จะมีใครเป็นเหมือนกันไหมน้า
#1
Posted 27 August 2013 - 08:48 PM
#2
Posted 27 August 2013 - 09:59 PM
ผมไม่เป็นครับ เพราะไม่ได้ยึดติดกับการ "นั่ง" สมาธิ ถ้ามีเวลาต่อเนื่องหลายนาทีก็จะนั่ง แต่เนื่องจากมีกิจกรรมที่ต้องทำเกือบจะตลอดเวลา แม้แต่ตอนก่อนนอนก็มีธุรกิจที่ต้องสะสาง ส่วนใหญ่จะใช้วิธีตรึกใจที่ศูนย์กลางกายตลอดเวลาแทน และอาศัยเก็บเล็ก ผสมน้อยทั้งวันเอาตามช่วงเวลาว่างต่างๆ แต่ถ้ามีเวลาก็จะนั่งยาวๆ ได้เหมือนกัน
ดูเหมือนเป็นนิสัยที่ไม่ดี แต่ทำยังไงได้หล่ะครับ จังหวะชีวิตคนเรามันไม่เหมือนกัน เราก็ต้องไล่เรียงตามสิ่งที่ควรทำก่อน
ถ้าทำเป็นนิสัยที่ว่า ยังไม่ได้นั่งสมาธิ ยังนอนไม่ได้ แบบนี้ถือว่าสุดยอดมากเลยครับ พยายามรักษาความรู้สึกนี้เอาไว้ให้ดีๆ นะครับ จะทำให้เราเข้าถึงองค์พระธรรมกายได้เร็วและมั่นคง
ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
#3
Posted 27 August 2013 - 10:09 PM
ถ้าผมไม่ได้เล่นเกมผมจะนอนไม่หลับครับ
#4
Posted 23 October 2013 - 12:30 AM
ลองถามตัวเองดีๆ ซิครับ ว่า นั่งสมาธิ เพื่ออะไร? หากคิดว่าทำให้มีความสุข อย่าได้นั่ง จะไม่เกิดปัญญาใดๆ
#5
Posted 23 October 2013 - 08:46 AM
"นัตถิ สันติ ปรังสุขขัง...สุขอื่นเสมอด้วยความสงบไม่มี"
#6
Posted 24 October 2013 - 10:09 AM
ถ้าไม่ได้นั่งสมาธิแล้วนอนไม่หลับ
สาธุ...เพียงแต่ว่าอาการยังไม่ใช่โรคติดต่อในโลกออน์ไลน์นะ 5
#7
Posted 24 October 2013 - 06:03 PM
ลองถามตัวเองดีๆ ซิครับ ว่า นั่งสมาธิ เพื่ออะไร? หากคิดว่าทำให้มีความสุข อย่าได้นั่ง จะไม่เกิดปัญญาใดๆ
เพื่ออออ...
