ไปที่เนื้อหา


เนื้อหาจาก ดินสอแห่งธรรม

ค้นพบทั้งสิ้น 98 รายการโดย ดินสอแห่งธรรม (จำกัดการค้นหาจาก 13-July 23)



#190349 ตักบาตรจอมทอง จ.เชียงใหม่

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 20 November 2013 - 12:33 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

^_^ ... อยากไปทุกงานเลย 




#190001 คำสอนยาย บุกธรรมะอย่างเดียว

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 22 October 2013 - 02:20 PM ใน บทความดี๊ดี ... จากสมาชิก

: ... สุดยอด คิดถึงคุณยายจัง




#190352 ขอเชิญนิสิตนักศึกษามาสมัครเป็น V-Cheer

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 20 November 2013 - 11:30 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

:lol: ....สำคัญมากนะ รับบุญนี้   อานิสงค์แน่นอน ย่อมได้บรรยากาศที่ดี ที่สนุกสนาน เบิกบานใจในการสั่งสมบุญเป็นการตอบแทน  ^_^




#190103 วิกฤติ หรือ โอกาศ

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 28 October 2013 - 08:16 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

*-) ..มันขึ้นว่า not found อ่ะ




#190342 ขอเชิญร่วมงานตักบาตรพระ 1,111 รูป จ.กำแพงเพชร

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 19 November 2013 - 10:03 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

:P ... อยากไปจัง เมืองนี้รวยนะ กำแพงล้อมด้วยเพชร  อิอิ..   กำแพงเพชรสว่างแล้ว...




#189967 คำสอนยาย..ไม่ต้องให้ใครมาโอ๋

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 20 October 2013 - 06:28 PM ใน บทความดี๊ดี ... จากสมาชิก

... สร้างบารมีให้เต็มที่ สุดแรง สุดกำลัง มีกำลังใจและเป้าหมายที่จะทำเป็นที่ตั้ง เมื่อทำแล้ว.... ก็จะปลื้มมากกว่าให้มีใครสักคนมาเห็น หรือมาสนใจ หรือมาชื่นชม หรือให้กำลังใจนะครับ... อันนี้ประสบมาด้วยตนเอง และพบว่า  จะทำดีหรือไม่ดี ย่อมมีคนเห็น พยานที่รู้เห็นการสร้างบารมีนั้นก็มีอยู่มากมาย แต่เราไม่เห็น ดังนั้น ไม่ต้องสนใจ เดินหน้าสร้างความดี สร้างบารมีไปให้เต็มที่ สุดกำลัง  แล้วจะพบถึงความสุขที่เหนือกว่าคำบรรยาย... 8-|




#190513 ธุดงค์ธรรมชัย ปีที่ 3

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 19 December 2013 - 09:19 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

^_^ ...พอดีไปเจอจากเฟสท่านนึง เลยขอเขาเอาข้อความนี้มาลง  ด้วยเห็นว่า เป็นข้อความที่ดีนะ....

 

..."ตามความคิดเห็นของผมนะครับ ตามที่ได้ไปสัมผัสมา ผมมองในมุมกว้างว่า ..." โครงการไม่ีได้อยากดัง หรือทำให้ใครดัง  แต่ทำขึ้น จัดขึ้นก็เพื่อส่วนรวม คือ "พระพุทธศาสนา" ประเทศไทยจะขาดพระพุทธศาสนาไม่ได้

 
.... และหากไม่แสดงพระพุทธศาสนาให้มีในประเทศไทยแล้ว ต่างชาติจะรู้ได้อย่างไร และจะตอบคำถามได้อย่างไรว่า "สิ่งใด... คือพระพุทธศาสนา..ในประเทศไทย?" .. และ "พระพุทธศาสนา ยังคงยิ่งใหญ่ และผู้คนนับถือมากมาย..เหมือนในอดีตจริงหรือ?" ... จาก คำถามของชาวต่างชาติ ... 
 
....เพราะความจริงพระพุทธศาสนา ไม่ได้มีอยู่แค่ในวัด หรือในป่า หรือในถ้ำ  หรือตามที่สงบเงียบต่างๆ  ...หากจะประกาศพระพุทธศาสนาว่ายังคงมีอยู่ เข้มแข็งอยู่ ยิ่งใหญ่อยู่ และยังไม่สูญสลายหรือเสื่อมหายไป .. ก็ต้องนำวิถีแห่งชาวพุทธ  ...ออกมาเปิดเผยแสดงสู่ชาวโลก  เพื่อลบข้อสงสัย และคำกล่าวหาว่า " ศาสนาพุทธ กำลังจะหมดไปแล้ว " .. เพราะชาวโลก ไม่ได้เข้าใจภาษาไทย และเข้าใจศาสนาพุทธ ด้วยตำรา หรืออักษร   
 
...แต่เรา ในฐานะชาวพุทธ และอนุรักษ์สมบัติของประเทศไทย จึงต้องแสดงหลักฐานแห่งความมั่นคง ความยังเจริญอยู่ และความเป็นสมบัติของประเทศชาติ ..แก่สายตาชาวโลก...  ด้วยภาพจริง และความเป็นจริง 
 
..เพื่อดำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนาในประเทศไทยของเรา ... นี่คือ เจตนาแท้จริงของ .. "ธุดงค์ธรรมชัย" 



#189993 บั้งไฟพญานาค 2556

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 21 October 2013 - 10:08 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

^_^  กล้องดีมาก ความละเอียดถือว่าชัดมาก เพราะในวันนั้นถือว่ามืดมากๆ 

 

