กิเลส 1500 ตัณหา 108
วิธีคิด กิเลส 1500
คนเรามีจิต ก็คิดเป็น 1 อย่าง
มีเจตสิก คือ เครื่องปรุงแต่งจิต อีก 52 อย่าง
มีรูปปรมันตถ์ ตามพระอภิธรรมที่เป็นรูปปรมันตถ์แท้ เช่น ดิน น้ำ ลม ไฟ ประสาทต่างๆ ฯลฯ อีก 18 รูป
มี ลักขณรูป คือเป็นอาการของรูปแท้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่สืบต่อกัน แก่ และ ตาย อีก 4 รวม 75
ของทั้ง 75 อย่างนี้มีทั้งที่เกิดอยู่ภายในตัวเรา และภายนอกตัวเรา ( เช่นผู้อื่น ) นับภายใน 1 ภายนอก 1 มีอย่างละ 75 เท่รากัน จึงรวมเป็น 150
ทีนี้ กิเลสชนิดต่างๆ มีอยู่ 10 ชนิด ที่จะเกิดขึ้นได้ใน 150 แห่งนั้น กิเลสเหล่านั้นคือ โลภะ โทสะ โมหะ มานะ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา ถีนะ อุทธัจจะ อหิริกะ อโนตตัปปะ 150 คูณด้วย 10 จึงเป็น กิเลส 1500
โลภะ ความอยากได้ในกามคุณอารมณ์
โทสะ ความโกรธ ความประทุษร้าย
โมหะ ความไม่รู้ตามความเป็นจริง ขาดปัญญา โง่เขลา
มานะ ความเย่อหยิ่งถือตัว ว่าดีกว่าเขา ต่ำกว่าเขา หรือเสมอเขา
ทิฏฐิ ความคิดเห็นผิด
วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย เคลือบแคลงในกุศลธรรมทั้งหลาย
ถีนะ ความหดหู่ ความท้อแท้ใจ
อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน จิตส่าย ใจวอกแวก
อหิริกะ ความไม่ละอายแก่ใจ ไม่ละอายต่อความชั่ว
อโนตตัปปะ ความไม่กลัวบาป ไม่เกรงกลัวต่อทุจริต
วิธีคิด ตัณหา 108
ตัณหาหลักมี 3 อย่าง กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา เกิดขึ้นทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ รวม 6 ทาง
คูณกันนับเป็น 18 เกิดขึ้นภายในตัวเรา 18 เกิดขึ้นภายนอกตัวเรา ( เช่นที่คนอื่น ) 18 รวมเป็น 36
ทีนี้ เวลาที่ตัณหาเกิด มีเป็น 3 ระยะ คือ อดีต ปัจจุบัน อนาคต อย่างละ 36 รวมเป็น ตัณหา 108
ที่มา หนังสือ จากความทรงจำ ของอุบาสิกาถวิล ( บุญทรง) วัติรางกูล เล่ม 24 หน้า 12
![Photo](http://www.gravatar.com/avatar/2c24dd894ef2aa5a0c9b1c6e417770ee?s=100&d=https%3A%2F%2Fwww.dmc.tv%2Fforum%2Fpublic%2Fstyle_images%2Fmaster%2Fprofile%2Fdefault_large.png)
กิเลส 1500 ตัณหา 108
Started by hk_girlza, Jun 10 2008 09:24 AM
9 replies to this topic
#1
Posted 10 June 2008 - 09:24 AM
#2
Posted 10 June 2008 - 11:42 AM
มีเยอะอย่างนี้นี่เอง ถึงว่าซิ บังดวงธรรมของข้าพเจ้าซะมิดเชียว มือตึ๊ดตื๋อเลย
แต่ไม่เป็นไร ตั้งแต่เข้าวัดมานี่ก็ล้างไปได้หลายข้อแล้ว อีกไม่นานคงหมด(ปลอบใจตัวเอง)
อนุโมทนาบุญกับข้อมูลดีๆด้วยครับ
แต่ไม่เป็นไร ตั้งแต่เข้าวัดมานี่ก็ล้างไปได้หลายข้อแล้ว อีกไม่นานคงหมด(ปลอบใจตัวเอง)
อนุโมทนาบุญกับข้อมูลดีๆด้วยครับ
![glare.gif](style_emoticons/default/glare.gif)
![glare.gif](style_emoticons/default/glare.gif)
![glare.gif](style_emoticons/default/glare.gif)
![glare.gif](style_emoticons/default/glare.gif)
![glare.gif](style_emoticons/default/glare.gif)
![glare.gif](style_emoticons/default/glare.gif)
![glare.gif](style_emoticons/default/glare.gif)
![glare.gif](style_emoticons/default/glare.gif)
![glare.gif](style_emoticons/default/glare.gif)
![glare.gif](style_emoticons/default/glare.gif)
![glare.gif](style_emoticons/default/glare.gif)
![glare.gif](style_emoticons/default/glare.gif)
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ .....
ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน .....
ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ .....
อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ
#3
Posted 10 June 2008 - 12:05 PM
ถ้าคิดแบบหยาบๆก็ได้แค่นั้นแหล่ะครับ หุหุ แต่ถ้าจะให้ละเอียดล่ะก็ กิเลศของมนุษย์แบ่งได้3ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ 1.โลภะ 2.โทสะ 3.โมหะ ซึ่งเปรียบได้เท่ากับแม่สี3สี ได้แก่ แดง เหลือง นําเงิน และจากแม่สีทั้ง3 สามารถนำมาผสมปนเปกันได้เป็นล้านเฉดสีเลยทีเดียวนะครับ ซึ่งกิเลศมนุษย์นั้นก็เหมือนกัน สามารถผสมปนเปแตกยอดออกได้เป็นอย่างอื่นอีกมากมาย ไม่เช่นนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์คงจะไม่ใช้เวลาถึง20อสงไขยแสนมหากัปหรอกจริงไหมครับ
อยากรู้ว่ากิเลศมนุษย์มีกี่เฉดสี ฝึกสมาธิให้ได้ธรรมกายแล้วไปดูเอาเองเลยดีกว่าครับ หุหุ ^ ^"
อยากรู้ว่ากิเลศมนุษย์มีกี่เฉดสี ฝึกสมาธิให้ได้ธรรมกายแล้วไปดูเอาเองเลยดีกว่าครับ หุหุ ^ ^"
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#4
Posted 11 June 2008 - 12:11 PM
หยุด นิ่ง ที่ศูนย์กลางกายตลอดเวลา ไม่ว่าจะนั่ง นอน ยืน เดิน แล้วก็จะเกิดอินทรีย์สังวรณ์ สำรวมทั้งกาย วาจา ใจ กิเลสเหล่านี้ก็จะเบาบางไปเอง เมื่อเราทำใจให้ใสบริสุทธิ์ ประกอบการนั่งสมาธิทุกวัน หยุด คือ สติ สบาย สม่ำเสมอ=สำเร็จ(ชิตังเม)
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
#5
Posted 11 June 2008 - 05:26 PM
ชอบจังเลย พระอภิธรรม
ขอบคุณนะคะ ที่สอนด้วยหลักง่ายๆ
ขอบคุณนะคะ ที่สอนด้วยหลักง่ายๆ
#6
Posted 12 June 2008 - 12:04 AM
sathu
#7
Posted 12 June 2008 - 12:24 PM
สาธุค่ะ
#8
Posted 13 June 2008 - 10:26 AM
สาธุค่ะ
#9
Posted 13 June 2008 - 02:10 PM
สาธุ ครับ
เพราะเป้าหมายของพวกเราคือ "ที่สุดแห่งธรรม"
#10
Posted 13 September 2010 - 11:54 AM
สาธุ ค่ะ น่าสนใจจริง ๆ