Jump to content


Photo
- - - - -

พระพุทธเจ้าต้นกัลป์และปลายกัลป์


  • You cannot start a new topic
  • Please log in to reply
27 replies to this topic

#1 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1,209 posts

Posted 23 March 2006 - 06:31 AM

พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จะมีพระชนมายุไม่เท่ากัน และต่างกันมากมาย
และขึ้นอยู่ ช่วงเวลาที่จะมาตรัสรู้ว่าเป็นต้นกัลป์หรือปลายกัลป์ด้วย เช่นพระพทุธเจ้าของเราเกิดปลายกัลป์มนุษย์มีอายุแค่ 100 ปี
พระศรีอาร์ย เกิดต้นกัลป์ มนุษย์มีอายุถึง หนึ่งแสนปี

พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์สร้างบารมีต่างกันอย่างไร จึงมาเกิดต้นกัลป์
พระพทธเจ้าที่เกิดปลายกัลป์สร้างบารมีมาอย่างไร
พระชนมายุพระพุทธเจ้า ขึ้นอยู่กับบารมีใด เพราะแต่ละองค์สามารถล่วงรู้อายุขัยล่วงหน้าได้
ถ้าท่านเลือกได้คงอยากเกิดมาต้นกัลป์ใช่หรือไม่

ขอบคุณล่วงหน้าครับ

#2 เพียงพอ

เพียงพอ

    I |\|EE|) S()|\/|E |3()DY |_()\/E.

  • Members
  • 724 posts
  • Location:ไม่มีข้อมูล
  • Interests:ไม่มีข้อมูล

Posted 23 March 2006 - 09:03 AM

น่าสนุก อยากรู้เหมือนกานครับ
เพียง. . .เพื่อดำรงชีวิตอยู่ให้มีคุณค่า
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.

เพียงพอ


#3 CEO

CEO
  • Members
  • 577 posts
  • Gender:Male
  • Interests:พระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย

Posted 23 March 2006 - 09:14 AM

เกิดช่วงไหนก็ได้ ขอให้มีศาสนาพุทธวิชชาธรรมกายก็แล้วกัน
( จะได้เอาตัวรอดได้ )
สร้างบารมีทุกวินาที
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้

#4 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

Posted 23 March 2006 - 09:50 AM

เราจะไปเป็นพร้อมกันนะครับ

#5 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 posts

Posted 23 March 2006 - 10:49 AM

เรื่องของอายุขัยหรือระยะเวลาในการบำเพ็ญบารมีของแต่ละพระองค์น่าจะเป็นระยะเวลาในการสั่งสมบุญบารมีครับ

แต่ถามว่าจำเป็นเสมอไปหรือไม่ว่าถ้าบำเพ็ญบารมีมาเยอะๆ เช่น พระศรีอาริยเมตตรัย 16 อสงไขยแสนมหากัปแล้วจะได้มีอายุยืน ข้อนี้คงไม่เสมอไปครับ เพราะยุคของพระพุทธเจ้าเราองค์ปัจจุบันพระโคดม พระศรีอาริย์ก็ยังลงมาเกิดเป็นพุทธสาวกได้รับพยากรณ์ซึ่งอายุก็อยู่ในเกณฑ์ปกติเหมือนกัน

ดังนั้นเรื่องบารมีมากหรือน้อยกับเรื่องอายุขัยจึงไม่เกี่ยวกันครับ แต่เป็นเรื่องของความเมตตาของพระบรมโพธิ์สัตว์ที่สงสารสัตว์ในยุคที่มีอายุขัยน้อยที่ไม่ค่อยได้ดีพระพุทธเจ้าลงมาบังเกิดโปรดเลยเพราะอายุขัยน้อย สัตว์ในยุคที่มีอายุไม่เกิน 100 หรือเกินนิดๆ นั้นพระโพธิสัตว์ได้ส่องพระญาณแล้วว่ามีอินทรีย์แก่กล้าพอที่จะบรรลุธรรมได้บ้าง แต่ถ้าไม่มีใครมาโปรดสัตว์ในยุคนี้ก็จะกลายเป็นอาภัพสัตว์ไปครับ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#6 Jengiskhan