.... ปีนี้ฝั่งลาวจุดประทัด พลุ เยอะกว่าปีที่แล้ว แต่พลุก็ขึ้นได้แค่ต่ำๆ ซึ่งชัดเจนว่า บั้งไฟนั้นสูงกว่าหลายเท่าและก็หายวับไม่มีย้อย ไม่มีเลี้ยว ไม่มีส่ายไปมา หากใครยังเชื่อว่าเป็นฝีมือมนุษย์อยู่ ควรไปดูเองให้เห็นกับตา แต่ขอให้วิจารณ์เบาๆ เพราะคนที่เชื่อมีเยอะกว่ามาก และเขาก็อาจจะรำคาญ ผู้ที่ไม่เคยรู้ประวัติ ไม่เคยศึกษาภูมิประเทศ และไม่เชื่อ แต่มัววิจารณ์อยู่ได้...  นี้เป็นการชี้แจงเพื่อให้ตัวคุณปลอดภัยเอง  *-)

 

....จุดที่บั้งไฟจะขึ้นไม่ได้มีทุกที่ทั่วบริเวณแม่น้ำโขงแต่อย่างใด  คนพื้นที่ที่เป็นคนเก่าคนแก่จะรู้จักภูมิประเทศ เขตแดน และบริเวณดีว่าที่ไหนมีประวัติของพญานาค และที่ไหนเป็นที่ที่ดวงไฟจะขึ้น และควรมองไปทางไหน ซึ่งเป็นความแม่นยำอย่างยิ่ง เหมือนว่าท่านเหล่านั้นพบเห็นตั้งแต่ครั้งเริ่มรู้ความเป็นเด็กเล็กจนจบถึงวัยชรา...

 

...ดังนั้นผู้ที่ไม่รู้ ไม่แน่ใจ หรือไม่เชื่อก็ไม่ควรไปลบหลู่ความศรัทธา หรือความเชื่อของผู้อื่น เพราะนอกจากคุณจะไปเก้อไม่เห็นดวงไฟแล้ว คุณอาจไม่รู้ว่าบริเวณนั้นมีสัตว์มีพิษอยู่มากในบริเวณที่คุณอยู่ก็เป็นได้ แต่ที่ผ่านมา บริเวณใดที่เห็นลูกไฟได้ มักไม่ค่อยมีใครเจอสัตว์มีพิษทำร้ายเลย ยกเว้นแต่มีวิบากกรรมร่วมกันมากระมัง....

 

...ก็ขออนุโมทนากับท่านที่ได้ไปสร้างบุญ ณ พุทธอุทยาน และได้ชมบั้งไฟซึ่งมีแค่เพียงคืนเดียว คือ วันออกพรรษาของฝั่งลาวเท่านั้น  ที่เป็นของแท้ปีละครั้งมีมาเป็นพันปี ยังคงมีอยู่ และจะมีต่อไป..... :)




#190625 คำถาม

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 13 January 2014 - 11:27 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

...ในยุคที่มนุษย์กิเลสหนาขึ้น คือ มีความโกรธ ความโลภ และความหลง มากขึ้น ยุคแบบนี้เกิดขึ้นช่วงเวลาใดบนโลกใบนี้ โลกก็จะร้อนระอุไปเลยทีเดียว มีตัวอย่างหลายประเทศซึ่่้่งไม่ใช่แค่ประเทศไทยหรอกครับ   และคนส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้ก็สนแต่แค่เรื่องปากท้องของตนเองกับครอบครัว ไม่ได้สนใจมาศึกษาเรื่องบุญ เรื่องบาป  ไม่ได้สนใจฟังธรรมให้เข้าในเรื่องกิเลส  ไม่ได้สนใจวิธีใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และไม่ได้สนใจศึกษาวิธีปล่อยวาง หรือ หักล้าง ความโกรธ ความไม่พอใจ  อันเกิดขึ้นง่ายและรุนแรงนั้นๆกันเลย...

 

...แม้บุคคลต้องอยู่ร่วมกันในยามที่ประเทศ หรือโลกร้อนระอุด้วยกิเลสนี้ บุคคลที่มีกรรมมาก ก็เที่ยวไปประหัดประหารตีรันฟันแทงทำร้ายกัน ด้วยมีเหตุผลเพียงว่า ศักดิ์ศรี หรือความรักในสิ่งที่ตนรัก...  ซึ่งจริงๆแล้วแม้ใครก็ช่วยประเทศ หรือโลกนี้ไม่ได้ แม้ตัวเราก็ตาม หากไปตามกระแสของโลก ก็จะไหลตามไปเหมือนสายน้ำอย่างไร้ที่พึ่งพา...

 

...แต่คนอีกกลุ่มที่เข้าใจเรื่องของกิเลสที่เกิดขึ้น  รู้จักกิเลสดีพอ และเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับกิเลส เขาก็จะใช้วิธีที่จะอยู่แบบทวนกระแสของโลก ซึ่งแน่นอนว่า มีน้อยกว่าผู้ที่ตามกระแส  ..และเมื่อมีน้อยกว่า คนก็เลยมองว่ามันแปลก หรือเป็นกลุ่มที่แปลกไป เพราะไม่เหมือนตน ฯลฯ   ..คือ เขาเอาตัวเขา หรือคนหมู่มากมาตั้งบรรทัดฐานเป็นตัววัดไปว่า  ต้องแบบนี้ ต้องตามนี้ถึงจะถูกต้อง ก็ไม่ต่างอะไรกับคนหมู่มากตั้งกฎเอง...

