ข้อปฏิบัติเมื่อถูกโจมตี หรือ ถูกใส่ร้ายป้ายสี
#1
Posted 10 May 2010 - 04:28 PM
โดยในที่นี้จะไม่กล่าวรายละเอียดทั้งหมด แต่จะพูดถึงแค่วิธีการปฏิบัติ ซึ่งมีดังนี้
1. การไม่กล่าวร้าย : อย่าไปกล่าวโทษใคร อย่าไปพูดพาดพิงถึงใคร ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริงก็ไม่ควรพูด จะเป็นการก่อศัตรูเพิ่มขึ้นเปล่า ๆ แทนที่จะโดนน้อย เลยหมั่นไส้ เล่นงานเราเต็มที่เลย
2. การไม่ทำร้าย : แค่เรื่องที่โดนอยู่ก็แก้ยากแล้ว อย่าหาเรื่องเพิ่ม เพราะแน่นอนว่าถ้าก้อนอิฐไป ก้อนหินก็จะมา เดี๋ยวได้อีกข้อหาละแย่เลย
3. ความสำรวมในพระปาติโมกข์ : รักษาศีลและระวังมารยาทของให้ดี อย่าให้กระทบกระทั่งกับใคร จะได้ไม่เปิดจุดอ่อนให้ถูกโจมตีเพิ่ม นอกจากนั้น อะไรที่เป็นจุดโหว่อยู่ ก็รีบไปจัดการให้เรียบร้อย
4. ความเป็นผู้รู้ประมาณในโภชนาหาร : รับประทานแต่พอดี จะเป็นการรักษาสุขภาพ เพราะยามมีปัญหาเราจำเป็นต้องแข็งแรงไว้ก่อน
นอกจากนั้น ยังทำให้น่าเลื่อมใสศรัทธาด้วย
5. อยู่ในที่นั่งที่นอนอันสงัด : จึงจะสามารถทำใจให้สงบได้ง่าย "ทำจิตให้สงบ แล้วจะพบทางออก"
6. ประกอบความเพียรในอธิจิต : การกลั่นใจให้ใส นอกจากจะให้เกิดความคิดดี ๆ แล้วยังเป็นการเชื่อมต่อบุญในอดีตให้มาช่วยได้
จึงขอฝากให้พี่น้องกัลยาณมิตรยึดหลักนี้ไว้ให้มั่นคง ยิ่งในยามที่เราถูกเข้าใจผิด เรายิ่งต้องระวังตัวให้มากขึ้น
เพราะถ้าเราทำอะไรพลาดไป คนอื่นจะมาโจมตีเราหนักขึ้นอีก
#2
Posted 10 May 2010 - 04:46 PM
#4
Posted 10 May 2010 - 06:46 PM
คืออ่านแล้วไม่เข้าใจ....จุดประสงค์ว่าให้ไปลุยกะอะไร กะใครที่ไหน?
ขอบคุณล่วงหน้าคะ
#5
Posted 10 May 2010 - 07:48 PM
กรณีถูกโจมตี หลวงปู่บอกว่า เราไม่สู้ เราไม่หนี แต่ทำดีเรื่อยไปค่ะ....
#6
Posted 10 May 2010 - 11:14 PM
จับดีกันนะ อย่าจับผิดเลยจ้า
#7
Posted 11 May 2010 - 07:42 PM
"If you tell a big enough lie and tell it frequently enough, it will be believed."
(แปล : "หากท่านโกหกเรื่องใหญ่มากพอ, โกหกบ่อยครั้งเพียงพอ, เรื่องนั้นจะถูกเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง")
นี่คือหัวใจสำคัญของคนที่โจมตีคนอื่นด้วย "วิธีการใส่ร้ายป้ายสี" โดยการชวนเชื่อ (propaganda)
เพื่อที่จะสร้างระบบจิตวิทยามวลชน "อุปาทานหมู่" เพื่อชี้นำความคิดมวลชนไปยังความต้องการของตน
"การใส่ร้ายป้ายสี" มีทุกวงการ ถ้าเรา "ประมาท" มัวแต่ "ยุบหนอ-พองหนอ"
ปล่อยให้เขาต่อยเราอยู่ฝ่ายเดียว เราคงต้องโดนเขา " น็อค " เข้าซักวัน !!!
สำคัญที่สุดคือเราตอบโต้อย่างมีเหตุผล มีสติ " ไม่ใช้กำลัง " หาหนทางเอาความจริงมาพิสูจน์ ให้เข้าตาแบบตรงๆ
เผลอๆๆๆ เราอาจจะได้ ศัตรูมาเป็น มิตร กับเราก็ได้ !!!
