Jump to content


good's Content

There have been 13 items by good (Search limited from 13-July 23)


Sort by                Order  

#168343 บารมีมากหรือน้อยวัดกันอย่างไร?

Posted by good on 03 February 2010 - 01:16 AM in เว็บบอร์ด DMC

ขอเสริมอีกนิดครับ

ถ้าคนนั้นเป็นคนที่มีบารมี คนนั้นจะเป็นคนมีบุญเสมอ

ถ้าคนนั้นเป็นคนที่มีบุญ คนนั้นอาจจะไม่มีบารมีก็ได้

บารมีได้ยากกว่าบุญ



#168243 บารมีมากหรือน้อยวัดกันอย่างไร?

Posted by good on 02 February 2010 - 12:49 AM in เว็บบอร์ด DMC

คนมีบารมี ก็คือ คนที่มีเป้าหมายชีวิตที่ดีที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและ/หรือสังคม และ มีกำลังใจอย่างมหาศาลหรือสันดานดีที่จะทำให้ถึงเป้าหมายที่กล่าวไปแล้วข้างต้น

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคนที่ไม่มีบารมี ก็จะไม่มีโจทย์ชีวิตหรือเป้าหมายชีวิตของตัวเอง ก็จะทำงานไปวันๆ ชิวชิวเรื่อยๆ ถ้ามีคนมาถามว่า
(ยกตัวอย่าง)เป้าหมายชีวิตของคุณคืออะไร คนที่ไม่มีบารมีจะตอบว่า "ไม่รู้สิ เรื่อยๆ ชิวชิว ขอแค่ไม่ทำความเดือดร้อนให้ใครก็พอ"
แล้วเราจะให้เค้าเปลี่ยนจากการที่ไม่มีเป้าหมายชีวิตมาเป็นมีเป้าหมายชีวิตที่ดีก็ยากซะด้วยเพราะสิ่งเหล่านี้มันเป็นสันดานซึ่งต้องสั่งสม
มาจากนิสัย (สันดานเปลี่ยนยากกว่านิสัย)

สรุป บารมีคือสันดานดีหรือกำลังใจมหาศาลที่จะทำดีต่อตัวเองและ/หรือสังคม



#167644 บารมีคืออะไร ?

Posted by good on 23 January 2010 - 02:12 AM in เว็บบอร์ด DMC

ถ้ามีคนบอกว่า "คุณเป็นคนมีบารมี" หมายความว่า คุณจะได้เป็นพระพุทธเจ้า หรือ พระปัจเจกพุทธเจ้า หรือ พระอรหันต์ เป็นแน่แท้ใช่ไหมครับ?




#162569 อยากทราบคำตอบค่ะ

Posted by good on 07 November 2009 - 10:34 PM in เว็บบอร์ด DMC

งงป่ะ?



#162568 อยากทราบคำตอบค่ะ

Posted by good on 07 November 2009 - 10:26 PM in เว็บบอร์ด DMC

ขอเสริมอีกนิดอ่ะครับ
ถ้าจิตอยากกินเหล้า ก็ให้รู้ทันว่าจิตอยากกินเหล้า อย่าไปโกหกตัวเองว่าจิตรู้ว่าไม่อยากกินเหล้า
ถ้าจิตไม่อยากกินเหล้า ก็ให้รู้ทันว่าจิตไม่อยากกินเหล้า อย่าไปโกหกตัวเองว่าจิตรู้ว่าอยากกินเหล้า

ให้ดูจิตตามสภาพความเป็นจริงเท่านั้น ถ้าจิตรู้สึกเฉยๆ ก็อย่าไปภาวนาว่าจิตไม่อยากกินเหล้า
ถ้าจิตรู้สึกเฉยๆ ก็อย่าไปภาวนาว่าจิตอยากกินเหล้า




#162567 อยากทราบคำตอบค่ะ

Posted by good on 07 November 2009 - 10:14 PM in เว็บบอร์ด DMC

ขอเสริมอีกนิดอ่ะครับ

"จิตอยากกินเหล้า" กับ "จิตรู้ว่าอยากกินเหล้า" มันต่างกันนะครับ คนกินเหล้าส่วนใหญ่จะเป็น"จิตอยากกินเหล้า"

