ไปที่เนื้อหา


เนื้อหาจาก ดินสอแห่งธรรม

ค้นพบทั้งสิ้น 98 รายการโดย ดินสอแห่งธรรม (จำกัดการค้นหาจาก 13-July 23)



#190086 ปกติเค้านั่งกันนานไหมครับถึงจะเข้าถึงดวงปฐมมรรค

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 25 October 2013 - 06:07 PM ใน การปฏิบัติธรรม-นั่งสมาธิ

...ตามมาสนับสนุนคอมเม้นท์ท่านหัดฝันน่ะครับ.. <http://th.wikipedia....org/wiki/อภิญญา> อภิญญา 6 คืออะไร </a>

 

 

....ถ้าไม่เอาอภิญญา ก็นิพพานไม่ได้  เพราะไม่มีญาณที่สิ้นจากกิเลสอาสวะ...หลุดพ้นไม่ได้ บรรลุธรรมอันสูงสุดไม่ได้ 

 

...หลายคนสับสนตามคนอื่นไปว่า "อย่าหลงในฤทธิ์" แต่อภิญญา ก็มีความหมายเหมือนเป็นฤทธิ์อย่างหนึ่ง แต่เป็นฤทธิ์ที่เกิดขึ้นเองจากสมาธิที่บริสุทธิ์ ซึ่งถ้าบริสุทธิ์มากก็จะสูงขึ้นไปตั้งแต่ อภิญญา 1 ไปถึง 6 ตามลำดับ  .. การฝึกให้บรรลุอภิญญา 5 นั้นก็ไม่ถือว่ายาก อย่างฤาษี นักพรต ฯลฯ  แต่ถ้าจะให้ได้อภิญญา 6  ต้องทิ้งสิ่งที่ติดมาทั้งหมดออกไป.. ทิ้งจนสะอาดใสแจ่ม ^ _ ^  ^_^




#190573 ท่านที่ถือ ศีล8 เวลาหิวมากๆ จะแก้ไขอย่างไรครับ

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 05 January 2014 - 07:07 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

^_^ ... ก่อนอื่นต้องขอ อนุโมทนาบุญในความตั้งใจถือศีล 8 ก่อนนะ สาธุๆๆ ...

 

...หิวข้าวจะเป็นช่วงแรกๆครับ เพราะร่างกายยังชินกับการหลั่งน้ำย่อยเข้มข้นจำนวนมากในมื้อเย็นอยู่ แต่พอค่อยๆปรับ ร่างกายจะชินเองและหลั่งน้ำย่อยมาน้อยในมื้อที่ไม่ได้ทานอาหารนั่นเอง  แต่จะไปหลั่งมากช่วง มื้อเช้า กับ กลางวันแทนครับ แต่ก็อย่าลืมทานอาหารเด็ดขาด ไม่งั้นจะเป็นอันตรายได้นั่นเอง

 

...แน่นอนครับ ศีล 5 กับ ศีล 8 เวลานั่งสมาธิจะมีผลการปฏิบัติธรรมแตกต่างกันแบบหน้ามือเป็นหลังมือเลย ซึ่งใครไม่ลองก็จะไม่รู้ แต่การนั่งจะดีก็ต่อเมื่อไม่หิวนะครับ เอาแค่ปานะกลั้วๆท้องไว้ จะได้อารมณ์สบายๆทีเดียว

 

...ปานะ ที่ให้กำลังงานเยอะ แคลอรี่สูงก็ตระกูลปานะที่หวานๆ นั่นแหละครับ แต่ถ้าทานแล้วนอนเลย อาจลงพุงได้เร็วเช่นกัน เพราะขบวนการของร่างกายในการย่อยนั้น  จะย่อยแป้ง เปลี่ยนเป็นน้ำตาล  ย่อยน้ำตาล เปลี่ยนเป็นไขมัน ... ส่วนใครอยากลดหุ่น ก็จะต้องอดทนจนร่างกายนำไขมันมาย่อยนั่นแหละครับ  :lol:




#189966 อยากทราบว่าปลาอะไร ควรปล่อยที่ไหนถึงจะอยู่รอดไม่ตายคะ

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 20 October 2013 - 06:22 PM ใน การปฏิบัติธรรม-นั่งสมาธิ

....ปลาคือ ชีวิต 1 ชีวิตน่ะครับ แม้ตัวโต ตัวเล็ก แพง หรือถูก ตายยาก หรือง่าย ก็คือ 1 ชีวิต...

 

...หากเรามีทางเลือกไม่มาก ก็ควรหาปลาที่แข็งแรง และอยู่ในเวลาที่เสี่ยงต่อการตาย หรือถูกสับเป็นชิ้นๆ เช่น ในตลาดสด ฯลฯ เอาไปปล่อยในที่ปลอดภัยที่มีโอกาสว่ายไปได้อย่างอิสระ เช่น แม่น้ำ หรือ คลองที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์ ก็จะทำให้มันมีโอกาสรอดสูงตามไปนั่นเอง

 

....แต่ปลาตัวเล็ก ถ้าปล่อยก็ย่อมเสี่ยงต่อการถูกจับกินเสียก่อนจะโต และจริงๆแล้ว ปลาตัวเล็กนี่ เขาก็มักยังไม่ฆ่ามันในวันนี้หรือพรุ่งนี้แบบปลาตัวใหญ่ อ้วนๆ ฯลฯ ที่พร้อมจะถูกประหาร ดังนั้น หากเขาอยู่ในกะละมังดีๆ เอาเขาไปปล่อยแล้วตาย ก็ให้อยู่ในกะละมังไปก่อนดีกว่า  แต่ปลาที่รอขึ้นเขียงสับหัวอยู่ ก็ช่วยเขาก่อน แบบนี้ทำให้เขามีโอกาสรอดแน่นอนกว่า และยังทำให้การให้ชีวิตสัตว์เป็นทานของเรา บรรลุผลได้ดีกว่านั่นเอง...




