ไปที่เนื้อหา


เนื้อหาจาก Yenta4

ค้นพบทั้งสิ้น 12 รายการโดย Yenta4 (จำกัดการค้นหาจาก 24-July 23)


#184425 ทางเลือกที่เหมาะสม(สำหรับคุณตำรวจรักบุญ)

โพสต์เมื่อ โดย Yenta4 บน 06 November 2010 - 09:08 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

สาธุๆๆ...Lp'Ping ตอบได้ชอบแล้ว หวังว่ากระทู้นี้คงทำให้คุณตำรวจรักบุญได้สบายใจขึ้นนะครับ และ่ยังเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นๆอีกด้วย เพราะตามตัวอย่างในพระไตรปิฏกที่ยกมาก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ พระอรหันต์บางท่านจะหมดกิเลส ยังต้องไปบรรลุธรรมในปากเสือเลย แสดงบุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป ถ้าอนันตริยกรรมเป็นกรรมหนักฝ่ายอกุศล มหัคตกุศลของฝ่ายบุญที่สามารถตัดรอนวิบากกรรมเก่าของเราได้ ถ้าในพระไตรปิฏกก็ต้องได้อัปปนาสมาธิตั้งต้นแต่ปฐมฌานขึ้นไป ถ้าในภาษาของเราก็คือต้องใจหยุดสนิทจนถึงดวงปฐมมรรคภายใน ไม่ใช่แค่กุศลนิมิตที่เรานึกได้นะครับ หมายถึงดวงธรรมจริงๆที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ บุญศักดิ์สิทธิ์จึงจะได้ช่องสอดละเอียด มาเจือจางวิบากกรรมเก่าของเราได้อย่างฉับพลัน

ฉะนั้นถ้าเราจะทำให้กรรมเก่าของเราเจือจางลง ก็ต้องหมั่นรักษาศีล นั่งธรรมะด้วยใจที่ปราศจากความกังวลต่างๆ ทำใจให้อยู่ในอารมณ์สบายให้สม่ำเสมอ ต้องทำย้ำๆซ้ำๆไปเรื่อยๆ จนเราหมดความสงสัยในตัวเรา และเราก็เป็นที่พึ่งของตัวเราได้ อันนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านสอนเสมอๆ แม้ผู้ใจละเอียดแล้ว ที่ไปศึกษาธรรมะที่ละเอียดลึกซึ้งยิ่งๆขึ้นไป ท่านก็ไม่ทิ้งพื้นฐานตรงนี้เลย ยังต้องทำตลอดเวลา ต้องทำจิตให้บริสุทธิ์ยิ่งๆขึ้น ต้องสะสางธาตุธรรมตัวเองให้บริสุทธิ์ยิ่งๆขึ้น บาปฝ่ายอกุศลจึงจะเจือจางลง ถ้าใจใสมาก สว่างมาก ก็เจือจางมาก ถ้าใจเราใสน้อย ยังปนด้วยความกลัดกลุ้มต่างๆ บาปอกุศลก็เจือจางช้า

สุดท้ายนี้ ก็ขอให้ทำใจใสๆกัน รอรับบุญใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในวันทอดกฐินนี้กันนะครับ tongue.gif tongue.gif



#184215 ขอคำแนะนำครับ

โพสต์เมื่อ โดย Yenta4 บน 03 November 2010 - 05:17 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

