การสวดมนต์มีวัตถุประสงค์อะไร ? มีที่มาอย่างไร ?

เราสวดมนต์มีจุดประสงค์เพื่ออะไร มีประโยชน์ หรือการสวดมนต์มีความสำคัญอย่างไรบ้าง https://dmc.tv/a20732

บทความธรรมะ Dhamma Articles > ข้อคิดรอบตัว
[ 10 พ.ย. 2558 ] - [ ผู้อ่าน : 18293 ]
การสวดมนต์มีวัตถุประสงค์อะไร ? มีที่มาอย่างไร ?

เรื่อง : พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑโฒ) (M.D.; Ph.D.)
จากรายการข้อคิดรอบตัว ออกอากาศทางช่อง DMC

 
 
จุดประสงค์การสวดมนต์

      การสวดมนต์ในพระพุทธศาสนามีมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล เป็นการสวดสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้ โดยสรุปเอาประเด็นสำคัญมาสวด เพื่อกันลืม เพื่อทบทวน และเพื่อเป็นการทรงจำ ที่บอกว่าเพื่อกันลืมก็เพราะในครั้งพุทธกาลไม่มีพระไตรปิฎกเป็นเล่ม ๆ อย่างนี้จึงต้องใช้วิธีท่องจำคำสอนของพระพุทธเจ้าแม้หลังจากพุทธปรินิพพานมีการสังคายนาพระไตรปฎิกครั้งที่ ๑ เรียบเรียงคำสอนทั้งหมดเป็นพระไตรปิฎกแล้วก็ตาม ก็ยังใช้การท่องจำสืบทอดต่อกันมาเป็นเวลา ๔๐๐ กว่าปี ที่เรียกว่า “มุขปาฐะ” ภายหลังจึงเริ่มจารึกด้วยตัวอักษรเพราะฉะนั้นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมดต้องอาศัยการท่องจำทั้งนั้น และมีการคัดเอาคำสอนที่สำคัญ ๆ มาสวดสาธยายอยู่เป็นเนืองนิตย์ เป็นบทสวดมนต์สืบทอดต่อกันมาทั้งนี้เพื่อตอกย้ำตัวเอง เหมือนกับที่คนทางโลกท่องสโลแกนบางอย่าง

     เราจะเห็นว่าในครั้งพุทธกาล บางคราวที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอาพาธ ยังมีพระภิกษุมาสาธยายพุทธมนต์ให้ฟัง เช่น บทโพชฌงค์ และด้วยอานุภาพแห่งบทโพชฌงค์ที่ฟังแล้วทำให้สบายใจ อาการอาพาธก็คลายและทุเลาลง แล้วเวลามีพระภิกษุอาพาธพระพุทธเจ้าก็ทรงสาธยายพระพุทธมนต์ให้ฟังเหมือนกัน บทสวดมนต์เป็นสิ่งที่มีอานุภาพอย่าดูเบา และชาวพุทธเราก็สวดกันเรื่อยมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล ทั้งพระภิกษุ ทั้งญาติโยมเพื่อเป็นการทบทวนพุทธคุณและคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เราจะแยกระหว่างบทสวดมนต์กับคาถาอาคมได้อย่างไร?

     บทสวดมนต์เป็นการรวมคำสอนที่สำคัญเอาไว้ ซึ่งคำสอนนั้นมีอานุภาพ ส่วนคำว่าคาถา ความหมายที่แท้จริงแปลว่า ร้อยกรองคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นมีทั้งที่เป็นบทร้อยกรองและร้อยแก้ว ร้อยแก้วก็คือคำบอกเล่าทั่ว ๆ ไป ส่วนร้อยกรองก็คล้าย ๆ กับโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ที่เราใช้ในภาษาไทยแต่ในภาษาบาลีนั้น คาถา ๑ คาถา มีอยู่ ๒ บรรทัด ๔ วรรค ตัวอย่างเช่น วรรคที่ ๑ “อัตตา หิ อัตตะโน นาโถ” ต่อไปวรรคที่ ๒ “โก หิ นาโถ ปะโร สิยา”... พอครบ ๔ วรรค ก็เป็น ๑ คาถา นี้คือบทร้อยกรองในพระพุทธศาสนาแต่เรามาใช้คำว่า คาถาอาคม ซึ่งความเข้าใจของคนทั่วไปในปัจจุบันรู้สึกว่าเป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์

     ส่วนคำว่า อาคม ที่จริงศัพท์เดิมหมายถึงพระสูตร พระไตรปิฎกประกอบด้วยพระวินัยพระสูตร และพระอภิธรรม พระสูตรบางทีใช้คำว่าอาคมแทน แต่ในยุคหลังเรายืมคำเก่ามาใช้แล้วความหมายแปลงไปนิดหน่อย คำว่าคาถาอาคม เรารู้สึกเหมือนเป็นเรื่องที่ต้องห้อยลูกประคำ มีการล้อมสายสิญจน์ มีการเสกคาถาเรียกวิญญาณลงหม้อ ฯลฯ ส่วนคำว่าคาถา แต่เดิมเขาก็ใช้กัน เช่น คาถาทำคลอดสมัยโบราณถ้าผู้หญิงท้องแก่จะคลอด แล้วคลอดยาก ต้องไปนิมนต์พระมาสวดคาถาพระปริตร