จิตจะทำงานได้ทีละ 1 อย่างเท่านั้น ถ้าในขณะที่"จิตอยากกินเหล้า" จิตจะไม่รู้ว่าอยากกินเหล้า

ถ้าในขณะที่"จิตรู้ว่าอยากกินเหล้า" จิตจะไม่อยากกินเหล้า

ถ้า "จิตรู้ว่าอยากกินเหล้า" เกิดขึ้นแสดงว่าเรามีสติ


ในโรงละคร จะมีตัวละคร และมีผู้ชม

ตัวละครที่แสดงอยู่เปรียบเสมือน "จิตอยากกินเหล้า"

ผู้ชมเปรียบเสมือน"จิตรู้ว่าอยากกินเหล้า"


ถ้าจิตอยากกินเหล้า ก็ให้รู้ทันว่าจิตอยากกินเหล้า
ถ้าจิตไม่อยากกินเหล้า ก็ให้รู้ทันว่าจิตไม่อยากกินเหล้า


การทำแบบนี้ คือ วิปัสสนา


ถ้ายังไม่เข้าใจ ผมจะยกตัวอย่างอีกตัวอย่าง

เวลาเราโกรธ จิตก็อยากทุบตีคนอื่น จิตก็จะนึกถึงหาไม้มาทุบตีเป็นต้น
แต่ถ้าเรามีสติ แล้วเรารู้ว่าเราโกรธ เราก็จะมีความสามารถยับยั้งชั่งใจได้ ชั่วขณะที่เรารู้ว่าเราโกรธนั้น จิตจะไม่โกรธ (ก็ผมบอกแล้วว่าจิตทำงานได้ทีละ 1 อย่างจะทำงานทีละ 2 อย่างพร้อมกันไม่ได้)



#162521 อยากทราบคำตอบค่ะ

Posted by good on 06 November 2009 - 11:28 PM in เว็บบอร์ด DMC

ผมขอตอบข้อ3.ของคุณต้นอ้อครับ

บอกสามีคุณว่า เวลาอยากดื่ม ก็ให้รู้ว่าอยากดื่ม
ครั้งต่อมา ก็บอกเขาว่า ถ้าอยากดื่ม ก็ให้รู้ว่าอยากดื่ม

ครั้งต่อมา ก็บอกเขาว่า ถ้าอยากดื่ม ก็ให้รู้ว่าอยากดื่ม

ครั้งต่อมา ก็บอกเขาว่า ถ้าอยากดื่ม ก็ให้รู้ว่าอยากดื่ม

ครั้งต่อมา ก็บอกเขาว่า ถ้าอยากดื่ม ก็ให้รู้ว่าอยากดื่ม

ครั้งต่อมา ก็บอกเขาว่า ถ้าอยากดื่ม ก็ให้รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม

ครั้งต่อมา ก็บอกเขาว่า ถ้าอยากดื่ม ก็ให้รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม (รู้บ่อยขึ้น)

ครั้งต่อมา ก็บอกเขาว่า ถ้าอยากดื่ม ก็ให้รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม (รู้บ่อยขึ้นอีก)

ครั้งต่อมา ก็บอกเขาว่า ถ้าอยากดื่ม ก็ให้รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม (พัฒนาตัวรู้)

ครั้งต่อมา ก็บอกเขาว่า ถ้าอยากดื่ม ก็ให้รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม (ชำนาญในตัว(จิต)รู้)

ครั้งต่อมา ก็บอกเขาว่า ถ้าอยากดื่ม ก็ให้รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม (มีสติเห็นการเปลี่ยนแปลงจากรู้ว่าอยากเป็นรู้ว่าไม่อยาก)

ครั้งต่อมา ก็บอกเขาว่า ถ้าอยากดื่ม ก็ให้รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยาก ดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม (มีสติเห็นการเปลี่ยนแปลงจากรู้ว่าอยากเป็นรู้ว่าไม่อยาก)

