- ธรรมะสร้างกำลังใจ ทำให้คุณเป็นสุขใจได้ตลอดเวลา
- → เนื้อหาจาก Yenta4
เนื้อหาจาก Yenta4
ค้นพบทั้งสิ้น 12 รายการโดย Yenta4 (จำกัดการค้นหาจาก 24-July 23)
โดยประเภทของเนื้อหา
ดูสมาชิกนี้'s
#184425 ทางเลือกที่เหมาะสม(สำหรับคุณตำรวจรักบุญ)
โพสต์เมื่อ โดย Yenta4 บน 06 November 2010 - 09:08 PM ใน เว็บบอร์ด DMC
ฉะนั้นถ้าเราจะทำให้กรรมเก่าของเราเจือจางลง ก็ต้องหมั่นรักษาศีล นั่งธรรมะด้วยใจที่ปราศจากความกังวลต่างๆ ทำใจให้อยู่ในอารมณ์สบายให้สม่ำเสมอ ต้องทำย้ำๆซ้ำๆไปเรื่อยๆ จนเราหมดความสงสัยในตัวเรา และเราก็เป็นที่พึ่งของตัวเราได้ อันนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านสอนเสมอๆ แม้ผู้ใจละเอียดแล้ว ที่ไปศึกษาธรรมะที่ละเอียดลึกซึ้งยิ่งๆขึ้นไป ท่านก็ไม่ทิ้งพื้นฐานตรงนี้เลย ยังต้องทำตลอดเวลา ต้องทำจิตให้บริสุทธิ์ยิ่งๆขึ้น ต้องสะสางธาตุธรรมตัวเองให้บริสุทธิ์ยิ่งๆขึ้น บาปฝ่ายอกุศลจึงจะเจือจางลง ถ้าใจใสมาก สว่างมาก ก็เจือจางมาก ถ้าใจเราใสน้อย ยังปนด้วยความกลัดกลุ้มต่างๆ บาปอกุศลก็เจือจางช้า
สุดท้ายนี้ ก็ขอให้ทำใจใสๆกัน รอรับบุญใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในวันทอดกฐินนี้กันนะครับ
#184215 ขอคำแนะนำครับ
โพสต์เมื่อ โดย Yenta4 บน 03 November 2010 - 05:17 PM ใน เว็บบอร์ด DMC
แล้วก็เวลามาวัดก็อยู่ร่วมพิธีตามที่ใจปรารถนาเถอะครับ เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ต้องรู้สึกว่าต้องหลบหน้าหรืออะไร ลูกๆหลวงพ่อไม่ว่าจะสร้างบารมีในสถานะไหน ก็เป็นนักสร้างบารมีลูกหลวงพ่อ หลานคุณยายอยู่ดี ให้มีความอาจหาญในการทำความดีครับ แล้วที่เรายังเจออุปสรรคต่างๆนานา เพราะเรายังมีความกังวลในเรื่องต่างๆอยู่มาก ทำให้เวลาเราทำบุญ นั่งธรรมะ ใจเราก็ไม่ใสไม่สว่างเต็มที่ องค์พระที่เคยเห็น ก็เลยเลือนๆ เหมือนเราจุดเทียนที่ไส้เทียนเปรอะเปื้อน แสงสว่างที่เกิดขึ้นก็สว่างไม่เต็มที่ ถ้าเราค่อยๆปล่อยความกังวลเรื่องราวในอดีต และเรื่องของอนาคตที่ยังมาไม่ถึง คุณเจ้าของกระทู้จะกลับมานั่งธรรมะได้ดีเห็นพระท่านได้เหมือนเดิม แล้วบุญที่เราทำก็จะมีช่องส่งผลได้มากขึ้น ชีวิตของเราก็จะค่อยๆดีขึ้นแน่นอนครับ
ส่วนคำถามข้ออื่นๆถ้าคิดถึงแล้วฟุ้งซ่าน ให้เจ้าของกระทู้นึกถึงบทสวดมนต์ทำวัตรเย็น ที่บอกว่า "เรามีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราทำกรรมใดไว้ ดีหรือชั่วก็ตาม เราจักต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น" แล้วท่องพุทธภาษิตนี้ทุกวันๆ "กมฺมุนา วตฺตตี โลโก...สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" พุทธภาษิตบทนี้จะเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ได้แน่ๆครับ...
