หลวงพ่อตอบปัญหาโดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMCคำถาม: ทำไมสมัยนี้จึงมีคนเยอะจัง คนที่เพิ่มขึ้นมาจากไหนกันคะ?
คำตอบ: เมื่อก่อนหลวงพ่อเองก็สงสัยเหมือนกันว่า ถึงชาติหน้าจะมีจริงคนหนึ่งจะแยกไปเกิดเป็น ๒ คนไม่ได้ เหตุใดพลเมืองจึงเพิ่ม ส่วนที่เพิ่มนั้นมาจากไหน แต่ว่าบัดนี้หมดสงสัยแล้ว หมดสงสัยเพราะอ่านพระไตรปิฎกจบไปหลายเที่ยว และนั่งสมาธิควบคู่ไปด้วย จนเชื่อในการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแน่นแฟ้น คำตอบของเรื่องนี้คือประการแรก ได้อ่านพบว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาศยืนยันว่าโลกอื่นและจักรวาลอื่นมีจริง และจำนวนจักรวาลก็มีมากมายเป็นอนันตจักรวาล สัตว์โลกสามารถย้ายจากโลกนี้ของจักรวาลนี้ไปโลกโน้นของจักวาลโน้นได้ประการที่สอง คนเราสามารถเปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิได้ คือจากคนตายแล้ว ไปเกิดเป็นสัตว์ได้ถ้าทำบาปหนัก และเมื่อสัตว์ใดหมดเวร หมดบาป ก็สามารถกลับมาเกิดเป็นคนได้อีกเช่นกันประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากความจริง ๒ ข้อนี้แล้ว ถ้าจะว่าไป เราไม่รู้หรอก ว่าสัตว์โลกในโลกของเรามีจำนวนทั้งหมดเท่าไร ยังนับไม่ไหว ลำพังโลกที่เราอยู่ใบนี้ใบเดียวจำนวนคนทั้งหมดเท่าไหร่ ยังนับไม่ครบ สัตว์เดรัจฉานอีกเท่าไหร่ก็นับไม่ถ้วน แล้วแต่ละวันที่ผ่านไป สัตว์ที่อยู่บนโลกเดียวกับเรา หมดเวรมาเกิดเป็นคนก็มาก คนที่ตายไปเกิดเป็นสัตว์ก็อีกไม่รู้เท่าไหร่ อุปมาคล้ายๆ อย่างนี้ ตอนหน้าแล้งเราแหงนหน้าดูท้องฟ้า จะหาปุยเมฆสักปุยก็ไม่มี หายไปไหนหมดก็ไม่รู้ แผ่นดินก็แห้งแล้ง แต่พอหน้าฝนเหลียวไปดูทางไหนเมฆฝนครึ้มไปหมด มีแต่น้ำเจิ่งนองไปทั่ว แล้วมาจากไหนก็ไม่รู้ถ้าคนสมัยนี้ทำบาปกันมากขึ้นๆ สมัยหนึ่งข้างหน้า คงมีคนถามขึ้นมาอีกแหละว่า คนหายไปไหนกันหมดคำถาม: อยากทราบว่า คนที่มีเสียงดี หรือบุคลิกดี เขาได้คุณสมบัตินี้มาได้อย่างไรคะ?