Jengiskhan
  • Members
  • 560 posts
  • Gender:Male
  • Location:กุงเท่

Posted 23 March 2006 - 11:29 AM

ทุกอย่างพระองค์ทรงกำหนดเองไม่ใช่หรือครับ ว่าจะมาประสูติอย่างไร ท่านดูพระมารดา ท่านดูกาล สถานที่ วรรณะ ... จำไม่ได้แล้ว ไม่เกี่ยวกับว่าอยากมาเกิดช่วงต้นหรือปลายกัป หรอกครับ เพราะการเป็นพระพุทธเจ้าแล้วแต่บารมีเต็มเปี่ยมเมื่อไหร่ เทพไท้ต่างเตรียมอาราถนาจากดุสิตบุรี

#7 Omena

Omena
  • Members
  • 1,409 posts
  • Location:44/5 หมู่ 10 ตำบลหนองอ้อ ถนนเพชรเกษม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 70110

Posted 23 March 2006 - 12:20 PM

เรื่องนี้มันละเอียดพอสมควรนะคะ
ไม่กล้าตอบ
เมื่อไหร่หนอจะได้พบทหารหาญ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที

สุนทรพ่อ




muralath2@hotmail

#8 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

Posted 23 March 2006 - 01:01 PM

อยากเข้าถึงธรรมจะได้หมดข้อสงสัยทุกๆเรื่องเลยครับ สาธุ

#9 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1,209 posts

Posted 23 March 2006 - 01:01 PM

เท่าที่ทราบมา พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ไม่ได้กำหนดการมาตรัสรู้ว่าต้นกัลป์หรือ
ปลายกัลป์ และอายุขัย แต่ได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อน เมื่อสร้างบารมี
จนได้เป็น นิตยกะโพธิสัตว์แล้ว พระพุทธเจ้าองค์ก่อนจะทราบมาจากบารมีและกำหนด ระยะ
เวลามาตรัสรู้ ขนาดรูปร่าง ชื่อ ที่สถานที่ตรัสรู้เรียบร้อย อย่างเช่นพระพุทธเจ้าของเรา ได้รับ
พุทธพยากรณ์จาก พระทีปังกรพุทธเจ้า

ลองดูนะครับใครพอรู้ หรือขอความรู้จากผู้รู้ได้ ลองตอบดูนะครับเผื่อใครปรารถนา
พุทธภูมิและอยากเลือกเกิดตามใจตัวเองบ้าง ส่วนผมก็ตามหมู่คณะครับ
หยุดคือตัวสำเร็จ

#10 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

Posted 23 March 2006 - 04:56 PM

ขอบคุณทุกคำตอบครับ

#11 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4,531 posts
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

Posted 23 March 2006 - 05:24 PM

สำหรับอายุของมนุษย์ที่พระโพธิสัตว์เลือกลงมาตรัสรู้นั้น จะต้อง
1. ไม่มากกว่า 1 แสนปีครับ เพราะถ้าอายุมนุษย์นานกว่านั้น มนุษย์จะสบายเกินไปและสอนยาก เช่น สอนละคนเราต้องแก่นะ ไม่จีรัง มนุษย์อาจจะเถียงว่า ผมอยู่มาแสนกว่าปีแล้วไม่เห็นแก่ตรงไหนเลย

2. ไม่น้อยกว่า 1 ร้อยปี เพราะถ้าอายุมนุษย์น้อยกว่า 100 ปี กิเลสมนุษย์นั้นจะกล้ามาก สอนอย่างไรก็ไม่ค่อยฟัง

แต่ถ้าอยู่ในช่วงระหว่าง 100 ถึง แสนปี ก็เลือกลงมาได้ตลอดครับ ที่นี่ถามว่า ท่านใดจะต้องมาตอนอายุมนุษย์อายุมาก ท่านมาตอนใดอายุน้อย ก็ต้องขึ้นกับว่า บารมีของท่านเต็มเปี่ยมในระดับอายุมนุษย์ขนาดไหน ท่านก็ลงมาในช่วงเวลานั้นแหละครับ ยกเว้นว่า ท่านใดสร้างบารมีเต็มเปี่ยมแล้ว แต่ยังไม่อยากลงมา อยากสร้างบารมีต่อๆไปอีก ก็ต้องเป็นอนิยตโพธิสัตว์ครับ คือ ยังไม่ได้รับพุทธพยากรณ์ ถ้าได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว ก็เท่ากับเวลาได้ถูกกำหนดแน่นอนตายตัวไปแล้ว แปรผันเป็นอื่นไม่ได้ครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#12 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

