ไปที่เนื้อหา


เนื้อหาจาก ก้าน

ค้นพบทั้งสิ้น 25 รายการโดย ก้าน (จำกัดการค้นหาจาก 16-August 23)


#192366 ปฏิจจสมุปบาท (สายการเกิดและดับ) ที่ว่าเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี ถามว...

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 16 July 2014 - 03:57 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

แนะนำให้ไปเรียนพุทธวนก่อนน้ะครับคุณ
Cheterkk




#192131 ปฏิจจสมุปบาท (สายการเกิดและดับ) ที่ว่าเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี ถามว...

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 28 June 2014 - 06:42 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

อุปทานขันทั้ง5อันเกิดจากเหตุปัจจัยที่อาศัยกันและกันจึงยังเกิดขึ้นได้



#192109 ปฏิจจสมุปบาท (สายการเกิดและดับ) ที่ว่าเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี ถามว...

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 27 June 2014 - 08:18 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

แล้วเดี๋ยวต้องมีปัญหา งูกินหาง  คือ  ก็จะปรากฏคำถามว่า  เมื่ออุปทานเกิดก่อนอวิชา   แล้วอะไรเกิดก่อนอุปทาน  แล้วอะไรเกิดก่อน  สิ่งที่เกิดก่อนอุปทาน   ...........

 

ผมว่าต่อไปมันก็จะเหมือนคำถามที่ตอบได้ และ ไม่ได้  อย่างเช่น  น้ำอ้อยหวานยังไง  น้ำปลาเค็มยังไง  ซึ่งไม่ว่านักปราชณ์คนไหนก็ไม่มีทางอธิบายให้ชัดแจ้งได้

 

คนที่เคยลองลิ้มรสสิ่งเหล่านี้มาแล้ว  ก็จะสามารถตอบ  เพราะเขาเข้าใจถ่องแท้แล้ว  แต่สำหรับผู้ที่ไม่เคยลิ้มรสเล่า  ให้ผู้ที่เคยลิ้มรสมาก่อน  อธิบายยังไง  ก็ไม่มีทางเข้าใจได้ชัดเจนอย่างแน่นอน

 

พระพุทธองค์ทรงตรัสธรรมเหล่านี้  ตามความลุ่มลึกของผู้ฟัง  เพราะทรงพิจารณาแล้วว่าตรัสแล้วจะเกิดประโยชน์แก่ผู้ฟัง  เพราะผู้ฟังธาตุธรรมเหมาะสมแล้วกับธรรมเหล่านั้น   ในเมื่อเราต้องการที่จะศึกษาธรรมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ถ้าเราเข้าใจตามนี้  เราก็ต้องทำตัวเราให้ลุ่มลึกเหมาะสมกับธรรมเหล่านั้นก่อน  แล้วจะทำให้เราเข้าใจธรรมเหล่านั้นได้อย่างลึกซึ้งชัดเจน  ไม่มีผิวเผิน

 

เคยมีผู้กล่าวไว้   (ขออภัย จำไม่ได้จริงๆ ว่าไปจดมาจากตรงไหน  อาจจะมาจากพระไตรปิฎก  แต่ไม่ขอยืนยัน)   การศึกษาพระไตรปิฎกมีอยู่ 3 แบบ

 

 ๑. อลคัททูปริยัติ การศึกษาแบบจับงูพิษที่หาง คือ ศึกษาพุทธพจน์เพื่อ ลาภ สักการะสรรเสริญ หรือเพื่อยกตนข่มผู้อื่น ย่อมเป็นโทษกับตนเอง เหมือนการจับงูพิษที่หาง งูย่อมแว้งขบกัดเอาได้

 

 ๒. นิสสรณัตถปริยัติ การศึกษาเพื่อประโยชน์แก่การออกไปจากทุกข์คือ ศึกษาพุทธพจน์เพื่ออบรมปัญญา เป็นการศึกษาของผู้ที่เห็นโทษภัยของกิเลส เห็นภัยในวัฏฏสงสารปรารถนาจะออกไปจากวัฏฏทุกข์

 

๓. ภัณฑาคาริกปริยัติ การศึกษาแบบขุนคลัง คือ ศึกษาพุทธพจน์เพื่อทรงพระศาสนาไว้ไม่ให้เสื่อมสูญ เป็นการศึกษาของพระอรหันต์ซึ่งหมดกิจในการอบรมปัญญาเพื่อละกิเลสแล้ว แต่มีฉันทะและเห็นประโยชน์ในการศึกษาเพื่อถ่ายทอดพระธรรมคำสอนให้แก่ชนรุ่นหลัง

 

การศึกษาธรรมมีประโยชน์แน่ๆ  แต่เราจะเลือกศึกษาแบบไหน  นั่นคือ อีกเรื่องหนึ่งครับ  ค่อยๆ พิจารณากันไปครับผม

ขอบคุณครับ 8-) :oสาธุ




#192083 ปฏิจจสมุปบาท (สายการเกิดและดับ) ที่ว่าเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี ถามว...

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 26 June 2014 - 10:18 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

ถามว่าก่อนหน้าเกิดอวิชชาคืออะไร  เพราะอยู่ๆ พระสูตรก็กล่าวมาว่า มี อวิชชาจึงมีสังขาร แล้วอะไรละทำให้เกิดอวิชชา ???

ก่อนเกิดอวิชชาคืออะไรขอตอบว่าอุปทานเกิดก่อนแล้วค่อยมีอวิชชาเป็นคำตอบน่าจะถูกต้องครับไม่ต้องคิดมากการที่จะบรรลุธรรมให้รู้แค่สิ่งๆนั้นพอไม่ต้องไปยึดถือให้มากนักมันจะหนักหัวเอาน้ะครับ




#190581 ท่านที่ถือ ศีล8 เวลาหิวมากๆ จะแก้ไขอย่างไรครับ

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 05 January 2014 - 11:29 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

ท่านที่ถือ ศีล8 เวลาหิวมากๆ จะแก้ไขอย่างไรครับ ผมพึ้งถือศีล8 ได้แค่3วัน ผมรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลยครับ เวลานั่งสมาธิก็เป็นแปลกๆดี ต่างจากตอนนั่งโดยถือศีล5มากครับ

แต่ก็หิวข้าวเย็นทุกวันเลยครับ และหากเราต้องใช้กำลังเยอะๆ เช่น ถ้าหากต้องไปเกณฑ์ทหาร แต่อยากถือศีล8ต่อไป ทำไงครับ เพราะทหารต้องวิ่งๆ แล้วก็วิ่ง

 

เพิ่มเติม น้ำปานะที่ให้พลังงานเยอะมากๆคือน้ำไรครับ

เท่าที่ผมเคยบวชเณรมาแรกๆก็หิวมากๆแหล่ะพอผ่านไปอีก1เดือนจะเริ่มอยู่ตัวแล้วจะไม่หิววันหนึ่งจะกินเมื่อเดี่ยวที่ขาดไม่ได้ก็คือน้ำที่ช่วยไม่ให้หิวจะเป็นน้ำร้อนถ้ามีรากยาจะช่วยเราไม่ให้หิวได้เยอะเลย(ส่วนรากยาให้เป็นสมุนไพรบำรุงของส่วนร่ายกายต่างๆถือว่าใช้ได้ครับ)