 

...หากเราเรียนรู้และรู้จักกิเลสว่าเกิดขึ้นจากอะไร เกิดอย่างไร เกิดที่ใคร เกิดแบบใด ฯลฯ เราก็จะมีชีวิตอยู่ได้โดยยังมีความสุขอยู่  แม้คนที่ไม่เข้าใจจะบอกว่าพวกนี้แปลก  จริงๆก็แปลกนั่นแหละ เพราะผู้ที่ยังมีความสุขในสถานการณ์ร้อนระอุอยู่ได้  ย่อมดูแปลกในสายตาเขาด้วยเหตุผลดั่งที่กล่าวมาตามนั้น  แต่ทว่า ก็ไม่ได้หมายความว่า เขาจะไม่รู้เรื่อง หรือตามข่าวไม่ทัน หรือไม่สนใจบ้านเมืองหรอกนะ... แต่เพราะเขารู้ หรือพบวิธีอื่นที่จะใช้ในสถานการณ์แบบนี้ต่างหาก.. ที่เขาเรียกว่า รู้เชิง  และรู้ทันกระแสกิเลส  ก็จะไม่ทนทุกข์ทรมานกับความปั่นป่วนร้อนระอุอะไรเหล่านี้ไปด้วยเลย...

 

...คุณเคยเห็นคนชกต่อยกันใช่ไหม?   ถามว่า ที่เขาต่อยกัน มีเหตุจากคนต่อยกันกี่คน? บางทีก็แค่ 2 คนที่ไม่พอใจกันนั่นเอง แต่ที่บานปลายเพราะก็เอาพวกมารุมกัน หรือลากพวกพ้องมาเกี่ยว.. มันก็เป็นปัญหาบานปลาย  แท้จริง เหตุเกิดขึ้นแค่จากคนไม่กี่คนเอง..

 

....มีผู้คนมากมายที่ไม่ไตร่ตรองเหตุผล ใครบอกอะไรก็ถือเอาตามนั้น มันก็จะเป็นเหตุที่ควบคุมได้ยากในเวลาต่อมา..

 

.....แต่ให้เชื่อเถิดว่า ทุกอย่าง มีจุดเริ่ม ย่อมมีจุดจบ... ไม่มีงานเลี้ยงใด ที่ไม่มีวันเลิกรา...

 

...ความรักชาติ รักในคนของตน มันไม่ใช่ลงท้ายด้วยวิธีไปทำร้ายฝ่ายตรงข้าม หรือคนที่เราไม่ชอบ  เพราะเมื่อทำร้ายแล้ว อีกฝ่ายก็ไม่ยอม ก็เอาคืนตอบ เอาคืนกันไป เอาคืนกันมา สุดท้าย เลือดตก ยางออกทั้งคู่ ประเทศชาติก็พังเพราะความไม่สงบในประเทศ  เหมือนคนต่อยกันแล้วทำร้านพัง สุดท้ายก็ต้องมานั่งอยู่ในร้านเดิม คือประเทศนี้ของตนเองอยู่ดี  อะไรพังไปเท่าไหร่ เสียไปเท่าไหร่สุดท้ายก็ต้องอยู่อาศัยในที่นั้นอยู่ดี... เรียกได้ว่า ผู้ชนะ หรือผู้แพ้ ในซากปรักหักพังของตน... ที่ตน ได้ร่วมก่อไว้.......

 

....วิถีของผู้ที่รู้จักกิเลสเหล่านี้ เขาจะหาวิธีหยุดนิ่ง เพื่อรักษาสภาวะร่างกายตน จิตใจตนให้ปกติไว้ก่อน เพราะตนคือที่พึ่งแห่งตน  หากเราบาดเจ็บหรือเป็นอะไรไปแล้ว ใครจะรับผิดชอบ? ใครจะเห็นใจ? ใครจะจ่ายค่ารักษาพยาบาล? เราจะเรียกร้องความเสียหายกับใคร? ...

 

..แม้ประกันภัย ยังไม่รับรอง หรือไม่ขอคุ้มครอง ในเหตุความไม่สงบในประเทศหรือบ้านเมืองเลย ภัยพิบัติธรรมชาติก็ไม่รับรอง จราจลก็ไม่รับรอง  ..หากใครต้องเสียชีวิต หรือบาดเจ็บไป คุณๆก็คงต้องรักษาพยาบาลดูแลตนเอง  และบางทีสิ่งที่ทุ่มเทลงไปมันก็ไม่คุ้ม ถ้ามารู้ทีหลังว่า....เขาเหล่านั้น จับมือกันแล้ว...  :glare:




#190240 ร่วมด้วยช่วยกัน เติมบุญคุ้มครองโลก

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 11 November 2013 - 01:54 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

...ตอนนี้เป็นโซนร้อนแย๊ว แต่เวียดนามยังหนักอยู่แน่ๆ เลยเวียดนามก็น่าจะเป็นดีเปรสชั่น - -"

 

...เปรียบได้เหมือนสมัยสงครามเลย แนวหน้ารับก่อนเพื่อทอนกำลังให้เบาบางลง ความสงบถึงเกิดในเมืองชั้นใน

 

...ก็ส่งบุญทั้ง ทาน ศีล ภาวนา และทรัพย์เท่าที่เราจะทำได้ให้กับแนวหน้าทุกท่านด้วยกันนะ เราไม่ประสบอย่างเขาก็ควรช่วยเหลือเขาเท่าที่เราจะทำได้ แม้อาจไม่เกี่ยวกับเรา แต่นิสัยคนไทยแล้ว เวลาเห็นใครประสบทุกข์ส่วนใหญ่ก็มักไม่อยู่เฉย  :)




#190134 รบกวน สอบถามเรื่องสมัครช่วยงานพระศาสนาหน่อยครับ

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 31 October 2013 - 07:22 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

..ลองมาวันอาทิตย์น่ะครับ แล้วเดินดูตามบูธต่างๆ ได้เลย  จริงๆ ต้องถามน้องเขาว่าชอบงานแบบไหน มันมีตั้งแต่งานประชาสัมพันธ์ ไปถึงงานเผยแผ่ 208 ประเทศอ่ะ  ^_^