อ่านจากเรื่องคร่าวๆ ก็น่าเห็นใจครับ แต่อย่างที่หลายๆกระทู้บอกมา คนเราก็มีมุมมองที่แตกต่างกันไป ทั้งเจ้าของกระทู้ และอดีตผู้ปกครองของคุณ แต่มาดูประเด็นเรื่องการมาวัดของเจ้าของกระทู้ดีกว่า จริงๆหลวงพ่อทั้งสองและคุณยายอาจารย์ท่านบอกไว้เสมอๆว่า ท่านสร้างวัดให้เป็นวัด สร้างพระให้เป็นพระ สร้างคนให้เป็นคนดี ท่านสร้างวัดเอาบุญใหญ่โดยการถวายวัดกับพระศาสนา ดังนั้นวัดพระธรรมกายจึงเป็นวัดที่ๆผู้ที่มีใจที่จะฝึกฝนอบรมตนเอง ก็จะเข้ามาวัดเพื่อศึกษาธรรมะ ถ้าเจ้าของกระทู้มีความสุขกับการมาวัด ทำบุญ และการปฏิบัติธรรม ก็มาเถอะครับ สร้างบารมีต่อ อย่าไปติดแค่คนใดคนหนึ่ง หรือภาพเก่าๆในอดีต คิดเสียว่าเป็นแค่สถานการณ์ที่เราได้ผ่านพ้นไปแล้ว ให้เราอยู่กับปัจจุบันดีกว่า เพราะวัดนี้เป็นของพระศาสนาอยู่แล้ว ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง เราอย่าตัดรอนการสร้างบุญของเราเองด้วยความรู้สึกเก่าๆเลย หลวงพ่อท่านเคยบอกว่า กว่าจะตามลูกๆสักคนนหนึ่งให้กลับเข้ามาในเส้นทางการสร้างบารมี ให้มารู้จักวิธการเข้าถึงองค์พระภายใน ท่านใช้บุญไปเยอะครับ ยิ่งถ้ามาถึงแล้ว กลับหลุดออกไปอีก น่าเสียดายครับ

แล้วก็เวลามาวัดก็อยู่ร่วมพิธีตามที่ใจปรารถนาเถอะครับ เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ต้องรู้สึกว่าต้องหลบหน้าหรืออะไร ลูกๆหลวงพ่อไม่ว่าจะสร้างบารมีในสถานะไหน ก็เป็นนักสร้างบารมีลูกหลวงพ่อ หลานคุณยายอยู่ดี ให้มีความอาจหาญในการทำความดีครับ แล้วที่เรายังเจออุปสรรคต่างๆนานา เพราะเรายังมีความกังวลในเรื่องต่างๆอยู่มาก ทำให้เวลาเราทำบุญ นั่งธรรมะ ใจเราก็ไม่ใสไม่สว่างเต็มที่ องค์พระที่เคยเห็น ก็เลยเลือนๆ เหมือนเราจุดเทียนที่ไส้เทียนเปรอะเปื้อน แสงสว่างที่เกิดขึ้นก็สว่างไม่เต็มที่ ถ้าเราค่อยๆปล่อยความกังวลเรื่องราวในอดีต และเรื่องของอนาคตที่ยังมาไม่ถึง คุณเจ้าของกระทู้จะกลับมานั่งธรรมะได้ดีเห็นพระท่านได้เหมือนเดิม แล้วบุญที่เราทำก็จะมีช่องส่งผลได้มากขึ้น ชีวิตของเราก็จะค่อยๆดีขึ้นแน่นอนครับ

ส่วนคำถามข้ออื่นๆถ้าคิดถึงแล้วฟุ้งซ่าน ให้เจ้าของกระทู้นึกถึงบทสวดมนต์ทำวัตรเย็น ที่บอกว่า "เรามีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราทำกรรมใดไว้ ดีหรือชั่วก็ตาม เราจักต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น" แล้วท่องพุทธภาษิตนี้ทุกวันๆ "กมฺมุนา วตฺตตี โลโก...สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" พุทธภาษิตบทนี้จะเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ได้แน่ๆครับ... biggrin.gif



#182794 โบสถ์วัดทำไมหรอ?