#190531 นั่งวันเว้นวันคือการพิจาระณามาปฎิบัติชึ่งธรรม

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 29 December 2013 - 11:53 PM ใน การปฏิบัติธรรม-นั่งสมาธิ

....ถ้าเช่นนั้น การเข้านิโรธสมาบัติ หรือการจำพรรษาแบบปลีกวิเวกของพระผู้ปฏิบัติในป่าลึก ท่านนั่งอย่างเดียวนะ แล้วก็ไม่ได้ฉันภัตตาหารใดๆด้วย อยู่ได้ด้วยสมาธิเพียงอย่างเดียว ... งั้นคุณคิดว่าท่านทำผิดวิธีหรือ? ปกติของสมาธิไม่ใช่ นั่ง นอน ยืน เดิน ทั้งหมดหรอก แล้วแต่อัธยาศัย หรือแล้วแต่การปฏิบัติต่างหากล่ะ จะบอกว่าทุกรูปต้องเดินบ้าง นั่งบ้าง นอนบ้าง เป็นบรรทัดฐานก็คงไม่ใช่หรอกนะ....

 

....ส่วนการนั่งอย่างเดียว นานๆ หลายๆ วัน ก็คงมิอาจโต้แย้งได้ว่า ปฏิบัติเช่นเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่นั่งลงอย่างเดียว โดยอธิษฐานจิตว่า ถ้ายังไม่บรรลุพระสัพพัณญุตญาณ หรือ ญาณตรัสรู้ที่เกิดเฉพาะผู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ก็จะไม่ทรงลุกจากบรรลังก์(ที่นั่ง) แห่งนี้...  ดังนั้น ท่านเลือกที่จะนั่งนะครับ นั่งแบบเอาชีวิตของท่านเดิมพันให้ได้พระสัพพัณญุตญาณนั่นเอง...    

 

...อ้อ...อย่างพระองค์ท่านนั้นนั่งติดต่อกันเจ็ดวันนะ  แต่พระบางรูปนั่งตลอดพรรษา หรือสามเดือนเลยก็มีนะ จริงๆ ในพระไตรปิฏกก็มีให้อ่านนะ หลายรูปทีเดียวที่นั่งตลอดแบบหลายๆวัน ก่อนที่จะได้อภิญญา... ลองดูในพระสุตันตปิฏก หรือพระอภิธรรมปิฏก ที่เอ่ยไว้ควบคู่กัน

 

...จิงๆ ถ้าตามหลักวิทยาศาสตร์ด้วยแล้ว การนั่งนั้นใช้พลังงานน้อยกว่าเดินมากนะครับ ใช้น้อยลองมาจากการนอน แต่การใช้การนอนทำสมาธินั้นจะสบายเกินไปจนทำให้เผลอสติแล้วหลับไปได้ (เป็นการหย่อนหรือพักผ่อนเกินไป) ...ดังนั้น...จึงต้องไม่ตึง ไม่หย่อนเกินไป นั่นจึงเป็นการนั่งที่พระศาสดาเลือกนั่นเอง...

 

...ถ้ามีสิ่งใดชี้แจงต่อ ก็ต่อมาได้เลย... *-)

คงลืมไปสิว่าว่าพระพุทธเจ้าสำเร็จเพราะเดินทางสายกลางต้อนที่ปฎิบัติเคร่งเกินไปก็ยังไม่สำเร็จเลย




#190498 ความรู้ขั้นโสดาบันมีอะไรบ้าง

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 14 December 2013 - 10:40 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

 

ความรู้ที่ไม่สมบูรณ์ ไม่มีอ้างอิง ไม่เอื้อประโยชน์กับผู้ใด อ่านไปก็ไม่อาจบรรลุ

 

จะรู้ชัด ก็ต้องดำเนินปฏิปทาทางจิตจนบรรลุโสดาปัตติผล

 

ความรู้น้อยนิดเพียงหัวข้อเดียวถ้าปฎิบัติตามก็สามารถเข้าถึงธรรมได้การที่จะเป็นโสดาบันต้องรู้4ข้อนี้ก่อน




#190459 สารพัด "Q"

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 05 December 2013 - 12:09 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

ใช้กับกับชีวิตประจำวันได้ดีเลยยอดเยี่ยมมาก .โอเค ครับ 8-)




#190421 มีคำถาม ถามให้ลองตอบ..

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 01 December 2013 - 09:23 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

"วัด เป็นบุญสถานอัน สะอาด บริสุทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ สูงส่ง
เรามีความรู้สึกกันอย่างไร เมื่อวัดที่เราทุ่มเทกาย ใจ ช่วยกันร่วมสร้างขึ้นมา เพื่อไว้เป็นบุญสถานอันศักดิ์สิทธิ์ สำหรับใช้สร้างบารมี แล้วมีผู้ที่แต่งกายไม่สมควร ไม่เหมาะสม เช่น..แต่งกายสั้น รัดรูป เข้ามา ในบุญสถานอันศักดิ์สิทธิ์ของเรานี้ และเราควรจะทำกันอย่างไร?...เพื่อ ที่จะทำให้บุญสถานของเรา สะอาด บริสุทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ สูงส่งยิ่งๆ ขึ้นไป จะได้เป็นต้นบุญต้นแบบให้กับพวกเราทุกๆคนรวมถึงชาวโลกที่จะเข้ามาสร้างบารมี....ในภายหลังกัน

 

:D

คำตอบ / ชื่อ นามสกุล

แนะนำเรื่องความดีก็ดี




#190420 ความรู้ขั้นโสดาบันมีอะไรบ้าง

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 01 December 2013 - 09:06 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

 

 ความรู้ขั้นโสดาบัน     เท่าที่รู้มามี4อย่างคือ   

1  รูป  =  รูปกาย

2  เวทนา   = ความพอใจ  

        3  สัญญา   = ความจำได้มั่ย  

        4  สังขาร   =  ความคิดปรุงแต่ง  

     มี4ข้อแค่นี้จริงๆแล้วแตกรากแตกกอออกไปหลายข้อ เช่น ข้อนี้ไปเชื่อมข้อนั้น ขอนั้นไปบรรจบกับข้อนี้  เหมือนกันกับการใช้ชีวิตประจำวัน ทำอะไรก็ให้รู้ซึ่งสิ่งนั้น  เช่น   หนาวก็รู้ว่าหนาวหิวน้ำก็รู้ว่าหิวถึงหายใจเข้าออกก็รู้ว่าว่าหายใจเข้าออกทำสิ่งไดก็ให้รู้ถึงสิ่งนั่นพูดง่ายๆมีสติอยู่เสมอให้เข้าใจในปฎิจสมุตบาตทั้งหมดและให้รู้กายะคะตาสติให้มั่นคงต่อพระรัตนตรัยและรู้การเกิดเหตุทั้งหลายแค่นี้ก็เป็นโสดาบันแล้วแล้วมีไครพอมีความรู้เกี่ยว กับ   ความรู้ขั้นโสดาบันเพิ่มช่วยแนะนำเพิ่มเติมหน่อยน้ะครับเผื่อจะช่วยให้คนที่เข้ามาอ่านจะได้มีความรู้ขั้นโสดาบันแล้วบรรลุขั่นนี้ แล้วหา ความรู้ขั้นสูงกว่านี้ขึ้นไปอีกเหมือนเดินขึ้น