 

...อีกอย่างก็ต้องดูหลายๆอย่าง เช่น ชอบทีมงานแบบนี้ไหม ชอบบรรยากาศนี้ไหม เรียกว่า ควรให้น้องเขาเข้าไปมีส่วนในงานต่างๆดูเองก่อนจะดีกว่า เพราะจะได้มีทางเลือกเพิ่มขึ้นและจะได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และทำอย่างมีความสุขอ่ะครับ

 

...มันก็เปรียบเทียบแล้วคงไม่ได้เป็นการสมัครงานแบบชาวโลก แต่เป็นการทำงานตามหน้าที่เดิมข้ามภพข้ามชาติมา ก็คงต้องดูหมู่คณะเป็นหลัก บางทีเจอบางบูธ บางกองฯ บางแผนก ก็จะรู้และทราบเองว่า  .."อันนี้แหละ ..ใช่เลย!"...

 

...แต่ถ้าจะหลังไมค์ ก็ลองให้น้องเขาพูดคุยมาก็ได้ครับ ผมพอรู้จักอยู่บ้างจะได้ให้ข้อมูลต่อได้ถูกตามต้องการ  :)




#190392 ขอเชิญร่วมถวายอุปกรณ์เครื่องกันหนาว ประจำปีพุทธศักราช 2556

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 27 November 2013 - 06:52 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

^_^ ... รอมานานนนนนน  เป็นบุญต้อนรับปีใหม่อย่างหนึ่ง




#190274 ตักบาตรพระ 1,111 รูป ณ มหาวิทยาลัยพะเยา

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 13 November 2013 - 08:45 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

^_^ ..กำลังหนาวเลยสินะ  น่าไปนะเนี่ย ดูงบประมาณตัวผมก่อน หุหุ อาจไปแอ่ว...




#190235 บุหรี่ที่ยังมึน เหล้าที่ยังเมา

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 10 November 2013 - 06:42 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

^_^ ...สาธุๆๆ เน้นเยอะๆ สื่อสีขาว สื่อที่เตือนใจ 




#190119 ปฏิบัติมานานเบื่อกันไม๊ครับ

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 28 October 2013 - 05:56 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

...ของท่านเป็นแค่ก้อนดำๆ แต่ของผมดำสนิททั้งหน้าจอมานานมากแระ แต่ผมไม่คิดจะเบื่อนะครับ แม้ไม่ได้ดั่งใจ เพราะผมมีเวลานั่งสมาธิแค่ไม่กี่ปีเดี๋ยวก็ตายแล้ว ไม่รู้พรุ่งนี้จะได้นั่งหรือป่าวอาจตายวันนี้ก็ได้..

 

...ผมเลยคิดแค่ว่า ขอให้ได้นั่งสมาธิให้นานที่สุด สงบที่สุดก็พอ เรื่องอื่นๆจะไม่มีในหัวผมเลย เรื่องที่ผลการปฏิบัติธรรมจะก้าวหน้าหรือถอยหลังจึงไม่อยู่ในจุดสนใจของผมเลยน่ะครับ เรียกว่า นั่งได้ก็นั่งให้เต็มที่ก่อนที่จะไม่ได้นั่ง....  *-)  ผมเชื่อว่า ยังมีคนอีกหลายพันล้านที่ไม่เคยแม้แต่จะนั่ง หรือทำใจสงบ หรือรู้จักคำว่า "สมาธิ" เลย...




#190073 ..เป็นแหล่บวช ที่มีความหมายดี ฟังแล้วมีประโยชน์...

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 24 October 2013 - 07:01 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

...ผู้โพสต์ใน youtube แจ้งว่ามีเจตนาอยากเผยแพ่ให้เป็นธรรมทาน ในการทำให้ลูกผู้ชายรู้สึกถึงบุญคุณผู้ให้กำเนิด....  3 ตอนนี้ ก็ 25 นาทีเอง... เอามาฝากนะ 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

CREDIT  คุณทศพล หิมพานต์  เผยแผ่เพื่อให้เกิดศีลธรรมอันดีในสังคม และระลึกถึงคุณบิดามารดา....

 

ขอกราบอนุโมทนาบุญ...




#189997 "พิธีมุทิตาพระมหาเถระและพระเถระ"

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 22 October 2013 - 10:56 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

^_^ ... น่าจะไม่พลาด ไปจัดบูธอิ่มเกษมเปรมปรีดาต่อ..  :$




#190366 ทำอย่างไรให้เราสามารถเห็นในสิ่งที่ตามองไม่เห็น

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 24 November 2013 - 07:50 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

^_^ ...ก็ตามนั้นนะครับ   สิ่งที่ไม่เห็น มองไม่เห็น ไม่ใช่ว่าไม่มี ไม่ใช่ว่าเป็นแค่ตำนาน หรือเรื่องเล่าต่อๆกันมา ... ฯลฯ

 

...ดังนั้น ความดี ความชั่ว มีอยู่จริง  ที่อยู่ของคนทำดี กับคนทำชั่่ว ย่อมมีจริง  และนรก สวรรค์ก็ย่อมมีจริง  ..คนเป็นๆ ทำชั่วบนโลกก็ยังมีคุกรองรับ และเมื่อตายความชั่วก็ไม่ได้หมดไปหรือหายไป ย่อมมีภพภูมิ หรือสถานที่รอคนชั่วนั้นๆอยู่  แม้มองไม่เห็นไม่ใช่ว่าไม่มี เพราะจะเห็นก็ตอนตาย  หรืออาจเห็นได้ด้วยสิ่งที่เปิดภพภูมิให้เห็นได้ .. ดังนั้น หากจะเปรียบว่า ทุกอย่างที่เป็นไป  ย่อมมีเหตุ และมีผล  ... แม้จุลินทรีย์ ที่มองไม่เห็นก็ยังรอวันที่ จะค้นพบกล้องจุลทรรศน์ เพื่อพิสูจน์ความจริง....  ดังนั้น ภพภูมิของคนตาย  ก็รอวันที่จะมีญาณทัศนะไปรู้ไปเห็นตามความละเอียดของภพภูมิ...