เรื่องนี้ต้องพิจารณาดีๆ ไม่อยากให้ตั้งบนอยู่ " ความประมาท "
#8
Posted 11 May 2010 - 11:30 PM
พูดไปสองไพเบี้ย...นิ่งเสีย ได้ตำลึงทอง
แต่...ไม่ได้แปลว่าเราจะอยู่เฉยๆ
เราจะนิ่งแบบใสใส แล้วธรรมะภายใน072จะช่วยแก้ไข...
สู้!!!ด้วยความดีสิจ๊ะ ใช้ธรรมาวุธจ๊ะ
#9
Posted 12 May 2010 - 10:08 AM
เมื่อวานเปิดtvดูรายการช่องthe nationตอนประมาณ3ทุ่ม มีคุณจอมขวัญเป็นพิธีกร เจอรายการออกอากาศเรื่องวัดกับการทำmouอบรมเด็กดีvstarพอดี ก็เลยร่วมส่งsmsไปด้วย มีคนช่วยส่งไปเยอะมากเมื่อคืน..
มาช่วยกันให้ความรู้กับคนอื่นๆที่ไม่เคยเข้าวัดให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องกันดีไหมคะ
ให้แต่ข้อมูลดีๆ ชวนเขาดีๆให้มาดูด้วยตาตัวเองที่วัด อย่าไปว่าเขา(ไม่สร้างศัตรู)
ช่วยกันส่งsmsไปตามรายการที่เขาเล่นเรื่องmouกันนะคะ
อยากให้ปรับกลยุทธ์มาเป็นผู้ให้ข้อมูลตอบกลับเขาบ้าง ไม่ใช่เอาแต่วางอุเบกขา
ถึงเวลาของ เรื่องพระศาสนา เอาอุเบกขาวางหรือยังคะ?
#10
Posted 12 May 2010 - 04:20 PM
#11
Posted 12 May 2010 - 04:48 PM
ขออนุโมทนาบุญนะคะ วันนี้วันพระ
งดการทำบาป
#12
Posted 14 May 2010 - 08:08 AM
#13
Posted 14 May 2010 - 07:54 PM
สาธุจ้า
#14
Posted 16 May 2010 - 02:05 AM
เพราะที่ผ่านมา เราอธิบายให้สาธารณะชนให้เข้าใจไม่ละเอียดพอ
จึงต้องใช้ปัญญาเพิ่มขึ้น ในการสื่อกับสังคม
อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมดและไม่ทำเพิ่มอีกเด็ดขาด
มาช่วยกันสร้างสังคมจับดี หาจุดดีของผู้อื่น กันดีกว่า
ลองดูสิ แล้วจะพบว่า มีความสุขกว่า มาจับผิดกัน นะ จะบอกให้...
#15
Posted 03 July 2010 - 06:41 PM
#16
Posted 17 August 2010 - 10:11 AM
#17
Posted 19 August 2010 - 07:28 PM
#18
Posted 02 September 2010 - 09:50 PM
#19
Posted 05 September 2010 - 02:11 PM
และยังอุทิศบุญไปให้พวกเขาอีกด้วย
#20
Posted 07 September 2010 - 02:28 PM
#21
Posted 08 September 2010 - 03:38 AM
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#22
Posted 08 September 2010 - 05:00 AM
เมื่อถูกโจมตีหรือถูกใส่ร้ายป้ายสี
สิ่งแรกที่เราต้องควบคุมให้ได้คืออารมณ์ตอบสนอง คุณครูไม่ใหญ่มักจะสอนว่า
"ถ้าไม่ถือก็ไม่หนักปล่อยให้เป็นลมเป็นแล้งไป เพราะเรารู้ผู้อยู่เบื้องหลังคือใคร"
การถูกกระทำมันทำให้เร่าร้อนในดวงจิตยิ่งนัก อยากจะตอบโต้จริง ๆ และน้อยรายนักที่จะเตือนตนได้
ไม่โต้ตอบเพราะมีศีลธรรมมั่นอยู่ในใจดุจดั่ง พระภูริทัตนาคราชในอดีตชาติของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรง
เสวยพระชาติเป็นพญานาคราช ที่ทรงบำเพ็ญเพียรศีลบารมี ในระดับที่ยอมสละทุกอย่างเพื่อรักษาศีลไว้ ทั้ง ๆ ที่
