ไปที่เนื้อหา


เนื้อหาจาก asumanc

ค้นพบทั้งสิ้น 1 รายการโดย asumanc (จำกัดการค้นหาจาก 17-July 23)


#125271 กำลังจะทำบาปครั้งใหญ่ที่สุดครับ

โพสต์เมื่อ โดย asumanc บน 30 September 2008 - 03:26 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

อย่าทำเลยค่ะ เคยเห็นพี่ชายกับพ่อทำ มันน่าเวทนามาก ปกติไม่ไปยุ่งที่ครัวเลย วันนั้นได้เห็นเป็นครั้งแรก เห็นแม่บ้านกำลังเอาน้ำราดๆมันให้ มันจมน้ำตาย ก็ไม่รู้ราดทำไม แล้วก็ทิ้งลงถังขยะเลย แต่มันยังไม่ตายดี มันหายใจแผ่วๆ ตัวแม่ตายแล้ว แต่ลูกมันสายตามองมาที่ดิฉัน ดิฉันได้แต่เวทนาไม่รู้จะช่วยยังไง เพราะกาวนรกนี่มันเหนียวมาก พอเห็นแล้วพยายามให้แม่บ้านพยายามเอาออกก็เอาออกไม่ได้ ตัวมันจิ๋วเดียวเอง ถ้าดึงกระชากจริงๆ เนื้อมันต้องติดมาด้วยแน่ๆ เห็นว่าช่วยไม่ได้แล้ว ดิฉันเลยได้แต่เดินหนี ส่ายหัว แสนรันทด..แต่เนี่ยเล่าให้ฟัง..ใจก็เศร้า เห็นเป็นภาพได้เลย มันน่าเวทนาเหลือเกิน

ที่ว่ามันเป็นกาวที่เหนียวมากเนี่ยเพราะเคยมีหนูตัวใหญ่พยายามจนกระทั่งหนีออกมาจากกาวดักหนูได้ แล้วเนื้อกาวมันก็เลอะพื้น ดิฉันพยายามอยากช่วยมันด้วย คือลุ้นให้มันออกไปให้ได้ โชคดีมันแข็งแรงก็หลุดไปได้ แต่ตัวก็เต็มไปด้วยกาว ยังคิดว่าบริเวณลำตัวตลอดไปถึงก้นของมันเลอะกาวไปหมด มันจะมีชีวิตไปได้ไม๊ คือมันจะสามารถขับถ่ายได้ไหมนะ ขนาดมือเราที่เลอะใช้แฟ๊บธรรมดายังเอาไม่ออกเลย พื้นที่เลอะใช้อะไรก็ไม่ออก สุดท้ายดิฉันต้องใช้น้ำยาของแอมเวย์ถู เลยรู้ว่ามันทรมานขนาดไหนกว่าจะเอาออกได้

เล่าต่อนะคะ...หลังจากวันนั้นเพียงประมาณสองวัน พี่สะใภ้ ภรรยาของพี่ชายซึ่งเอากาวมาดักหนูที่เล่ามาข้างบน ก็มีอันต้องแท้งลูกไป ก็อึ้งเลยนะคะเพราะเค้าอยากมีลูกมาก ดิฉันไม่ทราบว่าเหตุการณ์นี้มันเกี่ยวกันหรือเปล่า คือฆ่าลูกเค้า ก็ส่งผลฆ่าลูกตัวเอง (เพราะจิตคิดที่จะฆ่าอยู่เสมอ ดึงดูดผู้มีกรรมปาณาติบาตมาเกิด) อันนี้เดาเอาเองนะคะผิดถูกอย่างไร ขออภัย

เรื่องเอากาวดักหนูเนี่ย ไม่ใช่ว่าเค้าทำเป็นครั้งแรก แต่เค้าทำมาหลายครั้งแล้ว แต่รู้สึกตั้งแต่แท้งลูก ก็ไม่กล้าดักหนูอีกเลย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะพี่ชายเป็นคนไม่นับถือพระ ไม่เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม แต่พี่สะใภ้ดูจะเหมือนได้คิดบ้าง