 

....เป็นเรื่องง่ายมาก ที่จะเอาเหตุผลมาคุยกับคนที่สับสนว่า นรก สวรรค์ มีจริงหรือไม่?  เพราะหากคุยด้วยเหตุด้วยผลแล้ว ในเมื่อคุก ยังมีจริง ตอนที่ยังมีชีวิตแล้ว ตอนตาย ก็ต้องมีสถานที่รองรับ เพราะมันไม่ได้สูญหายไปไหน  ถ้าสูญหายไปได้เราคงไม่ต้องเกิดมาจนบ้าง รวยบ้าง พิการบ้าง สมบูรณ์บ้าง ดีบ้าง ชั่วบ้าง ฯลฯ...

 

....ดังนั้น การรู้แจ้ง เห็นจริง ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกับตัวเรา และปลอดภัยกับตัวเราอย่างแท้จริง  การไม่รู้จริง ไม่เห็นจริง แต่หลอกตัวเองว่าตนรู้ดีกว่าใครๆ ย่อมเป็นหายนะแก่ตัวเขา   เสมือนก้อนหินลนไฟ  ผู้รู้ผู้เห็นว่าหินนี้ถูกลนไฟ ย่อมไม่กล้าที่จะจับหิน  แต่สำหรับผู้ที่ไม่รู้ เมื่อจะจับต้องก็จับเต็มที่เพราะไม่รู้ว่าถูกลนไฟ...ก็เหมือนบาปอกุศล  ที่ผู้รู้ย่อมกลัวเกรง ย่อมระวังตน  แต่ผู้ไม่รู้นั้นไซร้ ย่อมเผลอและไม่ระวังตน จนผลของบาปอกุศลนั้น กลับมาเผาผลาญหรือทำอันตรายต่อตัวเขาเองอย่างสาหัส... :)




#190589 คำถามเล็กเล็ก

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 07 January 2014 - 06:11 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

...ข้อ 6  นั้น ไม่ควรไปสังเกตุอะไรครับ ยิ่งสังเกตุใจยิ่งหยาบ ยิ่งไม่ละเอียด ให้ปล่อยไปสบายๆ ไม่ต้องเอ๊ะ อ๊ะ กังวล คิดเห็น หรือพิจารณาอะไรเลย หากมัวพิจารณาแล้ว แม้สิ่งที่เกิดมีจริงแต่เป็นเพราะจิตไปปรุงแต่ง ดังนั้นต้องไม่คิด ไม่พิจารณา แล้วจะเห็น จะเข้าใจสิ่งที่เป็นของจริงไปเอง โดยที่จิตไม่ปรุงแต่งมัน...

 

...ข้อ 7  นั้น  ศีล 8 ในทางทหารเขาไม่เข้าใจหรอก และเขาก็ไม่ยกเว้นให้เราคนเดียวด้วย ดังนั้น ถ้าเป็นทหาร ถือ ศีล5 ได้ครบก็ถือว่าโอเคมากแล้ว..




#190528 เกี่ยวกับการจัดภาพลักษณ์แท่นหลวงปู่ทองคำวัดสองพี่น้อง

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 27 December 2013 - 07:21 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

^_^ ...คือ แต่ละวัดมีเจ้าอาวาสนะครับ  เรามอบหลวงปู่แล้ว ก็แล้วแต่ทางวัดจะจัดการตามความเหมาะสม เราตัดสินแทนไม่ได้ ..โอเคนะคับ?




#190782 ปล่อยสัตว์ปล่อยปลา เสาร์ต้นเดือน ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ณ วัดปทุมทอง

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 29 January 2014 - 05:54 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

....คุณค่าของชีวิต เราจะไม่รู้จักเลย ถ้าเราไม่รู้จักความเสื่อมของชีวิต     อิสระภาพนั้น เราจะไม่รู้จักเลย ถ้าเราไม่เคยรู้จักการถูกกักขัง   .... ดังนั้น แม้เรายังไม่ประสบกับความเสื่อมแล้ว ก็ควรหลีกหนีให้ไกล อย่าให้ได้มีโอกาสพบความเสื่อมมาสู่ตัวเรา ..ย่อมเป็นหนทางและวิถีปฏิบัติที่ดีที่สุด...




#189883 การทำงานเพื่อพระพุทธศาสนาในมุมมองของนายดินสอ

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 11 October 2013 - 06:09 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

^_^ การทำงานเพื่อพระพุทธศาสตร์ในมุมมองของนายดินสอ..