Posted 23 March 2006 - 07:09 PM

เคยสงสัยแต่เพียง
- พระพุทธเจ้าปัญญาธิกะ บังเกิดขึ้นได้ยากกว่า หรือไม่
- ถ้าบังเกิดยาก ใยต้องเลือกเกิดในช่วงอายุขัยมนุษย์ 100ปี ขณะพระองค์ที่อายุขัยหมื่นๆปีมักจะเป็นวิริยาธิกะ ซึ่งบางพระองค์เทศนาทุก 7ปี แต่พระสมณโคดมพระองค์นี้เทศนาวันละ 5รอบตามพุทธกิจ
- ถ้าพระพุทธเจ้าปัญญาธิกะ บังเกิดในยุคอายุขัยมนุษย์หมื่นๆปี น่าจะมีผู้บรรลุธรรมมากมายกว่านี้หรือไม่ น่าคิด ชวนให้คิดเองว่า........จะเกรงกลัวพระพุทธเจ้าปัญญาธิกะมากเลย

ไม่รู้จะมีโอกาสทราบจากฝันในฝันหรือเปล่า

#13 gioia

gioia
  • Members
  • 593 posts

Posted 23 March 2006 - 07:33 PM

ชัดเจนมากค่ะคุณหัดฝัน
โมทนาบุญกับทุกท่านค่ะที่มาร่วมให้ความกระจ่าง

#14 Omena

Omena
  • Members
  • 1,409 posts
  • Location:44/5 หมู่ 10 ตำบลหนองอ้อ ถนนเพชรเกษม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 70110

Posted 23 March 2006 - 07:52 PM

QUOTE
เคยสงสัยแต่เพียง
- พระพุทธเจ้าปัญญาธิกะ บังเกิดขึ้นได้ยากกว่า หรือไม่
- ถ้าบังเกิดยาก ใยต้องเลือกเกิดในช่วงอายุขัยมนุษย์ 100ปี ขณะพระองค์ที่อายุขัยหมื่นๆปีมักจะเป็นวิริยาธิกะ ซึ่งบางพระองค์เทศนาทุก 7ปี แต่พระสมณโคดมพระองค์นี้เทศนาวันละ 5รอบตามพุทธกิจ
- ถ้าพระพุทธเจ้าปัญญาธิกะ บังเกิดในยุคอายุขัยมนุษย์หมื่นๆปี น่าจะมีผู้บรรลุธรรมมากมายกว่านี้หรือไม่ น่าคิด ชวนให้คิดเองว่า........จะเกรงกลัวพระพุทธเจ้าปัญญาธิกะมากเลย

ไม่รู้จะมีโอกาสทราบจากฝันในฝันหรือเปล่า



จริงๆแล้วก็ไม่เกี่ยวกับความยากง่ายเลยค่ะ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการสร้างบารมี (อย่างที่รู้ๆกัน)
ที่พระพุทธเจ้าองค์นี้เทศน์สอนวันละ 5 ครั้งเพาะ มีเวลาน้อยค่ะ แค่100ปีเองนะคะ
เมื่อไหร่หนอจะได้พบทหารหาญ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที

สุนทรพ่อ




muralath2@hotmail

#15 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 posts

Posted 24 March 2006 - 02:27 AM

QUOTE
พระพุทธเจ้าปัญญาธิกะ บังเกิดขึ้นได้ยากกว่า หรือไม่

บังเกิดได้ยากมากครับ การสั่งสมบารมีสาเหตุที่เต็มไวเพราะทรงมีปัญญาแก่กล้าสะสมบารมีด้วยปัญญาจึงใช้ระยะเวลาสั้นที่สุด
QUOTE
ถ้าบังเกิดยาก ใยต้องเลือกเกิดในช่วงอายุขัยมนุษย์ 100ปี ขณะพระองค์ที่อายุขัยหมื่นๆปีมักจะเป็นวิริยาธิกะ ซึ่งบางพระองค์เทศนาทุก 7ปี แต่พระสมณโคดมพระองค์นี้เทศนาวันละ 5รอบตามพุทธกิจ