ท่านสามารถตอบโต้ทำลายฝ่ายตรงข้ามให้พินาศย่อยยับอัปปางได้ในพริบตาเดียว แต่ท่านก็ไม่ทำยอมรับทุกข์
ทรมานแทนการโต้ตอบ ด้วยหิริ โอตัปปะ
ท่านยอมตายไม่ยอมทำชั่ว(หมายถึงรักษาศีล กาย วาจา ใจ ไม่เบียดเบียนตัวเองและใคร ๆ ศีลบริสุทธิ์จริง ๆ)
การควบคุมโทษะเป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนมาก ๆ ถ้าเรามีในใจบ้าง ก็คุมกาย คุมวาจาให้ได้ก็เก่งแล้วในระดับ เรา ๆ
ปุถุชนกิเลศหนาปัญญาหยาบ เราค่อย ๆพัฒนาไปสู่การเป็นปุถุชนสาวกก็ดีแล้ว มาเป็นสาธุชนแล้วต้องฝึก
ธรรมะในทุก ๆ อริยบทให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าเราจะอยูที่ในวัดหรือนอกวัดไม่จำกัดสถานที่ทำความดีได้ทุกคน
..................การถูกใส่ร้ายป้ายสีอาจจะเป็นกรรมเก่าของเราก็ได้ที่ไปทำใครเขาไว้ก่อนก็ได้ หรือไม่ก็เป็น
กรรมใหม่ของผู้ที่มาทำเรา.............................
บางทีต้องปลอบใจตัวเองด้วยว่าแม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังหนีไม่พ้นคนนินทา อิจฉา กลั่นแล้ง ใส่ร้ายป้ายสี
มันเป็นโลกธรรมแปดของคู่โลก จงรู้เท่า รู้ทัน และปฎิบัติตามที่จขกท แนะนำไว้ข้างต้นนั้นถูกต้องดีแล้วค่ะ
เตือนกันบ้างก็ดีเพราะบางทีนึกไม่ทันจิตหมองไปตั้งเยอะกว่าจะได้สติ เพราะความโกรธแค้นแน่นในหัวอกถูกเผา
ด้วยโทษะ "ทำไมถึงทำกับฉันได้" ..............
#23
Posted 05 October 2010 - 10:52 AM
ลูกพระธรรม
#24
Posted 07 October 2010 - 12:38 PM
ขออนุโมทนาสาธุการกับผู้ที่ทำความดี ทำบุญสร้างบารมี ทั้งในโลกนี้(ชมพูทวีป) ทั่วทั้งจักรวาลและอนันตจักรวาล ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้สร้างและสั่งสมมาทุกๆบุญ ตั้งแต่ปฐมชาติที่ได้เกิดเป็นมามนุษย์ สร้างบุญสร้างบารมีเรื่อยมา นับภพนับชาติไม่ถ้วน จนมาถึงปัจจุบันชาตินี้ (ชาตินี้ชื่อ…) ข้าพเจ้าขออุทิศบุญนี้ให้คู่กรรมคู่เวรของข้าพเจ้าที่ได้พลั้งพลาดล่วงเกินทั้งทางกาย วาจา ใจ ทั้งในอดีตชาติ และปัจจุบันชาติก็ดี ที่จำได้ก็ดีจำไม่ได้ก็ดี เจตนาก็ดีไม่เจตนาก็ดี ไม่ว่าจะอยู่ ณ ภพภูมิใด ก็ขอให้ได้รับผลบุญที่ข้าพเจ้าแผ่อุทิศ เมื่อได้รับบุญแล้วขอให้เป็นอโหสิกรรม ตัดรอนวิบากกรรมของข้าพเจ้า ขอให้วิบากกรรมวิบากมารมลายหายสูญ และขอแผ่บุญให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่เกิดในกำเนิดทั้งสี่ ตลอดแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล ที่มีสุขน้อยให้มีสุขมาก ที่มีสุขมากให้มากยิ่งๆขึ้นไป และที่มีทุกข์ขอให้พ้นทุกข์ อุทิศบุญให้กับบรรพบุรุษที่ละโลกไปแล้ว…..และขออุทิศบุญให้กับผู้มีพระคุณทั้งหลาย เทวดาทุกชั้นฟ้า ทุกชั้นพรหม ทั้งอากาสเทวา รุกขเทวา ภุมมเทวา เปรต อสูรกาย สัตว์นรก สัตว์ดิรัจฉาน สัมภเวสี ขอได้อนุโมทนา สาธุการ รับเอาผลบุญที่ข้าพเจ้าแผ่อุทิศให้นี้เถิด .