#182794 โบสถ์วัดทำไมหรอ?
โพสต์เมื่อ โดย Yenta4 บน 11 October 2010 - 04:59 PM ใน เว็บบอร์ด DMC
รายละเอียดเกี่ยวกับโบสถ์วัดพระธรรมกาย มีตอบได้ละเอียดจากกระทู้นี้แล้ว
http://www.dmc.tv/fo....php/t8256.html
คาวมรู้เกี่ยวกับการผูกสีมา
http://www.vajira.or...l...edge&id=206
สำหรับในพระวินัยไตรปิฏก การผูกสีมา เป็นการกำหนดเขตของสงฆ์ไว้เป็นเอกเทศ เพื่อทำสังฆกรรม มีรายละเอียดอยู่ในตำรา สารัตถทีปนี นาม วินยฎีกา สมันตปาสาทิกา วัณณนา (ตติโย ภาโค) ซึ่งเป็นหนังสือเรียนบาลีของชั้น ประโยค 6 ซึ่งไม่ได้บอกว่าจะต้องสร้างโบสถ์ในรูปแบบไหน เพียงแต่บอกไว้ว่าต้องกำหนดเขตแดนของสงฆ์ให้ถูกต้องตามพระวินัยเท่านั้น ก็ถือว่าใช้ทำสังฆกรรมได้ ซึ่งนอกจากการกำหนดบนพื้นดิน ยังมีการกำหนดเขตในน้ำและที่อื่นๆอีกด้วย
ลองออ่านดูข้อที่ 6 นะครับ
http://www.larnbuddh...awinai/4.9.html
#172344 ถามเรื่อง ท่านพญายมราช กับ พระอินทร์ หน่อยครับ
โพสต์เมื่อ โดย Yenta4 บน 05 April 2010 - 06:53 PM ใน เว็บบอร์ด DMC
http://www.dmc.tv/fo....php/t8732.html
เรื่องของพญายมราชในพระสูตรครับ
http://th.wikisource...ki/อรรถ...ตสูตร
#172342 โลกันตนรก...สงสัยครับ
โพสต์เมื่อ โดย Yenta4 บน 05 April 2010 - 06:25 PM ใน เว็บบอร์ด DMC
(นิยตมิจฉาทิฐิ หมายถึงความเห็นผิดอย่างแรงที่ไม่เชื่อในเหตุในผลของเจตนาในการกระทำบุญบาป ทั้งหลายว่า จะต้องมี รวมทั้งปฏิเสธทั้งเหตุและทั้งผล ว่าสักแต่เป็นการกระทำขึ้นเองเฉยๆ การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การทำชั่วทั้งหลาย ไม่มีผลเกิดขึ้นเองเป็นต้น)
http://www.dmc.tv/pa...2549-05-04.html
#172328 เป็นพระแล้วคิดได้ยัง
โพสต์เมื่อ โดย Yenta4 บน 05 April 2010 - 05:04 PM ใน เว็บบอร์ด DMC
...ดีชั่วรู้หมดแต่อดไม่ได้ แต่จริง ๆ รู้ไม่หมดหรอกรู้นิด ๆ แต่ทำเป็นรู้ ถ้ารู้ครบวงจรจะมีหิริโอตัปปะ(ความละอายและเกรงกลัวต่อบาป) พูดง่ายๆก็คือสามารถยับยั้งชั่งใจไม่ให้ทำความชั่วไปได้นั่นเอง...