ครั้งต่อมา ก็บอกเขาว่า ถ้าอยากดื่ม ก็ให้รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม (มีสติเห็นการเปลี่ยนแปลงจากรู้ว่าอยากเป็นรู้ว่าไม่อยาก และเห็นว่าความอยากดื่มเป็นได้เพียงชั่วคราวเกิดมาแล้วก็ดับไป)

ครั้งต่อมา ก็บอกเขาว่า ถ้าอยากดื่ม ก็ให้รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม (มีสติเห็นการเปลี่ยนแปลงจากรู้ว่าอยากเป็นรู้ว่าไม่อยาก และเห็นว่าความอยากดื่มเป็นได้เพียงชั่วคราวเกิดมาแล้วก็ดับไป)

ครั้งต่อมา ก็บอกเขาว่า ถ้าอยากดื่ม ก็ให้รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม(มีสติเห็นการเปลี่ยนแปลงจากรู้ว่าอยากเป็นรู้ว่าไม่อยาก และเห็นว่าความอยากดื่มเป็นได้เพียงชั่วคราวเกิดมาแล้วก็ดับไปเกิดปัญญาว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้โทษ)

ครั้งต่อมา ก็บอกเขาว่า ถ้าอยากดื่ม ก็ให้รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม(มีสติเห็นการเปลี่ยนแปลงจากรู้ว่าอยากเป็นรู้ว่าไม่อยาก และเห็นว่าความอยากดื่มเป็นได้เพียงชั่วคราวเกิดมาแล้วก็ดับไปเกิดปัญญาว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้โทษ)

ครั้งต่อมา ก็บอกเขาว่า ถ้าอยากดื่ม ก็ให้รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม(มีสติเห็นการเปลี่ยนแปลงจากรู้ว่าอยากเป็นรู้ว่าไม่อยาก และเห็นว่าความอยากดื่มเป็นได้เพียงชั่วคราวเกิดมาแล้วก็ดับไปเกิดปัญญาว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้โทษ แล้วดื่มไปเพื่ออะไร)

ครั้งต่อมา ก็บอกเขาว่า ถ้าอยากดื่ม ก็ให้รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าอยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม รู้ว่าไม่อยากดื่ม(มีสติเห็นการเปลี่ยนแปลงจากรู้ว่าอยากเป็นรู้ว่าไม่อยาก และเห็นว่าความอยากดื่มเป็นได้เพียงชั่วคราวเกิดมาแล้วก็ดับไปเกิดปัญญาว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้โทษ แล้วดื่มไปเพื่ออะไร)




เลิกเด็ดขาด

(ที่สำคัญต้องบอกให้สามีดูจิตตัวเองบ่อยๆอ่ะครับ เวลากระดกแก้วเบียร์เข้าปาก ก็ให้รู้ว่าอยากดื่ม(ถ้าจิตอยากดื่ม) เวลาอยากไปกินเหล้ากับเพื่อนก็ให้รู้ว่าอยากดื่ม)



#162512 การดูจิตตัวเอง

Posted by good on 06 November 2009 - 08:51 PM in เว็บบอร์ด DMC

ผมเคยอ่านหนังสืออ่ะครับบอกว่า ในชั่วขณะ จิตเกิดดับนับแสนโกฏิครั้ง(1,000,000,000,000ครั้ง)

1.ถ้าเราเห็นเปลวเทียนในชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งเกิดจากจิตเห็นแสงสว่างจากเปลวเทียนในแต่ละตำแหน่งเช่นปลายยอดของเปลวเทียน และที่ตำแหน่งใกล้กับไส้เทียน และที่ตำแหน่งเปลวเทียนตรงกลาง และที่....(อีกมากมายมากๆ) ประมาณแสนโกฏิครั้ง จนหลอกตาเราแล้วเราเห็นเป็นภาพต่อเนื่อง(ภาพเปลวเทียน)(แต่จริงๆแล้วไม่ต่อเนื่อง)ใช่ไหมครับ?