#25
Posted 11 October 2010 - 10:38 AM
ทางทหารขั้นสูง ...เขาเรียกว่า..........(ยุทธวิธีโจมตีตัวเอง).. รายละเอียดเป็นอย่างไร ไม่ขอกล่าวถึงที่นี้....เพราะอันตรายมาก.....
จะป้องกันได้ต้อง รวมใจกันสู้..
ป้องกันได้... คือต้องรวมใจกันสู้(เอาอุเบกขาวาง).....
นรอ.อยากช่วย (พ่อ)ของเรา ป้องกันรึเปล่า?
ไม่ได้ต้องการเอาชนะ ขอย้ำว่า ไม่ใช่วิธีการเอาชนะที่ถูกต้อง เพราะ...........
ชนะได้สมบูรณ์และถูกต้อง ต้องทหารเอกและไม่เอกไม่ต่ำกว่า100หรือทั้งหมด รวมใจเป็นหนึ่งเดียวกับ? สู้ที่กลางกายเท่านั้น
ตัวอย่าง ยุทธวิธีโจมตีตัวเอง... เนียร....มากๆ....กว่าจะรู้ตัวหลายวันเป็นอาทิตย์ ผมทนไม่ได้ต้อง เป็นหน้าที่ของลูก(ปลายแถว)คนหนึ่งที่จะต้อง
http://dmc.tv/forum/...showtopic=23940
#26
Posted 17 December 2010 - 12:41 AM
#27 *ผู้มาเยือน*
Posted 10 January 2011 - 11:21 AM
"ส่วนใหญ่คำว่าลุย สำหรับนักเรียนอนุบาล หมายถึงลุยทำความดี สร้่างบารมีกันต่อไปค่ะ...
กรณีถูกโจมตี หลวงปู่บอกว่า เราไม่สู้ เราไม่หนี แต่ทำดีเรื่อยไปค่ะ"
เมื่อก่อนก็เคยเข้าใจวัดผิด แต่พอได้ดู dmc ก็รู้สึกดี และขอกราบขอขมาหลวงพ่อ
ท่านพิสูจน์ด้วยการทำให้ดู
#28
Posted 18 January 2011 - 12:48 PM
เราอยู่บ้านสามีก็อยู่มานานคะ 20 กว่าปี เรื่องมาเกิดเมื่อปีใหม่ที่ผ่านมาคือของน้องสาวเค้าหายไปคือ รองเท้า และบรัชออน NARS หายไปแต่เครื่องสำอางค์อันนี้ของเราก็มีนะคะ น้องสาวเค้าโทษเราเต็มๆเลยคะว่าเราขโมยไป เดี๋ยวเราจะให้อ่านที่เค้า ด่าว่าเราใน เฟสบุ๊กนะคะ
อันนี้คือข้อความของน้องสามีคะVarongrong เขียน "หุหุ ยังไม่รู้ตัวอีกน่าสงสาร ชีวิตนี้ถึงไม่มีความสุข พี่น้องยังไม่เอาเลย ถึงสุขก็สุกๆดีบๆล่ะว้า อยากรู้ก็นึกทบทวนดูสิย่ะว่าใครบ้างที่มึงไปทำเค้าไว้ มึงจะขโมยของใครแล้วให้คนอื่นเห็นก็ไม่ใช่ขโมย กูคิดว่ากูไม่หน้าแตก แต่คนที่ไม่ยอมรับความจริงชอบแถไปเลยก็คือมึง กูคิดว่าผัวมึงเค้าก็รู้แต่ไม่อยากมีปัญหากับมึงอ่ะสิ เค้าคิดถึงลูก สงสารลูก ไม่งั้นเค้าเลิกกับมึงนานแล้ว ลองถามดูสิ แล้วเสือกอะไรกับครอบครัวกู ดูแลครอบครัวมึงให้ดีเถอะ อีกอย่างทำไมกูต้องสำนึกบุญคุณมึง มึงอย่ามาลำเลิกกูไม่ได้ขอร้องให้มึงมาช่วยเลี้ยงลูกกู มึงเสือกอาสาเอง ที่ผ่านมามึงทำอะไรก็ไม่อยากถือสา แต่ครั้งนี้กูขอไม่ บรรทัดฐานของกูสูงกว่ามึงนัก สำเหนียกซะ ปล.เรื่องขโมยบรัชออนกะรองเท้า ตำรวจที่ไหนจะไปรับทำเรื่อง คิดได้ปัญญาอ่อนมาก เค้าเอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า โง่แล้วอยาก..อ้อลืมไปไม่ได้กินหญ้านี่หว่า 555" เอาของกรูไปแล้วทำมาเนียนโกรธกู ซิมิสนหลอก แต่อย่ามาลงที่ลูกกูอีเวรตะไล อีกข้อความนึงนะ หุหุ แรงบริสุทธิ์มันจะไปเกิดกับคน####ๆๆได้ยังไงอยากรู้นักทำเป็นอโหสิแต่ปาก จริงๆใจมันร้อนเป็นไฟแล้ว