 
.....  สวัสดีครับท่านผู้มีบุญทุกท่าน จากที่หายไปนานก็เลยมีโพสต์กึ่งบทความมาฝาก แต่ก็เป็นเพียงมุมมองส่วนตัวนะครับ
จากอดีตจนถึงปัจจุบันของผมนั้น ตั้งแต่เด็กก็ไม่เคยคิดทำอะไรเพื่อใครเลย เพราะก็ถูกสอนมาว่า ให้มองอนาคตตัวเองนะลูก ทำเพื่ออนาคตตัวเองนะลูก ฯลฯ จนเมื่อเติบใหญ่ขึ้น
 
ผมเริ่มสับสนว่า ทำไมต้องทำอะไรเพื่อตนเองตลอด? ทำไมไม่ทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้าง? แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่า แล้วอะไรดีกว่ากันระหว่างทำเพื่อตนเองกับทำเพื่อคนอื่น? พอไปถามคนโน้น คนนี้
เขาก็ต่างให้เหตุผลแตกต่างกันออกไป จนบางทีก็หันกลับมามองว่า เราคงคิดมากไป หรือเรานี่ผิดปกติที่มัวคิดเรื่องแบบนี้... ^o)
 
  แต่พอเราเริ่มเติบโตขึ้นเริ่มเห็นมุมมองที่กว้างขึ้นเห็นความเป็นไปของคนที่ทำเพื่อตัวเองมากขึ้น กลับเริ่มได้ข้อมูลและความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้น ว่า... บางทีถ้าเราทำเพื่อตนเอง ก็เจริญแค่ตัวเราเอง หรืออย่างมากก็แค่ครอบครัวพี่น้องเราเอง แต่ความไม่เจริญ หรือความลำบาก ความไม่สบาย ความทนทุกข์ทรทานของที่ผู้อื่นไม่รู้ ไม่เคยคิด ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องเป็นแบบนี้ หรือตกอยู่ในสถานะการณ์มันมีความเดือดร้อนเช่นนี้  หรือไม่เคยเตรียมการล่วงหน้าก็ยังต้องเผชิญเพียงลำพังของพวกเขา
นี่ถ้าเขาลำบากจนหาทางออกไม่ได้คงต้องทำผิด คิดชั่วทำร้ายคนดีเพื่อความอยู่รอดของครอบครัวตนเอง หรือหาวิธีแย่งความมีเหล่านั้นจากผู้อื่นเพื่อมาเติมแทนความไม่มีของตน  :(
 
เพราะความที่เขาไม่เคยมีใครแนะนำสิ่งดีหรือมีความรู้ในทางแก้ไขให้แก่เขา เขาจึงต้องคิดเอง ลงมือเอง โดยสนใจเพียงว่า ...เพื่อความอยู่รอด...
 
แต่ทว่าสิ่งนั้นอาจนำมาซึ่งการ ปล้น ฆ่า โกหก ฉกฉวย ทำร้าย แย่งชิง กำจัดฝ่ายตรงข้าม เบียดฝ่ายที่ไม่ชอบ ว่าร้าย ใส่ความเพื่อรักษาตำแหน่งของตนไว้ ฯลฯ  ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าคนที่เป็นเป้าหมายในการกระทำที่เขาเหล่านั้นจะทำไปเพื่อความอยู่รอดนั้น ก็อาจเป็นเพื่อน พี่น้อง หรือญาติของเราเองก็ได้
ซึ่งก็เปรียบได้ว่า หากตัวเราครอบครัวเรารอดจากภาวะวิกฤตได้ แต่คนอื่นไม่รอด ไม่ได้ความสบาย ไม่ได้โอกาสอันดี เขาก็หาทางออกโดยอาจกระทำให้ครอบครัวของเราที่คิดว่าปลอดภัยแล้วนั้น อยู่รอดแล้วนั้น กลับไม่ปลอดภัยก็เป็นได้...แม้เราจะไม่ได้ไปทำใครไว้ก่อนก็ตาม...
 
   ดังนั้น การทำเพื่อตนเอง ดูจะน่ากังวลกว่าทำเพื่่อคนอื่นเสียแล้ว... :
 
  หากเราทำเพื่อคนอื่น แล้วคนอื่นอยู่รอด สบาย ไม่เบียดเบียนใคร ก็ย่อมปลอดภัยแก่ครอบครัวเรา ซึ่งในสังคมเราต้องอยู่ร่วมกัน ต้องเจอกัน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการอยู่ในหมู่บ้าน ที่บ้านหนึ่งไม่มีเพื่อนบ้านเลย ต่างคนต่างอยู่ ไม่ได้รู้จักกัน เวลามีเรื่องราวอะไร
ก็ไม่เคยได้ร่วม ได้แก้ไข ได้แบ่งปันกัน พอเกิดภัยพิบัติ หรือ เกิดเหตุร้ายแน่นอนว่า... ต่างคน ต่างพึ่งตนเอง...ต่างเอาตัวรอดก่อน
 
....เหมือนเวลาน้ำท่วม  คนที่รู้จักกันก็จะช่วยกันหนี  แต่ที่ไม่รู้จัก หรือไม่เคยพึ่งพากัน ก็คงช่วยภายหลัง หรืออาจลืมไปเลยว่าบ้านหลังนั้นมีคนอยู่หรือป่าว?...แต่ถ้าบ้านหลังไหนที่มีเพื่อนบ้านมาก เพราะเคยช่วยเหลือคนอื่นไว้เยอะ
ก็จะมีเพื่อนบ้านห่วงมาก และพร้อมจะให้ความช่วยเหลือให้รอดพ้นภัยไปพร้อมๆกันนั่นเอง....
 