#190444 เรื่องเล่า

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 03 December 2013 - 07:45 AM ใน วิทยาศาสตร์ทางใจ

^_^ ...คุณไม่ได้เป็นเช่นนั้นเฉพาะคุณคนเดียวนะครับ มีค่อนข้างหลายคนแล้วที่เป็นเช่นนั้นและอยู่ในเคสสตั๊ดดี้.. ลองฟังเคสหลายๆเคสดูเรื่อยๆนะครับแล้วจะพบเอง หรือรอพระอาจารย์นำมาให้ชมนะครับ เมื่อฟังแล้วจะบอกว่า "โอ้ววว ..นี่ใช่เราเลย!!!"   :P




#189988 ก่อนการเกิดของสรรพสิ่งคือสิ่งใด ?

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 21 October 2013 - 07:32 PM ใน การปฏิบัติธรรม-นั่งสมาธิ

...ถ้าเป็นตามสารคดีวิทยาศาสตร์ หรือเรื่องราวที่เป็นภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ ก็เป็นเพียงสมมุติฐานนะครับ เพราะวิทยาศาสตร์ก็เกิดไม่ทันในยุคนั้นอย่างแน่นอน แม้เรื่องราวที่เป็นหลักฐานต่างๆ ในยุคเมื่อ 3000พันกว่าปีที่แล้ว นักวิทยาศาสตร์ก็ยังเพิ่งค้นพบหรือเพิ่งจะตื่นเต้นกันอยู่เลย นี่แค่สามพันกว่าปีเองนะครับ ยังเป็นเรื่องใหม่ๆให้ค้นคว้าอยู่เลย

 

...ดังนั้น ให้ลืมเรื่องการกำเนิดโลก หรือจักรวาลในเชิงวิทยาศาสตร์ไปบ้าง เพราะแม้ผู้ค้นคว้าก็ยังบอกเลยว่า "นี้เป็นเพียงสมมุติฐาน"  ก็คือ ดูจากหลักฐานที่ยังเหลืออยู่เท่านั้น ซึ่งมีทั้งเป็นจริง และไม่เป็นจริงผสมกันอยู่  แม้เรื่อง ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ วิทยาศาสตร์ก็ยังสรุปอะไรไม่ได้ ว่าให้กำเนิดสิ่งใดแน่นอน หรือ ไม่ให้กำเนิดอะไรแน่นอน ....




#189989 ประกันภัย ที่ไม่ด้ายชื้อด้วยเงิน แต่มีค่าเกีนก่วาที่เงินจะชื้อด้าย

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 21 October 2013 - 07:38 PM ใน การปฏิบัติธรรม-นั่งสมาธิ

^_^ ก็เป็นไอเดียที่ดีนะครับ ประกันภัยด้วยการรักษาศีล....

 

....แต่ประกันนี้ทำความเข้าใจยากอยู่นะครับ แต่ก็ไม่เกินผู้มีมีจิตใจเป็นกัลญาณมิตร และหัวใจพระโพธิสัตว์ทุกท่านอย่างแน่นอน.. ถ้ามีศีลได้ รักษาได้ก็เท่ากับผู้นั้นเปิดทางสวรรค์เชียวนะ ซึ่งก็ต้องบอกว่า ค่อนข้างยากอยู่  เพราะ "ทางไปสวรรค์มันรก .... ทางไปนรกมันเลียบ" .... 8-|




#189900 นั่งวันเว้นวันคือการพิจาระณามาปฎิบัติชึ่งธรรม

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 13 October 2013 - 11:04 PM ใน การปฏิบัติธรรม-นั่งสมาธิ

แล้ว.....

 

...ทำไมต้องวันเว้นวันอ่ะ?  :glare:

 

...คือ ถ้านั่งแล้วดี ก็ควรนั่งทุกวันสิ  ^o) ถ้ากลัวว่าจะติดความอยากในการนั่งสมาธิ ก็เป็นการติดกังวลสิ กังวลว่าจะอยากนั่งมากไป กังวลว่านี่มากไปโน่นมากไป เกิดความลังเลสงสัย...

 

...แล้วนั่งติดต่อกันหลายๆวันโดยไม่ลุกไปไหนเลยแบบพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะปีติในสมาธิ แบบนี้จะเรียกว่าติดกิเลสในความอยากหรือ?  ^_^   (ตอบชี้แจงแลกเปลี่ยนกันจิ)




#189914 นั่งวันเว้นวันคือการพิจาระณามาปฎิบัติชึ่งธรรม

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 14 October 2013 - 11:24 PM ใน การปฏิบัติธรรม-นั่งสมาธิ

....ถ้าเช่นนั้น การเข้านิโรธสมาบัติ หรือการจำพรรษาแบบปลีกวิเวกของพระผู้ปฏิบัติในป่าลึก ท่านนั่งอย่างเดียวนะ แล้วก็ไม่ได้ฉันภัตตาหารใดๆด้วย อยู่ได้ด้วยสมาธิเพียงอย่างเดียว ... งั้นคุณคิดว่าท่านทำผิดวิธีหรือ? ปกติของสมาธิไม่ใช่ นั่ง นอน ยืน เดิน ทั้งหมดหรอก แล้วแต่อัธยาศัย หรือแล้วแต่การปฏิบัติต่างหากล่ะ จะบอกว่าทุกรูปต้องเดินบ้าง นั่งบ้าง นอนบ้าง เป็นบรรทัดฐานก็คงไม่ใช่หรอกนะ....