 บันไดน้ะครับให้เดินทีล่ะขั้นเหมือนแบบเดินสายกลางเหมื่อนพิณสามสายน้ะครับ    :lol: 8-) :lol:




#190402 ปฎิบัติภาวนาเพื่ออะไร

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 30 November 2013 - 02:49 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

ปฎิบัติภาวนาเพื่ออะไร     

 

หรือเพือให้ได้เทพนิกายชั่นไดชั่นหนึ่งหรื่อไปเป็นเทพชั่นได่ๆหรือว่าจะเป็นพรม    เทพไดๆพรมเทวดาก็ตาย  เทพได่ๆตายเรียบ ตายแล้วเท้าเธอยังไม่พ้นนรก    แต่พระพุทธเจ้าว่าปฎิบัติเพือได้อมตะความไม่ตายคือนิพพาน

 

คุณสมบัติของนิพพานมี 3 อย่าง  1  นะอุปาโทปัญญาญัตติคือไม่ปรากฎมีการเกิด 

                                                   2  นะวะโยปัญญาญัตติคือไม่ปรากฎมีการเสื่อม

                                                   3   ทิตตัสสะ  อัญญะทัตตัง  ปัญญาญัตติคือเมือตั้งอยู่ไม่มีภาวะอย่างอื่นปรากฎ

 

ซึ่งจริงๆแล้วสภาวะนี้พวกเรามีทุกคนแต่พวกเรากับมายึดขัน  5  อันเป็นของเกิด ของดับ ของเจ็บ ของตาย เราจึงต้องแก่เจ็บตาย

 

5 ธรรมชาตินี้คือรูปกาย    เวทนา     สัญญา     สังขาร  และวิญญาเรา  เมื่อรูปตายจึงตายไปตามรูป  เมื่อวิญญานดับจึงดับไปตามวิญญาน

พระพุทธเจ้าจึงให้มาปฎิบัต  เพื่อถอนความยึดมั่นออกจาก  5  ธรรมชาติ   นี้เป็นระบบของกรรมถ้าเรายังอยู่ห้าธรรมชาตินี้จะแก้กรรมไม่ได้้

 

วิธีแก้กรรมของพระพุทธเจ้าให้ถอนตัวตนออกจาก 5 ระบบนี้กลับมาสู่สภาวะเดิมของตัวตนคือนิพพานในนิพพานไม่มีห้าธรรมชาตินี้  คือ

ไม่มีรูป   เวทนา    สัญญา   สังขาร   วิญญาน    วิญญานรู้นิพพานไม่ได้    วิญญานไม่ไช่ชีวิต    วิญญานเป็นแค่ธาตุรู้    พระพุทธเจ้า

ตัสว่าไม่มีวิญญานเวียนวายตายเกิด   แต่เป็นสัตย์    สัตย์ผู้มีอวิตชาเข้ามาหลงวิญญานเข้ามาหลงขัน 5  แล้วเกิดตายไปกับขัน 5 ตลอดเวลา

 

สัตย์ผู้มีอวิทชานี้จริงๆคือวิมุตติ   แต่เรียกวิมุติยังไม่ได้แต่มันยังไม่มีวิทชา   ขนาดที่มันมาหลงขัน 5 ณ ห้วงแก๊บตรงนี้มันถูกนิยามว่าสัตย์   คือผู้ที่ติดข้องแล้วในขันทั้งห้าการติดแล้วการข้องแล้วซึ้งสิ่งนั้นๆขัน 5 เราเรียกว่าสัตว์ 

 

และเมื่อสัตย์  ปฎิบัติตามมรรคมีองค์8 ตามหนทางที่ศาสดาผู้เป็นสัตย์เหมื่อนกัน  แต่เป็นสัตย์ประเภศ อรหันสัมมาสัมพุทธธะตัสรู้ได้เองสามารถรู้ทางออกสังสารวัตรนี้ได้เอง   แล้วสัตย์ทั้งหลายที่เป็นเหล่าสาวกได้สดับในธรรมฟังแล้วปฎิบัติตาม  เลยหลุดออกจากระบบนี้ได้  เข้าสู่ระบบนี้คือวิมุตติ หรือนิพพานนั้นก็คือเข้าสู่สภวะเดิมตัวเองที่ไม่ปรากฎการเกิด

 

เพราะฉนั้นสิ่งไดที่ปรากฎการเกิด สิ่งนั้นจะปรากฎการเสื่อมเรื่อยๆแล้วก็จะดับนี้คือสัจจะ  นี้คืออริยะสัต 4ที่พระพุทธเจ้าตัสรู้นั้นเอง                




#190228 ขอเชิญร่วมกิจกรรมกับชมรมครอบครัวชาวเว็บ DMC.tv

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 08 November 2013 - 08:58 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

เข้ามาดันกระทู้ตัวเอง

 

เอ...แล้วอย่างนี้  เราจะได้คะแนนสะสมกับเขาไหมนี่

ผมดูแล้วรับรองได้คะแนนเยอะถึงมาดันก็ได้




#190217 มนุษย์อายุ 400 ปี

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 07 November 2013 - 10:34 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

ผมเคยอ่านเจอใน case study ของเว็บนี้ว่ามีพระบังบด(ไม่แน่ใจว่าเขียนเป็น"บังบด" หรือ "บางบด") ที่มีอายุประมาณ 400 ปี ที่พระอาจารย์ครูไม่ใหญ่ยืนยันว่ามีตัวตนจริงๆ ไม่ทราบว่ามีพระบังบดที่ภูเขาควายและถ้ำจุงจิงแค่ 2 ที่เหรอครับ และถ้ามีที่อื่นอีกจะเป็นที่ไหนครับ ผมอยากรู้ที่อยู่ของพระบังบดอย่างละเอียดและอยากรู้เกี่ยวกับวิชาที่ทำให้มีอายุยืนๆ และพระบังบดที่มีอายุยืนประมาณ 400 ปี ยังแข็งแร็งและดูไม่แก่รึเปล่าครับ ผมมาขอข้อมูลครับ

ผมสนใจเกี่ยวกับทางด้านอภิญญามาพอสมควรแล้วครับและผมอยากไปเรียนวิชาที่ทำให้มีอายุยืนๆกับพระบังบดครับ nerd_smile.gif

เรื่องบังบด400ร้อยปีผมก็เคยอ่านมาแล้วเหมือนกันก็สงสัยยุผมคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับเรื่องต้นมณีโคตรด้วยต้นที่ว่านี้มีประวัติว่าพระอินทร์เอามาปลูกใว้กลางน้ำตกที่หลี่ผีสีทันดรแถวน้ำโขงฝังลาว

แม้นไครได้กินผลมณีโคตรจากกิ่งที่3ตรงขึ้นชี้เมื่องฟ้าก็จะมีอายุยืนยาวไม่เฒ่าไม่แก่แต่ถ้ากินผิดกิ่งกินกิ่งนี้ไปกิ่งโน้จะกลายเป็นลิงว่างั้น




#190214 ห้ามพระรับเงินทอง และพระพุทธรูปไม่ใช่วัตถุในพุทธศาสนา (ทองเหลือง/รูปปั่น/พระเ...