คำตอบ: เสียงดี ได้มาจากการไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ ได้สวดมนต์ไหว้พระ และสรรเสริญคนดีข้าภพข้ามชาติคนมีบุคลิกดี อย่างน้อยที่สุดก็ต้องรักษาศีลมาดี ไม่เคยไปทุบตี ทำร้ายใคร ไม่เคยฆ่าใคร รู้จักขวนขวายช่วยเหลืองานบุญงานกุศล มีความเคารพนบนอบต่อผู้ใหญ่ ผู้ปฏิบัติธรรมข้าภพข้ามชาติมา ย่อมจะได้บุคลิกที่ดีเป็นบุญติดตัวมามีบุคลิกดีและได้เสียงดีเมื่อได้บุคลิกดี ได้เสียงที่ดีมาแล้ว ก็เอาคุณสมบัติที่ดีนี้ไปใช้ สร้างความดีเพิ่ม เช่น เอาเสียงดีๆ มาเทศน์ มาชวนคน มาสอนคนให้ทำความดี เอาบุคลิกดีๆ มาเป็นผู้นำประกอบการบุญการกุศล เป็นกัลยาณมิตรให้กับชาวโลก เรียกว่า เอาบุญต่อบุญ คนที่ฉลาดใช้บุญได้ถูกต้อง บุญก็ยิ่งสะสมมากขึ้นเป็นทวีคูณแต่นั้นแหละ ผู้ที่มีบุคลิกดีเสียงดีก็ต้องระมัดระวัง อย่านำสิ่งดีๆ ไปใช้ในทางที่ผิด เช่น เอาเสียงดีๆ ไปร้องเพลงยั่วยุกาม เอาบุคลิกดีๆ ไปยกตนข่มท่าน หรือเอาไปหลอกลวงเขาให้หลงไว้วางใจ แล้วลอบทำร้ายปอกลอก แบบนี้เรียกว่า เอาบุญไปเป็นต้นตอของบาป เป็นประเภท ต้นตรง ปลายคด น่าเสียดาย ภพชาติต่อไปบุญงบนี้คงหมด คือนอกจากเสียงไม่ดี บุคลิกไม่ดีแล้วก่อนหน้านั้นยังตกนรกเสียย่ำแย่อีกด้วยคำถาม: การเป็นพ่อค้าแม่ค้าขายของเอากำไร ถือว่าบาปหรือไม่?
คำตอบ: ไม่ว่าจะเอากำไรหรือไม่ก็ตาม ถ้าขายสิ่งของต้องห้ามละก็ บาปแน่นอน สิ่งของต้องห้าม ได้แก่๑. ค้าอาวุธ (สัตถวณิชชา)๒. ค้ามนุษย์ (สัตตวณิชชา)๓. ค้าสัตว์เพื่อนำไปฆ่า (มังสวณิชชา)๔. ค้าน้ำเมา (มัชชวณิชชา)๕. ค้ายาพิษ (วิสวณิชชา)ส่วนการค้าขายอย่างอื่นนอกนั้น ถ้าเอากำไรตามสมควรก็เป็นค่าแรงชนิดหนึ่ง ไม่บาป สิ่งที่ต้องคำนึงถึงอย่างมาก คือ เจตนา เวลาค้าขาย ถ้าเราอยากได้กำไรมากๆ จนกระทั่งได้มีการกักตุนสินค้าขึ้น การกักตุนทำให้ประชาชนเดือนร้อน เพราะว่าไปกักตุนของจำเป็นแก่การยังชีพ เช่น ปัจจัย ๔ อันได้แก่ อาหาร เสื้อผ้า วัสดุก่อสร้างบ้านเรือน ยารักษาโรค ซึ่งไม่ใช่ของฟุ่มเฟือย ถ้ากักตุนหรือค้ากำไรเกินขอบเขต อย่าทำ จะแบกบาป เพราะว่าเป็นความเดือดร้อนของเพื่อนร่วมโลก แสดงว่าเราขาดความเมตตา กรุณา เป็นบาปติดตัวที่ทำให้เราเกิดต่อไปอีกกี่ชาติๆ เดือดร้อนทุกชาติ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน การทำมาหากินฝืดเคืองไปหมด มิหนำซ้ำเมื่อเราเป็นทุกข์เดือดร้อน บาปที่เราก่อไว้จะไปบังตาบังใจ ทำให้คนอื่นไม่มาช่วยเหลือ จนกว่าบาปนั้นจะอ่อนกำลังลงอาชีพค้าขายการค้าขายของจำเป็นอื่นๆ ก็เหมือนกัน เช่น อุปกรณ์การเรียนของเด็กๆ ค่ารถโดยสาร ซึ่งเป็นความสะดวกสบายของประชาชน เป็นของจำเป็นแก่ชีวิต อย่าไปโก่งราคา อย่าไปกักตุน เพราะเป็นบาป
http://goo.gl/zcKcP