โพสต์เมื่อ โดย Yenta4 บน 11 October 2010 - 04:59 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

ลองอ่านจากกระทู้เก่าดูนะครับ

รายละเอียดเกี่ยวกับโบสถ์วัดพระธรรมกาย มีตอบได้ละเอียดจากกระทู้นี้แล้ว
http://www.dmc.tv/fo....php/t8256.html

คาวมรู้เกี่ยวกับการผูกสีมา
http://www.vajira.or...l...edge&id=206

สำหรับในพระวินัยไตรปิฏก การผูกสีมา เป็นการกำหนดเขตของสงฆ์ไว้เป็นเอกเทศ เพื่อทำสังฆกรรม มีรายละเอียดอยู่ในตำรา สารัตถทีปนี นาม วินยฎีกา สมันตปาสาทิกา วัณณนา (ตติโย ภาโค) ซึ่งเป็นหนังสือเรียนบาลีของชั้น ประโยค 6 ซึ่งไม่ได้บอกว่าจะต้องสร้างโบสถ์ในรูปแบบไหน เพียงแต่บอกไว้ว่าต้องกำหนดเขตแดนของสงฆ์ให้ถูกต้องตามพระวินัยเท่านั้น ก็ถือว่าใช้ทำสังฆกรรมได้ ซึ่งนอกจากการกำหนดบนพื้นดิน ยังมีการกำหนดเขตในน้ำและที่อื่นๆอีกด้วย
ลองออ่านดูข้อที่ 6 นะครับ
http://www.larnbuddh...awinai/4.9.html



#172344 ถามเรื่อง ท่านพญายมราช กับ พระอินทร์ หน่อยครับ

โพสต์เมื่อ โดย Yenta4 บน 05 April 2010 - 06:53 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

ลองอ่านเรื่องพญายมจาก link นี้ดูครับ

http://www.dmc.tv/fo....php/t8732.html

เรื่องของพญายมราชในพระสูตรครับ wink.gif

http://th.wikisource...ki/อรรถ...ตสูตร




#172342 โลกันตนรก...สงสัยครับ

โพสต์เมื่อ โดย Yenta4 บน 05 April 2010 - 06:25 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

ลองไปอ่านเคสนี้ ตรงคำถามและคำตอบข้อ 7 ครับ จะมีตัวอย่างของผู้ที่ไปโลกันตนรกเนื่องจากเป็นผู้มีนิยตมิจฉาทิฐิ..อนุโมทนากับเจ้าของ Case ด้วยนะครับ... wink.gif

(นิยตมิจฉาทิฐิ หมายถึงความเห็นผิดอย่างแรงที่ไม่เชื่อในเหตุในผลของเจตนาในการกระทำบุญบาป ทั้งหลายว่า จะต้องมี รวมทั้งปฏิเสธทั้งเหตุและทั้งผล ว่าสักแต่เป็นการกระทำขึ้นเองเฉยๆ การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การทำชั่วทั้งหลาย ไม่มีผลเกิดขึ้นเองเป็นต้น)

http://www.dmc.tv/pa...2549-05-04.html



#172328 เป็นพระแล้วคิดได้ยัง

โพสต์เมื่อ โดย Yenta4 บน 05 April 2010 - 05:04 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

กรรมดีก็ส่วนของกรรมดี กรรมไม่ดีก็ส่วนของกรรมไม่ดีครับ เวลาให้ผลก็จะให้ผลทั้ง 2 แบบอยู่ที่ว่าอันไหนจะส่งผลก่อน แต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเคยให้แง่คิดถึงเรื่องคนที่เข้าวัดศึกษาธรรมะ แต่ก็ยังทำผิดศีลอยู่เสมอๆดังนี้ว่า

...ดีชั่วรู้หมดแต่อดไม่ได้ แต่จริง ๆ รู้ไม่หมดหรอกรู้นิด ๆ แต่ทำเป็นรู้ ถ้ารู้ครบวงจรจะมีหิริโอตัปปะ(ความละอายและเกรงกลัวต่อบาป) พูดง่ายๆก็คือสามารถยับยั้งชั่งใจไม่ให้ทำความชั่วไปได้นั่นเอง...

