หลวงพ่อตอบปัญหาโดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMCคำถาม: ท่านคิดว่า ในปัจจุบันการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของแต่ละวัด มีแนวทางที่เหมาะสมหรือควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไร จึงจะทำให้การเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ผลอย่างรวดเร็วทันกับปัญหา? (พระเรียนถามมา)
คำตอบ: ปัญหาในเมืองไทยหรือปัญหาในโลกนี้ ที่เป็นประเด็นใหญ่คือ คนส่วนมากแยกไม่ออกว่า อะไรจำเป็นสำหรับชีวิต หรืออะไรเป็นของฟุ่มเฟือยเพราะฉะนั้นก็เลยเหมาเอาว่าของอะไรที่อยากได้ ของนั้นก็จำเป็นหมด รถยนต์ก็จำเป็น สำหรับคุณผู้หญิง ลิปสติกก็จำเป็น น้ำหอมก็จำเป็น ไม่ว่าอะไรก็จำเป็นไปเสียทั้งนั้น ถ้าขาดไปแล้วดูเหมือนจะตายไปทีเดียวปัจจัย 4 คือสิ่งที่จำเป็นของชีวิตชาวโลกส่วนมากเขาแยกไม่ออกกันอย่างนี้ แต่พวกเราที่เป็นพระภิกษุศึกษาธรรมะแล้วรู้ว่า พระสัมมาทรงสอนว่า ปัจจัย 4 คือสิ่งที่จำเป็นของชีวิต ได้แก่1) อาหาร ที่จำเป็นจริงๆ ก็เพียง 2 มื้อ2) เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มของพระ มีสบง จีวร อังสะ หรือผ้าไตร 1 ชุดก็พอแล้ว3) ที่อยู่อาศัย คือ กุฏิ ท่านให้ทำพออยู่ได้ ถึงกับบอกขนาดเอาไว้เลยว่าเท่านั้นเท่านี้ ไม่ให้ใหญ่โตเกินไป4) ยารักษาโรค ให้หาจากของใกล้ตัวก่อน ถ้าหันซ้ายหันขวาหาอะไรไม่ได้ ทรงขึ้นไปเลยว่าให้ฉันยาดองน้ำมูตรเน่า (น้ำปัสสาวะ)พระพุทธองค์ทรงตีกรอบให้รู้ว่า ของจำเป็นสำหรับชีวิตพระมีแค่นี้ แต่ว่าชาวบ้านชาวโลกน่ะจะไปตีกรอบเขาแบบนี้ไม่ได้หรอก แล้วจะทำอย่างไรให้เขารู้ความจำเป็นของชีวิตว่า จริงๆ แล้วคืออะไร แต่จะชี้ให้ชัดให้ตรงจริงๆ ยากเหลือเกิน จึงได้แต่สอนอะไรโน้นๆ นี่ๆ เลียบเคียงไปมีประเด็นหนึ่งที่โบราณาจารย์ท่านสอนไว้ และทำกันมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาทวดของเรา แต่เดี๋ยวนี้เราทิ้งไปเสียแล้ว ท่านสอนวิธีการไว้ว่าให้พยายามหาทางให้ญาติโยมที่มาวัดเข้าไปอยู่ในกลดให้ได้ให้อยู่หลายๆ วันคนเราอยู่ในกลดนานเข้า คือพาเดินธุดงค์สัก 3-7 วัน วันดีคืนดีเขาจะได้คิดเองว่า เออ..