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 07 November 2013 - 09:56 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

 

ทอง-เงินไม่ควรถวายภิกษุ ห้ามพระรับเงินทอง  และพระพุทธรูปไม่ใช่วัตถุในพุทธศาสนา (ทองเหลือง/รูปปั่น/พระเครื่องฯลฯ) จริงหรือไม่ อย่างไร???

 

1.ห้ามพระรับเงินทอง

พระไตรปิฎก ชุด 91 เล่ม ของมหามกุฏราชวิทยาลัย 
เล่ม 3 (ปกสีแดง หน้า 887 / ปกสีน้ าเงิน หน้า 940)
เล่ม   9    หน้า   536 
เล่ม   16   หน้า   302 , 308
เล่ม  11   หน้า   310 – 311   
เล่ม  3    หน้า   663 
เล่ม   7   หน้า   480
เล่ม   9   หน้า    543  
เล่ม  6   หน้า   153  และ  178
เล่ม    53     หน้า    202
เล่ม   1     หน้า   361
ฯลฯ

 

2.รูปเหมือนพระพุทธเจ้าไม่มีและพระพุทธรูปไม่ใช่วัตถุในพุทธศาสนา
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ชุด 91 เล่ม (มหามกุฎราชวิทยาลัย) 
 
พระไตรปิฎกที่ข้าพเจ้าและคณะจะใช้อ้างอิงนี้   
เป็นพระไตรปิฎกชุด 91 เล่ม มหามกุฏราชวิทยาลัย 
http://www.tripitaka91.com

ผู้ที่งมงายย่อมกล่าวตู่พุทธเจ้า เล่ม  33   หน้า   346   

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย   คน   ๒   จำพวกนี้ย่อมกล่าวตู่ตถาคต   ๒   จำพวกเป็นไฉน 
คือ  คนเจ้าโทสะซึ่งมีโทษอยู่ภายใน   ๑   
คนที่เชื่อโดยถือผิด  ๑   
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย    คน  ๒  จำพวกนี้     ย่อมกล่าวตู่ตถาคต.


บทว่า  อพฺภาจิกฺขนฺติ  ได้แก่  กล่าวตู่   คือกล่าวด้วยเรื่องไม่จริง
บทว่า  โทสนฺตโร   แปลว่า   มีโทสะตั้งอยู่ในภายใน. 
จริงอยู่    คนแบบนี้ย่อมกล่าวตู่พระตถาคต    เช่น   สุนักขัตตลิจฉวี     
กล่าวว่า    อุตตริมนุสสธรรมของพระสมณโคดมหามีไม่. 

บทว่า    สทฺโธ   วา  ทุคฺคหิเตน   ความว่า    หรือว่า    ผู้ที่มีศรัทธาแก่กล้า   
ด้วยศรัทธาที่เว้นจากญาณ (ความรู้)   มีความเลื่อมใสอ่อนนั้น   ถือผิดๆ   
กล่าวตู่พระตถาคตโดยนัยเป็นต้นว่า     
ขึ้นชื่อว่าพระพุทธเจ้านั้น    เป็นโลกุตระ (ประเสริฐเหนือโลก)  ทั้งพระองค์     
พระอาการ  ๓๒  มีพระเกสาเป็นต้นของพระองค์ล้วนเป็นโลกุตระทั้งนั้น    ดังนี้...


เล่ม  54   หน้า    261   บรรทัดที่  4

...ครั้งนั้นพระปชาบดีโคตมีเถรีพร้อมด้วยภิกษุณีทั้งหมด   ได้พากันหมอบลงแทบพระยุคลบาทของพระศาสดา
ผู้เป็นพงศ์พันธุ์ของโลกกราบทูลว่า     นี้เป็นการถวายบังคมพระยุคลบาทครั้งสุดท้ายของหม่อมฉันการได้เห็น
พระองค์ผู้เป็นนาถะของโลกครั้งนี้    ก็เป็นครั้งสุดท้าย    หม่อมฉันจักไม่ได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์
ซึ่งมีอาการดุจอมตะอีก     ข้าแต่พระมหาวีระผู้เลิศของโลก    การถวายบังคมของหม่อมฉันจักไม่สัมผัส
พระยุคลบาทของพระองค์ซึ่งละเอียดอ่อนดี      วันนี้หม่อมฉันจะนิพพาน.
 
พระศาสดาตรัสว่า    ประโยชน์อะไรของเธอด้วยรูปนี้ในปัจจุบัน  (คือ   ร่างกายของพระองค์ในตอนนั้น)   
รูปนี้ล้วนปัจจัยปรุงแต่งไม่น่ายินดีเป็นของต่ำทราม....


เล่ม  20   หน้า 287

ในขณะนั้นท่านพระราหุลเสด็จไป ณ เบื้องพระปฤษฎางค์ (เบื้องหลัง)
ของพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแลดูพระตถาคตตั้งแต่พื้นพระบาท (เท้า)
จนถึงปลายพระเกสา (ผม)  ท่านพระราหุลนั้นทอดพระเนตร (มองดู)
เห็นความงดงามของเพศพระพุทธเจ้าของพระผู้มีพระภาคเจ้า   จึงดำริว่า   
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีพระสรีระ (ร่างกาย) วิจิตรด้วยมหาปุริสลักษณะ 32  ประการ  งดงาม
ได้เป็นดุจเสด็จไปท่ามกลางผงทองคำอันกระจัดกระจาย     
เพราะแวดล้อมด้วยพระรัศมีวาหนึ่งดุจนกบรรพตอันแวดล้อมด้วยสายฟ้า   
ดุจทองคำมีค่าวิจิตรด้วยรัตนะอันฉุดคร่าด้วยยนต์   แม้ทรงห่มคลุมด้วยผ้าบังสกุลจีวรสีแดง   
ก็ทรงงามดุจภูเขาทองอันปกคลุมด้วยผ้ากัมพลแดง   ดุจทองคำมีค่าประดับด้วยสายแก้วประพาฬ
ดุจเจดีย์ทองคำที่เขาบูชาด้วยผงชาด   ดุจเสาทองฉาบด้วยน้ำครั่ง
ดุจดวงจันทร์วันเพ็ญโผล่ขึ้นในขณะนั้นไปในระหว่างฝนสีแดง.   