 

....ส่วนการนั่งอย่างเดียว นานๆ หลายๆ วัน ก็คงมิอาจโต้แย้งได้ว่า ปฏิบัติเช่นเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่นั่งลงอย่างเดียว โดยอธิษฐานจิตว่า ถ้ายังไม่บรรลุพระสัพพัณญุตญาณ หรือ ญาณตรัสรู้ที่เกิดเฉพาะผู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ก็จะไม่ทรงลุกจากบรรลังก์(ที่นั่ง) แห่งนี้...  ดังนั้น ท่านเลือกที่จะนั่งนะครับ นั่งแบบเอาชีวิตของท่านเดิมพันให้ได้พระสัพพัณญุตญาณนั่นเอง...    

 

...อ้อ...อย่างพระองค์ท่านนั้นนั่งติดต่อกันเจ็ดวันนะ  แต่พระบางรูปนั่งตลอดพรรษา หรือสามเดือนเลยก็มีนะ จริงๆ ในพระไตรปิฏกก็มีให้อ่านนะ หลายรูปทีเดียวที่นั่งตลอดแบบหลายๆวัน ก่อนที่จะได้อภิญญา... ลองดูในพระสุตันตปิฏก หรือพระอภิธรรมปิฏก ที่เอ่ยไว้ควบคู่กัน

 

...จิงๆ ถ้าตามหลักวิทยาศาสตร์ด้วยแล้ว การนั่งนั้นใช้พลังงานน้อยกว่าเดินมากนะครับ ใช้น้อยลองมาจากการนอน แต่การใช้การนอนทำสมาธินั้นจะสบายเกินไปจนทำให้เผลอสติแล้วหลับไปได้ (เป็นการหย่อนหรือพักผ่อนเกินไป) ...ดังนั้น...จึงต้องไม่ตึง ไม่หย่อนเกินไป นั่นจึงเป็นการนั่งที่พระศาสดาเลือกนั่นเอง...

 

...ถ้ามีสิ่งใดชี้แจงต่อ ก็ต่อมาได้เลย... *-)




#189932 นั่งวันเว้นวันคือการพิจาระณามาปฎิบัติชึ่งธรรม

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 15 October 2013 - 10:40 PM ใน การปฏิบัติธรรม-นั่งสมาธิ

:lol: ...จริงๆ ก็จบลงโดยสันติตั้งนานแล้วคุณทัพ.. 

 

....ผมแลกเปลี่ยนความรู้กับคุณก้าน อยู่ต่างหาก... เขารู้มาแบบไหน  ผมรู้มาแบบใด เอาเหตุผลมาคุย  แม้เราจะรู้ในมุมของเรา ในครูบาอาจารย์ของเราดีอยู่แล้ว ก็ควรฟังความเห็น หรือเหตุผลจากครูบาอาจารย์ของท่านอื่นดูบ้าง  แต่สุดท้ายผู้เป็นบรมครูที่สุดก็ไม่พ้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นแหละ เพราะเราก็เป็นชาวพุทธ... เหตุที่กล่าวถึงพระไตรปิฏกบ้าง ก็เพราะ มีพูดถึงสิ่งนี้ หรือสั้งนั้นไว้อยู่พอดี เลยยกขึ้นมาเหมือนเป็นคำกล่าวของพระศาสดาเหมือนเป็นคู่มือการสอนที่ค้นคว้าต่อเองได้นั่นเอง... (ยิ่งมีคนอ่านพระไตรปิฏกมากขึ้น ก็คงจะดีกับพระพุทธศาสนาอย่างยิ่งนั่นเอง จะได้พูดคุยกันสนุกด้วย)

 

....หลายท่านเวลาตอบคำถาม  บางทีก็รีบจบประเด็นโดยยังค้างคาใจกันอยู่  ผมก็เลยถามคุณก้านมามีสิ่งใดอีก ก็ชี้แนะหรือแบ่งปันกันมา แต่จะชอบหรือถนัดในทางปฏิบัติใด ก็ไม่บังคับใจกัน หรือข่มกันอยู่แล้ว อีกอย่างผมก็ดูแล้วว่าคุณก้านไม่ได้มีเจตนามาข่มอะไร  เขามีเจตนาดีในแบบของเขา คือ อย่าตึง อย่าฝืนเกินไปจนเสียสุขภาพ  ^_^

 

....งั้นคุณก้าน ก็คงได้แลกเปลี่ยนกันไปบ้างแล้วไม่มากก็น้อย  จริงๆ ปัญหามันก็แค่ไม่คิดตนเองถูกทั้งหมด  คนคิดไม่เหมือนเราเลยผิดหมด  หรือไปมองที่ตำราบ้าง คนปฏิบัติบ้าง ว่า ต้องเหมือนเราถึงจะถูก ไม่เหมือนเราคือไม่ถูก  ....ถ้าลองคิดแบบนี้ก็คุยกันไม่ได้เสียแล้ว เพราะจะมีแต่ความโกรธบดบังหมด...