เพื่ออะไรก็นั่งไปเถอะนะคะ
คุณยายสอนว่า
สัมมา อะระหัง ทีไรก็ได้บุญทุกที
หลับตาทีไรก็ได้บุญทุกที
เหมือนเราเอากำปั้นทุบดิน ทุบทีไรก็ถูกทุกที
อยู่ทางธรรม อย่าประมาท ต้องทำไปเรื่อยๆ
ทำไปไม่ต้องกลัว ใครเขาจะด่า ใครเขาจะว่า
ใครไม่พอใจก็ช่างเขา
ให้นึกว่า เราทำให้พระพุทธเจ้าท่านพอใจก็พอแล้ว
ทำไปเรื่อยๆ นึกว่า สำเร็จ สำเร็จ
ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็จะสำเร็จ
อ่านต่อ : http://goo.gl/65dxS0
ส่วนประสบการณ์ในการนั่งก็หลากหลายแล้วแต่บุคคล ตามที่พี่สิริปโภอธิบายมานั่นค่ะ
#8
Posted 25 October 2013 - 11:57 AM
ปัญญาเบื้องต้น ได้จากการฟัง การคิด
แต่ปัญญาที่แท้จริง ได้จากการปฏิบัติ
เช่น พริกนี่เผ็ดยังไง ถ้าฟังเขาว่ามา หรือ คิดดูเอาเองว่าเผ็ดยังไง
ปัญญาที่ได้ย่อมเล็กน้อย ต่อเมื่อได้ลองกิน พริก เข้าไปนั่นแหละ
ปัญญา จึงจะเกิดอย่างถ่องแท้ว่า พริก นี่เผ็ดยังไง
การนั่งสมาธิก็เช่นกัน หากเพียงแต่คิดว่า นั่งและจะดี หรือไม่ดี ปัญญาที่เกิดย่อมเล็กน้อย
ต่อเมื่อลงมือนั่งสมาธิ นั่นแหละครับ ปัญญาที่ไพศาลจะบังเกิดขึ้น
#9
Posted 14 October 2014 - 10:05 AM
ธรรมชาติของสรรพชีวิตย่อมต้องชอบความสุขด้วยกันทั้งนั้นครับ การที่คุณอยากนั่งเพราะว่ามันคือความสุขของคุณก็ยินดีด้วยครับ ที่คุณมีที่พักใจ
ส่วนเรื่องวัตถุประสงค์การนั่งสมาธินั้น ก็ขึ้นกับแต่ละคนไป จะให้ชอบเหมือนกันคงไม่ได้ เพราะบารมีแต่ละคนต่างกัน
บางคนชอบนั่งเพราะมันมีความสุขเท่านั้น(ไม่ได้ต้องการบรรลุหรือพ้นทุกข์)
บางคนนั่งเพราะอยากพ้นจากความทุกข์(กรณีเบื่อหน่ายในโลกนี้เต็มที)
บางคนนั่งเพราะอยากได้บุญเยอะๆ ขอให้บุญส่งผลให้ธุรกิจการค้า แล้วก็นำกำไร มาทำบุญสร้างบารมีเพิ่ม
บางคนปากบอกนั่งเพื่อพ้นทุกข์ แต่ในชีวิตประจำวัน ก็ไปแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน ยังคงฟังเพลง ดูรายการทีวี ดูหนัง ทำอะไรแบบโลกๆ แล้วจะละกิเลสได้อย่างไร
ฯลฯ
ต่างคนต่างความคิด จะไปบอกว่าการนั่ง ต้องเป็นไปเพื่อให้เกิดปัญญาหรือพ้นทุกข์ ก็คงไม่ถูกนักครับ นั่งต่อไปเถอะครับ
#10
Posted 14 October 2014 - 12:12 PM
การทำสมาธิมีจุดประสงค์เดียวเท่านั้นครับ คือ ให้เกิดปัญญารู้แจ้ง เห็นจริง เห็นความจริงของชีวิต
ส่วนอื่นๆ นั้น เป็นเพียงผลพลอยได้จากการทำสมาธิเท่านั้นครับ อยู่ที่ว่า เราจะเอาใจเราไปพิจารณาที่ไหนที่ไหนครับ
#11
Posted 14 October 2014 - 02:03 PM
การทำสมาธิมีจุดประสงค์เดียวเท่านั้นครับ คือ ให้เกิดปัญญารู้แจ้ง เห็นจริง เห็นความจริงของชีวิต
ส่วนอื่นๆ นั้น เป็นเพียงผลพลอยได้จากการทำสมาธิเท่านั้นครับ อยู่ที่ว่า เราจะเอาใจเราไปพิจารณาที่ไหนที่ไหนครับ
"ส่วนเรื่องวัตถุประสงค์การนั่งสมาธินั้น ก็ขึ้นกับแต่ละคนไป"