สิริสมบัติของอัตภาพ (ความเป็นตัวตน) ที่ได้เตรียมไว้ด้วยอานุภาพแห่งสมติงสบารมี. (บารมี 30)     
จากนั้นพระราหุลเถระก็ตรวจดูตนบ้าง  ทรงดำริว่า   แม้เราก็งาม   
หากพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงครองความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิในมหาทวีปทั้ง  4
ได้ทรงประทานตำแหน่งปริณายก (ผู้เป็นหัวหน้า) แก่เรา  เมื่อเป็นเช่นนั้น.
ภาคพื้นชมพูทวีปจักงามยิ่งนัก    จึงเกิดฉันทราคะอันอาศัยเรือนเพราะอาศัยอัตภาพ
           
แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จดำเนินไปเบื้องหน้าก็ทรงดำริว่า
บัดนี้ราหุลมีร่างกายสมบูรณ์ด้วยผิวเนื้อและโลหิตแล้ว.
เป็นเวลาที่จิตฟุ้งซ่านไปในรูปารมณ์เป็นต้นอันน่ากำหนัด.  ราหุลยังกาลให้ล่วงไปเพราะเป็นผู้มักมากหรือ
หนอ. ครั้นแล้วพร้อมกับทรงคำนึงได้ทรงเห็นจิตตุปบาทของราหุลนั้น
ดุจเห็นปลาในน้ำใสและดุจเห็นเงาหน้าในพื้นกระจกอันบริสุทธิ์.
ก็ครั้นทรงเห็นแล้วได้ทรงทำพระอัธยาศัยว่า  ราหุลนี้เป็นโอรสของเรา  เดินตามหลังเรา
มาเกิดฉันทราคะอันอาศัยเรือนเพราะอาศัยอัตภาพว่า  เรางาม  ผิวพรรณของเราผ่องใส.
ราหุลแล่นไปในที่มิใช่น่าดำเนิน   ไปนอกทาง    เที่ยวไปในอโคจร
ไปยังทิศที่ไม่ควรไปดุจคนเดินทางหลงทิศ.    อนึ่งกิเลสของราหุลนี้เติบโตขึ้นในภายใน   
ย่อมไม่เห็นแม้ประโยชน์ตน    แม้ประโยชน์ผู้อื่น    แม้ประโยชน์ทั้งสองตามความเป็นจริง.
 
จากนั้นจักถือปฏิสนธิ (เกิด)ในนรกบ้าง    ในกำเนิดเดียรัจฉานบ้าง     ในปิตติวิสัยบ้าง
ในครรภ์มารดาอันคับแคบบ้าง     เพราะเหตุนั้นจักตกไปในสังสารวัฏอันไม่รู้เบื้องต้นที่สุด....



ทองเหลืองหล่อ   ไม่ใช่พุทธเจ้าแน่      เล่ม   32    หน้า  214

อปฺปฎิโม   (ไม่มีผู้เปรียบ)   ความว่า     อัตภาพ ( ความเป็นตัวตน ) เรียกว่ารูปเปรียบ
ชื่อว่าไม่มีผู้เปรียบ    เพราะรูปเปรียบอื่นเช่นกับอัตภาพของท่านไม่มี
อีกอย่างหนึ่ง   มนุษย์ทั้งหลายกระทำรูปเปรียบใดล้วนแล้วด้วยทองและเงินเป็นต้น   
ในบรรดารูปเปรียบเหล่านั้น   ชื่อว่าผู้สามารถกระทำโอกาสแม้สักเท่าปลายขนทราย (แม้เพียงนิ๊ดนึง)
ให้เหมือนอัตภาพของพระตถาคต     ย่อมไม่มี 
 
เพราะเหตุนั้น    จึงชื่อว่าไม่มีผู้เปรียบแม้โดยประการทั้งปวง.   
 
อปฺปฎิสโม (ไม่มีผู้เทียบ)   ความว่า   ชื่อว่าไม่มีผู้เทียบ   
เพราะใคร ๆ   ชื่อว่าผู้จะเทียบกับอัตภาพของพระตถาคต  นั้นไม่มี
 
พระไตรปิฎกชุด 91 เล่ม มหามกุฏราชวิทยาลัย http://www.tripitaka91.com
เล่ม 32 หน้า 214 บรรทัด 6
เล่ม 11 หน้า 66
เล่ม 13 หน้า 121
เล่ม 13 หน้า 320
เล่ม 60 หน้า 267
เล่ม 21 หน้า 202
เล่ม 27 หน้า 90
เล่ม 30 หน้า 444
เล่ม 32 หน้า 176
เล่ม 33 หน้า 468
ฯลฯ

 

(พูดตามหลักก็ถูก)ตามที่จริงก็ไช่ห้ามพระรับเงินแต่ถ้าไส่ช่องยัดเข้าย้ามหรือผ้ารองใด้แต่ไม่เกิน4บาทเงินสมัยก่อนแต่สมัยนี้ไม่รู้รับได้กี่บาทผมไปถามหลวงปู่มาแล้วแต่จะจับเงินนั้นไม่ได้ถ้าจะไปซื้อของต้องให้โยมหรือเณรจับเงินนั้นแล้วเอาไปซื้อของแต่ได้ยินหลวงพี่บอกว่าเป็นเพียงปัจจัย4ใช้ได้แต่อย่าใช้จนเกิดกิเลสและพระอีกองค์จะไม่แตะเงินไม่รับเงินแต่จะพกเพียงปากกาเล่มเดียวใว้เขียนใบเช็คเวลาจะจ่ายซื้อของหรือจ่ายค่ารถคิดว่าน่าจะใช้ได้น้ะ้ครับ(แต่เงินเก่ายังเหลือในบัญชีสมัยยังเป็นโยม)

เรื่องวัตถุมงคลมีพระใว้เป็นสิ่งเตื่อนใจให้ระลึกได้แต่อย่าหลงในวัตถุมากเกินจนเกิดกิเลสพระแขวงคอหรือพระพุทธรูปมีมาหลายสมัยแล้วหล่อปั่นมาเพื่อให้ผู้คนไม่ลืมศาสนาตัวเองคิดว่างั่น




#190165 ทาน ศิล ภาวนา อย่างไหนสำคัญก่วากัน

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 04 November 2013 - 07:53 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

ทาน  ศีล  ภาวนา  ถามว่าอย่างไหนสำคัญกว่ากัน  ตอบไม่ได้หรอกครับ   เหมือนกับถามท่านว่า  อาหาร  น้ำ  อากาศ  อย่างไหนสำคัญกว่ากัน  ใครก็ตอบยาก  เพราะความต้องการของตนในขณะนั้นไม่เหมือนกัน

 

อาหาร  น้ำ  อากาศ  จำเป็นต่อชีวิตทั้งสามอย่าง  ขาดสิ่งใด  สิ่งหนึ่ง  ชีวิตก็อยู่ได้ไม่นาน   ทาน  ศีล  ภาวนา  ทั้งสามอย่างก็ขาดการเกื้อหนุนกันไม่ได้เหมือนกัน  

 

ทำทานอย่างเดียว  ไม่รักษาศีล  ไม่ทำสมาธิเจริญภาวนา  เวลาบุญส่งผล  ให้มีทรัพย์ร่ำรวย  แต่ทรัพย์ก็จะวิบัติเพราะเราไม่มีปัญญาในการจัดการใช้จ่าย

 

ทำสมาธิภาวนาอย่างเดียว  ไม่ทำทาน  ไม่รักษาศีล  เวลาบุญส่งผล  ให้เป็นคนฉลาด  มีปัญญามาก  แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการดำเนินชีวิต  ได้อยู่ในที่ อปฏิรูปเทส  ขาดกัลยาณมิตร  ชีวิตก็ดำเนินไปลุ่มๆ ดอนๆ  ไม่มีความสะดวกสบาย  ติดขัดไปหมด

 

และ  ฯลฯ

 

เพราะฉะนั้น  ทาน  ศีล  ภาวนา  "ต้อง" ทำไปพร้อมๆ กัน  ให้ทุกสิ่งทุกอย่างส่งผลเกื้อหนุน ส่งเสริมซึ่งกันและดัน  เส้นทางชีวิต  เส้นทางการสร้างบารมีก็จะราบรื่น

 

..................................................................