เป็นมหาเมตตาธิคุณของพระโพธิสัตว์งัยครับ เพราะทรงหยั่งพระญาณแล้วว่าในอดีตกาลสัตว์ที่มีอายุขัยน้อยขนาดนี้แม้จะมีความสามารถบรรลุธรรมได้แต่ก็จะไม่บังเกิดมีพระโพธิสัตว์ลงมาจุติเป็นพระพุทธเจ้า ถือเป็นช่วงอายุขัยที่น่าสงสารที่สุดครับ

ว่าง่ายๆ คือ สัตว์ที่เกิดในยุคนี้เพราะมีนิสัยดื้อสุดๆ เป็นพื้นฐาน ส่วนใหญ่มีทิฐิแรง ถ้าตกนรกก็ลงยาว ถ้ามุ่งบรรลุธรรมก็จะเป็นผู้ที่แน่วแน่เอาจริงไม่ถอนถอยแน่ เพราะสัตว์ที่เกิดในยุคนี้นั้น ล้วนแล้วแต่เคยบำเพ็ญบารมีมากันชนิดนับอสงไขยกัปไม่ถ้วนทีเดียวครับ ติดอยู่เพียงแค่ทำบาปมากกว่าบุญเท่านั้นด้วยความหลงผิด

และที่สำคัญคือ ปัญญาธิกพุทธเจ้านั้นมารเขากลัวนัก ดังนั้นมารเขาจึงต้องยำใหญ่พระโพธิสัตว์ที่เป็นปัญญาธิกะอย่างหนักเช่นกันครับ เช่น บังใจพระเจ้าสุทโธทนะให้สร้างปราสาท 3 ฤดู และจับแต่งงานแต่เยาว์วัยเพื่อจะให้ทรงเลิกคิดที่จะบวชแต่เนิ่นๆ กันคนแก่ คนเจ็บ คนตายไม่ให้พระองค์ทรงทราบว่ามีความทุกข์ในโลกนี้เพื่อจะได้ไม่ออกบวช หลอกให้ทำทุกขกิริยาแทบปางตาย เพิ่มภาระทางสงฆ์ให้ผิดพระวินัยปาราชิก สังฆาทิเสส ปาจิตตีย์ และอื่นๆ เพื่อให้พระองค์ไม่มีเวลาว่างไปรบกับเขาครับ และแม้ที่สุดทรงค้นพบวิชชาอิทธิบาทธรรม เพื่อที่จะมีพระชนมายุตลอดกัปหรือยิ่งกว่า ก็ยังดลใจให้พระอานนท์ไม่ทันทูลอาราธนาให้ทรงพระชนชีพอยู่ต่อ เพราะมารเขากลัวนักจึงต้องขัดขวางทุกรูปแบบนั่นเองครับ

QUOTE
ถ้าพระพุทธเจ้าปัญญาธิกะ บังเกิดในยุคอายุขัยมนุษย์หมื่นๆปี น่าจะมีผู้บรรลุธรรมมากมายกว่านี้หรือไม่ น่าคิด ชวนให้คิดเองว่า........จะเกรงกลัวพระพุทธเจ้าปัญญาธิกะมากเลย

ที่สุดของการโปรดสัตว์ก็คือการทำให้สัตว์โลกทั้งหลายละทิฐิชั่ว มาตั้งอยู่ในคุณงามความดี และมีพระนิพพานเป็นที่สุด ถ้าท่านบังเกิดในยุคที่มนุษย์อายุยืนมากๆ คนเหล่านั้นก็นับว่ามีคุณธรรมประจำใจสูงอยู่แล้ว เหลือเพียงอีกนิดก็จะบรรลุธรรม ถามว่าคนที่ดีอยู่แล้วบรรลุธรรมง่ายจะมีประโยชน์อะไรที่จะโปรดหละครับ เพราะเป้าหมายที่แท้จริงคือการเอาชนะกิเลสมารในใจของสัตว์โลก ยิ่งยุคใดคนมีกิเลสหนาแต่สามารถโปรดให้กลับใจเป็นคนดีได้นั่นแหละครับเรียกว่า รื้อสัตว์ขนสัตว์ของจริงแหละครับ