สุดท้ายอยากบอกคุณ rainy_maw หลักธรรมในพระพุทธศาสนา ก็เป็นสิ่งที่วัดพระธรรมกายยึดเป็นแบบแผนเป็นหลักในการเทศนาสอนเผยแผ่ธรรมะอยู่แล้ว แต่อยู่ที่ว่าคนที่มาถึงได้ศึกษาแล้วจะนำกลับไปปฏิบัติตามคำสอนตามหลักพุทธศาสนาได้ขนาดไหน หลักธรรมะเป็นที่ถูกต้องดีงาม แต่คนที่ได้ศึกษาแต่ไม่ปฏิบัติตามหลักธรรมะ ก็ไม่ถือว่ามีธรรมะอยู่ในใจครับ เป็นได้แค่..."ทำเป็นรู้"...เืท่านั้น...

ดังนั้นขอให้คุณ rainy_maw ได้มั่นใจในธรรมะของพระพุทธเจ้าและสร้างบุญสร้างกุศลศึกษาธรรมะต่อไป และทำได้ทั้งที่นี้ หรือว่าที่วัดอื่นๆ เพราะถือว่าเป็นการช่วยสืบอายุพุทธศาสนาให้ยืนยาวต่อๆไปและผลดีจะบังเกิดขึ้นแก่ตัวเราแน่นอนครับ wink.gif



#172327 คนเราตายแล้ว 7 วัน 15 วัน 100 วันจะไปที่ไหนอย่างไร

โพสต์เมื่อ โดย Yenta4 บน 05 April 2010 - 04:38 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

คำตอบของคุณครูไม่ใหญ่...ทำไมต้องทำบุญ 7 วัน 50 วัน และ 100 วัน
http://www.dmc.tv/pa...wer_460805.html

ตัวอย่าง Case study เกี่ยวกับการทำบุญหลังจากละจากโลกไปแล้ว
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=9599

wink.gif



#172170 อนันตจักรวาล สงสัยอีกแล้วครับ

โพสต์เมื่อ โดย Yenta4 บน 02 April 2010 - 06:07 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

1.ใช่ครับ ในจักรวาลอื่นก็มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นได้ (ทุกจักรวาลมีองค์ประกอบเหมือนกันหมด คือประกอบด้วย ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ เขาสิเนรุ(แกนกลาง) ทวีปทั้ง4 มหาสมุทรทั้ง4 สวรรค์ 6 ชั้น พรหม อรูปพรหม และ อบายภูมิ) แต่ๆละจักรวาลจะมีพระพุทธเจ้ามาบังเกิดเพียง 1 พระองค์เท่านั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ก็ทรงมีเขตของพระองค์ที่เรียกว่า พุทธเขต
มีรายละเอียดตาม link

http://main.dou.us/v...s_id=119&page=6

2.มีคณะเดียวที่มุ่งไปที่สุดแห่งธรรมคือหมู่คณะของวงบุญพิเศษเรียกว่าเป็นหน้าที่ อย่างที่คุณครูไม่ใหญ่บอกว่า ต่างคนต่างมีหน้าที่เหมือนกระทรวงศึกษาฯและกระทรวงกลาโหมก็มีหน้าที่ๆแตกต่างกัน

3.อันนี้ต้องรอท่านอื่นครับ ไม่กล้าฟันธงเป็นลายลักษณ์อักษร (แต่ในใจฟันธงไปแล้ว) wink.gif

พระพุทธเจ้าที่ว่ามากมายนั้นเมื่อเทียบกับสรรพสัตว์ทั่วอนันตจักรวาล แสนโกฏิจักรวาลแล้วก็ต้องนับว่าไม่มากเลย เพราะขนาดพระุพุทธเจ้าตรัสรู้และขนสรรพสัตว์ไปจำนวนมากนับพระองค์ไม่ถ้วนแล้ว ก็ยังมีสรรพสัตว์อื่นๆที่ตกค้างอยู่ตามภพภูมิต่างๆมากมายครับ ดังนั้นจึงมีหมู่คณะที่มีหน้าที่มีเป้าหมายจะรื้อสัตว์ขนสัตว์ไปให้หมดไม่ให้เหลือแม้สักตนเดียวครับ happy.gif



