ใช้ผิวหนังมองแทนดวงตา พลังลี้ลับของคนป่าแห่งซามัว
Started by รวมกาย รวมบุญ, Feb 13 2010 02:19 PM
8 replies to this topic
#1
Posted 13 February 2010 - 02:19 PM
ใช้ผิวหนังมองแทนดวงตา พลังลี้ลับของคนป่าแห่งซามัว
เรียงเรียบใหม่โดย...ชมรมผู้สนใจพลังลี้ลับ...
ซามัว เป็นประเทศที่ประกอบด้วย หมู่เกาะอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ ชาวซามัวเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับอิทธิพลมาจากอารยธรรมโบราณของ "อาณาจักรมู" ซึ่งเป็นอารยธรรมเก่าแก่ในยุคกำเนิดมนุษย์คนแรก ซึ่งเป็นอาณาจักรที่ได้เคยมีความเจริญสูงสุดในเรื่องของศาสนาหลักคำสอนและความก้าวหน้าในเรื่องดาราศาสตร์ และพลังแห่งจักรวาล
อาณาจักรมู หรือ นี้มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า "อาณาจักรแห่งดวงอาทิตย์" ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่มหาสมุทรแปซิฟิก และได้จมลงสู่ท้องทะเลเมื่อประมาณ 11,500 ปี ที่ผ่านมา การเผยแผ่อิทธิพลคำสอนในเรื่องของศาสนา ดาราศาสตร์ สิ่งก่อสร้างต่างๆ ของอาณาจักรมู ถูกนำเข้ามาทางพม่า อินเดีย ไอยคุป ธิเบต จีน ญี่ปุ่นและอาณาเขตกระจายโดยรอบของอาณาจักรมู (สามารถติดตามอ่านเรื่องอาณาจักรมูได้ในกระทู้อื่น)
ก่อนหน้านี้หลายปีมีรายงานมาว่า ในซามัว มีชาวซามัวที่เป็นคนตาบอดสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆได้ โดยมองผ่านทางผิวหนังของเขา รายงานนี้ถูกหัวเราะเยาะเย้ยหยัน และมองว่าเป็นเรื่องตลกขบขันของนักวิทยาศาสตร์และประชาชนส่วนใหญ่ เพราะคิดว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ในหลักความเชื่อของบรรดานักวิทยาศาสตร์ในสมัยนั้น
รายงานต่อไปนี้เป็นรายงานของ นิวยอร์ก เวิลด์ จากปารีส ซึ่งรายงานถึงความสำเร็จของปรากฏการณ์ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในซามัว รายงานนี้เป็นคำตอบให้กับคำหัวเราะเย้ยหยันที่บรรดานักวิทยาศาสตร์ต่อรายงานของคนป่าแห่งซามัว
บทความนั้นมีอยู่ว่า... "คุณไม่เพียงมีดวงตาในส่วนศรีษะ แต่คุณยังมีดวงตาในส่วนที่เป็นร่างกายของคุณด้วย ร่างกายของคุณเต็มไปด้วยดวงตา! และดวงตาเหล่านั้นสามารถนำมาใช้ได้! หากได้รับการฝึกฝนอย่างถูกวิธี!.."
มีข้อสรุปจากนักวิทยาศาสตร์ ผู้ที่ได้เป็นพยานในการทดลองของจูลส์ โรเมน(Jules Romain) นักเขียนหนังสือเกี่ยวกับดวงตาพิเศษนี้ว่า ใต้ผิวหนังของเรามี โอเซลลัส(ocelles) ซึ่งเป็นอวัยวะที่มีขนาดเล็กมาก ที่เชื่อมต่อกับระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งเป็นที่มาของ "ดวงตาพิเศษ"
ในรายงานมีบันทึกว่า เอ็ม. โรเมน (M. Romain)ได้ประสบความสำเร็จในการฝึกให้คนหลายคนใช้ดวงตาพิเศษนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาสามารถแยกสีและอ่านออกขณะที่ถูกปิดตาอย่างมิดชิด บางคนสามารถมองเห็นได้ด้วยแก้ม นิ้วมือ หรือจมูก คนหนึ่งสามารถบอกลักษณะของหมวกได้ด้วยระยะไกลกว่า 4 หลา ซึ่งเป็นผลมาจากการฝึกพลังสมาธิโดยการเพ่งไปยังจุดใดจุดหนึ่งของร่างกาย ซึ่งต้องใช้พลังจากศูนย์กลางของจิตใจเป็นหลัก ***การฝึกเช่นนี้ไม่เกี่ยวข้องกับมาถูกสะกดจิตแต่อย่างใด***
การทดลองครั้งแรกได้ผลได้ไม่เด่นชัดนัก แต่การทดลองในครั้งต่อไป ๆ ใด บางคนมีการพัฒนามากขึ้น และจากการทดลองค้นพบได้ว่า ยิ่งคนที่ถูกนำมาฝึกนี้ได้รับการฝึกมากขึ้นเท่าไหร ก็ยิ่งพัฒนาความสามารถในการมองเห็นขยายวงออกไปได้เรื่อยๆ...
