การทำแท้งด้วยความจำเป็นบางอย่าง บาปหรือไม่?-หลวงพ่อตอบปัญหา

ผู้หญิงที่ถูกข่มขืนหรือตั้งครรภ์แล้วป่วยด้วยหัดเยอรมัน ถ้าเด็กคลอดออกมาก็จะพิการ การทำแท้งด้วยความจำเป็นแบบนี้ บาปหรือไม่? https://dmc.tv/a7790

บทความธรรมะ Dhamma Articles > หลวงพ่อตอบปัญหา
[ 23 ส.ค. 2553 ] - [ ผู้อ่าน : 18276 ]

หลวงพ่อตอบปัญหา

คำถาม: กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ลูกอยากกราบเรียนถามหลวงพ่อว่า การทำแท้งด้วยความจำเป็น เช่น ผู้หญิงที่ถูกข่มขืนหรือตั้งครรภ์แล้วป่วยด้วยหัดเยอรมัน ถ้าเด็กคลอดออกมาก็จะพิการ การทำแท้งด้วยความจำเป็นแบบนี้ บาปหรือไม่เจ้าคะ
 
คำตอบ: ในเรื่องของการทำแท้ง ไม่ว่าจะทำแท้งเพราะถูกข่มขืน หรือว่าขณะตั้งครรภ์แล้วป่วยเป็นโรคหัด โรคอะไรก็ตามที อยากจะทำแท้ง  ถามว่าบาปไหม?
 
            แน่นอนเลย ทำแท้งคือการฆ่าคน เมื่อขึ้นชื่อว่าฆ่าเสียแล้ว ก็บาปทั้งนั้น แม้ไม่ได้เต็มใจที่จะท้องครั้งนี้ มาโดนข่มขืน หรือว่าเป็นโรคหัด ลูกของเราถ้าปล่อยให้คลอดมาเสี่ยงเหลือเกิน ที่จะพิการ จะเสี่ยงหรือไม่เสี่ยง จะเต็มใจที่จะมีครรภ์หรือไม่ แต่ฆ่าเมื่อไหร่ บาปเมื่อนั้น ได้เพาะนิสัยโหด สันดานโหดเข้ามาในกมลสันดานมนุษย์เสียแล้ว
 
            มนุษย์มีศักดิ์ศรีเหนือกว่าสัตว์ตรงที่ไม่ฆ่านี่แหละ ถามว่าทุกชีวิตบนโลกใบนี้รักที่สุดในชีวิตของเราคืออะไร? ตอบเหมือนกันทั้งโลก ก็ชีวิตตัวเองนั่นแหละ คนอื่นก็รักชีวิตตัวเอง อย่าว่าแต่คนเลย สัตว์เดรัจฉานทุกตัวก็ตอบแบบเดียวกัน นั่นคือใครๆ ก็รักชีวิตตัวเองทั้งนั้น
 
            เพราะฉะนั้นใครๆ ก็ต้องไม่ฆ่าใคร ทำความเข้าใจตรงนี้ให้ชัด ถ้าไปฆ่าใครมันก็บาป ฉะนั้นแม้โดนข่มขืน จะอยากให้เกิดหรือไม่ แต่เขาเข้ามาเกิดในท้องแล้ว เขาก็มีชีวิตของเขาแล้วคุณฆ่าเขาคุณก็บาป หรือแม้ไม่อยากจะให้เขาเกิดมาเพราะเป็นโรคหัด เมื่อคลอดมาแล้วจะพิการ ถึงพิการ  อย่างไรคุณค่าของคนโดยทั่วไป ก็ยังดีกว่าสัตว์
 
            เคยคิดบ้างไหม? ว่าตัวของเราเองนี่แหละ เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมาก็ตาม เช่นแข้งขาหัก ขาขาดไปทั้งสองข้าง ที่วัดนี่มีขาขาดไป ๒ ข้างเลย นี่ถือว่าเป็นพิการอย่างหนักเลยนะ บางคนขาขาดข้างไม่พอ แถมลูกนัยน์ตาไปอีกข้างเสียอีกด้วยแน่ มือแปเข้าไปอีก  ถามว่าเคราะห์หามยามร้าย พิการขนาดนี้แล้วนี่ มันน่าฆ่าตัวตายไหม ไม่หรอก เพราะขนาดพิการอย่างนั้น ถ้าเรารักษาใจเป็น ใจมันไม่พิการนะ สามารถไปสร้างบุญต่อได้ เพราะปากยังพูดได้ ยังสวดมนต์ได้ หัวยังไม่ถึงกับพิกลพิการขนาดหนัก ยังศึกษาธรรมะได้ ให้โอกาสมันไปเถอะ เพราะแม้สภาพอย่างนี้ มันก็ยังดีกว่าสภาพของสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งหมดสิทธิ์ในสิ่งเหล่านี้
 
            เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็ฝากไว้กับคุณแม่ในอนาคตทั้งหลาย ไม่ว่ากรณีไหน ไม่ว่าถูกข่มขืน หรือว่าเจ็บไข้ได้ป่วย กลัวว่าลูกที่คลอดมาแล้วมันจะพิกลพิการ ให้มันเกิดมาเถอะ มันรักชีวิตของมัน สัตว์เดรัจฉานยังรักเลย แล้วลูกของเราที่อยู่ในท้องมันก็กลัวตายเหมือนกัน อันนี้ฝากเป็นข้อคิดประการที่ ๑.
 
            มันจะเป็นปัญหาสังคมต่อไปไหม แล้วจะทำอย่างไร? ปัญหาที่ถูกข่มขืนมันเป็นปัญหาสังคม และเป็นเรื่องของกรรมด้วย การที่ใครคนใดคนหนึ่งจะถูกข่มขืน สิ่งแรกที่ตัวเองจะต้องมองก่อน ตั้งแต่การวางตัวของเรา มันเหมาะสมไหม? เช่นเราแต่งตัวล่อแหลมรึเปล่า? ท่าทางของเราบาดหูบาดตาชาวบ้านเขาไหม คนที่คิดไม่ดีมันก็มีอยู่ในโลกนี้ เราไปห้ามความคิดเขาไม่ได้ ที่เราจะห้ามได้คือห้ามตัวเอง ที่จะไม่ทำอะไรล่อแหลม เพราะฉะนั้นถ้าใครถูกข่มขืน ก็ต้องคิดว่า เราวางตัวไม่เหมาะสมหรือเปล่า เราระวังตัวที่จะไม่ไปในที่ที่ไม่ควรไปหรือเปล่า ถ้าเราระวังหมดทุกอย่างแล้ว แต่ถ้าเราไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะหรือเปล่า ทุกอย่างเหมาะหมด ถ้าอย่างนั้นคงเป็นกรรมเก่าของเราแล้ว เมื่อมันเป็นกรรมเก่ายอมรับมันไป แต่อย่าได้ไปฆ่าใครเลย เดี๋ยวบาปมันซ้อนบาป กรรมเก่าเวรกาเมฯทำให้มาถูกข่มขืน ชาตินี้มาฆ่าลูกในท้องต่อ เวรปาณาติบาตเพิ่มเข้ามาอีก แล้วเมื่อไหร่มันจะหมดเวรหมดกรรมกัน
 
            ประการที่ ๒. ในกรณีอย่างนี้ ลูกอาจจะแก้ด้วย คนใดคนหนึ่งแก้ไม่ได้ มันก็คงจะต้องมากันมองถึงระดับครอบครัวกัน ถึงระดับสังคมกันว่า สิ่งอะไรที่ทำให้เกิดความยั่วยุทางเพศ ทางกามมันกำเริบได้ง่ายในสังคมนี้ มันคงต้องช่วยกันกำจัดด้วย เช่น การแต่งเนื้อแต่งตัวของคนทั้งประเทศขณะนี้  ซึ่งขาดความระมัดระวังเหลือเกิน ถึงตัวเองไม่โดนข่มขืน แต่ว่ามีโอกาสที่จะทำให้กามราคะของเขากำเริบ แล้วก็ไปทำร้ายผู้หญิงอื่น ทำให้ผู้หญิงอื่นถูกข่มขืน สิ่งเหล่านี้เป็นไปได้ หรือการโชว์ แหล่งอบายมุขต่าง ๆ ที่กำลังระบาดอยู่ เป็นสิ่งยั่วยุให้กามราคะของมนุษย์บนท้องถนนนี้กำเริบได้ง่าย แล้วก็เลยทำให้คนดี ๆ ถูกข่มขืน สิ่งเหล่านี้มันเป็นปัญหาระดับสังคมประเทศชาติเสียแล้ว  ซึ่งรัฐบาลและทุกคนในประเทศต้องหันหน้ามาดู
 
