกรธ คนพวกนี้ รักษาศีลได้ไม่ขาดเลยสักข้อ คือไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักขโมย ยกเว้นขัดใจขึ้นมาอาจเอาไฟเผาบ้านมันเสียเลย ถ้าไม่ถูกกัน คนประเภทนี้ไม่แก้แค้นโดยการลักของ แต่จะเผาจะทำลายของ ไม่ฉุดคร่าอนาจารลูกเมียใครไม่โกหก แต่ด่าเป็นไฟแลบเลย เหล้าก็ไม่กิน จะกินก็แค่เล็กน้อยๆ คือไปคว้าเบียร์มาบ้าง หรือเครื่องดื่มชนิดผสมนิดหน่อยพอกรุ่นๆ มาดื่มเป็นครั้งคราว เพราะฉะนั้นพอละโลกไป พวกนี้จึงไปเกิดเป็นยักษ์ แต่ก็ถือศีล
 
        ยักษ์ ๒ พวกนี้ไม่ถูกกัน คนเราแบ่งกันเป็นกลุ่มอย่างไร ยักษ์ก็แบ่งกันอย่างนั้นนั่นแหล่ะ พวกยักษ์มีศีลนี้ยังแบ่งกันเป็นอีกหลายพวก มีพวกกุมภัณฑ์ มียักษ์น้ำ ยักษ์บก ฯลฯ
 
        กุมภัณฑ์ เป็นยักษ์ประเภทหนึ่ง แต่มันมีลักษณะพิเศษ คือ กุมภะแปลว่าหม้อ กุมภัณฑ์เป็นยักษ์ที่มีลูกอัณฑะใหญ่โตเหมือนอย่างกับหม้อ พวกนี้เมื่อตอนมีชีวิตอยู่เป็นมนุษย์มีเวรประจำคือ ชอบพูดให้ของลับเขาไปบ่อยๆ พอโกรธอะไรขึ้นมา คำหยาบคำนี้ติดปากมาเลย ละโลกไปแล้วไปเกิดเป็นกุมภัณฑ์ มีอัณฑะใหญ่ให้ใครๆ เห็นชัดเลย ซึ่งก็เป็นการประจานตัวเองตามกรรม
 
กุมภัณฑ์ จัดเป็นยักษ์ประเภทหนึ่ง
กุมภัณฑ์ จัดเป็นยักษ์ประเภทหนึ่ง
 
        มีอยู่คราวหนึ่งตอนหลวงพ่อเข้าวัดใหม่ๆ คุณยายอาจารย์ท่านเล่าให้ฟัง หลวงพ่อไม่ได้เห็นเอง ท่านบอกว่าอาจารย์ของท่านคนหนึ่งเป็นแม่ชีชื่อ อุบาสิกาทองสุก สำแดงปั้น ท่านไปสอนธรรมะที่จังหวัดชลบุรีนานมาแล้ว ท่านก็เตือนพวกขี้เมาว่าอย่าไปกินเลยเหล้าไม่ดี มีอยู่คนหนึ่งนอกจากไม่เชื่อแล้ว มันยังพูดให้ของลับท่านอีกด้วย
 
        ต่อมาไม่นานคนๆ นั้นตายลง ไปเกิดเป็นเปรตแล้วเป็นเปรตชนิดพิเศษ เนื่องจากให้ของลับเอาไว้ เปรตตัวนี้เลยแปลก ผอมโย่งโย่ๆ แต่ว่าของลับของมันโตกว่าตัว เหม็นมากๆ ด้วย ไปถึงไหนมันก็ลากไป แล้วก็บ่นเจ็บจริงโว้ยๆ ไปไหนก็ต้องยกต้องประคองไปด้วย ยกๆ หิ้วๆ พร้อมกับร้องว่า “หนักจริงโว้ย เจ็บจริงโว้ย” นี่แหละเวรที่พูดหยาบช้าลามกให้ของลับผู้มีศีล

http://goo.gl/tS4kG


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ทำอย่างไรจึงจะไม่ท้อไม่เหนื่อยในการทำงาน
      สาเหตุที่ทำให้โลกวุ่นวายมากขึ้น
      "สังคมเปลี่ยนไป" แนวทางการใช้ชีวิตเปลี่ยนตามพระพุทธศาสนามีคำแนะนำอย่างไร ?
      หลักการขยายกิจการให้เจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและทางธรรม
      คำสอนของวัดพระธรรมกายถูกต้องตามแนวทางคำสอนดั้งเดิมของพระพุทธศาสนาหรือไม่
      อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้สังคมแตกแยก
      การสวดมนต์ให้พรของพระสงฆ์มีส่วนช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนาอย่างไร
      ทำไม ? จีวรต้องเป็นสีเหลือง
      เราจะพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้อย่างไร ?
      เราจะปลูกฝังให้ลูกหลานทำหน้าที่ชาวพุทธให้สมบูรณ์ได้อย่างไร ?
      เราควรจะเลือกทำงานด้วยทัศนคติอย่างไรที่จะส่งผลให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง
      การเกิดขึ้นของนิสัยดี นิสัยชั่วมีที่มาอย่างไร
      การดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจให้เหมาะสมแก่การฝึกสมาธิและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงธรรม




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related