จริงๆ แล้วแค่กลดนี่ก็พอให้นอนใครที่เคยเป็นประเภทมือใครยาวสาวได้สาวเอา พออยู่กลดแล้วมือชักจะสั้น เริ่มมีสติ ไม่อยากไขว่คว้าเอาอะไรมาสะสมไว้ปัญหาในโลกนี้คนส่วนมากแยกไม่ออกว่า อะไรจำเป็นสำหรับชีวิตเรื่องเสื้อผ้าก็เหมือนกัน ขอให้โยมมาหัดนุ่งชุดขาวอยู่กลดอย่างนี้ แล้วโยมเองจะรู้ว่า เสื้อผ้าที่มีอยู่ในตู้กี่ชุดๆ นั่น ที่ไม่จำเป็นเลยมีมาก ต่อไปควรจะลดๆ ลงเสียบ้าง ลิปสติกอีกกี่แท่ง น้ำมันน้ำหอมอีกเท่าไรนั่นน่ะ น่าจะลดไปตั้งครึ่งตั้งค่อน ไม่อยากจะแต่งตัวสวยๆ ไปอวดใครให้กามกำเริบยิ่งกว่านั้น คนไม่เคยถือศีล 8 พอถือเข้าแล้ว ต้องอดมื้อเย็นจะได้คิดว่า เออ...เราอดไปมื้อเดียวเท่านั้นหิวแทบตาย เมื่อคืนนอนแทบไม่หลับเลย แล้วคนยากคนจนอดมื้อกินมื้อที่อยู่ในสลัมจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ?นี่ความเห็นใจเริ่มเกิดขึ้นแล้ว การทำทานด้วยข้าวปลาอาหารจะตามมา ศีลข้อที่ 6 ที่ให้งดอาหารมื้อเย็น จะเป็นผลให้ญาติโยมอยากทำทานกันเองด้วย อยากถวายทานกับพระด้วย เหตุผลก็มากันอย่างนี้ศีลข้อ 7 ห้ามร้องรำทำเพลง ห้ามดูการละเล่น ห้ามเขียนคิ้วทาปาก ใส่น้ำหอม ประดับประดาเพชร นิล จินดาต่างๆ ห้ามทำไม? ห้ามซิ ก็เพลงที่มนุษย์ร้องน่ะเพลงอะไรล่ะ 99 เปอร์เซ็นต์ร้องแต่เพลงรัก ร้องแล้วเป็นอย่างไร? ร้องแล้วคนที่ไม่มีคู่ชักอยากจะมี ที่มีแล้วก็ชักอยากได้อะไหล่เพราะฉะนั้นใครที่ร้องเพลงมาแล้ว 6 วัน พอวันที่ 7 เป็นวันพระหยุดเสียบ้าง มุดเข้าไปอยู่ในกลด แล้วก็หยุดร้องเพลงด้วย พอเข้ากลด ฤทธิ์เจ้าชู้มีเท่าไรๆ ลดไปตั้งเยอะทำไมไม่ให้ดูการละเล่น? ก็เจ้าการละเล่นน่ะ ดูแล้วเป็นอย่างไร? การละเล่น เช่นลิเก ละคร มันมีพระเอกมีนางเอก คนดูจะเป็นผู้ชายที่รูปชั่วตัวดำอย่างไรก็ตาม พอไปดูละครเข้า เดี๋ยวเถอะอยากจะเป็นพระเอกขึ้นมาเชียว แล้วจากนั้นสองตาก็ส่ายหานางเองของตัวบ้าง ซึ่งเท่ากับบอกว่าการละเล่นทำให้คนที่ไม่มีคู่อยากจะมี ที่มีแล้วก็อยากจะมีเพิ่มเป็นอะไหล่เพราะฉะนั้นหยุดร้องเพลง หยุดดูการละเล่นเสีย แม้ที่สุดการเขียนคิ้วทาปาก ประดับประดาเนื้อตัวด้วยเพชรนิลจินดาต่างๆ รวมทั้งน้ำมันใส่ผม น้ำหอมก็เลิกใช้ให้หมดทำไมต้องเลิก? หลวงพ่อ หลวงพี่ ลองนึกย้อนกลับไปเมื่อสมัยเป็นหนุ่มดูเถอะ ตอนเราแต่งตัวซะหล่อเชียวน่ะ แต่งสำหรับจะดูเอง หรือให้ชาวบ้านดู... ชาวบ้าน แล้วชาวบ้านที่หลวงพ่อ หลวงพี่ อยากให้มาดูน่ะผู้หญิงหรือผู้ชาย? ผู้หญิง จะให้เขาดูว่าอย่างไร? ดูว่าหล่อเหมือนกันนะ ใช่ไหม? ...