            ส่วนกรณีที่ ๒. คุณผู้หญิงที่ตั้งครรภ์มาแล้ว เกิดมาป่วยกะทันหัน แม้ขณะนั้นก็ตาม ก็อยากจะฝากไว้ กู้สุขภาพกันสุดๆ หาทางที่จะแก้ไขเจ้าลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์กันสุดๆ ก็แล้วกัน  แล้วส่วนมันได้เท่าไหร่ ก็เอามันเท่านั้น เพราะถึง  อย่างไรชีวิตของลูกที่อยู่ในท้องอาจจะพิกลพิการไปบ้าง แต่ถ้าเทียบกับชีวิตสัตว์อื่น ลูกเราก็ยังมีค่ากว่ามาก เปิดโอกาสให้เขาได้เกิดมา มาเก็บบุญเก็บกุศลติดตัวไปอีกสักหน่อย แล้วเขาอาจจะต้องลาโลกไปเร็วกว่าคนอื่นเขาบ้าง ก็ช่างเถอะ นึกว่าสงสารสัตว์โลกที่เขายังจะต้องมาหมดโอกาสสร้างบุญสร้างความดี เพราะน้ำมือเราซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแม่เลย ไปพิจารณากันให้ดี อย่าเป็นฆาตกรมือน้อยๆ เลย
 
คำถาม: คุณทิพย์สุดา อริยวัตร เขียนมาถามว่า ลูกได้รับมอบหมายจากอธิบดีศาลแพ่ง ให้ทำหน้าที่สอนธรรมะแก่ผู้พิพากษาและข้าราชการเดือนละ ๑ ครั้ง เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๔๘ นี้  เลยรู้สึกหนักใจ เนื่องจากผู้พิพากษาก็อยู่ในโลกของเขา คนทั่วไปยากที่จะเจาะลึกเข้าไปในจิตใจของเขาได้ ขอความเมตตาจากหลวงพ่อ ช่วยแนะนำแนวทางในการสอนธรรมะด้วยค่ะ
 
คำตอบ: ตรงนี้ก็ขอตอบเป็นกลางๆ ก็แล้วกัน อย่าว่าแต่ไปให้ความรู้ธรรมะแก่ผู้พิพากษาเลย ซึ่งก็ถือว่าท่านผู้พิพากษานี้ ถ้าสติปัญญาท่านไม่เยี่ยม ท่านก็คงไม่ได้รับตำแหน่งนี้ เมื่อสติปัญญาท่านเยี่ยม ก็ถูกแล้วที่คุณโยมจะรู้สึกประหม่า ที่จะไปมอบธรรมะให้กับท่านเหล่านี้
 
             อย่างไรก็ตาม เราต้องยอมรับความจริงเกี่ยวกับเรื่องธรรมะก่อน ในเรื่องของธรรมะกับความรู้วิชาการทางโลก ตรงนี้อย่าปนกัน ผู้ที่มีสติปัญญาเฉียบแหลมในทางโลก ไม่ได้หมายความว่าจะมีสติปัญญาเฉียบแหลมในทางธรรม ตรงนี้ต้องชัดเจนกันเลย เป็นประการที่ ๑.
 
            ประการที่ ๒. แม้ผู้ที่มีความเข้าใจเฉียบแหลม สติปัญญาดีมีความเข้าใจในเรื่องทางธรรมเหมือนๆ กัน แต่ก็อย่าเพิ่งทึกทักว่า จิตใจของเขาจะเป็นธรรมเหมือนกัน เพราะว่ามีความรู้ความเข้าใจธรรมะเหมือนกันนี่แหละ แต่ว่าถ้าความรู้ธรรมะนั้นเป็นความรู้ในระดับที่เข้าใจ ในระดับที่ตรองมา ใช้ตรึกตรอง ใช้พินิจพิจารณาแล้วเข้าใจเหตุผลต้นปลายว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างนั้น สิ่งนี้เป็นอย่างนี้ ที่เกิดเป็นกรรมดีอย่างนั้น เพราะได้ไปทำอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วผลจะส่งให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้อะไรต่อไป มองทะลุปรุโปร่งเข้าใจหมด แต่นั่นเป็นเพียงระดับเข้าใจ ยังไม่เกิดผลดีอย่างแท้จริง  ที่จะเกิดผลดีอย่างแท้จริงขึ้นมาได้นั้น อยู่ตรงที่ได้นำธรรมะที่ศึกษาดีแล้วมาปฏิบัติ จนกระทั่งกลายเป็นนิสัยเรา ถ้ามาเป็นนิสัยเราทั้งเนื้อทั้งตัวเรากลายเป็นธรรมะขึ้นมา ไม่ใช่แค่รู้ แค่ท่องจำ เอาไปสอบ เอาไปเทศน์ คนละระดับกัน 
 