สุดท้ายอยากบอกคุณ rainy_maw หลักธรรมในพระพุทธศาสนา ก็เป็นสิ่งที่วัดพระธรรมกายยึดเป็นแบบแผนเป็นหลักในการเทศนาสอนเผยแผ่ธรรมะอยู่แล้ว แต่อยู่ที่ว่าคนที่มาถึงได้ศึกษาแล้วจะนำกลับไปปฏิบัติตามคำสอนตามหลักพุทธศาสนาได้ขนาดไหน หลักธรรมะเป็นที่ถูกต้องดีงาม แต่คนที่ได้ศึกษาแต่ไม่ปฏิบัติตามหลักธรรมะ ก็ไม่ถือว่ามีธรรมะอยู่ในใจครับ เป็นได้แค่..."ทำเป็นรู้"...เืท่านั้น...
ดังนั้นขอให้คุณ rainy_maw ได้มั่นใจในธรรมะของพระพุทธเจ้าและสร้างบุญสร้างกุศลศึกษาธรรมะต่อไป และทำได้ทั้งที่นี้ หรือว่าที่วัดอื่นๆ เพราะถือว่าเป็นการช่วยสืบอายุพุทธศาสนาให้ยืนยาวต่อๆไปและผลดีจะบังเกิดขึ้นแก่ตัวเราแน่นอนครับ
#172327 คนเราตายแล้ว 7 วัน 15 วัน 100 วันจะไปที่ไหนอย่างไร
โพสต์เมื่อ โดย Yenta4 บน 05 April 2010 - 04:38 PM ใน เว็บบอร์ด DMC
http://www.dmc.tv/pa...wer_460805.html
ตัวอย่าง Case study เกี่ยวกับการทำบุญหลังจากละจากโลกไปแล้ว
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=9599
#172170 อนันตจักรวาล สงสัยอีกแล้วครับ
โพสต์เมื่อ โดย Yenta4 บน 02 April 2010 - 06:07 PM ใน เว็บบอร์ด DMC
มีรายละเอียดตาม link
http://main.dou.us/v...s_id=119&page=6
2.มีคณะเดียวที่มุ่งไปที่สุดแห่งธรรมคือหมู่คณะของวงบุญพิเศษเรียกว่าเป็นหน้าที่ อย่างที่คุณครูไม่ใหญ่บอกว่า ต่างคนต่างมีหน้าที่เหมือนกระทรวงศึกษาฯและกระทรวงกลาโหมก็มีหน้าที่ๆแตกต่างกัน
3.อันนี้ต้องรอท่านอื่นครับ ไม่กล้าฟันธงเป็นลายลักษณ์อักษร (แต่ในใจฟันธงไปแล้ว)
พระพุทธเจ้าที่ว่ามากมายนั้นเมื่อเทียบกับสรรพสัตว์ทั่วอนันตจักรวาล แสนโกฏิจักรวาลแล้วก็ต้องนับว่าไม่มากเลย เพราะขนาดพระุพุทธเจ้าตรัสรู้และขนสรรพสัตว์ไปจำนวนมากนับพระองค์ไม่ถ้วนแล้ว ก็ยังมีสรรพสัตว์อื่นๆที่ตกค้างอยู่ตามภพภูมิต่างๆมากมายครับ ดังนั้นจึงมีหมู่คณะที่มีหน้าที่มีเป้าหมายจะรื้อสัตว์ขนสัตว์ไปให้หมดไม่ให้เหลือแม้สักตนเดียวครับ
#172026 ปรโลกนิวส์
โพสต์เมื่อ โดย Yenta4 บน 31 March 2010 - 04:30 PM ใน เว็บบอร์ด DMC