เมื่อก่อนบ้านดิฉันก็มีหนูวิ่งกันให้สนุกสนาน แต่ก็ไม่รู้ทำยังไง เพราะแมวที่เคยเลี้ยงไว้ก็ตายหมดแล้ว หนูก็เลยเยอะมาก ตอนหลังก็ให้คนเก็บบ้านไม่ให้มีที่สะสมข้าวของมาก อะไรบริจาคได้ก็บริจาค ทำให้บ้านโล่งๆ สะอาดๆ ไม่มีเศษอาหาร(สำคัญที่สุด) ฝาขวดน้ำปลาซีอิ้ว ก็ต้องปิดให้หมด ไม่งั้น มันไม่มีอะไรจะกิน ก็มาแทะจนได้แหละค่ะ คือหนูมันคงหาอะไรกินไม่ได้แล้ว ก็กัดแม้กระทั่งกล่องนมUHT ที่เห็นหนาๆมันยังกัดจนทะลุเลย ..เค้าก็หิวเหมือนที่เราหิว ..ไม่อยากให้เค้าอยู่ ก็ไล่วิธีอ้อม คือ

"ตัดเสบียง" เก็บอาหารให้มิดชิด เค้าก้อหนีไป "ที่ชอบๆ" เองแหละค่ะ
หนูมันชอบที่ไหน เป็นที่ชอบ ที่ชอบของมัน มันก็ไปเองแหละค่ะ

ดังนั้น ถ้าเราทำที่ตรงนั้นให้มันไม่ชอบ มันก็ไม่น่าจะชอบอยู่นะคะ

มันจะได้ย้ายสำมะโนครัวไปหากินที่ใหม่เอง ..แต่แน่นอนก็ต้องใช้เวลา และ "ขันติ" + "แผ่เมตตา" ที่คุณแม่SuperMom บอก เห็นด้วยเลยค่ะ ทำตามนั้นแหละค่ะ

แก้ไขอย่างนี้ดีกว่านะคะ เพราะเสียเวลาป้องกันหน่อย แต่ไม่ต้องทุกข์ยาวนานในอบาย หรือรับกรรมนี้เวลามาเกิดเป็นมนุษย์ ที่สำคัญเวลาเค้าปรับคดี เค้าเล่นเอาเศษกรรมหลายๆกรรมมารวมกันนี่นา โดนที..อ่วมเลย..พระเดชพระคุณหลวงพ่อบอกแล้วว่า ..มารไม่ใช่หมู และมารไม่ใช่แมว เพราะว่ามาร ก็ต้องเป็น มาร แบบขี้โกงอะ .. ก็เรายังไม่ชนะเค้านี่นา แต่ก็ต้องรู้เท่าทันเค้านะคะ อย่าลืมค่ะ "บาปแม้เพียงนิด อย่าคิดทำ" คำสอนของท่านท่องให้ขึ้นใจ

แต่มันก็ยากที่จะ หาอุบายแยบคาย สอนตัวเองตอนนั้น ดิฉันเข้าใจ ..นี่เลยค่ะ มาเรียนพระอภิธรรมสิคะ จะเข้าใจอะไรอีกเยอะเลย

บุญเราทำ ก็ทำได้เฉพาะตอนเกิดเป็นมนุษย์นี่แหละ จะเกิดมาทีก็ยาก จะทำทีก็ยาก หรือทำไป ได้ผลบุญมา กลับต้องเอามาใช้หนี้ตรงนี้ ต้องเดินถอยหลังมาอีก บารมีเราก็ไม่รุดหน้าสักที หวังสุขอันไพบูลย์กว่าในเบื้องหน้าเถิดค่ะ
หากศึกษาจากเรื่องพระอภิธรรมแล้ว จะรู้ว่าทำไมเราต้องมาอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างนี้ เพราะเหตุใดหนอในอดีต เราจึงอยู่บ้านที่มีหนูคอยกวนมากมาย (ในกรณีที่คุณอาจคิดว่า เราเองทำบ้านสะอาดสุดๆแล้ว) รายละเอียดเชิญศึกษาในพระอภิธรรมเถิดค่ะ สนุกดี อยากให้ไปลงเรียนดูบ้าง แต่ตอนนี้คงไม่ทันแล้ว คงต้องรอไปปีหน้า

ดิฉันขออนุญาตคัดลอก ข้อความในอีกกระทู้นึงมาให้อ่านดูนะคะ เผอิญเกี่ยวกับเรื่องพระอภิธรรมและผลแห่งกรรมพอดี ซึ่งป้าถวิล วัติรางกูลท่านเป็นบุคคลที่มีดวงปัญญามาก เคยไปศึกษาพระอภิธรรมที่วัดระฆัง ท่านสามารถบรรยาย เขียนและเล่าธรรมะได้ดีมาก ด้วยภาษาที่นุ่มนวลสละสลวย จากเรื่องยากๆก็อธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆ ลองอ่านดูนะคะ