ซึ่งบัดนี้เป็นที่พิสูนจ์ได้แน่ชัดแล้วว่า การใช้ผิวหนังในการมองแทนดวงตานั้นสามารถทำได้จริง!!! ดวงตาพิเศษนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ที่ได้รับการฝึกมาอย่างถูกวิธี ซึ่งการฝึกแบบนี้ชาวซามัวได้รับการฝึกสืบทอดกันมาไม่ต่ำกว่าหลายพันปีแล้ว...
เป็นที่น่าสังเกตได้ว่า ยิ่งวิทยาศาสตร์ก้าวหน้ามากขึ้นเท่าไหร่ กลับเหมือนยิ่งถอยหลังลงเรื่อยๆ มากขึ้นเท่านั้น วิทยาศาสตร์สมัยใหม่จึงใช้วิธีเดียวที่จะหาทางพัฒนาองค์ความรู้ให้ก้าวไกลกว่าเป็นไปได้ นั้นก็คือ การศึกษาเรื่องในอดีตที่เคยเกิดขึ้น อารยธรรมโบราณที่สูญสลาย แล้วทำความเข้าใจมันให้รู้ซึ้ง แล้วนำมันมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในยุคของปัจจุบัน
เรียงเรียบใหม่โดย...ชมรมผู้สนใจพลังลี้ลับ...
ซามัว เป็นประเทศที่ประกอบด้วย หมู่เกาะอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ ชาวซามัวเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับอิทธิพลมาจากอารยธรรมโบราณของ "อาณาจักรมู" ซึ่งเป็นอารยธรรมเก่าแก่ในยุคกำเนิดมนุษย์คนแรก ซึ่งเป็นอาณาจักรที่ได้เคยมีความเจริญสูงสุดในเรื่องของศาสนาหลักคำสอนและความก้าวหน้าในเรื่องดาราศาสตร์ และพลังแห่งจักรวาล
อาณาจักรมู หรือ นี้มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า "อาณาจักรแห่งดวงอาทิตย์" ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่มหาสมุทรแปซิฟิก และได้จมลงสู่ท้องทะเลเมื่อประมาณ 11,500 ปี ที่ผ่านมา การเผยแผ่อิทธิพลคำสอนในเรื่องของศาสนา ดาราศาสตร์ สิ่งก่อสร้างต่างๆ ของอาณาจักรมู ถูกนำเข้ามาทางพม่า อินเดีย ไอยคุป ธิเบต จีน ญี่ปุ่นและอาณาเขตกระจายโดยรอบของอาณาจักรมู (สามารถติดตามอ่านเรื่องอาณาจักรมูได้ในกระทู้อื่น)
ก่อนหน้านี้หลายปีมีรายงานมาว่า ในซามัว มีชาวซามัวที่เป็นคนตาบอดสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆได้ โดยมองผ่านทางผิวหนังของเขา รายงานนี้ถูกหัวเราะเยาะเย้ยหยัน และมองว่าเป็นเรื่องตลกขบขันของนักวิทยาศาสตร์และประชาชนส่วนใหญ่ เพราะคิดว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ในหลักความเชื่อของบรรดานักวิทยาศาสตร์ในสมัยนั้น
รายงานต่อไปนี้เป็นรายงานของ นิวยอร์ก เวิลด์ จากปารีส ซึ่งรายงานถึงความสำเร็จของปรากฏการณ์ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในซามัว รายงานนี้เป็นคำตอบให้กับคำหัวเราะเย้ยหยันที่บรรดานักวิทยาศาสตร์ต่อรายงานของคนป่าแห่งซามัว
บทความนั้นมีอยู่ว่า... "คุณไม่เพียงมีดวงตาในส่วนศรีษะ แต่คุณยังมีดวงตาในส่วนที่เป็นร่างกายของคุณด้วย ร่างกายของคุณเต็มไปด้วยดวงตา! และดวงตาเหล่านั้นสามารถนำมาใช้ได้! หากได้รับการฝึกฝนอย่างถูกวิธี!.."