 

ส่วนคำถามอีกข้อ  ขอแนะนำว่า  อย่าถามคนอื่นครับ  เพราะไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวเรา  ถ้า "พร้อม" เมื่อไหร่  ก็บวชเมื่อนั้นทันทีครับ  อย่ารอ  อย่าวางแผน  เพราะมันจะไม่เป็นไปตามแผนนั้นอย่างแน่นอน  จำไว้ครับ  "พร้อม-แล้ว-บวช" 

 

........................................................................

 

แต่เชื่อผมเถอะ  ท่านที่จะเข้ามาตอบท่านถัดไป  ต้องตอบว่า   "  ไม่ต้องรอ  บวชเลย "  อย่างแน่นอน  ฟันธงฉับๆ

เห็นด้วยครับพร้อมแล้วบวชเลยไม่ต้องรอช้าแต่เรื่องทานนั้นได้ยินพระทานว่าเพื่อลดความตะหนี่ขี่เหนียวเท่านั้นแต่ก็ได้บุญต้องทำควบคู่กันไปคือ ทาน ศีล   ภาวนา    เป็นต้นคิดว่างั้น :) ครับ




#190092 ปกติเค้านั่งกันนานไหมครับถึงจะเข้าถึงดวงปฐมมรรค

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 26 October 2013 - 10:17 PM ใน การปฏิบัติธรรม-นั่งสมาธิ

ผมนั่งมาประมาน 2 เดือนก่วายังมืดอยู่เลยบางที ก็ท้อนะครับ แต่ก็นั่งทุกวัน เป็นเพราะไม่มีบุญบารรมีหรือเป่าครับ แล้วต้องทำยังไงครับ จึงจะเข้าถึง ได้เร็วเร็ว ผมนั่งไม่ต่ำว่า30 นาที วัน 2-4 ครั้ง

ท้อได้แต่อย่าถอยน้ะครับอดทนใว้เดียวก็สว่างเองให้ทำความดีเยอะๆพยามล่ะและปล่อยวางการที่จะบรรลุมรรคผลผมได้ยินมาว่าแล้วแต่อินทรีบารมีแต่ล่ะบุคลคลแต่ต้องปฏิบัติไปเรื่อยๆคนที่เขาสำเร็จเขาไม่ได้คิดว่าตัวเองสำเร็จแต่เขาจะพยามล่ะพบและชาติล่ะสันโยน5ให้ได้และทำความดีและช่วยผู้เหลือผู้คนให้ไปถึงธรรมน้ะครับ




#190006 ประกันภัย ที่ไม่ด้ายชื้อด้วยเงิน แต่มีค่าเกีนก่วาที่เงินจะชื้อด้าย

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 22 October 2013 - 07:20 PM ใน การปฏิบัติธรรม-นั่งสมาธิ

ทำแล้วน้ะครับรักษาทุกข้อใว้อย่างดีเลย



#189992 ประมวลภาพ “ตักบาตรมิตรภาพไทย-ลาว” เนื่องในวันออกพรรษา 2556

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 21 October 2013 - 09:50 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

ของท่านนี้เยอะมาก  ยกมาลงไม่ไหว   เอาเป็นว่าตามไปดูกันนะครับ

 

https://www.facebook...88868745&type=1


ส่วนนี่ของ DMC TIME 

 

1374701_584466284922123_1225169862_n.jpg

 

ของท่านนี้เยอะมาก  ยกมาลงไม่ไหว   เอาเป็นว่าตามไปดูกันนะครับ

 

https://www.facebook...88868745&type=1


ส่วนนี่ของ DMC TIME 

 

1374701_584466284922123_1225169862_n.jpg

ขอโมทนาสาธุๆด้วยน้ะครับ




#189958 ก่อนการเกิดของสรรพสิ่งคือสิ่งใด ?

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 19 October 2013 - 08:20 PM ใน การปฏิบัติธรรม-นั่งสมาธิ

สวัสดีครับ เพื้อนฯนักส้างบารมีทุกคน. ผมอยากชาบว่า *ก่อนการเกิดของสรรพสิ่งคือสิ่งใด* ถ้าไครมีข้อมูล ช่วยแนะนำผมด้วยนะครับ ขอบคุณ ครับ

ก่อนการเกิดของสรรพสิ่งก็น่าจะมี..จุดของธาตุของการเริ่มต้น เช่นดิน/น้ำ/ลม/ไฟ เป็นการก่อตัวของการเริ่มต้นครับ พูดตามหลักน้ะครับ




#189944 ท่านใดจะไปหนองคาย ยังตัดสินใจทันนะ

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 17 October 2013 - 08:25 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

...ผมไปรถอา คับ  :$    ... อาศัยเขาไป...

 

...ไปเจอกันที่โน่นเลยนะครับทุกท่าน  เตรียมเสื้อกันฝน ร่ม เสื้อกันหนาว ยาพาราฯ ให้พร้อมกันนะ  ^_^

 

...บอกได้เลยว่า งานนี้ถ้าใครไม่ไป ไม่มีเสาเข็มให้ตอกให้วันอื่นของสิ่งนี้อีกแล้วนะ  ปักลงไปแล้ว ปักเลยถาวร  :lol:

 

...อ้อ ที่พักนะครับ ถ้าไปหาเอง หรือไปด้วยตนเอง ขอบอกว่าอย่าเพิ่งคิดว่าจะหาได้ง่ายนะครับ เพราะทั้งประเทศมุ่งไปพักที่ หนองคาย บึงกาฬ ฯลฯ กันเพียบ ครั้งที่แล้วจองไว้ข้ามพรรษาเลยทีเดียว... ถ้าจำเป็นต้องไปพักจริงๆ อยากได้ที่ไหนลองอธิษฐานเอาบุญสู้ดูนะครับ เผื่อจะได้ เพราะเราก็น่าจะมีบุญมากกันอยู่แล้ว ลองดู ๆ  8-)

 

....แต่ลูกหลานหลวงปู่ คงไม่เกี่ยง ไม่สนเรื่องที่พักกันอยู่แล้วใช่ไม๊ครับ เต้นท์หลังเดียวก็พอ  B)

8-) พอดีผมยุอุดรมาพักบ้านผมได้น้ะครับที่อยูุ่ตามรูปนี้เลยมีทางลัดไปทางหนอยคาย+สกล+บึงกาฬอยู่กึงกลางอยู่.เขตวังสามหมอ*เลยครับ




#189940 นั่งวันเว้นวันคือการพิจาระณามาปฎิบัติชึ่งธรรม

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 16 October 2013 - 11:06 PM ใน การปฏิบัติธรรม-นั่งสมาธิ

:lol: ...จริงๆ ก็จบลงโดยสันติตั้งนานแล้วคุณทัพ.. 