ทำไม บุญ - บาป จึงมีดอกเบี้ยเป็นล้านๆ เท่าตัว
.......คุยกันวันนี้ ป้าใคร่ขอย้ำให้เราทุกคนรู้จักอานุภาพของจิตใจว่า มีฤทธิ์มีอำนาจยิ่งใหญ่
สร้างบุญบาปแต่ละครั้งมีผลที่เกิดนับเท่าไม่ถ้วน ว่ามีเหตุมีผลมีที่เป็นที่มาอย่างไร เพื่อว่า
เมื่อเข้าใจดีแล้ว จะได้สร้างเหตุที่ดีที่สุดให้ตนเอง เวลารับผลจะได้พบแต่สิ่งงดงามไพบูลย์
ป้าจะยกเรื่องเล่า เป็นตัวอย่างให้ฟัง ๒ - ๓ เรื่อง

เรื่องแรก คุณคงเคยอ่านเรื่องราวประวัติพระเถระพระเถรีต่างๆ หลายรายทำบุญใหญ่
เช่น ถวายมหาทานต่อพระภิกษุสงฆ์ที่มีพระพุทธเจ้าทรงเป็นประธานเพียงครั้งเดียว
มีผลานิสงส์ให้เกิดท่องเที่ยวอยู่ในสุคติภูมิมี เทวดา และ มนุษย์อยู่เป็นเวลายาวนานเป็น
สิบๆ กัป ไม่ไปเกิดที่อบายภูมิเลย กระทั่งชาติสุดท้ายพบและฟังธรรมจากพระสัมมาสัม
พุทธเจ้าบรรลุเป็นพระอรหันต์ ทำบุญครั้งเดียวนะคะ บุญทำไมมากมายขนาดนั้น

เรื่องที่สอง เป็นเรื่องบาปบ้าง พระอรหันตเถรีอุบลวรรณา ก่อนปรินิพพานได้เล่าให้
พุทธบริษัทฟังถึงชาติหนึ่งได้เกิดเป็นสตรี ทำปาณาติบาตฆ่าแพะตัวหนึ่งทำเป็นอาหาร
เลี้ยงเพื่อนของสามี ตายลงต้องรับกรรมตกนรก เศษกรรมทำให้เกิดเป็นแพะและถูกเชือด
ตาย มีจำนวนชาติที่เกิดเป็นแพะเท่าจำนวนขนในตัวทีเดียว แพะตัวหนึ่งมีเส้นขนกี่เส้น
ก็เกิดจำนวนเท่านั้นชาติ ทำไมฆ่าเพียงตัวเดียว หนเดียว ต้องตายแล้วตายอีกนับชาติไม่ถ้วน

คณฟังแล้วสงสัยมั๊ยว่า ทำไมผลของกรรมมีดอกเบี้ยทบต้นมากมาย ป้าเคยสงสัยมาก่อน
นึกท้วงติงทุกครั้งที่อ่านพบเรื่องทำนองนี้ คิดเอาเองว่าไม่ยุติธรรมเลย เมื่อทำกรรมเพียงหนึ่ง
น่าจะได้ผลตอบแทนแค่หนึ่งเท่ากัน เช่นฆ่าหนึ่งชีวิต ก็ควรไปเกิดใช้หนี้แค่ชาติเดียว
....
นี่ทำไมนับเท่าไม่ถ้วน ต่อมาเมื่อป้าได้ศึกษาพระอภิธรรมภาคปริยัติ เรื่องการทำงานของ
วิถีจิต เกือบยี่สิบปีมาแล้ว จึงได้เข้าใจ จะลองคุยให้คุณฟังดูนะคะ

.......จิตที่คิดอะไรๆ ได้นั้น เป็นเพราะมีการทำงานของจิตเกิดขึ้น เรียกว่า วิถีจิต ซึ่งมีมาก
มายหลายชนิดแตกต่างกัน ตามแต่อารมณ์ที่รับมาคิด แต่ละวิถีจิตประกอบด้วยส่วนประ
กอบย่อยคือ ขณะจิต ทำงานต่อเนื่องกันอยู่ วิถีจิตของแต่ละอารมณ์ มีจำนวนขณะจิตไม่
เท่ากัน มีมาก มีน้อย มีมากที่สุดไม่เกิน ๑๗ ขณะ คือนับแต่จิตยังไม่เริ่มทำงาน จนทำงาน
เสร็จในแต่ละครั้ง เรียกว่า ๑ วิถี