อุปมาเหมือนตีรังโจรครับ ถ้าโจรกลับใจเป็นพระได้หละก็ถือว่าสันติสุขเริ่มอยู่ใกล้เข้ามาแล้วครับ

หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#16 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2,171 posts
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

Posted 24 March 2006 - 02:46 AM

QUOTE
ที่พระพุทธเจ้าองค์นี้เทศน์สอนวันละ 5 ครั้งเพาะ มีเวลาน้อยค่ะ แค่ 100 ปี เองนะคะ

พุทธกิจและพุทธจริยานั้น จัดเป็นส่วนหนึ่งของคำว่า ปยตฺต อันแปลว่า ความเพียรอันยังให้หมู่สัตว์ (เวไนยสัตว์) ได้รับประโยชน์ ซึ่งมีรายละเอียดที่สำคัญดังต่อไปนี้

หลังจากภัตตกิจในอรุณรุ่ง ทรงประทานพระบรมพุทโธวาทและทรงแนะนำกัมมัฏฐานตามสมควรแก่อัธยาศัยของพระภิกษุ จากนั้น ทรงประทัพักผ่อนชั่วครู่ แล้วจึงตรวจดูอุปนิสัยของเหล่าเวไนยนิกร ที่พระองค์สามารถที่จะอบรมสั่งสอนได้

บ่าย ทรงแสดงพระธรรมเทศนาแก่ปวงชนที่มาจากทิศต่างๆ จากนั้น ทรงสรงสนานพระวรกายและประทับพักผ่อนพระอริยาบท

๑. ปุริมยาม คือ ช่วงระหว่าง ๖ โมงเย็นถึง ๔ ทุ่ม ทรงแสดงพระธรรมเทศนา ให้กัมมัฏฐาน และทรงตอบข้อสงสัยแก่เหล่าภิกษุกระทั่งสิ้นปุริมยาม

๒. มัชฌิมยาม คือ ช่วงระหว่าง ๔ ทุ่มถึง ๒ ยาม ซึ่งเป็นเวลาที่เงียบสงัด ในกาลนี้ เหล่าเทพยดาและพรหมทั้งหลายจากหมื่นโลกธาตุ ต่างพากันมากราบถวายบังคมพระบรมศาสดา เพื่อทูลถามปัญหาบ้าง อาราธนาพระตถาคตเจ้าเพื่อแสดงธรรมบ้าง จวบจนสิ้นมัชฌิมยาม

๓. ปัจฉิมยาม คือ ช่วงระหว่าง ๒ ยาม ถึง ๖ โมงเช้า ในระยะนี้ ทรงแบ่งเวลาออกเป็น ๓ ระยะดังนี้คือ

ระยะที่หนึ่ง ทรงพระดำเนินจงกรมเป็นเวลา ๑ ชั่วโมง ๒o นาที
ระยะที่สอง ทรงเข้าที่บรรทมเป็นเวลา ๑ ชั่วโมง ๒o นาที
ระยะที่สาม ทรงพิจารณาหมู่สัตว์ทั้งหลายว่า เหล่าใดที่เป็นเวไนยสัตว์ อันมีอุปนิสัยที่จักสามารถบรรลุถึงซึ่งมรรคผล ตามสมควรแก่วาสนาและบารมีของตน เพื่อที่พระองค์จะได้โปรดและยังหมู่สัตว์เหล่านั้น ให้บรรลุธรรมาภิสมัยในโอกาสต่อไป

เอกสารอ้างอิง

ถวิล วัติรางกูล. 2530. เราคือใคร. น. 287-288. โรงพิมพ์กรุงเทพ.

