หลวงพ่อตอบปัญหาโดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMCคำถาม: หลวงพ่อครับจริงหรือไม่ที่ว่า ห้ามเผาศพในวันพระ?
คำตอบ: ไม่จริง จะเผาวันไหนก็เผาได้ แต่มีข้อสังเกตว่า วันพระ โดยเฉพาะวัน 15 ค่ำ พระภิกษุทุกรูปต้องลงโบสถ์ประชุมสวดพระปาฏิโมกข์กัน คือสวดทบทวนศีลของพระ เพราะฉะนั้นเวลาจะเผาศพ ถ้าไปเผาตรงกับเวลาที่พระท่านจะลงสวดปาฏิโมกข์ละก็ ท่านไม่มาสวดบังสุกุลศพให้หรอกเพราะฉะนั้น เขาก็เลยหยุดเผาศพไปโดยปริยาย แต่ว่าถ้าบางแห่งเขาจัดเวลาให้ได้ เช่น วันนี้จะเผาศพวันพระ จำเป็นจริงๆ เลย ถ้าอย่างนั้น บอกพระท่านล่วงหน้าได้ จะได้ขยับเวลาไม่ให้ตรงกัน แต่ถ้าเวลาตรงกัน อย่างไรเสียพระภิกษุก็ต้องยึดพระวินัยของตัวเองไว้ก่อน ท่านจะต้องไปลงปาฏิโมกข์ งานอื่นต้องวางหมดเผาศพในวันพระอีกประการหนึ่ง พิธีกรรมที่ยืดเยื้อในการเผาศพ และแขกที่มาในงานมากมาย อาจรบกวนสมาธิของพระที่กำลังสวดพระปาฏิโมกข์ได้ ท่านจึงไม่นิยมเผาศพในวัดพระ 15 ค่ำ เหตุผลเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่ถือเคล็ดอะไรหรอกคำถาม: การที่ผมไม่เคารพพรหม 4 หน้า ไม่กราบไหว้ ผมจัดเป็นพวกมิจฉาทิฏฐิหรือเปล่าครับ?
คำตอบ: คุณทำถูกแล้ว ความจริงพรหมนั้นมี แต่ไม่ใช่ 4 หน้าอย่างที่ช่างเขาปั้น ถ้าอยากรู้ว่าพระพรหมหรือกายพรหมเป็นอย่างไร คุณต้องไปฝึกทำสมาธิให้ถึงดวงปฐมมรรค เอาใจสอดเข้าไปกลางดวงปฐมมรรคเรื่อยไป ไม่ช้าจะเห็นกายพรหมในตัวชัดเจนพรหม 4 หน้ากายพรหมนี้เกิดขึ้นด้วยอำนาจธรรมะ คือพรหมวิหาร 4 ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ที่มีอยู่ในตัวเรา ไม่ใช่อยู่บนศาลนะคำถาม: การที่พระบางรูปปฏิบัติตนไม่เหมาะกับการเป็นพระ ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนา เรื่องนี้ทำไมพระผู้ใหญ่ไม่จัดการให้เด็ดขาดลงไปเสียทีครับ?
คำตอบ: ก็เคยได้ยินคนบ่นกันว่า พระบางรูปบิณฑบาตแซงกันบ้าง มารยาทไม่ดีบ้าง ความประพฤติไม่ดีบ้าง อะไรทำนอนนี้ เรื่องนี้ ไม่ใช่พระเถระผู้ใหญ่ดูดายไม่แก้ไข ท่านพยายามแก้ไขอยู่ แต่ว่าแก้ไม่ตก เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆสมมติว่า นาย ก. นาย ข. อยู่ๆ ก็โกนผมแล้วห่มจีวรเอาเองเช้าขึ้นก็เดินอุ้มบาตรเรี่ยไรเงินชาวบ้าน พอสายก็เอาจีวรออก นั่งกินเหล้ากัน เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอรู้เข้า ท่านก็ไปแจ้งตำรวจ ถ้าตำรวจไม่ใส่ใจ พระท่านก็ทำอะไรไม่ได้ คนพวกนี้ถ้าไม่ทำประเจิดประเจ้อจริงจัง ก็รอดหูรอดตาไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขาข้ามถิ่นมาเราก็ไม่รู้ว่าเขาบวชจริงหรือบวชปลอมพระบางรูปปฏิบัติตนไม่เหมาะกับการเป็นพระในกรณีที่เขาบวชมาจริงๆ แต่มีความประพฤติไม่ดี ทำผิดวินัยจนถูกจับสึก จับสึกที่นี่เขาก็ไปบวชใหม่ที่อื่นอีก จะทำอย่างไร จับสึกเดี๋ยวก็มาบวชอีก น่าปวดหัวเหมือนกันแล้วอีกอย่างหนึ่ง สมมติหลวงพ่อปีนี้มีอายุ 47 ปี โดยการศึกษา โดยความประพฤติ ดูแล้วไม่เสียหายอะไร ถ้าพระผู้ใหญ่ท่านเกิดให้หลวงพ่อไปคอยจับพระเกเร หลวงพ่อก็คงไม่เอา ถ้าเป็นพระในวัดของเราเอง หลวงพ่อก็พอจะดูแลให้ดีได้ แต่ถ้าเป็นพระวัดอื่นก็ไม่เอาด้วย เรื่องนี้ไม่สนุกหรอกนะพวกที่ทำผิดๆ ทำไม่ดีไม่งามอะไรนั่นน่ะ ถ้าถือตามความผิดทางโลก ก็ไม่มากพอให้ตำรวจจับ ตำรวจเขาก็ลำบากใจ ไม่อยากมายุ่งด้วยทางแก้ไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ก็คือ ให้การศึกษาที่ถูกต้องแก่ประชาชนให้มาก และถ้าเจอพระที่ประพฤติผิดๆ ก็อย่าไปทำบุญตักบาตรให้ หรือไปสนับสนุน เมื่อไม่มีใครสนับสนุน ไม่ใส่บาตรให้พวกพระเกเรก็อยู่ไม่ได้เอง ในที่สุดก็ต้องสึกไปนะคำถาม: ทำไมฝรั่งบางคนเก่งพระไตรปิฎก แต่ไม่ยอมเป็นชาวพุทธ?
คำตอบ: เมื่อปี พ.ศ. 2529 อาตมาได้เดินทางไปยุโรป ไปที่เมืองอ๊อกฟอร์ดและเคมบริดจ์ เนื่องจากวัดพระธรรมกาย ได้ส่งพระภิกษุรูปหนึ่ง ไปเรียนวิชาบาลีสันสกฤต อยู่ที่มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด เหตุที่ส่งไปเรียนที่อังกฤษ ก็เพราะว่าตั้งแต่อังกฤษเข้าไปปกครองอินเดียแล้ว ได้ครูอินเดียเก่งๆ มาไว้ที่มหาวิทยาลัยนี้มาก เพราะฉะนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาบาลีสันสกฤต ขณะนี้ไม่ได้อยู่ในอินเดีย แต่อยู่ในอังกฤษ เป็นคนอังกฤษเหมือนภาษาล้านนาขณะนี้หาคนไทยที่เก่งภาษาล้านนาจริงๆ ไม่ได้แล้ว ผู้เชี่ยวชาญภาษาล้านนาขณะนี้กลับเป็นชาวเยอรมัน เพราะคนไทยเรียนแล้วไม่รู้จะเอาไปทำมาหากินอะไร คนไทยที่เก่งภาษาล้านนา ก็ตายไปเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว ก่อนตายไม่กี่ปี เขาอยากจะถ่ายทอดวิชาก็เลยเปิดรับสมัครเรียนภาษาล้านนา แต่ไม่มีคนไทยคนใดคิดจะเรียน คนเยอรมันกลับบินมาเรียน เพราะฉะนั้นตอนนี้ถ้าใครอยากจะเรียนภาษาล้านนาให้คล่องแคล่ว ก็ต้องไปจ้างครูเยอรมันมาสอนพระไตรปิฎกผู้เชี่ยวชาญพระไตรปิฎกขณะนี้ ไม่ใช่ชาวพุทธ แต่เป็นชาวคริสต์อยู่ที่มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ดบ้าง เคมบริดจ์บ้าง แต่เขาเชี่ยวชาญในลักษณะที่เป็นอักษรศาสตร์ไม่ใช่ในเชิงพุทธศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด ซึ่งพระจากวัดพระธรรมกายไปเรียนนั้น อาจารย์ของท่านเป็นประธานสมาคมภาษาบาลีแห่งโลก แต่เขานับถือศาสนาคริสต์ ใครอยากรู้เรื่องอะไรในพระไตรปิฎกท่านบอกได้หมด บอกข้อบอกหน้าให้ด้วย แทบจะบอกบรรทัดให้ด้วยซ้ำ คุยไปคุยมาเขาเผลอพูดออกมาว่า ตั้งแต่เขาศึกษาคัมภีร์โบราณ และวรรณคดีที่ว่าเยี่ยมทั้งหลายมาทั่วโลกก็เพิ่งจะพบว่า พระไตรปิฎกนี่แหละ ที่เป็นวรรณคดีที่เยี่ยมที่สุดในโลกเขามองพระไตรปิฎกเป็นอักษรศาสตร์ เป็นลีลาการเขียน เป็นวรรณคดี ไม่ได้มองว่าเป็นคัมภีร์เป็นความเชื่อในพระพุทธศาสนา ทำไมเขามองอย่างนั้น ก็เพราะเขาไม่มีต้นแบบ ไม่มีตัวอย่างบุคคลให้ดูนั่นเอง ยกตัวอย่าง เช่น ขันติ แปลว่า “ความอดทน” ความอดทนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้นั้น อดทนขนาดไหน ในพระไตรปิฎกเขียนว่าท่านอดทนข้ามภพข้ามชาติ ชนิดที่ใครมาแล่เนื้อเถือกระดูกก็ไม่โกรธ พวกยุโรปไม่ยอมเชื่อ บอกว่าเป็นนิทานประโลมโลก เป็นไปไม่ได้ที่คนถูกแล่เนื้อแล้วไม่โกรธ แต่จริงๆ แล้วมี พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราเคยมีชีวิตอยู่จริงในโลกเป็นบุคคลตัวอย่าง เป็นต้นแบบไว้แล้วเรื่องนี้อย่าว่าแต่ฝรั่งไม่เชื่อเลย แม้พวกเราชาวพุทธเองนี่แหละ ขนาดศึกษาธรรมะกันมาอย่างดี บางคนยังอดแคลงใจไม่ได้ว่าทำได้จริงหรือ เพราะไม่เคยเห็นตัวอย่าง เช่น พอมาถึงยุคนี้พวกเราหลายๆ คนก็ชักสงสัยในใจว่า เอ..ในโลกนี้มีคนรักษาศีล 5 ได้จริงหรือ เรื่องนี้ขอยืนยันว่ามีคนรักษาศีล 5 ได้จริงก่อนหลวงพ่อจะมาบวชก็รักษาศีล 5 มาก่อน พอรักษาศีล 5 ได้ ก็ลองรักษาศีล 8 พอรักษาศีล 8 ได้สำเร็จ ก็ดูว่าถ้าจะรักษาศีล 227 ล่ะจะสู้ไหวไหม ไม่ใช่ปุ๊ปปั๊บ มารักษาศีล 227 เลย ก็ต้องไต่อันดับมาเหมือนกัน เหมือนกับชิงแชมป์มวยนั่นแหละ จะเป็นพระ ถ้ารักษาศีล ไม่ไหวก็ไม่บวช ถ้าไหวก็จะสู้ต่อ ทดลองมาอย่างนี้ จนบัดนี้เชื่อมั่นแล้วว่า สามารถครองความเป็นพระภิกษุได้ตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นจึงได้เชื่อมั่นการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าจริงแท้แน่นอน
http://goo.gl/F8GIO