มีข้อสรุปจากนักวิทยาศาสตร์ ผู้ที่ได้เป็นพยานในการทดลองของจูลส์ โรเมน(Jules Romain) นักเขียนหนังสือเกี่ยวกับดวงตาพิเศษนี้ว่า ใต้ผิวหนังของเรามี โอเซลลัส(ocelles) ซึ่งเป็นอวัยวะที่มีขนาดเล็กมาก ที่เชื่อมต่อกับระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งเป็นที่มาของ "ดวงตาพิเศษ"
ในรายงานมีบันทึกว่า เอ็ม. โรเมน (M. Romain)ได้ประสบความสำเร็จในการฝึกให้คนหลายคนใช้ดวงตาพิเศษนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาสามารถแยกสีและอ่านออกขณะที่ถูกปิดตาอย่างมิดชิด บางคนสามารถมองเห็นได้ด้วยแก้ม นิ้วมือ หรือจมูก คนหนึ่งสามารถบอกลักษณะของหมวกได้ด้วยระยะไกลกว่า 4 หลา ซึ่งเป็นผลมาจากการฝึกพลังสมาธิโดยการเพ่งไปยังจุดใดจุดหนึ่งของร่างกาย ซึ่งต้องใช้พลังจากศูนย์กลางของจิตใจเป็นหลัก ***การฝึกเช่นนี้ไม่เกี่ยวข้องกับมาถูกสะกดจิตแต่อย่างใด***
การทดลองครั้งแรกได้ผลได้ไม่เด่นชัดนัก แต่การทดลองในครั้งต่อไป ๆ ใด บางคนมีการพัฒนามากขึ้น และจากการทดลองค้นพบได้ว่า ยิ่งคนที่ถูกนำมาฝึกนี้ได้รับการฝึกมากขึ้นเท่าไหร ก็ยิ่งพัฒนาความสามารถในการมองเห็นขยายวงออกไปได้เรื่อยๆ...
ซึ่งบัดนี้เป็นที่พิสูนจ์ได้แน่ชัดแล้วว่า การใช้ผิวหนังในการมองแทนดวงตานั้นสามารถทำได้จริง!!! ดวงตาพิเศษนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ที่ได้รับการฝึกมาอย่างถูกวิธี ซึ่งการฝึกแบบนี้ชาวซามัวได้รับการฝึกสืบทอดกันมาไม่ต่ำกว่าหลายพันปีแล้ว...
เป็นที่น่าสังเกตได้ว่า ยิ่งวิทยาศาสตร์ก้าวหน้ามากขึ้นเท่าไหร่ กลับเหมือนยิ่งถอยหลังลงเรื่อยๆ มากขึ้นเท่านั้น วิทยาศาสตร์สมัยใหม่จึงใช้วิธีเดียวที่จะหาทางพัฒนาองค์ความรู้ให้ก้าวไกลกว่าเป็นไปได้ นั้นก็คือ การศึกษาเรื่องในอดีตที่เคยเกิดขึ้น อารยธรรมโบราณที่สูญสลาย แล้วทำความเข้าใจมันให้รู้ซึ้ง แล้วนำมันมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในยุคของปัจจุบัน
หากไม่มีคุณยายสร้างวัดให้
เราคงไปอยู่ที่ไหนแล้วไม่รู้
บาปใหม่ๆ คงทำไปเพราะขาดครู
บาปเก่าๆ ก็ไม่รู้จะแก้ไง
*ขอยืมจาก กลอนกลั่นใจ ของ tomorow *
เราคงไปอยู่ที่ไหนแล้วไม่รู้
บาปใหม่ๆ คงทำไปเพราะขาดครู
บาปเก่าๆ ก็ไม่รู้จะแก้ไง
*ขอยืมจาก กลอนกลั่นใจ ของ tomorow *
#2
Posted 14 February 2010 - 02:39 PM