...นี่ถ้าเราไม่อยู่บ้าน อาจมีพ่อ หรือแม่ที่แก่ชรา หากเราไม่เคยรู้จักใคร ไม่เคยช่วยเหลือใคร เวลาเกิดเรื่องอะไร ใครเล่าจะช่วยท่านแทนเรา ซึ่งอยู่บ้านเวลาเราไม่อยู่ หรือออกไปทำงานต่างๆได้เล่า?... :
 
...ในสังคมยุคใหม่ซึ่งต่างคนต่างทำมาหากิน การพบปะพูดคุยในทางมิตรภาพเฉกเช่นมิตรสหายก็กลับน้อยลง เพราะกว่าจะกลับมาจากทำงานก็อ่อนเพลียต้องพักผ่อน เช้าก็ต้องรีบตื่น จึงทำให้การช่วยเหลือกันลดน้อยลงไป และเริ่มเป็นวัฒนธรรมใหม่คือ ...ต่างคน ต่างอยู่ ต่างทำมาหากินเพื่อปากท้องของตนเป็นหลัก... ^o)
 
...นี่ก็เป็นเพียงเหตุผลตั้งแต่เล็กจนโตของผม ที่สั่งสมมาตั้งแต่เด็ก โดยที่คนอื่นมองว่าเราผิดปกติ ที่ชอบทำอะไรเพื่อคนอื่นมากกว่า เวลาเรียนหรือจัดกิจกรรมที่โรงเรียนก็อยู่ช่วยเหลือจนเหมือนให้ความสำคัญกับเรื่องคนอื่นมากกว่าเหล่านั้น ที่ทำให้ผมเริ่มแยกแยะได้ชัดเจนขึ้นว่า  ... "เราต้องทำอะไรเพื่อคนอื่นเสมอ และควรทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้าง..."
 
...การที่พระพุทธศาสนา มีคำสอนในเรื่องการรักษาศีล คือให้คน ไม่ฆ่า ไม่ทำร้าย, ไม่ลักขโมย ไม่อยากมีอยากได้ของคนอื่น , ไม่มั่วสุม ประพฤติผิดในกามในของของคนอื่น , ไม่โกหก หลอกลวง , ไม่ดื่มของมึนเมาอันทำให้ขาดสติ หรือคึกคนองจนไม่สนใจการทำบาปอกุศลเหล่านี้  ก็จะเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีสังคมที่มีความสุข
และก็ก่อให้เกิดคนดี คือ คนที่ไม่ได้ทำอะไรให้ใครเดือดร้อน ทำแต่สิ่งที่ถูกที่ควร 8-|
 
... ซึ่งหากมีคนเหล่านี้เพิ่มขึ้นในตำบล อำเภอ จังหวัด หรือในประเทศ และในโลกมากขึ้น ความสงบสุขก็จะมีมาเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นไปตามธรรมชาติที่ว่า "น้ำดีเมื่อมีมาก ย่อมไล่น้ำเสียให้เจือจางและหายไปได้...."
 
ไม่ใช่ว่าการทำให้โลกนี้สงบสุขจะไปกำจัด หรือจัดการคนชั่ว  แต่... กลับเป็นการที่เพิ่มคนดีให้มีมากขึ้น ให้สังคมคนดีใหญ่ขึ้น และให้คนไม่ดีมีโอกาสทำชั่วได้น้อยลง และค่อยๆเปลี่ยนมาเป็นคนดี เพื่อให้มีประโยชน์แก่ตนเองและคนในครอบครัวมากขึ้น และป้องกันสิ่งไม่ได้ไม่ให้เข้ามาสู่คนดีได้มากขึ้น  การฟื้นฟูโลกนี้ให้มีแต่สิ่งดี มีแต่ความสงบสุขย่อมมีความเป็นไปได้....
 
....การเป็นคนดี และเป็นคนชั่ว ไม่ใช่ว่าจะเข้าใจได้ยาก อะไรคือดี อะไรคือชั่ว ไม่ใช่สิ่งลี้ลับ แต่เป็นสิ่งที่ทำได้โดยไม่ยากเลย หากขาดก็คงขาดเพียงความเข้าใจ  ขาดกำลังใจ ขาดวิธีการ  หรือขาดผู้ที่จะแนะนำเท่านั้นเอง ก็เหมือนกับเวลา เวลาคนคิดจะทำอะไรไม่ดี ก็เพราะเขามีสิ่งกระตุ้นอยู่ในใจ และวิธีการทำความชั่วนั้นก็ได้รับรู้ ได้เห็นจากคนไม่ดีมาก่อน   นั่นก็ไม่แตกต่างอะไรกับการจะทำให้คนเป็นคนดี
ก็เพียงแค่ได้เห็นวิธีการ ได้กำลังใจ ได้ผู้แนะนำจากคนดีที่แนะนำให้เขาทำดีแค่นั้นเอง   :)
 
..จริงๆแล้วมันไม่ได้ยาก แต่ยากที่ไม่มีกำลังใจ บ้างก็คิดว่ามันยากที่จะเปลี่ยนแปลง บ้างก็คิดไปต่างๆนาๆ  แต่สรุปก็มีเพียงว่า ยังไม่มีใครเริ่มทำให้เกิดสิ่งดีอย่างจริงจัง....หรือง่ายๆ คือ มองว่ายากตั้งแต่เริ่มต้นคิดจะทำ...
 
....นี่ก็เลยทำให้ผมมองเห็นว่า ถ้าผมตั้งใจจะทำให้ครอบครัวผมมีความสุข ให้พ่อแม่พี่น้องญาติมิตรผมปลอดภัยแล้ว แม้มันจะดูเหมือนเป็นทางอ้อม แต่นั้นกลับเป็นทางตรงอย่างที่สุดและเป็นทางลัดที่สุด เพราะความปลอดภัยอย่างแท้จริงนั้น ประเมินค่าไม่ได้ เราดูแลคนที่เรารักตลอดเวลาทุกวินาทีไม่ได้  และชีวิตเราก็ไม่ได้มีเวลายาวนาน หากเราตายไปก่อนพวกเขา ใครเล่าจะดูแลเขาเหล่านั้นต่อจากเราได้บ้าง ให้เขาปลอดภัยจริงในยามที่เราไม่อยู่แล้ว?  :o
 