2.มีวิธียังไงที่เราจะเห็นรูปได้ไวแสนโกฏิครั้งภายในเวลาชั่วขณะ(ประมาณ 1/4 วินาที)?



#162507 อย่างนี้บาปไหม

Posted by good on 06 November 2009 - 08:10 PM in เว็บบอร์ด DMC

ขอบคุณทุกคนที่ตอบครับ

ผมคิดว่าผมคงต้องดูจิตตัวเองอย่างมีสติแล้วอ่ะครับ จะได้รู้ว่าผมเจตนาหรือไม่เจตนา

1.ถ้าผมอยู่ในห้องน้ำแล้วเห็นมดอยู่ที่พื้นห้องน้ำ แล้วคิดว่าถ้าเราอาบน้ำ น้ำคงจะพามดตกลงไปที่รูระบายน้ำ แต่ผมก็อาบน้ำทั้งๆที่รู้ว่ามด
คง(ผมใช้คำว่าคงนะครับ)จะต้องตายแน่ๆถ้าผมอาบน้ำ แล้วมดโดนน้ำที่อาบแล้วก็ตาย
2.มดอยู่ในห้องน้ำ แต่ผมไม่เห็นมด แล้วผมก็อาบน้ำ แล้วมดโดนน้ำที่อาบแล้วก็ตาย

กรรมในข้อ1. กับข้อ 2. ต่างกันอย่างไรครับ?



#162491 อย่างนี้บาปไหม

Posted by good on 06 November 2009 - 12:31 PM in เว็บบอร์ด DMC

ถามต่ออ่ะครับ แล้วอะไรคือเจตนาที่ทำให้คนอื่นรำคาญ แล้ววิบากเกิดจากเจตนาอะไรครับ ขอบคุณล่วงหน้าด้วยครับ



#162473 อย่างนี้บาปไหม

Posted by good on 05 November 2009 - 11:11 PM in เว็บบอร์ด DMC

ผมขอถามอีกคำถามนึงอ่ะครับ ซึ่งมันค้างคาใจผมมานาน

ถ้าผมเล่นเกมaudition(เป็นเกมเต้นเกมหนึ่งซึ่งนิยมเล่นกัน) แล้วผมมันส์ในอารมณ์จนกดคีย์บอร์ดเสียงดังแบบลืมตัว แล้วคนข้างๆรำคาญ

อย่างนี้ถือว่าบาปหรือไม่?



#162472 อย่างนี้บาปไหม

Posted by good on 05 November 2009 - 10:47 PM in เว็บบอร์ด DMC

อันที่จริงแล้วนาย A เค้ากำลังจะเป็นผมอ่ะครับ เพราะผมกำลังฝึกงานที่นี่อ่ะครับ ที่ตอนแรกผมไม่บอกว่านาย A เป็นผม เพราะผมอยากได้
คำตอบที่เป็นกลางแบบไม่ต้องเกรงใจผมอ่ะครับ ถ้าเป็นอย่างนี้ผมค่อยโล่งอกหน่อย

happy.gif



#162440 อย่างนี้บาปไหม

Posted by good on 05 November 2009 - 05:28 PM in เว็บบอร์ด DMC

นาย A (นามสมมุติ) ทำงานตำแหน่งวิศวกร มีอยู่วันหนึ่ง ลูกค้าให้นาย Aไปติดตั้งเซ็นเซอร์วัดระดับของเหลวที่อยู่ในถัง

ซึ่งของเหลวนี้คือสิ่งที่จะต้องป้อนให้สัตว์กิน ซึ่งเมื่อเลี้ยงสัตว์จนโตได้ที่ด้วยของเหลวนี้แล้ว ลูกค้าก็จะนำสัตว์ตัวนี้ไปฆ่าเพื่อเป็นอาหารให้คนกิน



คำถาม

นาย A บาปไหมที่ทำหน้าที่ดังกล่าว ?



ถือว่านาย A สนับสนุนในการทำบาปไหม?