#172026 ปรโลกนิวส์

โพสต์เมื่อ โดย Yenta4 บน 31 March 2010 - 04:30 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

จากที่ฟังฝันในฝันมานะครับ ในการที่หลังจะละโลกแล้วนั้นเราจะไปภพภูมิไหนนั้น ขึ้นอยู่กับกำลังบุญและบาปที่เราทำเป็นหลัก บุญที่ลูกหลานทำอุทิศไปให้เป็นองค์ประกอบรองคือเป็นบุญสนับสนุน อันนี้เป็นหลักที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้ว

ทีนี้ในปรโลกนิวส์ช่วงที่ผ่านมานี้ ถ้าเราฟังเรื่องที่คุณครูไม่ใหญ่เล่าตลอดเรื่องทั้งหมด จะทราบว่าเป็นเรื่องของคุณพ่อคุณแม่ของเจ้าของเคสที่ลูกๆทำบุญอุทิศไปให้ บางท่านตัวเองไม่ได้ทำบุญเองเลยก็มีได้อาศัยบุญของลูกๆก็สามารถไปอยู่ภพภูมิที่สูงขึ้นแต่ไม่เกินกำลังบุญที่ตัวเองได้ทำมา เช่นพ้นจากยมโลกไปอยู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา(เคสนี้เป็นเพราะพระท่านไปโปรดด้วย แค่กำลังบุญที่อุทิศไปให้ยังไม่สามารถจะพ้นจากยมโลกขึ้นมาอยู่สุคติภูมิอย่างฉับพลันได้)

หรือบางท่านมีโอกาสได้ร่วมทำบุญกับหมู่คณะแต่ก็ทำตามไปเพราะรู้ว่าเป็นสิ่งที่ดี หรือว่าทำเพราะเกรงใจลูกหลานบ้าง และบางท่านแม้ทำบุญแล้วแต่นิสัยโดยปกติเป็นคนหงุดหงิดเจ้าโทสะ เวลาบุญส่งผลก็มีกรรมเจ้าโทสะตรงนี้แฝงมาด้วยทำให้ไปเกิดเป็นเทพธิดายักษ์บ้าง พอมีบุญที่ลูกหลานอุทิศไปให้รวมกับมีพระท่านไปโปรด ก็ทำให้สามารถไปอยู่ชั้นดาวดีงส์ได้ บางท่านร่วมทำบุญกับหมู่คณะมาตลอดตามกำลังศรัทธา แต่ก็นั่งสมาธิไม่สม่ำเสมอหรือไม่นั่งบ้าง และอาจจะไม่ได้ตั้งจิตอธิษฐานจะไปดุสิตบุรีด้วย จึงไปได้แค่ดาวดึงส์ แต่ก็เป็นดาวดึงส์เขตไฮโซคือเขตในๆใจกลางสวรรค์ทีเดียว sleep.gif

และที่สำคัญผู้ที่จะไปดุสิตบุรีนี้ กำลังบุญหลักๆต้องเป็นบุญจากการทุ่มเทสร้างบารมีอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันเหมือนพระโพธิสัตว์ทั้งหลายในกาลก่อน นั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอและต้องตั้งความปรารถนาไว้ด้วย เพราะว่าสวรรค์ชั้นนี้เป็นสวรรค์ของบรรดาพระโพธิสัตว์ทั้งที่เป็นนิยตะและอนิยตะที่สร้างบารมีเพื่อจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า และเหล่าพระอริยะบุคคลทั้งหลายที่รอจะเป็นพระอรหันต์เจ้าในชาติใดชาติหนึ่ง