            ตรงนี้ ก็อยากจะให้กำลังใจ แล้วก็ให้ทำความเข้าใจที่ถูกต้องกับผู้ถามซึ่งเป็นสุภาพสตรี  ท่านผู้พิพากษาเหล่านั้น สติปัญญาของท่านก็เฉียบแหลม อาจจะเฉียบแหลมในระดับเดียวกับเรา หรือว่าอาจจะหย่อนกว่าเราบ้าง หรือมากกว่าเราก็ตาม แต่ว่าสติปัญญาของท่านนั้น ถูกนำไปใช้ในเรื่องของการพิพากษาหรือเรื่องของคดีความ แต่ไม่แน่นะว่า ความเฉียบแหลมของท่านในเรื่องทางธรรม จะมีมากกว่าเรา ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจกัน
 
            ถ้าความเฉียบแหลมในทางธรรมก็มีเท่ากับเรา บางทีอาจจะมีมากกว่า ก็ไม่เป็นไร เท่ากับเราด้วย มีมากกว่าเราด้วย แล้วจะให้ไปเทศน์ให้เขาฟัง บรรยายให้เขาฟังทำไมกันล่ะ หรืออาจจะมีเท่ากับเรา หรือมากกว่าเราด้วย แต่ว่านั่นเป็นความเข้าใจธรรมะ ท่านจะก้าวล่วงไปถึงขนาดฝึกธรรมะ นำธรรมะนั้นมาฝึกปฏิบัติให้เป็นนิสัยใจคอ ในชีวิตประจำวันได้แล้วหรือยัง ตรงนี้ไม่แน่ อาจจะยังไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น เมื่อเราได้ เราก็มีสิทธิที่จะเทศน์ ที่จะบรรยายให้ท่านฟังได้อีกเหมือนกัน
 
            สมมุติว่าท่านก็นำมาปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้ ไม่ได้น้อยหน้ากว่าเราเลย อาจจะดีกว่าเราด้วย เพราะท่านเป็นผู้พิพากษา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร เพราะว่าท่านที่มีความรู้ทางธรรมอย่างดี แล้วปฏิบัติธรรมอย่างดี ท่านเหล่านี้อย่าว่าแต่จะไม่ได้ฟังธรรมะจากผู้ที่มีธรรมะเสมอกันกับท่านเลย แม้หย่อนกว่าท่าน ท่านก็ยินดีที่จะฟัง เต็มใจอย่างยิ่งที่จะฟัง เพราะว่าในโลกนี้ การได้ยินธรรมะ ฟังธรรมะจากผู้ที่ปฏิบัติธรรมะตัวจริง เป็นมงคลอย่างยิ่ง หาฟังได้ไม่ง่ายเลย 
 
            เพราะฉะนั้นถ้าคุณโยมที่ถามมานี่ มั่นใจในความรู้ธรรมะและการปฏิบัติธรรมะของตัวเองว่าไม่ผิดพลาด ก็บรรยายให้ท่านฟัง ท่านก็จะชื่นใจ ฉะนั้นการที่เราไปบรรยายให้ท่านเหล่านี้ฟัง มันจึงไม่ใช่เรื่องน่าวิตกกังวล ดีเสียอีกถ้าเราเกิดมีผิดพลาดอะไร ท่านเหล่านี้ท่านไม่ฉีกหน้าเราหรอก ท่านมีแต่จะช่วยตักเตือนหรือชี้แนะให้ยิ่งๆ ขึ้นไปแก่เรา มันก็เป็นบุญของเรา ถ้าเรามองความจริงของโลกอย่างนี้ชัดๆ แล้วเข้าใจความเมตตากรุณา ความยุติธรรมของท่านผู้พิพากษาตามความเป็นจริงอย่างนี้ คุณโยมไปบรรยายธรรมเถอะ ไม่ต้องกลัว
 
            อย่างไรก็ตาม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ ถ้าจะแนะนำธรรมะข้อใดกับใคร เราต้องปฏิบัติธรรมะข้อนั้นให้ได้เสียก่อน จะได้ไม่ผิดพลาด เพราะถ้าพลาดจะเกิดผลเสียตามมา เช่น
 
            ๑. เขาไม่เชื่อ ถ้าเราพูดผิดๆ เราก็เสียหาย เขาโต้แย้งมา เราก็เสียหาย หน้าแตก หรือเขาไม่รู้เหมือนกัน เขาเชื่อเราไปเลย ทั้งที่เราพูดผิด เขาก็นำธรรมะข้อนั้นไปปฏิบัติแบบผิดๆ เมื่อปฏิบัติแบบผิดๆ บาปก็เกิดแก่เขา ตกนรกทั้งเป็น ตายไปตกนรกจริงๆ ลึกด้วย
 