     เหตุที่มามีอยู่ว่า เมื่อครั้งพุทธกาลองคุลิมาลฆ่าคนมาเยอะ เพราะท่านเป็นโจรมาก่อน ภายหลังกลับใจมาบวช พอบวชแล้วคนก็ไม่ค่อยใส่บาตร หนีกันหมด บางคนเอาหินขว้างปา เพราะโกรธที่ท่านเคยฆ่าญาติของตน

     คราวหนึ่งพระองคุลิมาลเจอหญิงท้องแก่เจ็บท้องจะคลอด แต่ไม่ยอมคลอด ปวดมากท่านก็เลยเข้าไปโปรด โดยการตั้งสัตยาธิษฐานว่า ตั้งแต่ข้าพเจ้าออกบวชในอริยวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ ไม่เคยเลยที่จะปลงชีวิตสัตว์แม้ด้วยความคิด ด้วยอานุภาพแห่งสัจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่น้องหญิงและทารกในครรภ์เทอญ

     สิ้นเสียงพระองคุลิมาลเท่านั้น เด็กคลอดออกมาได้อย่างสบาย ดังนั้นในยุคหลังผู้หญิงท้องแก่ที่คลอดยาก ก็เลยเอาคำของท่านมาเป็นคาถาให้คลอดง่าย

     คาถาแต่ละคาถาล้วนมีที่มาที่ไป อิงอาศัยอานุภาพของพระรัตนตรัยทั้งนั้น อย่างเวลาเข้าป่า ถ้ากลัวงูก็ต้องใช้คาถากันงู“วิรูปักเขหิ เม เมตตัง” แผ่เมตตาให้พญานาคตระกูลใหญ่ ๆ ทั้ง ๔ ตระกูล ซึ่งเป็นเจ้าแห่งงูแล้วงูเล็กงูน้อยทั้งหลายซึ่งอยู่ในอำนาจจะไม่มารบกวน เลยถือเป็นคาถากันงู

     เวลาจะขึ้นบ้านใหม่ นิยมนิมนต์พระมาเจริญพุทธมนต์ ๗ ตำนาน ๑๒ ตำนานในนั้นจะต้องมีบทกันไฟไหม้ด้วย คือบท “อัตถิ โลเก สีละคุโณ” คาถานี้มีที่มาจากชาดกตอนที่พระพุทธเจ้าทรงระลึกชาติไป แล้วทรงเล่าอดีตชาติให้ฟังว่า มีพระชาติหนึ่งพระองค์เกิดเป็นลูกนกคุ่มอาศัยอยู่ในรัง พ่อนกแม่นกออกไปหากิน เกิดไฟไหม้ป่า ไหม้จะมาถึงรังแล้วลูกนกก็ยังบินไม่ได้ ก็เลยตั้งสัตยาธิษฐาน และด้วยอานุภาพแห่งสัตยาธิษฐานนี้ ไฟจึงหยุดไหม้ แล้วที่ตรงนั้นไฟจะไม่ไหม้ตลอดกัป ด้วยอานุภาพแห่งสัตยาธิษฐานของพระบรมโพธิสัตว์ เราก็เลยเอาคาถาบทนี้เป็นคาถากันไฟไหม้

     ถ้าไปเยี่ยมคนเจ็บก็จะสวดคาถาบทที่เรียกว่าโพชฌงคสูตร ซึ่งฟังแล้วทำให้ใจสบายอาการป่วยก็จะคลี่คลาย ทุเลาเบาบางลงเป็นต้น ซึ่งต่อมาหลัง ๆ คนไม่ค่อยรู้เรื่อง ก็เลยถือว่าเป็นคาถาอาคม บางครั้งไม่ได้เกี่ยวกับบทสรรเสริญพระรัตนตรัยโดยตรง แต่ว่าเป็นของที่แต่งขึ้นในยุคหลัง คาถาที่ศักดิ์สิทธ์ิจริง ๆ แล้ว จะต้องมาจากบทสวดมนต์ในพระพุทธศาสนา ซึ่งมีที่มาที่ไป อ้างอิงถึงคุณของพระรัตนตรัย สวดแล้วมีอานุภาพ แต่อานุภาพจะแรงมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าผู้สวดมีศีลบริบูรณ์แค่ไหน แล้วก็มีความศรัทธามั่นคงในพระรัตนตรัยแค่ไหน ถ้าหากสวดแบบไม่รู้อีโหน่อีเหน่ อานุภาพก็ระดับหนึ่ง แต่ถ้าสวดด้วยความเลื่อมใสศรัทธาจริง ๆ ใจดิ่งปักมั่นในพระรัตนตรัยจริง ๆ อานุภาพไม่มีประมาณ





พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ทำไมจีวรพระต้องเป็นสีเหลือง
      ขอไม่นับถือพระสงฆ์
      ข้อคิดธรรมะของพระสุธรรมญาณวิเทศ (สุธรรม สุธมฺโม) จากหนังสือ "หน้าสุดท้าย"
      I can’t respect monks, can I?
      กราบไหว้ทำไม งมงาย !
      Why do people have to pay homage? Ignorant!
      โซเดียม อันตรายใกล้ตัว
      บวชให้สุก
      พลังหญิง
      ตักบาตรใส่บุญ(ตอนที่2)
      ตักบาตรใส่บุญ (ตอนที่1)
      ปัญหามรดก
      ยิ่งใหญ่ในรายละเอียด




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related