เรียบเรียงโดย : เกียรติก้องธรณินทร์


#17 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1,209 posts

Posted 24 March 2006 - 07:43 AM

พอเข้าใจแล้ว

ขอบคุณครับได้รับความรู้เป็นธรรมทานเพิ่มอีกมากเลย ทดลองเรียบเรียงจากคำตอบแต่ละ
ท่านดูนะครับ ของคุณหัดฝัน และคุณ XLmen


พระพุทธเจ้าสามารถจะเลือกเกิดต้นกัปล์หรือปลายกัปล์ก็ได้ แต่อาศํยพระกรุณาธิคุณอยาก
ช่วยสัตว์โลกให้ได้มากที่สุด จึงเลือกช่วงที่เหมาะสมมาเกิดที่สุด เมื่อบารมีเต็มเปี่ยม
พระพุทธเจ้าองค์ก่อนจึงเป็นพี่เลี้ยงกำหนด เวลาที่ตรัสรู้ อายุขัย และสถานที่ให้
เหมือนธรรมเนียมประเพณีที่ปฏิบัติสืบกันมา เป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุด เช่นพระพุทธเจ้าปัญญาธิกะ
ก็ให้มาเกิดปลายกัลป์เพราะมนุษย์กิเลสหนาสอนยากหน่อยและมารก็ขัดขวางมากเป็นพิเศษ
เพราะต้องการสูบลงนรกให้ลึกที่สุด จึงจำเป็นต้องใช้ปัญญามากเป็นพิเศษ (โจทย์ยากขึ้น)
แต่อายุมนุษย์ต้องอยู่ในช่วงอายุ 100 ปี ถึง 100000 ปี เป็นเกณฑ์เท่านั้น เพราะ
มากหรือน้อยกว่านี้แล้ว ก็สอนยากเกินไป

ถ้าให้เลือกมากเกิดได้ใคร ๆ ก็อยากมาต้นกัลป์เพราะมนุษย์มีคุณธรรมสูงอยู่แล้ว แต่
ว่าคนเก่งก็คงต้องเลือกงานที่ยาก ๆ ให้เหมาะกับฝีมือ


สาธุ ๆๆ เข้าใจแล้วครับ

หยุดคือตัวสำเร็จ

#18 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4,531 posts
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

Posted 24 March 2006 - 12:27 PM

ความจริงแนวคิดที่ว่าพระพุทธเจ้าแบบปัญญาธิกะ ศรัทธิกะ และวิรัยาธิกะ ว่าแบบปัญญาบารมีจะเต็มเร็ว แบบวิริยะจะเต็มช้านั้น ก็เป็นข้อมูลหนึ่งในตำรา แต่ยังมีอีกข้อมูลหนึ่ง ซึ่งถ้าใครไปอ่านในหนังสือเรื่อง การสร้างบารมีของวัดพระธรรมกาย จะมีการอ้างข้อมูลในอรรถกถาอีกแบบหนึ่งด้วยคือ
1. พระปัญญาธิกะ หมายถึง ผู้ที่สร้างบารมีเป็นพระพุทธเจ้า แบบอยากหมดกิเลสโดยเร็ว มีพระกรุณาในระดับหนึ่ง
2. พระศรัทธาธิกะ หมายถึง ผู้ที่สร้างบารมีเป็นพระพุทธเจ้า แบบมีพระกรุณามากขึ้นมา ก็จะใช้เวลานานกว่าพระปัญญาธิกะ ในการหมดกิเลส
3. พระวิริยะธิกะ หมายถึง ผู้ที่สร้างบารมีเป็นพระพุทธเจ้า แบบมีพระกรุณามาก ใช้เวลานานกว่าก็จะหมดกิเลส เพราะต้องการรวมทีมสร้างบารมีให้มากๆ จึงสร้างนาน

ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#19 yujiro

yujiro
  • Members
  • 37 posts

Posted 24 March 2006 - 03:26 PM

uhm! great

#20 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2,171 posts
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

Posted 24 March 2006 - 06:31 PM

QUOTE
1. พระปัญญาธิกะ หมายถึง ผู้ที่สร้างบารมีเป็นพระพุทธเจ้า แบบอยากหมดกิเลสโดยเร็ว มีพระกรุณาในระดับหนึ่ง
2. พระศรัทธาธิกะ หมายถึง ผู้ที่สร้างบารมีเป็นพระพุทธเจ้า แบบมีพระกรุณามากขึ้นมา ก็จะใช้เวลานานกว่าพระปัญญาธิกะ ในการหมดกิเลส
3. พระวิริยะธิกะ หมายถึง ผู้ที่สร้างบารมีเป็นพระพุทธเจ้า แบบมีพระกรุณามาก ใช้เวลานานกว่าก็จะหมดกิเลส เพราะต้องการรวมทีมสร้างบารมีให้มากๆ จึงสร้างนาน

ขออรรถถาธิบายขยายความต่อจากพี่หัดฝันดังนี้ครับ

๑. พระปัญญาธิกพุทธเจ้า ในขณะเสวยพระชาติเป็นพระบรมโพธิสัตว์ เรียกว่า "อุคฆฏิตัญญูโพธิสัตว์" ซึ่งเปรียบได้กับ "บัวพ้นน้ำ"
๒. พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า ในขณะเสวยพระชาติเป็นพระบรมโพธิสัตว์ เรียกว่า "วิปจิตตัญญูโพธิสัตว์" ซึ่งเปรียบได้กับ "บัวปริ่มน้ำ"
๓. พระวิริยาธิกพุทธเจ้า ในขณะเสวยพระชาติเป็นพระบรมโพธิสัตว์ เรียกว่า "เนยยโพธิสัตว์" ซึ่งเปรียบได้กับ "บัวตูมที่พร้อมเบ่งบานในกาลภายหน้า"


#21 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

Posted 24 March 2006 - 10:14 PM

เท่าที่ฟังพระธรรมเทศนาเกี่ยวกับพุทธประวัติ รู้สึกว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบางพระองค์จะมีคุณวิเศษแตกต่างกันออกไป อาทิ
- พระพุทธเจ้ามังคละ ผู้มีรัศมีสว่างตลอดหมื่นโลกธาตุในสภาวะปกติ
- พระปทุมมุตระพุทธเจ้า มีดอกบัวแดงบังเกิด

กำลังสนใจว่าพระสมณโคดม มีสิ่งนี้บังเกิดกับพระองค์หรือไม่

#22 บุญรักษา

บุญรักษา
  • Members
  • 189 posts
  • Interests:ขอชีวิตงดงามตามที่ฝัน ขอทุกวันเป็นวันอันสดใส ขอทุกก้าวคือก้าวที่มั่นใจ ขอวันใหม่ก้าวไกลไปกว่าเดิม

Posted 25 March 2006 - 02:57 AM

อนุโมทนาสาธุ กับทุกท่านครับ ที่แลกเปลี่ยนและให้ธรรมทานความรู้แก่กันและกัน

เอ พระพุทธเจ้าองค์สุดท้าย มีการอ้างอิงไว้บ้างไหมครับผม สักวันหนึ่งหรือภพชาติหนึ่ง เรา ๆ ท่าน ๆ ต้องได้ทราบทั่วกันเป็นแน่ ไปล่ะหนา ใจใส ๆ ทุกท่านน่ะครับ
ไม่มีสิ่งใดจะมอบให้ นอกจาก....ความจริงใจที่เต็มปรี่ เริ่มต้นผูกพันกันวันนี้ เพื่อมิตรไมตรีที่ดี..ตลอดไป เราต่างก็...มีไฟฝัน พร้อมจะสร้างสรรค์..เพื่อวันใหม่ ขอให้เรา....ต่างเป็นกำลังใจ เพื่อไปสู่จุดหมายที่...ยังรอ

#23 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4,531 posts
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

Posted 25 March 2006 - 04:19 PM

ขอตอบความคิดที่ 21 ส่วนหนึ่งครับว่า พระพุทธเจ้าของเรา ทรงมีรัศมีกายโดยปรกติข้างละ 1 วาครับ แต่เมื่อจะทรงเปล่งรัศมี ก็สามารถเปล่งรัศมีได้ไม่จำกัดเช่นเดียวกัน แต่ต่างกันตรงที่พระพุทธเจ้ามังคละทรงมีรัศมีไม่จำกัดโดยปรกติอยู่แล้วน่ะครับ ทั้งนี้ด้วยบุญชาติหนึ่ง ที่ท่านใช้ตัวเองต่างใส่เทียน แล้วจุดไฟเดินบูชาคุณเจดีย์ของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ท่านเดินทั้งคืนอย่างปีติโดยไฟลุกท่วมตัวท่าน แต่กลับไม่ไหม้ท่านแม้แต่น้อย