หุ่นยังกับอีโต้ก็ยังนึกว่าฉันหล่อ พอนึกว่าฉันหล่อ นั่นแหละๆ ที่ไม่มีคู่ก็อยากมี มีแล้วก็อยากได้อะไหล่เพิ่มเพราะฉะนั้นเลิกหล่อ ไม่ต้องไปใช้ของที่ทำให้มันนึกว่าฉันหล่อ ซึ่งก็เป็นวิธีตัดเสบียงกามนั่นเอง พูดไปแล้วสิ่งต้องห้ามในศีลข้อที่ 7 นี่ ล้วนแต่เป็นของฟุ่่มเฟือยทั้งนั้นเลย พอตัดของฟุ่มเฟือยออกไป งบค่าใช้จ่ายก็จะเหลือ งบนี้แหละจะได้นำไปใช้ทำบุญทำทานต่อหลวงพ่อหลวงพี่ต้องพยายามเทศน์ให้โยมรู้ว่าค่าเขียนคิ้วทาปาก ค่าตั๋วลูกทุ่งลูกกรุงของโยม คืองบประมาณในการทำทาน หรืองบการลงทุนให้ได้บุญติดตัวไป และทำให้พระศาสนายังดำรงอยู่ต่อไปได้อีกยาวนานเพราะฉะนั้น ใครมาถึงวัดแล้ว ท่านพยายามสนับสนุนให้ถือศีลให้ได้ ยิ่งถ้าให้ไปนอนอยู่ในกลดได้ จะยิ่งทำให้เขาได้คิดเร็วขึ้นศีลข้อที่ 8 ไม่ให้นอนฟูกหนาๆ นิ่มๆ ใครถือข้อนี้ได้อีกข้อก็หมดห่วง ทำไมล่ะ? ปัดโธ่! ถ้าหลวงพ่อ หลวงพี่ ได้นอนฟูกหนาๆ นิ่มๆ ป่านนี้สึกหมดแล้ว อยู่ไม่ได้ มันหนานักมันนิ่มนัก เป็นไง? ก็ไม่อยากตื่น ตื่นแล้วก็ไม่อยากลุก พอไม่ลุก พลิกไปพลิกมาเดี๋ยวก็คิดเรื่อยเปื่อย แหม...เรานี่มันน่าสงสารมานอนอยู่คนเดียว...คิดไม่นานหรอก? เดี๋ยวพระก็สึกหมดเพราะฉะนั้นเป็นพระนอนกับเสื่อน่ะดีแล้ว กามไม่กำเริบ แล้วญาติโยมถือศีลข้อนี้ดีอย่างไร? ดี ยิ่งหน้าหนาวถือศีลนี้ยิ่งดี ดีอย่างไรอู้ฮู..หนาวเข้ากระดูกเลย นี่ตายจริง ฉันมีผ้าห่มตั้ง 2-3 ผืนยังหนาวเข้ากระดูกอย่างนี้ แล้วคนที่อยู่ตามสลัมตามป่าเขาจะเป็นอย่างไรกันหนอ เห็นใจคนจนแล้ว รุ่งขึ้นเช้าเท่านั้นแหละ รีบทำทานด้วยผ้าห่ม เมืองไทยพอหน้าหนาวจะมีผ้าห่มแจกกันทุกปี ก็มาจากอิทธิพลของศีล 8 นี่เองแล้วในกรอบของศีล 8 นี่ศีลข้อที่ 3 ก็เปลี่ยนจากกาเมสุมิจฉาจารา เป็นอพรัหมจริยา คือการอยู่เยี่ยงพรหม คือไม่เกี่ยวข้องด้วยเรื่องเพศ นี่คือการวางแผนครอบครัว ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางแนวไว้ ไม่ต้องวิ่งไปหาคุณมีชัยหรอก พระพุทธองค์ทรงวางไว้ให้แล้วครบครันหมดเลยที่ยกตัวอย่างมาให้ดูนี้ ก็เพื่อให้พระภิกษุทุกรูปได้เห็นชัดว่า ถ้าเรารู้จักวิธีอธิบายแยกแยะธรรมะออกมาใช้ในชีวิตประจำวันให้กับญาติโยมแล้ว แม้แต่หมวดธรรมะพื้นๆ ก็สามารถอธิบายให้เข้าถึงจิตใจของญาติโยมได้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เมื่อญาติโยมเห็นจริงตามที่พระคุณเจ้าทั้งหลายนำมาสอน เขาก็จะเกิดความเลื่อมใสในพระภิกษุ เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา แล้วก็ช่วยกันทำนุบำรุง ช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กว้างขวางออกไป หลวงพ่อ หลวงพี่ ก็ไม่ต้องเหนื่อยยากมากนัก
http://goo.gl/wcF4X