ชาวตามัว เอ้ย ไม่ใช่ ชาวซามัวคงไม่ตาบอดทุกคนหลอก มั้งครับ
ที่เค้ามองเห็นได้ ก็เพราะเขาหลับตา ก็คือ สมาธินั่นเอง
เราวิเคราะห์ถูก มั้ยเอ่ย
เป็นไปได้ยากนะที่ว่า เกิดมาแล้วตาบอดหมดทุกคน
หรืออาจจะไปได้ ถ้าเขา มาจากทวีปอื่น(โดยที่พระเจ้าจักรพรรดิใช้จักรแก้วพามาก็เป็นได้) หลวงพ่อเคยพูดถึงรึเปล่านะ(ลืม)
แล้วที่เขาไม่สามารถมองเห็นได้ในชมพูทวีปก็อาจจะไปด้วยหลายๆปัจจัย (อาจเป็นเพราะสภาพร่ายหรือธรรมชาติ)
(อย่าเชื่อเรา นะ มั่วเอาหนะ เป็นการวิเคราะห์เล่นๆ สนุกๆ)
ใคร มีอะไรที่ดีๆ ก็แบ่งปันกันได้นะ อยากรู้เหมือนกัน เกี่ยวกับอาณาโบราณที่สูญหายไป เนี่ย
อีกนิดนึงลืม
คิดดูนะ ถ้าตาในมองได้กว้างใกลแม่นยำกว่า จะใช้ตานอกทำไม
คนเลยตีไปว่า ตาบอด (เพราะเขาไม่ได้ลืมตา งัย)
เอิ๊กๆๆๆๆๆๆ
ที่เค้ามองเห็นได้ ก็เพราะเขาหลับตา ก็คือ สมาธินั่นเอง
เราวิเคราะห์ถูก มั้ยเอ่ย
เป็นไปได้ยากนะที่ว่า เกิดมาแล้วตาบอดหมดทุกคน
หรืออาจจะไปได้ ถ้าเขา มาจากทวีปอื่น(โดยที่พระเจ้าจักรพรรดิใช้จักรแก้วพามาก็เป็นได้) หลวงพ่อเคยพูดถึงรึเปล่านะ(ลืม)
แล้วที่เขาไม่สามารถมองเห็นได้ในชมพูทวีปก็อาจจะไปด้วยหลายๆปัจจัย (อาจเป็นเพราะสภาพร่ายหรือธรรมชาติ)
(อย่าเชื่อเรา นะ มั่วเอาหนะ เป็นการวิเคราะห์เล่นๆ สนุกๆ)
ใคร มีอะไรที่ดีๆ ก็แบ่งปันกันได้นะ อยากรู้เหมือนกัน เกี่ยวกับอาณาโบราณที่สูญหายไป เนี่ย
อีกนิดนึงลืม
คิดดูนะ ถ้าตาในมองได้กว้างใกลแม่นยำกว่า จะใช้ตานอกทำไม
คนเลยตีไปว่า ตาบอด (เพราะเขาไม่ได้ลืมตา งัย)
เอิ๊กๆๆๆๆๆๆ
+^^ Just You Make ^^+
#3
Posted 15 February 2010 - 08:13 PM
...วิชาตาทิพย์นั่นเอง (จักษุทิพย์ หรือทิพยจักษุ) อิอิ ถ้ามีบุญเก่า คงเรียนและทำตามได้ คนไม่มีบุญบ่มีทาง
..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....
#4
Posted 15 February 2010 - 11:50 PM
คุณดินสอแห่งธรรม วิชาตาทิพย์ (จักษุทิพย์ หรือทิพยจักษุ) มีลงทะเบียนเรียนที่ไหนอ่ะค่ะ
กิ่งใส อยากเรียน อย่างแรง เรียนแล้วบาปไหม
กิ่งใส อยากเรียน อย่างแรง เรียนแล้วบาปไหม
#5
Posted 17 February 2010 - 08:00 AM
...มีเรียนในสมาธิจ้า เป็นอภิญญา มีทั้ง หูทิพย์ ตาทิพย์ เหาะเหินเดินอากาศ หยังรู้วาระจิต ได้ยินความคิดของผู้อื่น ฯลฯ
..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....