โทษทีครับ อาจจะใช้คำกำกวมขยายความไม่ชัด คือวัตถุประสงค์การนั่งที่ผมพูดไว้
ไม่ได้หมายถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงตามหลักพุทธศาสนาครับ แต่ผมหมายถึงวัตถุประสงค์หรือเหตุผลของคนนั่งครับ ว่านั่งเพื่ออะไร
ยกตัวอย่าง แก้วใส่น้ำ จุดประสงค์หลักของมันคือ เพื่อใส่ของเหลว
แต่บางคนก็อาจจะเอามาใส่ข้าว ใส่ดอกไม้ ใส่จิปาถะ หรือเอามาเล่นผีถ้วยแก้ว ฯลฯ
#12
Posted 14 October 2014 - 03:19 PM
ในยุคสมัยนี้ เป็นที่น่าเสียดายมากๆ ที่หลายๆ คนทำสมาธิได้เป็นอย่างดี แต่ไปติดตรงผลพลอยได้จากการทำสมาธิเสียมาก
ท่าน AparidoD มาถูกทางแล้ว แน่วแน่ตรงไปครับ ให้เกิดปัญญาก่อน แล้วค่อยวกลงมาสนุกกับผลพลอยได้ก็ยังไม่สายเกิน ดีเสียอีก ถ้าเราเกิดปัญญาแล้ว เราจะรู้แจ้ง เห็นแจ้งเลยว่า สิ่งที่เราเห็น สิ่งที่เราทำได้ในสมาธิ คือของแท้ หรือของเทียม ไม่ต้องรอถามใครที่ไหน เพราะองค์พระภายในกายท่านจะสอนเราเอง
แม้แต่วิชชาธรรมกายเอง อานุภาพต่างๆ เป็นเพียงผลพลอยได้ จากการเข้าถึงองค์พระภายใน ให้เรามุ่งมั่นทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาให้องค์พระใส สว่าง ติดแน่นทั้งหลับตา ลืมตา มั่นคงได้เท่านั้น เดี๋ยวที่เหลือจะตามมาเอง
แต่ยังไงการศึกษาพระพุทธศาสนาในทางวิชาการก็สำคัญ ยังไงถ้าพอปลีกเวลาได้ มาลงเรียน DOU กันนะครับ มีอะไร สนุกๆ ให้เรียนรู้เยอะเลย
#13
Posted 15 October 2014 - 04:52 PM
คงจะลงเรียน ภาคเรียนที่ 1 น่ะครับ
#14
Posted 17 October 2014 - 01:38 AM
Reading this articles, have got "wit" to analyze this and that more. Krap kob pra koon of every single member to share experience. Anumotana boon with the one who get addicted to meditation ( may I called this a kinda "chan" ). Krap kob par koon of all Dhammatan ka.
#15
Posted 20 October 2014 - 08:55 AM
นั่งไปเถอะครับ นั่งทุกวันยิ่งดี ผมเองก็นั่งทุกวันคือก่อนนอนและตื่นนอนเป็นหลัก สมาธิเป็นบ่อเกิดแห่งปัญญาจริงๆครับ ได้แค่ใหนเอาแค่นั้น
ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไปครับ ..
#16
Posted 21 October 2014 - 06:13 PM
หนูนั่งสมาธิทุกวันเลยค่ะ ถ้าวันไหนไม่ได้นั่ง รู้สึกเหมือนใจจะขาดค่ะ ต้องหาเวลานั่งสมาธิ รู้สึกเหมือนสมาธิเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเลยค่ะ นั่งแล้วมีความสุข สุขมากขึ้นๆ เรื่อยๆ บางครั้งก็ไม่อยากลืมตามาเจอเรื่องวุ่นวาย มีความสุขมากๆเลยค่ะ สมาธิทำให้รู้สึกหายเหนื่อย รู้สึกว่าสมาธิทำให้เราได้พักผ่อนมากกว่าการนอนหลับ บางวันนอนแบบรู้สึกตัวทั้งคืน รู้สึกเหมือนอยู่ในสมาธิตลอดเวลา เหมือนไม่ได้หลับเลยทั้งคืน ตื่นเช้ามาก็สดชื่นกระปรี้กระเปร่าทั้งวัน การใช้ชีวิตประจำวันก็รู้สึกมีความสุขมากๆเลยค่ะ