 

...เวลาเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในยุคของพระศาสดา ก็มีแค่พระองค์ท่านลำพังพระองค์เดียวที่เป็นศาสนาพุทธ กว่าท่านจะให้เหตุผลแก่ผู้ต่างศาสนา หรือไร้ศาสนาให้เลื่อมใสในพุทธศาสนาได้ ก็ต้องนำความจริงมาคุยกันอย่างเป็นเหตุผล  ก็จะคุยกันได้ยาวนานกว่า เพราะยังคงความรู้สึกที่ดีในการสนทนาไว้ได้บ้าง...

 

...จริงๆ ถ้าเราคุยกับใคร แล้วเขาไม่ได้เอนเอียงมาทางมุ่งตำหนิ ละเมิด หรือว่าร้ายตัวเรา สถาบัน ครูบาอาจารย์ ประสบการณ์ การศึกษา  ฯลฯ อันเป็นสิทธิส่วนบุคคลหรือบุคคลที่เราเคารพอยู่แล้ว  สำหรับผม ผมก็คุยนะ แต่ถ้าเริ่มเอนเอียงมาทางนั้นดังกล่าว ผมก็เลิกคุยเลย ถือว่า เขาไม่เคารพสิทธิส่วนบุคคล หรือถ้าใช้คำหยาบก็แปลว่า ควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้  ถ้าหยิบสิ่งที่เคารพไปพูดคุยในทางตลกหรือเสื่อมเสีย ผมก็จะเลิกคุยเลยเพราะคิดว่า  เขาดูหมิ่นสิ่งที่เราเคารพ ก็เหมือนดูหมิ่นทุกอย่างที่เป็นสิทธิของเรา ทุกอย่างที่เป็นตัวเรา เพราะการที่เราจะเคารพนับถือใคร เรามีเหตุผล พยาน หลักฐาน ความรู้ สติปัญญา วุฒิการศึกษา ฯลฯ ที่ได้กลั่นกรอง วิเคราะห์ไว้อย่างดีแร้ว ถึงได้เกิดเป็นความเคารพ .. ...ถ้าเจอคนแบบนั้น ผมไม่เสียเวลาคุยด้วยให้ใจตก... ( อธิบายไว้ในมุมมองเฉพาะตัวผมเท่านั้น)... *-)




#190193 ห้ามพระรับเงินทอง และพระพุทธรูปไม่ใช่วัตถุในพุทธศาสนา (ทองเหลือง/รูปปั่น/พระเ...

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 06 November 2013 - 06:33 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

..อยู่ดีๆ ยกขึ้นมาต้องมาเหตุแน่ ผมก็อยากจะรู้เหตุผล ว่าคุณคิดว่า สิ่งใดที่คุณคิดว่ามันไม่ถูกต้อง ก็ระบุเจาะจงมาเลยจะดีกว่า จะได้พูดคุยได้ถูกประเด็นนะ

 

...แน่นอน ถ้าไม่ใช้คำหยาบ คำดูหมิ่น หรือมุ่งพูดจากระทบแล้ว  เราก็พูดคุยกันได้ครับ แม้คุณจะชอบ หรือไม่ชอบสิ่งใดก็ยังพูดคุยกันได้ ขอแค่ง่ายๆแค่นี้เอง.. มีสิ่งใดที่ต้องการให้อธิบายเพิ่ม หรือจะหาหลักฐานเพื่อสนับสนุนสิ่งใดก็ยิงประเด็นมาได้เลยครับ  แน่นอน ถ้าคุณสุภาพ เราก็สุภาพกลับไป..




#190218 ห้ามพระรับเงินทอง และพระพุทธรูปไม่ใช่วัตถุในพุทธศาสนา (ทองเหลือง/รูปปั่น/พระเ...

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 07 November 2013 - 11:28 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

^_^ ..กราบนมัสการครับ พระอาจารย์อธิบายได้ชัดเจนมากครับ บางเรื่องผมเพิ่งได้อ่านละเอียดก็คราวนี้เอง  ...คุ้มแระ สำหรับกระทู้นี้  :)




#189912 เตรียมตัวสู่ประชาคมอาเซียน AEC ด้วยห้าห้องชีวิต สุดยอดวิสัยทัศน์

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 14 October 2013 - 10:29 PM ใน วิทยาศาสตร์ทางใจ

.....อาเซียน ก็คือการ เปิดประเทศ และต้องยินยอมรับในวัฒนธรรม และศาสนา ตลอดจนพฤติกรรมของชาตินั้นๆ  หากวันนี้คนไทยยังไม่รักษาวัฒนธรรมชาวพุทธ มองศาสนาเป็นเรื่องรอง เรื่องทำมาหากินเป็นเรื่องหลักแล้ว   เมื่อต่างศาสนาเข้ามาในประเทศ ชาวพุทธหรือจะพึ่งตื่นตูมรักษาไว้? หรือ จะปล่อยไปตามความคิดเดิมๆที่ว่า .. "สนแค่ทำมาหากินเท่านั้นก็พอ....?"

 

....ส่วนกลุ่มคนที่เข้าใจแระมุ่งรักษา ก็คงต้องเดินหน้ากันต่อไป มองไปแต่ข้างหน้าเถิด ข้างหลังนั้นบางทีสนใจไป เขาก็ไม่ได้ช่วยอะไร.... ^_^




#190520 เกี่ยวกับศีล 5

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 23 December 2013 - 09:15 PM ใน ธรรมกถึก

^_^ ..อนุโมทนากับคำตอบพระอาจารย์ด้วยครับ..

 

...ในการเปลี่ยนภพภูมิของสรรพสัตว์ บ้างก็เปลี่ยนด้วยตนเอง (ฆ่าตัวตาย) บ้างก็อาศัยสิ่งอื่นหรือผู้่อื่น (อุบัติเหตุ) ฯลฯ  .. ยังไงก็เป็นวัฏฏะสงสารเวียนว่ายตายเกิด  :  "แม้อยากตายก็ตาย แม้ไม่อยากตาย ..ก็ตาย.."




#189936 กานออกบวซ

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 16 October 2013 - 06:08 PM ใน การปฏิบัติธรรม-นั่งสมาธิ

^_^ ..อ่านจากข้อความแล้ว...ก่อนอื่นต้องขอทักทายเป็นภาษาลาวก่อนละกัน ซำบายดีบ่? ..หุหุ  :P
 
...ก็ขอตอบพอสังเขป ไว้ให้ท่านอื่นตอบเสริมบ้างละกัน (จะได้กลับมาอ่านบ่อยๆ ^_^ )
 1. ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เว้นจากผมแล้ว นามสกุลนี้ไม่มีใครสืบทอดแล้ว  ก็ภาระในบ้านนั้นมีพี่สาวพอดูดีได้อยู่บ้าง การบวชระยะยาวของผมก็ยังทำไม่ได้ แต่บวชระยะสั้น หนึ่งพรรษาน่าจะพอได้ ก็บวชแบบนี้ไปก่อน 
 
   ... จริงอยู่เป็นลูกก็ควรดูแลพ่อแม่ แต่เราก็อย่าลืมว่า เราเกิดมาเจอพ่อแม่ที่ดีแบบชาตินี้ได้ ก็เพราะเรามีบุญ เราไม่เจอพ่อแม่บางคนที่ฆ่าลูกทิ้งตั้งแต่ยังไม่เกิดก็เพราะบุญของเรา  ถ้าเราไม่สร้างบุญให้ตัวเรา ก็ไม่แน่ว่าเราจะได้เกิดมาเป็นคนอีกในชาติหน้า  แม้เกิดก็อาจไม่เกิดพ่อแม่ที่ดีเช่นนี้ ดังนั้นการสร้างบุญใหญ่ให้ตัวเอง จึงเป็นเรื่องสำคัญ
 
.....พ่อแม่เราในชาตินี้ก็อาจพลัดพรากจากเราทั้งในชาตินี้และชาติหน้า โอกาสจะได้เกิดมาเจอกันอีกไม่ใช่ง่ายๆ บางทีเราเกิด แต่พ่อแม่เรายังไม่เกิด หรือพ่อแม่เราเกิด แต่เรายังไม่เกิด ..หรือหากพ่อแม่ชาตินี้เกิดแล้ว ก็อาจมีลูกเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เราอีก กว่าจะได้เกิดแล้ว มีเราเป็นลูกท่านเหมือนชาติที่ผ่านมา เป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง ...ต้องพลัดกันไปแบบนี้ในสังสารวัฏมากมาย...  
 
 ....เราควรบวชเพื่อเอาบุญให้เราและพ่อแม่ และหากบุญมีกำลังมากพอก็จะทำให้ท่านเข้าใจและปล่อยให้เราบวชต่อไป จะเป็นเช่นนี้ได้ หรือไม่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับบุญของตัวเรา และบุญของพ่อแม่นั่นเอง ที่จะมีลูกชายในสายเลือด เป็นพระภิกษุ เป็นอายุของพระพุทธศาสนาตราบจนท่านสิ้นลมหายใจ... นี้ก็เป็นไปด้วยผลบุญ ผลบาปทั้งสิ้น ก็ขึ้นอยู่กับเราด้วยเช่นกัน....
 
2.  ผมก็เป็นอีกคนที่มีแฟนแต่ยังไม่ทันได้แต่งงานกัน อยู่กันแบบพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายรู้หมดแล้ว ถามว่ารักกันไหมก็แน่นอนเราผ่านเรื่องร้ายๆมาเยอะจนชินแล้วเพราะคบกันนาน แต่สุดท้ายผมก็คุยกับแฟนถึงเป้าหมายในเส้นทางของอนาคต ว่าผมอยากบวช อยากช่วยงานพระศาสนา 
 
แรกๆเขาก็รับไม่ได้เพราะวัฒนธรรมคนไทย เมื่อคบหากันแล้วทั้งสองฝ่ายยินดีก็ควรต้องแต่งงานกัน  แต่ผมก็เห็นงานพระศาสนาสำคัญ บางทีก็พูดออกมาบ่อยๆ หรือบางทีก็ชวนเขาให้เข้ามาช่วยงานพระศาสนาเหมือนกับผม จากศีล5 ก็ชวนกันรักษาศีล8 
 
เราทำแบบนี้จริงๆ จนเมื่อเหตุผลอยู่เหนืออารมณ์ บุญผมคงได้ช่อง เขาก็เลยบอกให้เป็นแค่เพื่อนกัน แยกจากกันด้วยกาย แต่ใจก็ยังเหมือนเป็นแฟนกัน ต่างคนต่างอยู่ และเขาก็ต้องไปดูแลครอบครัวเขา เราก็เช่นกัน โดยให้ความสำคัญกับครอบครัว ศีล และงานพระพุทธศาสนามากกว่าการอยู่ร่วมกันแบบสามีภรรยา 
 