            ๒. เรื่องที่เราจะนำไปพูด คัดเอาเฉพาะที่เราปฏิบัติได้จริง เมื่อเป็นอย่างนี้ พูดร้อยครั้ง ก็ถูกทั้งร้อยหนนั่นแหละ ไม่มีคลาดเคลื่อน ได้บุญทั้งเราผู้พูด ได้บุญทั้งท่านผู้พิพากษาซึ่งเป็นผู้ฟัง
 
            เรื่องนี้ หลวงพ่อได้รับคำแนะนำจากคุณยายอาจารย์มา คุณยายมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง อาจารย์ของหลวงพ่อ เมื่อหลวงพ่อบวชพรรษาแรก ก็มีญาติโยมมาขอร้องให้เทศน์ แต่ว่าก็ไม่รู้จะเทศน์เรื่องอะไรดี โดยเฉพาะเขาไม่ได้กำหนดหัวข้อมาอย่างชัดเจน  ก็เลยไปปรึกษาขอบิณฑบาตความรู้จากคุณยายอาจารย์ “คุณยาย นี่เขานิมนต์ไปเทศน์ ไม่รู้จะเทศน์เรื่องอะไรจึงจะพอเหมาะพอดี”
            คุณยายตอบชัดเจนเลยว่า “ท่านก็ถามตัวเองว่าตั้งแต่เข้าวัดปฏิบัติธรรม ตั้งแต่มาเจอยาย ตั้งแต่มาบวชนี่ได้ปรับปรุง แก้ไขนิสัยตัวเอง ให้ดีขึ้นในเรื่องใดบ้าง อย่างไรบ้าง ไปนึกทบทวนให้ดี พอทบทวนเสร็จเรียบร้อย ถึงรู้ว่าเราเคยแก้ไขเรื่องนี้ แก้ไขมาอย่างนี้ ทำให้เราดีขึ้น ก็นำเรื่องนั้นแหละ ไปเทศน์ รับรองจะต้องถูกใจเขา เพราะว่าไม่ว่าคนยุคนี้ คนยุคไหนๆ กิเลสที่มีอยู่ในใจก็ ๓ ตัวเหมือนกันคือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง เพราะฉะนั้นถ้าเราพูดในสิ่งที่ถูก อย่างไรก็ต้องถูกใจเขา ท่านเอาเรื่องนี้ไปพูด รับรองว่าจะเกิดประโยชน์แน่ ๆ เลยกับผู้ฟัง เป็นการทบทวนความดีของเราด้วย เกิดบุญด้วยกันทั้ง ๒ ฝ่าย”
 
            คุณยายให้คำแนะนำหลวงพ่อมาอย่างนี้ แล้วหลวงพ่อก็ทำอย่างนี้มาตลอดชีวิตของความเป็นพระ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ไปทดลองทำดู รับรองว่าได้ผล หรือถ้าอย่างไรไปทำดูแล้วได้ผลอย่างไร ช่วยเล่าให้ฟังบ้างก็ได้นะ ก็ขอให้ไปปฏิบัติหน้าที่ให้เต็มที่ไม่ต้องลังเล แล้วให้ได้บุญเยอะๆ จากการบรรยายธรรมครั้งนี้ด้วย
 
 
 

http://goo.gl/rJA71


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ทำอย่างไรจึงจะไม่ท้อไม่เหนื่อยในการทำงาน
      สาเหตุที่ทำให้โลกวุ่นวายมากขึ้น
      "สังคมเปลี่ยนไป" แนวทางการใช้ชีวิตเปลี่ยนตามพระพุทธศาสนามีคำแนะนำอย่างไร ?
      หลักการขยายกิจการให้เจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและทางธรรม
      คำสอนของวัดพระธรรมกายถูกต้องตามแนวทางคำสอนดั้งเดิมของพระพุทธศาสนาหรือไม่
      อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้สังคมแตกแยก
      การสวดมนต์ให้พรของพระสงฆ์มีส่วนช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนาอย่างไร
      ทำไม ? จีวรต้องเป็นสีเหลือง
      เราจะพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้อย่างไร ?
      เราจะปลูกฝังให้ลูกหลานทำหน้าที่ชาวพุทธให้สมบูรณ์ได้อย่างไร ?
      เราควรจะเลือกทำงานด้วยทัศนคติอย่างไรที่จะส่งผลให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง
      การเกิดขึ้นของนิสัยดี นิสัยชั่วมีที่มาอย่างไร
      การดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจให้เหมาะสมแก่การฝึกสมาธิและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงธรรม




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related