จากสาเหตุที่กล่าวมานี้ (ซึ่งเป็นแค่บางส่วน จริงๆยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมาก) จึงเป็นเหตุผลที่ว่า บางท่านแม้ทำบุญมาตลอด แต่ก็ไปได้แค่จาตุฯหรือดาวดึงส์ ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านได้บอกกับพวกเราไว้อย่างสม่ำเสมออยู่แล้ว ทีนี้เราคงไม่แปลกใจแล้วว่า ทำไมพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านจึงชวนพวกเราสร้างบารมีสร้างบุญทุกบุญอย่างไม่มีเว้นวรรค และให้นั่งธรรมะกันอย่างตลอดต่อเนื่อง ให้เห็นดวงธรรมใสๆ องค์พระใสๆ เพราะท่านไม่อยากให้เราต้องพลาดจากหมู่คณะ ไม่ได้ติดตามมหาปูชนียาจารย์กลับไปดุสิตบุรีนั่นเอง... happy.gif



#171883 ขอคำอธิบายจากผู้รู้เพิ่มเติม

โพสต์เมื่อ โดย Yenta4 บน 29 March 2010 - 07:49 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

จากที่เคยอ่านวิสุทธิมรรค ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่เขียนเกี่ยวกับวิธีฝึกสมาธิ 40 วิธี ท่านกล่าวถึงวิธีที่จะผ่านสภาวะธรรมตั้งแต่สภาวะธรรมเบื้องต้นไปจนถึงสภาวะธรรมที่ละเอียดๆยิ่งขึ้น เช่นเมื่อฝึกใจจนสงบนิ่งผ่านจาก ขณิกสมาธิ(หมายถึงสมาธิช่วงแรกที่ยังไม่แนบแน่น) อุปจารสมาธิ(สมาธิเกือบจะแนบแน่น) จนถึงอัปปนาสมาธิ(สมาธิแนบแน่น หรือที่เรียกว่าเข้าถึง "ฌาน" นั่นเอง) ซึ่งวิธีที่ท่านพูดถึงคือ ให้เพิกอารมณ์ฌานต่างๆ ถึงจะสามารถผ่านอารมณ์ฌานทั้งรูปฌานและอรูปฌานไปได้ แต่ก่อนที่จะเพิกนิมิตหรือารมณ์ฌานได้ ก็ต้องมีสิ่งนั้นเกิดขึ้นก่อน เพราะถ้าไม่มีก็เพิกไม่ได้จริงไหมครับ เหมือนเป็นจุดเริ่มเบืองต้นก่อนที่จะเดินทางต่อๆไป (ตรงนี้ให้ไปฟังไฟล์เสียงของคุณครูไม่ใหญ่ที่คุณมองอย่างแมวนำมาโพสไว้นะครับ ชัดเจนมากๆ และคุณหัดฝันก็อธิบายไว้ดีอยู่แล้ว)

คำว่าเพิก หมายถึง ให้ปล่อย ไม่นึก ไม่ใส่ใจ แต่ไม่ใช่ให้ไปปฏิเสธอารมณ์ฌานหรือปฏิเสธนิมิตนั้นๆว่า ไม่เอา ไม่อยากเห็น หรืออยากเห็น อยากได้ โดยสรุปก็คือให้ทำเฉยๆนั่นเอง ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านสรุปหลักปฏิบัติสมาธิออกมาให้เข้าใจง่ายๆแก่นักปฏิบัติรุ่นหลังไว้แล้วว่า "หยุดเป็นตัวสำเร็จ" ซึ่งท่านก็เทศน์ไว้อีกว่า "หยุดคำเดียวเท่านั้นถูกทางสมถะตั้งแต่ต้นจนเป็นพระอรหันต์ เป็นตัวศาสนาแท้ๆ" จะเห็นได้ว่าหลักการปฏิบัตินั้นตรงกัน ถูกกัน ซึ่งครูบาอาจารย์ของเราท่านสรุปไว้ให้เราหมดแล้ว ขอแค่เราทำให้สม่ำเสมอและถูกวิธีเท่านั้นครับ