....ทุกวันนี้ก็ติดต่อกันอยู่ แต่เอาความปลื้มจากงานบุญมาคุยกันแทนคำว่า  รักไหม ห่วงไหม? ฯลฯ  มันอาจดูตลกสำหรับคนที่ไม่อยู่ในสถานะการณ์เช่นผม แต่ผมก็คิดว่า ถ้าจะกลับไปรักกันอีกมันทำได้วันนี้เดี๋ยวนี้เลย แต่อยู่อย่างนี้ดีกว่า ในเมื่อเขาให้โอกาสเราสร้างบุญ เราก็ควรให้โอกาสเขาสร้างบุญ ต่างคนต่างมองงานบุญเป็นใหญ่ และเขาก็ให้ผมบวชได้ถ้าผมจะบวช 
 
....ข้อนี้...ก็ต้องบอกว่า มันขึ้นอยู่กับเรา และภรรยา และบุญของเรา กับบุญของภรรยา ที่จะมีสามีเป็นอดีตสามี แต่เป็นพระเพื่องานพระศาสนา รักษาความบริสุทธิ์ของกายวาจาใจ ก็เหมือนภรรยาได้ยกสามีของตน ไว้เป็นอายุของพระพุทธศาสนา....เป็นบุตรของพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า..
 
3. อันนี้ถูกต้องที่สุดเลยที่ว่า บวช โดยที่ครอบครัวยินดี หรือรับรู้ เพราะเขาเหล่านั้นจะได้อนุโมทนาบุญการบวชของเราด้วยใจใสๆอย่างเต็มที่ บุญจะส่งผลเต็มกำลัง ถ้าปลื้มมากและตัวญาติพี่น้องหรือครอบครัวมิได้ทำกรรมหนัก หรือทำบาปอกุศลบ่อยๆแล้ว ก็อาจปิดอบายภูมิได้เลย 
 
...เพราะการยินดีในการบังเกิดอายุของพระพุทธศาสนา แปลว่า พื้นเดิมแล้วเขามีบุญมาก เขาถึงเข้าใจ และสามารถมายินดี มาร่วมอนุโมทนาบุญได้ บุญนี้จะไปดึงบุญเก่าในภพชาติอดีตให้มาส่งผลได้ เพราะเป็นนิสัยเดิมของผู้เคยอนุโมทนาบุญกับการบวชแบบนี้มาก่อนแล้วนั่นเอง ...ดังนั้นย่อมแตกต่างกับการบวชแบบที่ครอบครัว หรือญาติพี่น้องไม่รับรู้ หรือไม่ยินยอมอย่างชัดเจนที่สุด..
 
 
... แต่ทว่า สิ่งที่อยู่เบื้องหลังในทั้งสามข้อ มันคือ การตัดสินใจของผู้บวชนั่นเอง และผลบุญเก่าที่ได้สั่งสมมาข้ามภพข้ามชาติของผู้บวชเองทั้งสิ้น จะเห็นได้ว่า ถ้ามีบุญมาก การบวชก็ไม่สะดุดในสิ่งใดเลย นึกอยากจะบวชก็ได้บวชและบวชได้สำเร็จ ดังนั้น หากชาตินี้การบวชของเราทำได้ยากแล้ว แปลว่าบุญเราเริ่มหย่อน เริ่มน้อยลงไปแล้ว ให้รีบสั่งสมใหม่  
เพราะถ้าปล่อยไปแล้ว ชาตินี้ไม่ได้บวช บุญก็อาจไม่พอทำให้ชาติหน้าได้บวช ชาติต่อๆไปก็จะมีโอกาสได้บวชน้อยลงไปอีก เหมือนกระแสน้ำที่เล็กลง ย่อมส่งน้ำไปไม่ถึงจุดหมาย.... *-)



#190574 เพราะกรรมอะไรที่ทำให้เราถูกมองข้ามTT

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 05 January 2014 - 07:13 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

...อ๋อ ๆ เหมือนเคยได้ยินกรณีนี้เหมือนกัน จริงๆ หากจะมองที่วิบากกรรม ก็เป็นเศษกรรมของการไม่มุทิตา หรือไม่อนุโมทนาเวลามีคนทำความดี  หรือไม่แสดงมุทิตาจิตห่วงใยในเพื่อนฟูง ญาติ พี่น้อง  ก็มีบ้างเหมือนกันนะครับ เช่น มุทิตาวันคล้ายวันเกิด มุทิตาขึ้นปีใหม่ญาติผู้ใหญ่  มุทิตาบุคคลที่มีพระคุณ ฯลฯ .... แต่คนที่เจอวิบากกรรมแบบนี้ จะมีความทุกข์มาก กังวลมาก ไม่เหมือนคนที่ไม่มีวิบากจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กๆ ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ... ดังนั้น หากเรากังวลกับเรื่องนี้และเป็นทุกข์ ก็อาจเป็นผลของวิบากกรรมประเภทดังกล่าวนะครับ ..ก็ให้ทำใจให้สบาย และหมั่นมีมุทิตาจิต หมั่นอนุโมทนาบุญบ่อยๆ และเอาบุญไปช่วยให้เราไม่ต้องกังวล หรือสนใจกับเรื่องใครจะมาแคร์เราน่ะครับ .. แม้ไม่ถึงกับเชื่อ แต่ลองดูก็ไม่เสียหายนะ  ;)




#189917 ถ้ารู้ล่วงหน้าได้ว่าอีก 7วันจะตาย คุณจะทำอะไรก่อนตายบ้างครับ

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 15 October 2013 - 07:12 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