...ผมจึงคิดว่า ผมต้องทำอะไรเพื่อคนอื่นให้มาก หรืออาจจะมากกว่าทำเพื่อตนเองไปเลย  และยิ่งเราทำเพื่อคนอื่นมากเท่าไหร่ เวลาเห็นคนอื่นเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี หรือเขามีความสุขแล้ว  ผมจะปลื้มสุดๆนะ ปลื้มกว่าการที่ตัวเราสำเร็จเสียอีก เพราะเราได้แนะนำช่วยเหลือให้คนอื่นดี หรือมีความสุขได้ ก็ไม่ยากที่จะทำให้ตัวเราดี และมีความสุขเลย นี้คงเป็นกุศลที่เห็นได้ชัดเจน
 
...ผมเริ่มเข้ามามีบทบาทในการทำงานเพื่อพระศาสนามากขึ้นโดยหลักๆก็เพราะเห็นว่า การรักษาศีล5 นั้นดีกับทุกชาติ ทุกศาสนา ... B)
 
...และมันก็มีความเป็นไปได้อย่างมากแค่ทำให้คนเข้าใจว่าอะไรคือ ศีล5  และมันไม่ได้ผูกขาดว่า เขาเหล่านั้นต้องเป็นชาวพุทธเท่านั้น ศีล5 นั้นครอบคลุมไปทั่วทุกคนในโลกเพราะเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ง่ายว่าอะไรคือศีล 5ที่ต้องรักษา และปฏิบัติ เพื่อให้อยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข โดยเพียงแค่ว่าต่างคนต่างหยุดทำให้สิ่งที่ไม่ดี ทำแล้วมีผู้อื่นเดือดร้อน และชี้ให้เห็นโทษของการไม่หยุดทำสิ่งไม่ดีเหล่านั้น...
 
...ดังนั้น การสร้างกลุ่มคนดีให้มีมากขึ้นและมากขึ้นจึงมีความเป็นไปได้  และมันก็เกิดขึ้นแล้ว  นี่ถ้า... เราทำให้คนเข้าใจว่าเขาได้อะไรจากการทำความดีได้มากขึ้น คนที่อยากจะทำความดีหรืออยากจะลองทำดีก็คงจะมีมากขึ้น  เมื่อคนดีมีมากขึ้น ครอบครัวเราก็ปลอดภัยมากขึ้น ประโยชน์ที่เราจะได้รับจากการทำเพื่อคนอื่นก็ย่อมเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น....
 
...การทุ่มเทเพื่องานพระศาสน์ของผม ก็มีกำลังใจมาจากสิ่งเหล่านี้เป็นหลักนะครับ เหมือนที่บอกว่า เราทำแล้วมันเสร็จ... คือ .. พอคนเป็นคนดีหรือเข้าใจวิธีเป็นคนดี หรือเห็นประโยชน์จากการเป็นคนดี และเห็นโทษจากการเป็นคนชั่วได้แล้ว มันเป็นงานที่เสร็จ คือไม่ต้องทำต่อ เหมือนการปลูกต้นไม้ พอต้นไม้โตแล้วก็โตต่อไปเอง มีขยายเมล็ดพันธุ์ที่ดีออกไปได้เอง และกลุ่มคนดีก็จะมีมากขึ้นไปเอง... 8-)
 
...ดังนั้น  ก็ขอให้ผู้ที่เสียสละเวลา หรือทุ่มเทเพื่องานพระศาสนาทุกท่าน เดินหน้าทำหน้าที่กันต่อไปอย่างเต็มที่ ทำความเข้าใจให้เกิดแก่ผู้ที่ไม่เข้าใจ  เพื่อให้ชีวิตที่ยังเหลืออยู่ของเขาเหล่านั้นได้ประโยชน์สูงสุดก่อนที่เขาจะละจากโลกนี้เถิด แม้ตัวเราก็คงจะต้องละจากโลกในไม่ช้า ก็ควรทำหน้าที่ให้สมศักดิ์ศรีที่ได้เกิดมาในกองทัพธรรม... ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านมา ณ โอกาสนี้.... ^_^



#189887 การทำงานเพื่อพระพุทธศาสนาในมุมมองของนายดินสอ

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 11 October 2013 - 09:47 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

^_^  หุหุ ขอน้อมรับครับ... ว่าแต่ว่า ท่านหัดฝันใบหน้าอ่อนเยาว์ขึ้นนะ ไปทำไรมาเนี่ย  :lol:




#190560 พระที่มาธุดงค์ไช่มาจากวัดธรรมกายล้วนๆเลยไม๊ครับ

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 04 January 2014 - 07:19 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

...มาจากโครงการบวชทั่วไทยจากทุกจังหวัดนั่นเองครับ แต่ละรูปต้องมาอบรมเพื่อให้ปฏิบัติเหมือนกัน แม้จะมาจากต่างจังหวัดต่างภาษาแต่ต้องมาฝึกอยู่ร่วมกันเพื่อให้มีการปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเป็นรูปแบบให้เกิดศรัทธา และฟื้นฟูพระพุทธศาสนาร่วมกัน ยังมีระเบียบวินัยเคร่งครัดอีกมาก และต้องรักษาธุดงค์วัตร ปฏิบัติอย่างจริงจังทีเดียว... ยังมีอีกมากมายที่ยังไม่ได้อธิบายเพิ่มนะครับ แต่ขอบอกได้เลยว่าทุกรูปมีคุณค่าจริงๆ ไม่ใช่รูปไหน จากไหน มาเดินก็ได้..




#190097 กฐินปี่นี้ หลวงครูไม่ใหญ่ ออกเป็นประธานไหมครับ

โพสต์เมื่อ โดย ดินสอแห่งธรรม บน 27 October 2013 - 07:55 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

99.99% ....  ^_^  เขาว่ายังไงก็ว่ายังงั้น...