 

....ผมแลกเปลี่ยนความรู้กับคุณก้าน อยู่ต่างหาก... เขารู้มาแบบไหน  ผมรู้มาแบบใด เอาเหตุผลมาคุย  แม้เราจะรู้ในมุมของเรา ในครูบาอาจารย์ของเราดีอยู่แล้ว ก็ควรฟังความเห็น หรือเหตุผลจากครูบาอาจารย์ของท่านอื่นดูบ้าง  แต่สุดท้ายผู้เป็นบรมครูที่สุดก็ไม่พ้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นแหละ เพราะเราก็เป็นชาวพุทธ... เหตุที่กล่าวถึงพระไตรปิฏกบ้าง ก็เพราะ มีพูดถึงสิ่งนี้ หรือสั้งนั้นไว้อยู่พอดี เลยยกขึ้นมาเหมือนเป็นคำกล่าวของพระศาสดาเหมือนเป็นคู่มือการสอนที่ค้นคว้าต่อเองได้นั่นเอง... (ยิ่งมีคนอ่านพระไตรปิฏกมากขึ้น ก็คงจะดีกับพระพุทธศาสนาอย่างยิ่งนั่นเอง จะได้พูดคุยกันสนุกด้วย)

 

....หลายท่านเวลาตอบคำถาม  บางทีก็รีบจบประเด็นโดยยังค้างคาใจกันอยู่  ผมก็เลยถามคุณก้านมามีสิ่งใดอีก ก็ชี้แนะหรือแบ่งปันกันมา แต่จะชอบหรือถนัดในทางปฏิบัติใด ก็ไม่บังคับใจกัน หรือข่มกันอยู่แล้ว อีกอย่างผมก็ดูแล้วว่าคุณก้านไม่ได้มีเจตนามาข่มอะไร  เขามีเจตนาดีในแบบของเขา คือ อย่าตึง อย่าฝืนเกินไปจนเสียสุขภาพ  ^_^

 

....งั้นคุณก้าน ก็คงได้แลกเปลี่ยนกันไปบ้างแล้วไม่มากก็น้อย  จริงๆ ปัญหามันก็แค่ไม่คิดตนเองถูกทั้งหมด  คนคิดไม่เหมือนเราเลยผิดหมด  หรือไปมองที่ตำราบ้าง คนปฏิบัติบ้าง ว่า ต้องเหมือนเราถึงจะถูก ไม่เหมือนเราคือไม่ถูก  ....ถ้าลองคิดแบบนี้ก็คุยกันไม่ได้เสียแล้ว เพราะจะมีแต่ความโกรธบดบังหมด...

 

...เวลาเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในยุคของพระศาสดา ก็มีแค่พระองค์ท่านลำพังพระองค์เดียวที่เป็นศาสนาพุทธ กว่าท่านจะให้เหตุผลแก่ผู้ต่างศาสนา หรือไร้ศาสนาให้เลื่อมใสในพุทธศาสนาได้ ก็ต้องนำความจริงมาคุยกันอย่างเป็นเหตุผล  ก็จะคุยกันได้ยาวนานกว่า เพราะยังคงความรู้สึกที่ดีในการสนทนาไว้ได้บ้าง...

 

...จริงๆ ถ้าเราคุยกับใคร แล้วเขาไม่ได้เอนเอียงมาทางมุ่งตำหนิ ละเมิด หรือว่าร้ายตัวเรา สถาบัน ครูบาอาจารย์ ประสบการณ์ การศึกษา  ฯลฯ อันเป็นสิทธิส่วนบุคคลหรือบุคคลที่เราเคารพอยู่แล้ว  สำหรับผม ผมก็คุยนะ แต่ถ้าเริ่มเอนเอียงมาทางนั้นดังกล่าว ผมก็เลิกคุยเลย ถือว่า เขาไม่เคารพสิทธิส่วนบุคคล หรือถ้าใช้คำหยาบก็แปลว่า ควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้  ถ้าหยิบสิ่งที่เคารพไปพูดคุยในทางตลกหรือเสื่อมเสีย ผมก็จะเลิกคุยเลยเพราะคิดว่า  เขาดูหมิ่นสิ่งที่เราเคารพ ก็เหมือนดูหมิ่นทุกอย่างที่เป็นสิทธิของเรา ทุกอย่างที่เป็นตัวเรา เพราะการที่เราจะเคารพนับถือใคร เรามีเหตุผล พยาน หลักฐาน ความรู้ สติปัญญา วุฒิการศึกษา ฯลฯ ที่ได้กลั่นกรอง วิเคราะห์ไว้อย่างดีแร้ว ถึงได้เกิดเป็นความเคารพ .. ...ถ้าเจอคนแบบนั้น ผมไม่เสียเวลาคุยด้วยให้ใจตก... ( อธิบายไว้ในมุมมองเฉพาะตัวผมเท่านั้น)... *-)

สรุปแล้วน้ะครับ*เท่าที่ผมรู้มาว่าการปฎิบัติมายังไงก็ดีขอแต่ให้ถูกต้องและเป็นคุณงามความดีดีทุกอย่างเกี่ยวกับธรรมมะทุกแขนงเหมื่อนกับแม่น่ำหลายสายทุกสายที่ไหลมาบัดจบกันที่ทะเลสุดท้ายก็จะไปถึงจุดหมายปลายทางเดี่ยวกันหมดอย่างแน่นอนค่ะรับ : ขอบคุณที่สั่งสอนแนะนำน้ะค่ะรับ :$ :lol: 8-)




#189928 นั่งวันเว้นวันคือการพิจาระณามาปฎิบัติชึ่งธรรม

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 15 October 2013 - 09:25 PM ใน การปฏิบัติธรรม-นั่งสมาธิ

....ถ้าเช่นนั้น การเข้านิโรธสมาบัติ หรือการจำพรรษาแบบปลีกวิเวกของพระผู้ปฏิบัติในป่าลึก ท่านนั่งอย่างเดียวนะ แล้วก็ไม่ได้ฉันภัตตาหารใดๆด้วย อยู่ได้ด้วยสมาธิเพียงอย่างเดียว ... งั้นคุณคิดว่าท่านทำผิดวิธีหรือ? ปกติของสมาธิไม่ใช่ นั่ง นอน ยืน เดิน ทั้งหมดหรอก แล้วแต่อัธยาศัย หรือแล้วแต่การปฏิบัติต่างหากล่ะ จะบอกว่าทุกรูปต้องเดินบ้าง นั่งบ้าง นอนบ้าง เป็นบรรทัดฐานก็คงไม่ใช่หรอกนะ....