ทีนี้ในปรโลกนิวส์ช่วงที่ผ่านมานี้ ถ้าเราฟังเรื่องที่คุณครูไม่ใหญ่เล่าตลอดเรื่องทั้งหมด จะทราบว่าเป็นเรื่องของคุณพ่อคุณแม่ของเจ้าของเคสที่ลูกๆทำบุญอุทิศไปให้ บางท่านตัวเองไม่ได้ทำบุญเองเลยก็มีได้อาศัยบุญของลูกๆก็สามารถไปอยู่ภพภูมิที่สูงขึ้นแต่ไม่เกินกำลังบุญที่ตัวเองได้ทำมา เช่นพ้นจากยมโลกไปอยู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา(เคสนี้เป็นเพราะพระท่านไปโปรดด้วย แค่กำลังบุญที่อุทิศไปให้ยังไม่สามารถจะพ้นจากยมโลกขึ้นมาอยู่สุคติภูมิอย่างฉับพลันได้)
หรือบางท่านมีโอกาสได้ร่วมทำบุญกับหมู่คณะแต่ก็ทำตามไปเพราะรู้ว่าเป็นสิ่งที่ดี หรือว่าทำเพราะเกรงใจลูกหลานบ้าง และบางท่านแม้ทำบุญแล้วแต่นิสัยโดยปกติเป็นคนหงุดหงิดเจ้าโทสะ เวลาบุญส่งผลก็มีกรรมเจ้าโทสะตรงนี้แฝงมาด้วยทำให้ไปเกิดเป็นเทพธิดายักษ์บ้าง พอมีบุญที่ลูกหลานอุทิศไปให้รวมกับมีพระท่านไปโปรด ก็ทำให้สามารถไปอยู่ชั้นดาวดีงส์ได้ บางท่านร่วมทำบุญกับหมู่คณะมาตลอดตามกำลังศรัทธา แต่ก็นั่งสมาธิไม่สม่ำเสมอหรือไม่นั่งบ้าง และอาจจะไม่ได้ตั้งจิตอธิษฐานจะไปดุสิตบุรีด้วย จึงไปได้แค่ดาวดึงส์ แต่ก็เป็นดาวดึงส์เขตไฮโซคือเขตในๆใจกลางสวรรค์ทีเดียว
และที่สำคัญผู้ที่จะไปดุสิตบุรีนี้ กำลังบุญหลักๆต้องเป็นบุญจากการทุ่มเทสร้างบารมีอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันเหมือนพระโพธิสัตว์ทั้งหลายในกาลก่อน นั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอและต้องตั้งความปรารถนาไว้ด้วย เพราะว่าสวรรค์ชั้นนี้เป็นสวรรค์ของบรรดาพระโพธิสัตว์ทั้งที่เป็นนิยตะและอนิยตะที่สร้างบารมีเพื่อจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า และเหล่าพระอริยะบุคคลทั้งหลายที่รอจะเป็นพระอรหันต์เจ้าในชาติใดชาติหนึ่ง
จากสาเหตุที่กล่าวมานี้ (ซึ่งเป็นแค่บางส่วน จริงๆยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมาก) จึงเป็นเหตุผลที่ว่า บางท่านแม้ทำบุญมาตลอด แต่ก็ไปได้แค่จาตุฯหรือดาวดึงส์ ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านได้บอกกับพวกเราไว้อย่างสม่ำเสมออยู่แล้ว ทีนี้เราคงไม่แปลกใจแล้วว่า ทำไมพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านจึงชวนพวกเราสร้างบารมีสร้างบุญทุกบุญอย่างไม่มีเว้นวรรค และให้นั่งธรรมะกันอย่างตลอดต่อเนื่อง ให้เห็นดวงธรรมใสๆ องค์พระใสๆ เพราะท่านไม่อยากให้เราต้องพลาดจากหมู่คณะ ไม่ได้ติดตามมหาปูชนียาจารย์กลับไปดุสิตบุรีนั่นเอง...