...ทำเหมือนที่ ชาวพุทธในอดีตทำน่ะคับ สมัยพุทธกาลก็มีเป็นกรณีศึกษานะ ครั้งนั้นพระศาสดาเคยเอ่ยถึงกุฏุมพี (พ่อค้าเศรษฐี) ท่านหนึ่่งว่าจะถึงความเสื่อมในอีก 7 ราตรี พระอานนท์เมื่อทราบถึงเหตุการณ์ จึงขออนุญาตไปกล่าวเตือนถึงกาลอันเสื่อมนี้แก่พ่อค้า ซึ่งพระศาสดาก็ทรงอนุญาต ครั้นพอพ่อค้าทราบว่าความเสื่อมอย่างใหญ่หลวงจะเกิดขึ้นแ่ก่ตนในอีก 7 วันนี้ก็ร้องไห้เสียใจ...

 

...แต่เมื่อได้สติก็รีบเคลียงานการต่างๆอันค้างคาเท่าที่จะพอทำได้ (เพื่อมิให้เป็นภาระแก่ผู้ใด) แล้วรีบสั่งสมบุญกุศลอย่างหนัก ด้วยตนมิค่อยได้ทำบุญกุศลเลย ด้วยทำแต่งาน หาแต่เงินหาแต่ทรัพย์เพียงอย่างเดียว

 

...ครั้นพอครบ 7 วันก็เกิดอาการผิดปกติกับร่างกายและละสังขารไปด้วยจิตใจที่ผ่องใสในผลบุญที่ตลอด 7 วันได้สั่งสมมา จึงไปบังเกิดเป็นเทพบุตร ณ ดาวดึงส์พิภพ

 

..............

... ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่อยากทำตามบุคคลอันเป็นตัวอย่างในสมัยพุทธกาลนั่นแหละ คือ ถ้ารู้ว่าจะตายจริงก็คงทำบุญแบบสุดๆเลย ก็ไม่ได้ถึงกับหวังสวรรค์ชั้นสูง แต่ก็ขอให้ไปอยู่ชั้นที่จะพร้อมลงมาเกิดสร้างบารมีอีกได้ง่ายๆนั่นแหละ  :$  ...จริงๆแล้ว ก็เปรียบได้เหมือนกับว่า  ถ้าเรารู้ว่าในอีก 7 วันเราจะต้องเดินทางไปต่างจังหวัดแบบไม่ได้กลับมาจังหวัดนี้ เราควรเตรียมตัว เตรียมเสบียงอะไรไปบ้างนั่นแหละ ...

 

....แต่ครั้งนี้แตกต่างตรงที่ว่า เราจะเดินทางไปไกลแระอีกนานกว่าจะได้เป็นมนุษย์อีก ตอนนี้เราทำบุญจริงจังแค่ไหนเพื่อรับรองว่า เราจะได้กลับมาเป็นมนุษย์อีกไม่ตกไปในอบายภูมิ ..นี่ก็ถือว่าได้เตรียมการอย่างเหมาะสมอยู่บ้างแล้ว  8-)




#189931 ถ้ารู้ล่วงหน้าได้ว่าอีก 7วันจะตาย คุณจะทำอะไรก่อนตายบ้างครับ

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 15 October 2013 - 10:03 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

:lol: ... กระทู้นี้ดีนะ  ต้องขอบคุณเจ้าของกระทู้  :)

 

...คนกับประมาท กับคนไม่ประมาท   หัวข้อกระทู้นี้ แยกแยะได้ชัดเจนที่สุด




#190369 ซูเปอร์พัดลม

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 25 November 2013 - 07:36 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

..ติดตั้งมา...3 - 4 สัปดาห์แย๊วคับ เปิดเต็มที่แล้วก็ไม่เย็นแบบตัวใหญ่ๆที่ตั้งตามเสานะคับแต่อากาศจะโฟลว์ เขาว่างั้น...  แต่ที่สำคัญ เงียบกริ๊บ....

 

...มันเงียบและเนียนจนเหมือนว่าไม่ได้มีอะไรติดใหม่  ปล.  สาธุชนกลัวมันจะร่วงลงมา เพราะมันใหญ่  :lol:  ก็ให้สบายใจนะครับ น้ำหนักมันไม่ได้มากขนาดจะร่วงลงมาได้

 

แล้วก็ทำใจที่ว่ามันจะไม่พัดแรงไปกว่านี้ครับ หน้าที่หลักคือ โฟลว์อากาศ เป็นรุ่นทดสอบน่ะคับ




#190004 อาคารจอดรถ 5,000 คัน

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 22 October 2013 - 06:02 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

:o  ....อลังการงานนี้  :lol:  ร่างกายคงแข็งแรงขึ้นอีกเยอะ เมื่อต้องจอดอาคารนี้..  :P




#190098 อาคารจอดรถ 5,000 คัน

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 27 October 2013 - 08:00 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

^_^ ... ไปจอดมาแระ ชั้น 4 แต่ไปจอดแป๊บเดียว วนขึ้นวนลงพอมึนหัวเล็กน้อยจนหนำใจแล้วก็ลง  :lol:




#189964 ประมวลภาพ “ตักบาตรมิตรภาพไทย-ลาว” เนื่องในวันออกพรรษา 2556

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 20 October 2013 - 06:12 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