ดังนั้นปฏิบัติสมาธิไปเถิด ไม่ต้องกลัวติดนิมิตครับ เราปฏิบัติเพื่อหยุดนิ่งให้บริสุทธิ์เข้าไปภายในเป็นชั้นๆ อยู่แล้ว และเมื่อถึงดวงธรรมภายใน กายภายใน เราจะแยกออกได้เองว่า นิมิตที่เรานึกในตอนต้นกับสภาวะธรรมะภายในที่เราเข้าถึงจริงๆต่างกันอย่างไร เหมือนเราเห็นหุ่นขี้ผึ้งกับคนจริงๆ เราก็สามารถแยกออกได้ใช่ไหมครับ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้แล้ว "ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ" เมื่อเราปฏิบัติจนเข้าถึงธรรม เราจะรู้แจ้งธรรมได้ด้วยตนเอง... อนุโมทนาครับ happy.gif






#171757 case ช่วงนี้มีพระมาหา

โพสต์เมื่อ โดย Yenta4 บน 27 March 2010 - 05:47 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

ขอตอบคร่าวๆนะครับ จากที่ฟังฝันในฝันทั้งช่วงก่อนหน้านี้และช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่คุณครูไม่ใหญ่ท่านก็ตอบไว้ทั้งหมดแล้ว เพียงแต่เราอาจจะไม่ทันได้ฟัง หรือตกหล่นไป

พระที่คุณครูไม่ใหญ่พูดถึง ก็หมายถึงองค์ระธรรมกายภายในของผู้ที่มีใจหยุดใจนิ่งแล้ว คือฝึกจิตจนเป็นสมาธิระดับนิ่งแน่นขั้นอัปปนาสมาธิ ซึ่งผู้ที่ใจหยุดนิ่งนี้จะสามารถศึกษาวิชชาต่างๆที่มีกล่าวไว้ในพุทธศาสนาและไปยังภพภูมิต่างๆได้ อุปมาเหมือนเห็นภพ 3 เป็นมะขามป้อมในฝ่ามือ ซึ่งในยุคของพระเดชพระคุณหลวงปู่มีผู้ทำเช่นนี้ได้มากมาย และวิชชานี้ก็ส่งทอดผ่านมาทางคุณยายอาจารย์ฯ คุณครูไม่ใหญ่และมาถึงพวกเราในปัจจุบันนี้ แต่ท่านจะย้ำอยู่เสมอๆว่าให้เราฟังสนุกๆเป็นนิยายปรัมปรา biggrin.gif

สำหรับบางเคสมีพระมาหา บางเคสไม่มีนั้น เคสที่มีพระมาหานั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเคสของพ่อแม่ของพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกาหรือเจ้าหน้าที่ๆอุทิศชีวิตเข้ามาสร้างบารมีในองค์กรในลักษณะต่างๆอย่างเต็มที่ ยอมทิ้งความสะดวกสบายทางโลก มาสร้างบารมีโดยหวังเอาบุญเป็นที่ตั้งเท่านั้น และที่มีพระไปหาก็เพื่อไปช่วยพ่อแม่ของสมาชิกให้ได้เปลี่ยนภพภูมิให้สูงขึ้น เช่นถ้าอยู่ในยมโลก ก็ให้พ้นจากทุกข์ทรมาน ไปอยู่ในที่ๆมีความสุขขึ้น ถ้ามีความสุขอยู่แล้วก็ให้อยู่ในภพภูมิที่สูงขึ้นไป เช่น สวรรค์ชั้นจาตุฯ หรือดาวดึงส์
ส่วนว่าจะไปได้ไกลแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับบุญของผู้ตายเป็นองค์ประกอบหลักว่า ตอนมีชีวิตอยู่ ได้สร้างบุญด้วยตัวเองมาระดับไหน บุญที่ทำอุทิศไปให้เป็นองค์ประกอบรอง(ตรงนี้ท่านพึ่งพูดไปเมื่อวันก่อนนี้เอง จะเห็นได้ว่าการที่เรายังมีกายมนุษย์ที่ใช้สร้างความดีด้วยตนเองได้อยู่ เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ยิ่งกว่าถูกล็อตตารี่รางวัลที่ 1หลายๆงวด tongue.gif )