#6
Posted 17 February 2010 - 10:33 PM
เสริมๆ
สามารถเรียนด้วยตนเองได้ โดยการ นั่งหลับตาเบาๆ สบายๆ ครับ อิอิ
จิตที่ฝึกดีแล้ว ย่อมมีพลัง ^^
สามารถเรียนด้วยตนเองได้ โดยการ นั่งหลับตาเบาๆ สบายๆ ครับ อิอิ
จิตที่ฝึกดีแล้ว ย่อมมีพลัง ^^
+^^ Just You Make ^^+
#7
Posted 19 February 2010 - 09:22 AM
"คุณไม่เพียงมีดวงตาในส่วนศรีษะ แต่คุณยังมีดวงตาในส่วนที่เป็นร่างกายของคุณด้วย ร่างกายของคุณเต็มไปด้วยดวงตา! และดวงตาเหล่านั้นสามารถนำมาใช้ได้! หากได้รับการฝึกฝนอย่างถูกวิธี!.."
ความอัศจรรย์ที่วิทยาศาสตร์พยายามพิสูจน์
ความอัศจรรย์ที่วิทยาศาสตร์พยายามพิสูจน์
#8
Posted 09 May 2010 - 07:49 AM
ผมว่าเขาใช้ตาใจนะ ^^
แต่พวกเขากำหนดจิตไว้ตรงผิวหนังเนี่ยนะ???
มันถือเป็นการเข้านอกหนิครับ ...
ถ้าจะให้ปลอดภัยควรจะไว้ฐานเจ็ด หรือไม่ก็ฐานใดฐานหนึ่งในเจ็ดฐานครับ
อิอิ พวกซามูไรกับพวกนักรบแถวๆเอเชียตะวันออกก็มีหนิครับ
พวกนี้ปิดตาฟันดาบได้เลย(บางคน) ใช้หูบ้าง ใช้ตาใจบ้าง แต่ตาใจต้องฝึกสมถภาวนา
เราชาวพุทธ มีโอกาสเรียนรู้วิธีทำสมาธิที่ถูกต้อง
ถ้าจะทำก็ได้นะครับ แต่ถ้าเหตุปัจจัยไม่พร้อม มันก็ยากอะครับ ^^
แต่ถ้าฝึกวิชชาธรรมกายจนถึงระดับนึงแล้ว ผมว่าทำได้แน่นอนครับ
แต่พวกเขากำหนดจิตไว้ตรงผิวหนังเนี่ยนะ???
มันถือเป็นการเข้านอกหนิครับ ...
ถ้าจะให้ปลอดภัยควรจะไว้ฐานเจ็ด หรือไม่ก็ฐานใดฐานหนึ่งในเจ็ดฐานครับ
อิอิ พวกซามูไรกับพวกนักรบแถวๆเอเชียตะวันออกก็มีหนิครับ
พวกนี้ปิดตาฟันดาบได้เลย(บางคน) ใช้หูบ้าง ใช้ตาใจบ้าง แต่ตาใจต้องฝึกสมถภาวนา
เราชาวพุทธ มีโอกาสเรียนรู้วิธีทำสมาธิที่ถูกต้อง
ถ้าจะทำก็ได้นะครับ แต่ถ้าเหตุปัจจัยไม่พร้อม มันก็ยากอะครับ ^^
แต่ถ้าฝึกวิชชาธรรมกายจนถึงระดับนึงแล้ว ผมว่าทำได้แน่นอนครับ
I'm flowers of emptiness, I'm blossoms of the nameless, It is neither void nor does, The nature haven't first and last.
#9
Posted 09 May 2010 - 01:20 PM
ใช่ครับท่าน Heart Sutra ครับ ผมว่าก็ประมาณเดียวกับ พวกชนเผ่ายิบซีโบราณ ที่ชอบเพ่งดวงแก้ว แล้วรู้เห็นอนาคตได้นะครับ
ก็เป็นญาณทางจิตเล็กๆน้อยๆ ที่สามารถฝึกฝนกันได้นะครับ
ถ้าเขารู้จักนำใจหยุดที่ 072 หรือภายในฐานทั้ง 7 ก็คงจะมีประโยชน์ได้มากกว่านี้
ก็เป็นญาณทางจิตเล็กๆน้อยๆ ที่สามารถฝึกฝนกันได้นะครับ
ถ้าเขารู้จักนำใจหยุดที่ 072 หรือภายในฐานทั้ง 7 ก็คงจะมีประโยชน์ได้มากกว่านี้
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย