โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMCคำถาม: ข้อความทั้งหมดนี้จริงหรือไม่ ถ้าจริงคนเราก็ควรมาอยู่วัดให้หมด เลิกทำงานได้แล้ว คือ
1. สอนให้สุนทรีไม่มีสมบัติเกินจำเป็น2. มองโลกในแง่ร้าย อะไรก็ไม่เที่ยง3. ฝืนธรรมชาติไม่มีเมีย ไม่มีความรู้สึก ไม่ยินดียินร้ายใดๆ4. ให้ความหวังอันยาวนาน คือ ไปนิพพาน5. ท่องอยู่คำเดียวว่า ตาย ตาย แล้วก็ตายคำตอบ: ลูกเอ๋ย ทั้งหมดที่พูดมานั้น หลวงพ่อขออธิบายพอสังเขปนะข้อ 1 สุนทรี คือความดีงาม งดงาม ความดีเป็นสิ่งที่งดงามควรกระทำ ความร้ายกาจต่างๆ เป็นความไม่สุนทรี ไม่ควรทำ และความร้ายกาจต่างๆ จะเกิดขึ้นมาได้เมื่อคนเริ่มขาดสุนทรี เพราะฉะนั้น ถ้าจะให้มีสุนทรีอย่างน้อยต้องมีศีลห้าเป็นพื้นฐาน คนที่มีศีลห้าเป็นพื้นฐานจึงจะมีสุนทรี ยิ่งมีศีลแปดยิ่งสุนทรีมากยิ่งขึ้นไปอีก อีกอย่างหนึ่งคือ สมบัติเมื่อมีมากจนเกินไป จะต้องคอยเป็นห่วง ตามซ่อมแซมดูแลรักษา ทำให้เป็นทุกข์มากขึ้น แทนที่จะสะดวกสบายข้อ 2 หลวงพ่อสอนให้มองโลกว่าไม่เที่ยง เป็นการสอนให้มองโลกในแง่ร้ายหรือ? หลวงพ่อไม่ได้สอนให้มองโลกในแง่ร้ายนะ แต่ให้มองว่าโลกเป็นอย่างนี้เอง ให้มองตามความเป็นจริง การที่คนใดคนหนึ่งเห็นความเป็นจริงของสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวว่ามันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป มันอยู่ได้ไม่นานก็พังทลายไป แสดงว่าคนนั้นมองโลกตามความเป็นจริง แต่ว่าคนที่กลัวสิ่งเหล่านี้ไม่กล้ารับความจริง คิดว่ามันเที่ยงแท้แน่นอน ถ้าอย่างนั้นสิ นั่งแหละมองโลกในแง่ร้าย ไม่ตรงกับความจริง มองพลาดไปนะข้อ 3 สำหรับคำกล่าวที่ว่าการไม่มีความรู้สึกยินดียินร้าย ไม่มีเมียเป็นการฝืนของธรรมชาติ? ขอบอกว่า ธรรมชาติของมนุษย์คือรักความสงบ ส่วนที่มีความรู้สึกอยากมีเมีย อยากมีผัว มีความยินดียินร้ายในเรื่องเพศ นั่นเป็นอาการชั่วคราว หรืออาการของโรคกามกำเริบที่เกิดขึ้นประเดี๋ยวประด๋าว เป็นกิเลสที่จรมา เพราะฉะนั้นไม่ใช่เป็นการฝืนธรรมชาติเหมือนอย่างคนเวลาปวดฟัน การปวดคือสภาพผิดธรรมชาติที่เกิดขึ้นมา เมื่อปวดฟันก็ต้องรีบไปหาหมอ เพื่อรักษาให้หายปวด เมื่อปวดกาม อยากจะมีเมียมีผัว ก็ต้องรีบกำจัด ไม่ใช่เป็นการฝืนธรรมชาติ แต่ทำให้เป็นธรรมชาติ คือ สงบข้อ 4 ที่ว่า ให้ความหวังอันยาวนานของคน คือให้ไปนิพพานไหม? นั่นเป็นเพียงความเห็นเฉพาะตัวของคุณ แต่ความจริงเป็นอย่างนี้ นิพพาน แปลว่า สงบเย็น คุณตั้งใจทำใจให้สงบเดี๋ยวนี้ ก็เข้านิพพานเดี๋ยวนี้ หลวงพ่อก็พยายามเข้านิพพานอยู่นี่ไง ทำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้ว ไม่ต้องมาเดือดเนื้อร้อนใจอะไร ลองทำตามดูบ้างซิข้อ 5 ให้ท่องคำเดียวว่าตาย ตาย แล้วก็ตาย ถูกต้องแล้ว ก็เพราะมีคนคิดว่าตัวเองยังไม่ตายนะซิ เขาจึงได้โกงบ้านโกงเมืองกัน จนบ้านเมืองจะล้มละลายอยู่แล้ว ลองได้คิดคำเดียวว่าเกิดมาแล้วต้องตายเท่านั้นแหละ ความคิดที่ว่ามือใครยาวสาวได้สาวเอาก็จะลดลง ที่คิดจะโกง จะปล้น จะฆ่า จะเอาเปรียบกันก็จะลดลง แต่เพราะคิดว่ายังไม่ตาย ยังจะอยู่อีกนาน โลกจึงได้เดือดร้อนการสอนให้สุนทรีไม่มีสมบัติเกินจำเป็น อะไรก็ไม่เที่ยง ไม่ยินดียินร้ายใดๆเพราะฉะนั้นคิดเถอะว่าความตายน่ะ ไม่ต้องกลัวว่าคิดถึงความตายแล้วใจจะเหี่ยว จะแห้ง จะท้อ คนที่คิดถึงความตายในแง่ที่ถูกต้องไม่มีท้อ หลวงพ่อคิดถึงความตายทุกวัน หน้าไม่นิ่ว คิ้วไม่ได้ขมวด ตั้งใจทำงานเรื่อยมา ให้เป็นประโยชน์กับพระศาสนาให้มากที่สุด จะได้ไม่ต้องเสียดายชีวิต ที่สักวันหนึ่งก็ต้องตายไปเหมือนกันคำถาม: พระเดี๋ยวนี้ทำตัวไม่น่ากราบ ไม่น่าไหว้ ไม่น่าเลื่อมใส ผมจะขอนับถือแค่พระพุทธกับพระธรรม เลิกนับถือพระสงฆ์จะได้ไหมครับ?
คำตอบ: การที่คนใดคนหนึ่งจะสามารถนับถือพระธรรมได้ มีข้อแม้สำคัญอยู่อย่างหนึ่งว่า ผู้นั้นจะต้องเป็นบุคคลประเภทที่ว่า ไม่ขอบจับผิดคนอื่น แต่พยายามแสวงหาความดีที่มีอยู่ในตัวของบุคคลอื่นให้พบตามความเป็นจริงเคารพพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์คำถามของคุณที่ถามว่า จะเลิกนับถือพระสงฆ์ จะเคารพแต่พระพุทธกับพระธรรมเท่านั้นจะได้ไหม ตอบว่าไม่ได้ เพราะที่คุณบอกว่าพระสงฆ์ไม่ค่อยจะดีอย่างนั้นอย่างนี้มันฟ้องว่า คุณเองมีนิสัยชอบจับผิดคนอื่น ขาดความสังเกตที่ดี และสรุปอะไรง่ายเกินไป พระสงฆ์ทั่วเมืองไทยมีตั้ง 2-3 แสนรูป คุณเองรู้จักพระสงฆ์สักพี่รูปเชียว อย่างมากหลวงพ่อให้คุณสัก 1000 รูป ถ้าคุณเห็นพระสงฆ์ที่ไม่ดีมา 1000 รูป แล้วอีกตั้ง 3 แสนที่ดีๆ จะว่าอย่างไร?คุณมีนิสัยจับผิดอย่างนี้ ชาตินี้หาพระดีๆ ไม่พบหรอก คุณปิดใจจนใจบอดไปเอง หลวงพ่อว่าคุณควรฝึกการมองเสียใหม่ มองเข้าไปในวัด แล้วทำใจให้เหมือนมองเข้าไปในสถาบันการศึกษาทางโลก คุณจะพบว่าในสถาบันการศึกษาทางโลกมีคนอยู่ 2 ประเภท ได้แก่ประเภทที่ 1 คือ นักเรียน ซึ่งเข้ามาศึกษาหาความรู้ประเภทที่ 2 คือ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเป็นผู้สอนนักเรียนที่เข้ามาหาความรู้ในสถาบันการศึกษา โอกาสที่เขาจะประพฤติผิด วางตัวไม่ถูกต้อง มีไหม? แน่นอนมีมากมาย แล้วเราถือสาหาความกับนักศึกษาเหล่านั้นหรือเหล่า?เปล่า เพราะเราถือว่า เขาเพิ่งก้าวเข้ามาศึกษาหาความรู้จะทำความผิดพลาดล่วงเกินอะไรไปบ้าง เราก็ให้อภัยกัน แต่ว่าคนประเภทที่ 2 ระดับครูบาอาจารย์ ถ้ามีข้อบกพร่อง เรามักตำหนิกันในวัดวาอารามทุกแห่งในประเทศไทย ความจริงพระในวัดก็เหมือนคนในสถาบันการศึกษาทางโลก คือ พระก็มี 2 ประเภทประเภทที่ 1 คือพระนักเรียน ท่านเพิ่งเข้ามาหาความรู้ บางทีเพิ่งบวชได้วันสองวัน เดือนสองเดือน ปีสองปี หรือพรรษาสองพรรษาเท่านั้น แน่นอน ท่านยังใหม่อยู่ในธรรมวินัย เพราะฉะนั้นท่านก็มีข้อที่ประพฤติปฏิบัติผิดพลาดบ้าง นี้เป็นธรรมดาก็เป็นพระนักเรียน จะเอาอะไรกันนักกันหนาประเภทที่ 2 คือพระที่เป็นครูบาอาจารย์ ท่านเหล่านี้เป็นหลักของวัดอยู่ทุกวัดในเมืองไทย มีรวมกันเป็นแสนรูปนะ แล้วท่านก็ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรม ถ้าท่านเหล่านี้ไม่ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมต่อเนื่องกันมา นับตั้งแต่ปู่ย่าตาทวดกันละก็ ป่านนี้วัดก็ร้าง พระพุทธศาสนาก็ล้มไปแล้ว ไม่มาถึงพวกเราหรอกแต่ก็เป็นที่น่าสังเกตอยู่อย่างหนึ่ง พระอาจารย์ที่มีความรู้ดีมีความประพฤติดีเหล่านี้ ส่วนมากท่านก็มีภารกิจเต็มที่ แล้วก็ไม่ใช่วิสัยของพระที่จะมาโฆษณาว่าตนเองดีอย่างไร ท่านเหล่านี้บางท่านก้มหน้าก้มตามประพฤติปฏิบัติธรรมของท่านไป บางท่านก็เดินธุดงค์เข้าป่าไปเลย นานๆ จะออกมาทีหนึ่ง บางท่านก็อยู่ในบ้านในเมืองอย่างพวกเรานี่แหละ นอกจากตั้งใจอบรมตัวเองแล้ว ท่านยังตั้งใจอบรมบ่มนิสัยให้ลูกศิษย์ลูกหาของท่านอย่างเต็มที่ แล้วท่านก็ไม่เคยมาโฆษณาไม่เคยมาป่าวประกาศออกหน้าหนังสือพิมพ์ หน้าจอทีวีว่าท่านวิเศษอย่างนั้น วิเศษอย่างนี้ เพราะว่าท่านเหล่านั้นเปี่ยมล้นไปด้วยคุณธรรมเข้าทำนองว่า น้ำเต็มขวด เขย่าไม่ดัง หมายความว่า ผู้มีคุณธรรมเต็มเปี่ยมย่อมไม่คุยโวโอ้อวดในสถาบันการศึกษาทางโลก การแต่งตัวและอายุของผู้ที่เรามองเข้าไปเห็น พอจะแยกออกได้เลยว่า นี่คือครูบาอาจารย์ แต่ในวัดแยกแยะไม่ออก เพราะพระทุกรูปนุ่งสบงห่มจีวรเหมือนกันเพราะฉะนั้น การที่คุณเห็นพระจำนวนน้อยๆ ไม่กี่รูป เช่น 5 รูป หรือ 10 รูป อย่างดีก็ไม่เกิน 1000 รูป ที่มีความประพฤติเสียหายแล้วคุณก็ตัดสินว่าจะเลิกนับถือพระสงฆ์ทั่วทั้งสังฆมณฑล ซึ่งมีอยู่ตั้งเป็นแสนๆ น่ะ ขอให้ไปพิจารณาตัวเองใหม่ว่า ทำถูกไหม?เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน หลวงพ่ออยากให้คุณทำใจอย่างนี้ เวลาจะทำบุญกับพระภิกษุ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าท่านเป็นพระนักศึกษาหรือว่าเป็นพระครูบาอาจารย์ หรือมีคุณธรรมมากน้อยเท่าใด คุณก็วางใจเสียอย่างนี้ว่า ตราบใดที่พระท่านยังไม่ได้ทำความผิดทางพระวินัยร้ายแรงอะไร ก็คิดว่าเราทำทานเพื่อให้เป็นเรี่ยวแรงในการปฏิบัติธรรมของท่านให้ยิ่งๆ ขึ้นไป จะได้เป็นเนื้อนาบุญที่สมบูรณ์ในวันข้างหน้า วันใดที่ได้พบพระภิกษุที่ท่านสำรวมดี ก็ตั้งใจทำบุญกับท่านให้เต็มที่ เพื่อให้ได้รับผลบุญเต็มเปี่ยมหากได้ข่าวว่าพระภิกษุรูปใดที่มีความประพฤติดีงาม มีศีลาจารวัตรน่าเลื่อมใส แม้ท่านจะอยู่ไกล ก็ดั้นด้นไปหา ไปกราบท่านเถิดแล้วคุณก็จะได้เนื้อนาบุญที่สมใจนึก ถ้าขนาดนี้ยังหาไม่ได้อีก ก็ทำใจเย็นๆ ตั้งหน้าตั้งตาประพฤติธรรมไป เปิดใจให้กว้าง แล้ววันหนึ่งคุณก็จะพบพระที่ถูกอัธยาศัยเป็นเนื้อนาบุญของคุณอย่างแท้จริง อย่าด่วนตัดสิน เหลือความเคารพ แต่พระพุทธและพระธรรมเท่านั้น ต้องเคารพให้ครบไตรสรณคมน์ คือ เคารพพระรัตนตรัยเถอะ แล้วคุณจะเอาตัวรอดทั้งชาตินี้และชาติหน้า แล้วสามารถพาตัวไปถึงพระนิพพานเชียวนะ
http://goo.gl/m53II