^_^ ....ปลื้มนะ ได้ไปเตรียมงานนิดเดียวเอง เพราะผู้มีบุญมาช่วยกันเยอะ หุหุ




#189972 ประมวลภาพ “ตักบาตรมิตรภาพไทย-ลาว” เนื่องในวันออกพรรษา 2556

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 20 October 2013 - 07:00 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

....  :)




#190093 ใครนั่งสมาธิรวดเดียว 12ชั่วโมงได้ สอนผมทีครับ

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 27 October 2013 - 12:33 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

... ^_^  มีพี่อุบาสิกาท่านหนึ่งที่ผมรู้จัก ท่านเคยเอ่ยว่า สงสัยไหมทำไมบางคนนั่งสมาธิจนเช้าได้ แล้วก็ไปทำงานต่อได้ อย่างเป็นปกติ... ผมก็ตอบว่า ไม่เคยเห็น แต่คิดว่าน่าจะเป็นไปได้

 

พี่เขาก็ตอบว่า เวลาเรานั่งพอใจนิ่งไปถึงจุดหนึ่ง จากที่หลับตาแล้วมืด จะไม่มืดแล้ว ช่วงนั้นร่างกายเราเหมือนไม่ใช่ของเรา เราจะไม่รู้สึกว่าเรานั่งอยู่ ขา แขนเรามันเหมือนหายไป คือ ไม่มีความเมื่อยหรือปวด หรือชาอะไรเลย ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นอาจตึงบ้างหรือเมื่อยบ้าง แต่พอผ่านช่วงนั้นไปใจนิ่งมันจะเบาลง เบาลง และเบาลง

 

...ที่เขานั่งสมาธิข้ามคืนกันได้ อย่างน้อยเขาก็ได้ความสว่างแบบนี้แหละที่ศูนย์กลางกาย เมื่อสว่างแล้วความรู้สึกอยากเลิกนั่งจะหายไปเหมือน แต่จะรู้สึกอยากหยุดเวลาไว้อย่างนี้นานๆ ตลอดไป เพราะมันจะเกิดความอิ่มจากสมาธิ มีใจหยุดนิ่งเป็นความเพลิน มีอารมณ์สบายจากภาวะที่ไม่รู้สึกตึง ปวดของร่างกายใดๆ และก็จะค้นพบเองว่า การนั่งข้ามคืน หรือทั้งวันนั้นเป็นได้จริงๆ... แต่หากนั่งแบบอดทนก็ข้ามคืนไปได้ แต่จะอ่อนเพลียมากเหมือนคนไม่ได้หลับไม่ได้นอน  ซึ่งแตกต่างกับผู้ที่นั่งสมาธิแล้วเข้าถึงความสว่างภายในจริงๆ อย่างสิ้นเชิง...

 

............

..จากประสบการณ์ของผม  ผมก็ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัว แค่พอหลับตาแล้วไม่มืด คือจากมืดมากมันมืดน้อยลง น้อยลง เหมือนฟ้าสาง แต่ไม่มีแสงสีม่วง หรือสีแดงแบบตอนดวงอาทิตย์เหมือนเวลาตี 4 ตี 5 และ หกโมงเช้าแต่อย่างใด แต่มันจะเหมือนมีความสว่างอยู่ถัดจากความมืดไป ถ้าช่วงนั้นไม่เอะใจ สนใจคือดูความมืดที่ค่อยสว่างไปเรื่อยๆ ภาวะความรู้สึกของร่างกายก็เริ่มสบายคล้ายกับไม่ได้นั่งอยู่แต่อย่างใด  เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง จะเหมือนผ่านไปแค่ 30 - 45 นาทีเอง... ก็เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเอง จะให้เล่าแบบนี้อีกกี่ร้อยกี่พันครั้งก็เล่าได้ไม่ผิดเพี้ยน เพราะมันเกิดขึ้นจริงๆ นี่ถ้ามีเวลานั่งมากกว่านั้นในภาวะนั้น การไปถึง 6 หรือ 12 ชั่วโมง ผมว่าไม่มีปัญหาเลยทีเดียว... :)




#190781 กำหนดการวันมาฆบูชา ประจำปี 2557 ณ วัดพระธรรมกาย

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 29 January 2014 - 05:51 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

^_^ ....การได้มาจุดประทีปมาฆบูชาในแต่ละปี ก็เหมือนได้เติมไฟแห่งชีวิต แห่งการสร้างบารมี ปีหนึ่งๆ จะเติมกันแค่ไม่กี่ครั้ง ดังนั้น อย่ารอให้ไฟของท่านมอดหรือน้อยเสียก่อนแล้วจึงมาเติม เพราะทุกครั้งที่มาจุดประทีปเราจะเห็นได้ว่า ในแต่ละปีมีคนไม่ได้มาจุดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะกลับวิมานไปเสียก่อน ละสังขารไปเสียก่อน จะตั้งใจหรือด้วยอุบัติเหตุก็ตามแต่ ...

 

...ดังนั้น หากเราเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว ก็ควรสั่งสมบุญบารมี เผื่อว่า ปีหน้า เราอาจจะเป็นหนึ่งในนั้น .. ที่ไม่มีโอกาสได้มาจุดประทีปบูชา..อีกเลย.... B)




#190089 พุทธศาสนิกชนอาลัย สมเด็จพระสังฆราช สิ้นพระชนม์แล้ว

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 25 October 2013 - 06:22 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

^_^  ...  สุดยอดนักข่าวเลยนะคุณทศ ...

 

....มารับรางวัลไปเลย...  " 1 กอง " ....