สำหรับเคสที่บอกว่าพ่อแม่เสียชีวิตไปแล้ว ไปอยู่ภพภูมิไหน มีข้อความอะไรฝากมาบ้างนั้น จะเป็นเรื่องราวของลูกๆที่เขียน case study ส่งมาถึง ซึ่งถ้าคุณครูไม่ใหญ่เห็นว่าเรื่องไหนจะเป็นประโยชน์ต่อการสอนธรรมะ ก็จะนำมาเล่าในโรงเรียนอนุบาลฯ เพื่อเป็นกรณีศึกษาให้ได้เข้าใจเรื่องกฏแห่งกรรมในลักษณะต่างๆ ซึ่งเรื่องทีี่ลูกๆเขียนมาถึง อาจจะไม่ใช่ทุกๆคนที่ได้ออกอากาศ ขึ้นอยู่กับความน่าสนใจของเรื่องนั้นๆครับ ซึ่ง Case Study ที่คุณครูไม่ใหญ่ท่านนำมาออกออกอากาศ ก็มีหลายพันเรื่องแล้วตั้งแต่ปี 2545 มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสามารถลองค้นหาย้อนหลังกลับไปดูได้ อาจะมีเรื่องที่ตรงกับชีวิตของเราและทำให้เราได้แง่คิดในการดำเนินชีวิตให้ถูกต้องได้ครับ

อาจจะยาวไปแต่หวังจะเป็นประโยชน์แก่ผู้เข้ามาอ่านครับ อนุโมทนา happy.gif



#169853 บวชอุทิศชีวิต

โพสต์เมื่อ โดย Yenta4 บน 24 February 2010 - 12:43 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

เหลือเวลาอีก 1 ปี ซึ่งก็ไม่นานมาก มีความคิดเห็นว่าน่าจะเรียนให้จบ ป.โท ไปเลย เพราะจะมีประโยชน์ต่อการทำงานในการเผยแผ่ธรรมะของวัดในภายหน้าทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อไป ขณะเดียวกันในระหว่างเวลา 1 ปี ก็ลองถือศีล 8 ให้บ่อยขึ้นเช่นวันพระ วันอาทิตย์ นั่งสมาธิให้้มากขึ้น เพื่อเป็นการทดสอบและวัดกำลังใจของเราว่า เรามีความตั้งใจจริงในการสร้างบารมีแค่ไหน และเราจะทำสิ่งนี้ได้ตลอดชีวิตหรือไม่ ถ้า 1 ปีนี้เราถือศีล นั่งสมาธิได้อย่างสม่ำเสมอ เวลาที่ต้องมาเจองานในวัดที่ต้องสร้างบารมีแบบ nonstop all day all night เราก็จะได้มีความอุ่นใจว่า สิ่งที่เราฝึกฝนมาก็จะเป็นพื้นฐานในการสร้าบุญบารมีในวัดในภายภาคหน้าต่อไป

การเข้ามาสร้างบารมีในวัดไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ง่าย อย่างน้อยต้องมีเพื่อนกัลยาณมิตรที่คอยประคับประคองกันไปจนตบอดเส้นทาง และมีโยนิโสมนสิการ คือมีความคิดเห็นที่ถูกต้องตามความเป็นจริง ซึ่งจะเป็นอุปกรณ์ที่ทำให้เราสามารถสร้างบารมีได้ไปจนตลอดรอดฝั่งได้

ดังนั้นช่วงเวลา 1 ปีนี้ ควรใช้เพื่อเตรียมความพร้อมของเราทั้งกายและใจ เพื่อจะได้เวลาอีกทั้งตลอดชีวิตที่เหลือของเราสร้างบารมีได้ไปจนสุดเส้นทาง ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้าด้วยครับ... tongue.gif