#171883 ขอคำอธิบายจากผู้รู้เพิ่มเติม
โพสต์เมื่อ โดย Yenta4 บน 29 March 2010 - 07:49 PM ใน เว็บบอร์ด DMC
คำว่าเพิก หมายถึง ให้ปล่อย ไม่นึก ไม่ใส่ใจ แต่ไม่ใช่ให้ไปปฏิเสธอารมณ์ฌานหรือปฏิเสธนิมิตนั้นๆว่า ไม่เอา ไม่อยากเห็น หรืออยากเห็น อยากได้ โดยสรุปก็คือให้ทำเฉยๆนั่นเอง ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านสรุปหลักปฏิบัติสมาธิออกมาให้เข้าใจง่ายๆแก่นักปฏิบัติรุ่นหลังไว้แล้วว่า "หยุดเป็นตัวสำเร็จ" ซึ่งท่านก็เทศน์ไว้อีกว่า "หยุดคำเดียวเท่านั้นถูกทางสมถะตั้งแต่ต้นจนเป็นพระอรหันต์ เป็นตัวศาสนาแท้ๆ" จะเห็นได้ว่าหลักการปฏิบัตินั้นตรงกัน ถูกกัน ซึ่งครูบาอาจารย์ของเราท่านสรุปไว้ให้เราหมดแล้ว ขอแค่เราทำให้สม่ำเสมอและถูกวิธีเท่านั้นครับ
ดังนั้นปฏิบัติสมาธิไปเถิด ไม่ต้องกลัวติดนิมิตครับ เราปฏิบัติเพื่อหยุดนิ่งให้บริสุทธิ์เข้าไปภายในเป็นชั้นๆ อยู่แล้ว และเมื่อถึงดวงธรรมภายใน กายภายใน เราจะแยกออกได้เองว่า นิมิตที่เรานึกในตอนต้นกับสภาวะธรรมะภายในที่เราเข้าถึงจริงๆต่างกันอย่างไร เหมือนเราเห็นหุ่นขี้ผึ้งกับคนจริงๆ เราก็สามารถแยกออกได้ใช่ไหมครับ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้แล้ว "ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ" เมื่อเราปฏิบัติจนเข้าถึงธรรม เราจะรู้แจ้งธรรมได้ด้วยตนเอง... อนุโมทนาครับ
#171757 case ช่วงนี้มีพระมาหา
โพสต์เมื่อ โดย Yenta4 บน 27 March 2010 - 05:47 PM ใน เว็บบอร์ด DMC
พระที่คุณครูไม่ใหญ่พูดถึง ก็หมายถึงองค์ระธรรมกายภายในของผู้ที่มีใจหยุดใจนิ่งแล้ว คือฝึกจิตจนเป็นสมาธิระดับนิ่งแน่นขั้นอัปปนาสมาธิ ซึ่งผู้ที่ใจหยุดนิ่งนี้จะสามารถศึกษาวิชชาต่างๆที่มีกล่าวไว้ในพุทธศาสนาและไปยังภพภูมิต่างๆได้ อุปมาเหมือนเห็นภพ 3 เป็นมะขามป้อมในฝ่ามือ ซึ่งในยุคของพระเดชพระคุณหลวงปู่มีผู้ทำเช่นนี้ได้มากมาย และวิชชานี้ก็ส่งทอดผ่านมาทางคุณยายอาจารย์ฯ คุณครูไม่ใหญ่และมาถึงพวกเราในปัจจุบันนี้ แต่ท่านจะย้ำอยู่เสมอๆว่าให้เราฟังสนุกๆเป็นนิยายปรัมปรา