ต่อไปเป็นของเรานะคะ
คนอย่างมึงพูดไปก็เท่านั้น ไม่เคยเห็นใครดี มึงจะคิดยังไงกะกูก็ได้นะ ไม่เป็นไร อโหสิกรรมให้เพราะสมองมึงคิดได้เท่านี้ ของ ของมึง ทั้ง 2 อย่าง กูขอสาบานให้กูมีอันเป็นไป หรือให้เกิดสิ่งใดก็ได้ถ้าคนอย่างกูเอาของมึงไปนะ แต่แรงบริสุทธิ์ของกู มึงคิดสิ่งใดไม่ดีกับกู หรือ โทษกู กูไม่ยกให้ ขอให้ย้อนกลับไปหามึงให้หมด ด้วยแรงบริสุทธิ์ของกู ถ้าเป็นกูนะถ้ากูไม่เห็นหรือไม่แน่ใจว่าใครเอาไปกูจะไม่โทษใครเพราะว่ามันบาป กูขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านนี้ ถ้ากูเอาไปขอให้กูมีอันเป็นไป กูไม่ได้เอาไป ใจมึงไม่บริสุทธิ์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่กูมีเคราะกรรมขอให้ย้อนกลับไปหามึงให้หมด ด้วยแรงบริสุทธิของกู ส่วนเรื่องหลานกูไม่ได้คิดอะไร (คือเราเคยเลี้ยงลูกให้เค้าคะออกมาได้ 2 วัน ตอนนี้อายุ 5 ขวบแล้วเราไม่เคยได้ค่าเลี้ยงหรือค่าขนมเลยคะหรือค่าย่าต่างๆ)ส่วนมึงกูอโหสิกรรมให้ทุกอย่างแรงบริสุทธิ์ของกูมันแรงมากกูจะคอยดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตมึงอีก ไม่ช้าก็เร็ว เพราะถ้าจิตใจของมึงยังโทษว่ากูเอาของ ของมึงทั้ง 2 อย่างไป รองเท้าอะไรกูยังไม่รู้เรื่องเลย ขอให้หาของมึงให้ดีดีก่อนนะ ที่จะเจาะจงโทษกูมั่วๆๆ แต่ถ้ามึงยังยืนยันว่ากูเอาไป ก็ไม่เป็นไรความจริงคือความจริงอย่างที่มึงบอก ผัวกูเค้าให้ถามว่าถ้ามึงแน่ใจจริงๆๆ ทำไมตำรวจจะสืบไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องเล็กแต่มันเป็นเรื่องใหญสำหรับกูที่มึงว่ากูขโมย กูเป็นคนเสียหาย
อาจจะยาวหน่อยนะคะ คือสามีและแม่สามีเค้าก็ไม่เชื่อเพราะว่าเราเองไม่เคยมีนิสัยแบบนี้ สามีเค้าก็เฉยไม่ว่าอะไรน้องเค้าแม้แต่คำเดียวเพียงแต่บอกเราว่าเวรกรรมมีจริงไม่ช้าก็เร้วต้องได้เห็น ถ้าเราไม่ได้เอาไปก็ไม่ต้องไปใส่ใจ แต่เราซิคะทั้งเสียใจ ร้องไห้ ทั้งแค้นมาก ทำไมสามีเราถึงไม่เครียให้เรา คือเค้าก็น่าจะไปคุยกับน้องเค้าว่าทำไมถึงโทษเราอย่างนี้ เราขอเลิกกับสามี แต่เค้าไม่เลิกเค้าบอกถ้าเราไปก็แสดงว่าเราเป็นคนผิดซิ
ต้องอยู่เพื่อพิสูจน์ทำไมต้องเลิก บอกตรงๆๆว่าเราอึดอัดมากคะ เพื่อนๆพี่ ช่วยแสดงความคิดเห็นหรือบอกบาปกรรมที่เค้าได้ทำกับเราได้ไหมคะ ขอบคุณมากคะ
#29 *ผู้มาเยือน*
#30 *kapook*
Posted 29 October 2011 - 07:53 PM