และตอบความคิดที่ 22 ส่วนเรื่องของการสิ้นสุดแห่งสังสารวัฏ เสียดายที่คัมภีร์ของฝ่ายเถรวาทไม่ได้มีระบุไว้น่ะครับ มิฉะนั้นก็มันส์แน่นอน ความรู้ของหลวงปู่วัดปากน้ำ ย่อมจะไม่ถูกคนบางส่วนเข้าใจผิดขนาดนี้หรอก
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#24 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

Posted 25 March 2006 - 09:09 PM

ดวงปฐมมรรคก็ยังไม่เห็นกัน
ไปรู้อจินไตยกันเสียแล้ว

#25 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1,209 posts

Posted 26 March 2006 - 02:59 AM

ไม่ถึงดวงปฐมมรรคก็ไม่เป็นไรครับ การฟังธรรมไม่จำเป็นต้องถึงดวงปฐมมรรคและคำตอบ
ก็มาจากพระไตรปิฏกคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไร

หลังจากมีหลาย ๆ ท่านมาแสดงธรรมให้ ทำให้รู้สึกภูมิใจที่ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า
ปัญญาธิกะ ซึ่งนับว่าเป็นเลิศเพราะใช้เวลาเพียง 80 พรรษา ก็สามารถแสดงธรรมได้ครบทุก
แง่ทุกมุม รวมถึงวิชชาธรรมกายด้วย ( ซึ่งสูญหายไป ) เพราะมีหลายตอนในพระไตรปิฏก
กล่าวถึงธรรมกายเอาไว้ และการเข้าถึงธรรมซึ่งเป็นทางสายกลางนั่นคือแนวทางเดินของ
วิชชาธรรมกายนั่นเอง

ความเป็นเลิศของพระพุทธเจ้าสมณโคดมนั่นคือปัญญานั่นเอง
หยุดคือตัวสำเร็จ

#26 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4,531 posts
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

Posted 27 March 2006 - 11:54 AM

ตอบความคิดที่ 24 เรื่องที่คุยกันเป็นเรื่องที่มีเนื้อหาอยู่ในอถรรกถา และพระไตรปิฎกอยู่แล้วครับ เหมือนคนอ่านหนังสือเล่มเดียวกัน ก็นำเนื้อหาในหนังสือมาพูดคุยกัน เพื่อเป็นกำลังใจในการประพฤติปฏิบัติธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปเท่านั้นครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#27 โยโย้

โยโย้
  • Members
  • 16 posts

Posted 29 March 2006 - 04:13 PM

เคยอ่านในพระไตรปิฎก...มีอยู่เล่มหนึ่งได้อธิบายไว้..น่าจะเขียนไว้เกี่ยวกับ
เรื่องที่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน..ได้รับคำทำนายไว้จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ
ว่าตั้งแต่ยังไม่ได้รับคำทำนายว่าเป็นพระพุทธเจ้าจนได้รับคำทำนายอ่านแล้ว
ผมว่าคุณจะได้รับ...อะไรมากกว่าที่คุณถามครับ..อย่างน้อยก็จะมีพระพุทธเจ้า
เป็นอารมณ์ไว้ปฏิบัติสมาธิได้ระดับหนึ่งครับ...

#28 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4,109 posts
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

Posted 26 January 2007 - 02:07 PM

สนุกครับ เมื่อก่อนเสียเวลาไปอ่าน Harry Potter กับดู Lord of th Ring ล้วนเป็นเรื่องแต่ง แต่นี่ เรื่องจริง สนุกครับ คงต้องพยายามศึกษาอ่านให้เยอะ แล้วที่สำคัญก็ต้องนั่งเยอะ ๆ จะได้ไม่เป็น ใบลานเปล่า สาธุ ครับ