๑ วิถีจิต ชนิดที่มี ๑๗ ขณะจิต มีการทำงานดังนี้คือ

ขณะที่ ๑ คือ ภวังคจิตค้างอยู่เก่า เป็นขณะจิตที่ยังไม่เริ่มทำงาน

ขณะที่ ๒ ภวังคจิตเริ่มไหวตัว เป็นขณะที่อารมณ์ใหม่มากระทบ

ขณะที่ ๓ เป็นขณะตัดอารมณ์อดีตทิ้ง เพื่อรับอารมณ์ใหม่

ขณะที่ ๔ เป็นขณะพิจารณาว่า เป็นอารมณ์เกิดจากทวารไหน ( คือจาก ตา หู จมูก
ลิ้น หรือกาย )

ขณะที่ ๕ เป็นขณะที่วิญญาณของทวารนั้นๆ เกิดตามมา

ขณะที่ ๖ เป็นขณะรับอารมณ์จากวิญญาณนั้นๆ ส่งต่อขณะจิตต่อไป

ขณะที่ ๗ เป็นขณะทำการไต่สวนอารมณ์นั้นๆ ว่าดี หรือไม่อย่างไร ( คือ นำข้อมูลมีอยู่
เดิมมาพิจารณา )

ขณะที่ ๘ เป็นขณะที่ทำหน้าที่ตัดสินลงไปว่า จะเอาอย่างไรให้แน่นอนลงไป

ขณะที่ ๙ ถึงขณะที่ ๑๕ รวม ๗ ขณะ เรียกว่า ชวนะจิต ทำหน้าที่เสพอารมณ์ที่ตัดสิน
มาแล้ว

ขณะที่ ๑๖ ถึงขณะที่ ๑๗ เป็นขณะที่ทำหน้าที่ยึดอารมณ์ต่อเนื่องจาก ๗ ขณะที่แล้ว

.......วิถีจิตหนึ่งๆ ( ทางตำราพระอภิธรรม ) ทำงานแยกย่อยกันดังที่กล่าว แต่ทางภาค
ปฏิบัติ หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านสอนรวบย่อด้วยการเห็นภาพภายในจิต หน้าที่ของจิต
คือ เห็น จำ คิด รู้ ซึ่งก็ทำหน้าที่ครบทุกขณะจิตในแต่ละวิถีทำนองเดียวกัน

คุณฟังป้าคุยแล้ว ไม่ต้องปวดหัวไปตามหรอกค่ะ ป้าเพียงอ้างเอามาเป็นหลักฐาน
เท่านั้นว่า เวลาเราคิดอะไร แต่ละเรื่องแต่ละครั้งจิตใจของเราทำงานกันละเอียดลออ
แค่ไหน วิถีจิตแต่ละวิถี ทำงานรวดเร็วมาก ไม่สามารถหาเครื่องมืออะไรมาใช้วัดความ
เร็วได้ เกิดขึ้นทำงานเสร็จก็ดับลง คิดสิ่งใดเพียงเรื่องเดียว จิตจะทำงานกันเป็นแสนๆ
เป็นล้านๆ วิถี

ในวิถีจิตหนึ่งๆ นั้น ขณะจิตที่ทำหน้าที่ให้ผล คือขณะจิตที่ ๙ ถึง ๑๕ ที่เรียกว่า
ชวนะจิต รวม ๗ ขณะ ชวนะจิตที่ ๑ ให้ผลในชาติปัจจุบัน ชวนะจิตที่
๗ ให้ผลในชาติ
ถัดไปหลังจากตายแล้ว ชวนะจิตที่เหลือ ๒ - ๖ ให้ผลตั้งแต่ชาติที่ ๓ เป็นต้นไป
ถ้าคิดเรื่องใดมีวิถีจิตเกิดกี่ล้านวิถี ชวนะจิตที่ค้างอยู่ให้ผลในภพชาติเบื้องหน้าจึง

เป็นล้านๆ ชาติตามไป

.......เป็นไงคะ หายสงสัยแล้วหรือยังว่า ทำไมฆ่าแพะตัวเดียว ต้องไปตกนรก ออกจาก
นรกต้องมาเกิดเป็นแพะและถูกฆ่าตายทุกครั้ง นับจำนวนชาติที่ถูกฆ่าเท่าจำนวนเส้น
ขนในตัวมัน

เข้าใจดังนี้แล้ว ขอให้พวกเราทุกคนทำการกุศลใดๆ พยายามทำให้ครบองค์ประกอบ
ทั้ง ทาน ศีล เจริญภาวนา และทำให้เต็มที่เต็มกำลังของพวกเรานะ

....... คัดลอกจากบทความของหนังสือวารสารกัลยาณมิตร เรื่อง จากความทรงจำ
ของ อุบาสิกา ถวิล (บุญทรง) วัติรางกูล