 

....ส่วนการนั่งอย่างเดียว นานๆ หลายๆ วัน ก็คงมิอาจโต้แย้งได้ว่า ปฏิบัติเช่นเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่นั่งลงอย่างเดียว โดยอธิษฐานจิตว่า ถ้ายังไม่บรรลุพระสัพพัณญุตญาณ หรือ ญาณตรัสรู้ที่เกิดเฉพาะผู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ก็จะไม่ทรงลุกจากบรรลังก์(ที่นั่ง) แห่งนี้...  ดังนั้น ท่านเลือกที่จะนั่งนะครับ นั่งแบบเอาชีวิตของท่านเดิมพันให้ได้พระสัพพัณญุตญาณนั่นเอง...    

 

...อ้อ...อย่างพระองค์ท่านนั้นนั่งติดต่อกันเจ็ดวันนะ  แต่พระบางรูปนั่งตลอดพรรษา หรือสามเดือนเลยก็มีนะ จริงๆ ในพระไตรปิฏกก็มีให้อ่านนะ หลายรูปทีเดียวที่นั่งตลอดแบบหลายๆวัน ก่อนที่จะได้อภิญญา... ลองดูในพระสุตันตปิฏก หรือพระอภิธรรมปิฏก ที่เอ่ยไว้ควบคู่กัน

 

...จิงๆ ถ้าตามหลักวิทยาศาสตร์ด้วยแล้ว การนั่งนั้นใช้พลังงานน้อยกว่าเดินมากนะครับ ใช้น้อยลองมาจากการนอน แต่การใช้การนอนทำสมาธินั้นจะสบายเกินไปจนทำให้เผลอสติแล้วหลับไปได้ (เป็นการหย่อนหรือพักผ่อนเกินไป) ...ดังนั้น...จึงต้องไม่ตึง ไม่หย่อนเกินไป นั่นจึงเป็นการนั่งที่พระศาสดาเลือกนั่นเอง...

 

...ถ้ามีสิ่งใดชี้แจงต่อ ก็ต่อมาได้เลย... *-)

เท่าที่ผมเคยปฎิบัติมาน้ะครับตอน4-5โมงเย็นเดินจงกลม6โมงเย็นทำวัตรสวดมนต์ตกกลางคืนนั่งสมาธิพอตี3เริ่มทำวัตรเช้า  วัดป่าแถวตจว.ปฎิบัติแบบนี้แหละปฎิบัติแบบปกติ(ตอนบวชเป็นเณร2ปีเองน้ะครับ)  ถ้าทำได้เหมือนที่พี่ว่ามาก็ดีสิครับส่วนมากพระเณรจะไปเรียนนักธรรมตรีธรรมโทธรรมเอกกันปฎิบัติเฉพาะกลางคืนน้ะครับคือปฎิบัติปกติครับถ้านั่งสมาธินาน7วันหลวงพ่อจะว่าเอาน้ะครับ :lol: 8-) :




#189913 นั่งวันเว้นวันคือการพิจาระณามาปฎิบัติชึ่งธรรม

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 14 October 2013 - 11:08 PM ใน การปฏิบัติธรรม-นั่งสมาธิ

แล้ว.....

 

...ทำไมต้องวันเว้นวันอ่ะ?  :glare:

 

...คือ ถ้านั่งแล้วดี ก็ควรนั่งทุกวันสิ  ^o) ถ้ากลัวว่าจะติดความอยากในการนั่งสมาธิ ก็เป็นการติดกังวลสิ กังวลว่าจะอยากนั่งมากไป กังวลว่านี่มากไปโน่นมากไป เกิดความลังเลสงสัย...

 

...แล้วนั่งติดต่อกันหลายๆวันโดยไม่ลุกไปไหนเลยแบบพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะปีติในสมาธิ แบบนี้จะเรียกว่าติดกิเลสในความอยากหรือ?  ^_^   (ตอบชี้แจงแลกเปลี่ยนกันจิ)

นั่งวันเว้นคือการใช้ปัญญาและพิจาระณาด้วยพูดง่ายก็ต้องเดินจงกลมกลับไปกลับมาให้ใช้ปัญญาหลายๆทางน้ะถ้ามีแต่นั่งเดี่ยวร่ายกายส่วนขาจะไม่แข็งแรงต้องให้ธาตุทั้ง4สม่ำเสมอกันคือ ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟต้องเท่ากันถ้าธาตุไดธาตุหนึ่งเกินเดี่ยวไม่สบายเอา




#189903 นั่งสมาธิวันละกี่นาทีดีคับ

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 13 October 2013 - 11:30 PM ใน การปฏิบัติธรรม-นั่งสมาธิ

 ถ้าอยากนั่งสมาธิติด  เท่าที่ผมเคยนั่งมาเฉพาะวันพระ15ค่ำกับ8ค่ำเท่านั่นและอย่าลืมบอกเทพเทวาที่สิงห์สถิตอยู่ในถิ่นที่พักอาศัยและในที่ต่างๆเช่นห้วยหนองคลองบึ้งด้วยว่าขอให้ท่านโมทนาส่วนบุญส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำลงไปด้วยเทอญจากการที่ข้าพเจ้านั้งสมาธิ*ด้วยน้ะเราถึงจะได้บุญมากจะมีสักขีพยานน้ะ(เราก็จะได้บุญกุศลมากและเหล่าเทพเทวาก็จะได้บุญด้วยและเทพเทวาจะช่วยเราไปให้ถึงมรรคผลนิมพานด้วย)




#189899 นั่งวันเว้นวันคือการพิจาระณามาปฎิบัติชึ่งธรรม

โพสต์เมื่อ โดย ก้าน บน 13 October 2013 - 10:43 PM ใน การปฏิบัติธรรม-นั่งสมาธิ

    การนั่งสามาธิเท่าที่ผมรู้มาให้นั่งสงบแล้วระลึกลมหายใจเข้าออกอย่างเดียวถือว่าใช้ได้แล้ว

 

    ถ้ารู้ว่าตัวเอียงก็ให้ระลึกลมหายใจเข้าออกเพ่งจิตมาช่วงหน้าผากแล้วก็จะตรงเอง

 

    เวลานั่งสมาธิห้ามจิตคิดออกนอก  ถ้าเราคิดเขาเรียกว่าวิญญาเกิดดับเกิดดับอยู่ตลอดเวลาก็จะไม่เป็นสมาธิเข้าเรียกนั่งคิด

 

    การที่จะนั่งสมาธิต้องมีความรู้ก่อน  เช่น  วิญญานคืออะไร   คือความรู้สึกนึกคิด   และการพิจาระณาร่างกายคือกายคือลมลมคือร่างกาย

 

    เมื่อไม่มีลมหายใจกายก็ไม่มีความหมายอะไรกายดับวิญญานก็ดับไปตามรูป    

 

     การนั่งสามาธิปฏิบัติไปทุกวันจะดีสุดท้ายจะรู้เองว่ายิงปฏิบัติก็จะยิ่งอยากขึ้นไปเรื่อยๆแต่ผมได้ยินพระท่านบอกว่าถ้าอยากให้ใช้ปัญญา น้ะ

 

     เท่าที่ผมรู้มามีแค่นี้แหละ            อย่าลืมระลึกลมหายใจเข้าออกอยู่เสมอไปไหนให้พุทธโทเข้าใว้แล้วจะดีเอง