สำหรับบางเคสมีพระมาหา บางเคสไม่มีนั้น เคสที่มีพระมาหานั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเคสของพ่อแม่ของพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกาหรือเจ้าหน้าที่ๆอุทิศชีวิตเข้ามาสร้างบารมีในองค์กรในลักษณะต่างๆอย่างเต็มที่ ยอมทิ้งความสะดวกสบายทางโลก มาสร้างบารมีโดยหวังเอาบุญเป็นที่ตั้งเท่านั้น และที่มีพระไปหาก็เพื่อไปช่วยพ่อแม่ของสมาชิกให้ได้เปลี่ยนภพภูมิให้สูงขึ้น เช่นถ้าอยู่ในยมโลก ก็ให้พ้นจากทุกข์ทรมาน ไปอยู่ในที่ๆมีความสุขขึ้น ถ้ามีความสุขอยู่แล้วก็ให้อยู่ในภพภูมิที่สูงขึ้นไป เช่น สวรรค์ชั้นจาตุฯ หรือดาวดึงส์
ส่วนว่าจะไปได้ไกลแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับบุญของผู้ตายเป็นองค์ประกอบหลักว่า ตอนมีชีวิตอยู่ ได้สร้างบุญด้วยตัวเองมาระดับไหน บุญที่ทำอุทิศไปให้เป็นองค์ประกอบรอง(ตรงนี้ท่านพึ่งพูดไปเมื่อวันก่อนนี้เอง จะเห็นได้ว่าการที่เรายังมีกายมนุษย์ที่ใช้สร้างความดีด้วยตนเองได้อยู่ เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ยิ่งกว่าถูกล็อตตารี่รางวัลที่ 1หลายๆงวด )
สำหรับเคสที่บอกว่าพ่อแม่เสียชีวิตไปแล้ว ไปอยู่ภพภูมิไหน มีข้อความอะไรฝากมาบ้างนั้น จะเป็นเรื่องราวของลูกๆที่เขียน case study ส่งมาถึง ซึ่งถ้าคุณครูไม่ใหญ่เห็นว่าเรื่องไหนจะเป็นประโยชน์ต่อการสอนธรรมะ ก็จะนำมาเล่าในโรงเรียนอนุบาลฯ เพื่อเป็นกรณีศึกษาให้ได้เข้าใจเรื่องกฏแห่งกรรมในลักษณะต่างๆ ซึ่งเรื่องทีี่ลูกๆเขียนมาถึง อาจจะไม่ใช่ทุกๆคนที่ได้ออกอากาศ ขึ้นอยู่กับความน่าสนใจของเรื่องนั้นๆครับ ซึ่ง Case Study ที่คุณครูไม่ใหญ่ท่านนำมาออกออกอากาศ ก็มีหลายพันเรื่องแล้วตั้งแต่ปี 2545 มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสามารถลองค้นหาย้อนหลังกลับไปดูได้ อาจะมีเรื่องที่ตรงกับชีวิตของเราและทำให้เราได้แง่คิดในการดำเนินชีวิตให้ถูกต้องได้ครับ
อาจจะยาวไปแต่หวังจะเป็นประโยชน์แก่ผู้เข้ามาอ่านครับ อนุโมทนา
#169853 บวชอุทิศชีวิต
โพสต์เมื่อ โดย Yenta4 บน 24 February 2010 - 12:43 PM ใน เว็บบอร์ด DMC
การเข้ามาสร้างบารมีในวัดไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ง่าย อย่างน้อยต้องมีเพื่อนกัลยาณมิตรที่คอยประคับประคองกันไปจนตบอดเส้นทาง และมีโยนิโสมนสิการ คือมีความคิดเห็นที่ถูกต้องตามความเป็นจริง ซึ่งจะเป็นอุปกรณ์ที่ทำให้เราสามารถสร้างบารมีได้ไปจนตลอดรอดฝั่งได้
ดังนั้นช่วงเวลา 1 ปีนี้ ควรใช้เพื่อเตรียมความพร้อมของเราทั้งกายและใจ เพื่อจะได้เวลาอีกทั้งตลอดชีวิตที่เหลือของเราสร้างบารมีได้ไปจนสุดเส้นทาง ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้าด้วยครับ...