Jump to content


Photo
- - - - -

ใครว่าวิบากกรรมไม่น่ากลัว


  • You cannot start a new topic
  • Please log in to reply
13 replies to this topic

#1 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3,279 posts
  • Gender:Male

Posted 09 June 2008 - 01:11 PM

ผมมีเพื่อนผู้ชายอยู่คนนึง ฐานะไม่ดีนัก ไม่ได้ทำงานอะไรมีมรดกตกทอดเป็นบ้านเล็กหนึ่งหลัง ก็แบ่งห้องให้คนอื่นเช่า เก็บค่าเช่าไปเดือนนึงเดือนนึงได้ไม่กี่บาท ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีมือถือ อยู่คนละมุมกรุงเทพกับผม

ทุกครั้งที่ผมมีเอกสารเกี่ยวกับวัดเกี่ยวกับการทำบุญ จะต้องพลาดกับเขาทุกครั้งไป ขนาดนัดกันอย่างดีแล้วก็ไม่วายให้เขาเกิดลืมขึ้นมาซะงั้น นัดไปวัดวันอาทิตย์ต้นเดือนที่ไรก็ให้มีเหตุที่จะต้องมีธุระเข้ามาแทรกทุกครั้ง(ธุระจริงๆไม่ได้คิดหลบ)

เอาเสื้อผ้าที่ได้รับแจกมา(ที่มียี่ห้อสินค้าแจกฟรี)จะไปให้ก็ไม่เคยเจอ จนแจกคนอื่นไปหมดแล้วนั่นแหละถึงจะได้เจอกัน

คิดจะเลี้ยงอาหารดีๆตามห้างฯบ้าง เวลาเจอเขาไปเดินตามห้างฯ(ไปอ่านหนังสือฟรีตามร้าน)ก็ไม่เคยได้เลี้ยงเลย มีเหตุให้ต้องอดทุกครั้ง ทุกครั้งจริงๆ

ล่าสุดเมื่อวาน ผมผ่านไปห้างฯใกล้บ้านเขา ระหว่างกำลังจ่ายเงินซื้อของอยู่นั้น ก็มองเห็นว่าเขายืนอ่านหนังสืออยู่ร้านหนังสือห่างไปประมาณ 30 เมตร ตั้งใจเลยว่าเดี๋ยวจะเลี้ยงสุกี้เขาซะหน่อย เพราะเขายังไม่เคยทานยี่ห้อดังร้านนี้เลย ชั่วระยะเวลาที่ผมก้มลงมองเพื่อหยิบเงินในกระเป๋ามาจ่ายค่าสินค้าเท่านั้นแหละครับ เงยหน้ามา หายไปแล้ว เป็นอย่างนี้บ่อยมาก เรียกได้ว่าทุกครั้งที่คิดจะเลี้ยงข้าวเขาเลยทีเดียว

จะว่าบังเอิญก็ไม่น่าใช่เพราะเวลาที่ผมไม่คิดจะเลี้ยงข้าวเขาหรือจะเอาสิ่งดีๆมาให้เขา ผมก็มีเวลาได้พูดได้คุยกับเขาเต็มที่ ถ้าไม่ใช่วิบากกรรมมาขวางไว้ แล้วจะเรียกว่าอะไร เคยแม้กระทั่งกำลังจะเดินเข้าร้านอาหารอยู่แล้ว ก็มีโทรฯเข้ามาเรียกผมไปทำงานด่วนซะดื้อๆ

เพราะฉะนั้น อย่าประมาทกันนะครับทุกคน การกระทำเล็กๆน้อยๆที่เราอาจจะคิดว่าไม่เป็นไรหรอก หรือ เรื่องแค่นี้เอง อาจจะส่งผลให้ชีวิตคุรไม่ราบรื่นสะดวกสบายก็ได้นะครับ ทำให้ชีวิตเราวิบากไงครับ

ผมว่าวิบากน่ากลัวกว่ากรรมอีกนะครับ อย่างเช่น มีกรรมทำให้เกิดมาพิกลพิการ เราก็ยังทำใจยอมรับได้เพราะแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่เกืดมาครบสามสิบสองแต่วิบากมาคอยพันแข้งพันขาทำอะไรก็ไม่สะดวกราบรื่นเนี้ย มันน่าหงุดหงิดใจ ทำให้ใจหมองได้ตลอด ปิดทางบุญทางกุศลเราหมดเลยนะครับ

ดูซิครับ มีบุญที่จะได้มรดกเป็นบ้านเล็กๆหนึ่งหลัง แต่วิบากก็มาส่งผลให้บ้านไปอยู่ในโซนที่คนที่ไม่มีทางเลือกมาอยู่กัน ต้องเก็บค่าเช่าถูกๆ เพราะคนเช่ามีปัญญาจ่ายแค่นั้น มีทรัพท์ก็แค่พอประทังชีวิตให้รอดเท่านั้น ไม่เหลือที่จะคิดทำบุญ

ขนาดมีคนคิดจะเลี้ยงอาหารดีๆ ก็ยังไม่วายต้องอดกินทุกครั้ง

แล้วนี่เมื่อไหร่ทางบุญถึงจะเปิดให้เขาหล่ะครับ เฮ้อ.......

อนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ

ปล.สำหรับคนๆนี้ ผมให้เวลาเท่าที่จะให้ได้ในความเหมาะสมเต็มที่แล้วครับ ถ้าให้พยายามมากกว่านี้ก็จะไปเบียดบังเรื่องอื่นๆ ของผมที่ต้องทำครับ
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#2 Jeabka

Jeabka
  • Members
  • 248 posts

Posted 09 June 2008 - 02:29 PM

ไม่คิดก็ไม่แปลก ยิ่งคิดก็ยิ่งแปลก วิบากกรรมมันซับซ้อนอย่างที่หลวงพ่อท่านบอกแหละคะ
อย่าเพิ่งท้อใจซิคะ พยายามต่ออีกนิด อดทนอีกสักหน่อย (คล้าย ๆ เพลงเลย อิอิ) สักวันน่ะ คงได้โอกาส เมื่อคุณท้อแล้วเพื่อนคุณจะได้ใครเป็นกัลยาณมิตรล่ะคะ

#3 somchet

somchet
  • Members
  • 900 posts

Posted 09 June 2008 - 04:02 PM

อ่านกรณีเพื่อนคุณ ทำให้นึกถึงพระอรหันต์รูปนึงนะ ที่ไม่เคยได้ฉันอาหารอิ่มท้องเลย จนมื้อสุดท้ายต้องให้พระสารีบุตรป้อนถึงจะได้ฉัน ไม่งั้นวิบากกรรมทำให้อดเสมอ

#4 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4,531 posts
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

Posted 09 June 2008 - 05:38 PM

พระอรหันต์ที่คุณ Somchet กล่าวถึง ชื่อว่า พระโลสกติสสะ ครับ มีที่มาของเรื่องดังข้างล่างนี้
http://blog.hunsa.co...mama/blog/22685
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#5 light mint

light mint

    ขออนุโมทนาบุญค่ะ

  • Members
  • 1,423 posts
  • Gender:Female
  • Location:THAILAND
  • Interests:ธรรมะ

Posted 09 June 2008 - 11:55 PM

คงต้องชวนเพื่อนคนนี้ให้หมั่นทำบุญ ทำทานเยอะๆ จะได้มีบุญติดตัวไว้
... ผู้ให้มีจิตเป็นกุศล มีทรัพย์ มีโอกาส แต่ผู้รับรับไม่ได้ ฟังแล้วน่าเสียดาย

เป็นข้อคิดว่า พวกเราต้องพากเพียรสร้างบุญบารมี ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ ก็ยิ่งทำบุญให้เต็มที่ เพราะเป็นมนุษย์ทำได้ทั้งทาน ศีล ภาวนา และไม่ควรไปพูดขัดทำให้คนอื่นไม่อยากทำบุญ ไม่ทำอะไรที่ขัดขวางการสร้างบุญของคนอื่น

...เมื่อไหร่ที่บุญส่งผล เราก็จะสุขีและ อิ่มเอม
...
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ


#6 IQ0

IQ0
  • Members
  • 366 posts
  • Gender:Male
  • Location:MS16
  • Interests:อยากสร้่างบ้านพักคนชราไว้รองรับจนทให้อยู่ใกล้ๆวัด

Posted 10 June 2008 - 11:38 AM

อันนี้เป็นวิบากส่วนตัวนะครับ

ปกติผมกับน้องมักจะให้ของคนอื่นง่ายๆ
ทุกวันนี้เวลาเราอยากได้อะไรก็มักจะได้มาง่ายๆเสมอ
แต่ตัวผมจะได้ของมีตำหนิ ราคาถูกว่า

ถ้าดูจากอุปนิสัยชาตินี้
ผมจะให้ของใช้แล้วกับคนอื่น แต่ก็ไม่ค่อยเช็ดทำความสะอาดก่อนให้
แต่น้องผม เขาจะทำความสะอาดให้เอี่ยมก่อนให้
และเขาจะให้ของ แม้ว่าเขาจะใช้อยู่แต่เห็นว่ามีประโยชน์กับคนที่ให้ไปเขาก็จะให้
ส่วนผมจะให้ของที่ไม่ใช้แล้ว tongue.gif

เวลาซื้อของให้ตัวเอง ผมจะคิดแล้วคิดอีก รอจนตกรุ่น หาของที่ราคาไม่สูงมาใช้
แต่ถ้าซื้อของให้คนอื่นจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ อันนี้ไม่รู้เป็นวิบากกรรมอะไร ทั้งๆที่อยากได้ของดีๆเหมือนกันนะ rolleyes.gif
แต่จะเสียดายเงิน คิดว่าเอาไปทำบุญดีกว่า biggrin.gif

มีเพื่อนคนหนึ่ง ผิวพรรณดี ดูโดยรวมแล้วหน้าตาดีแต่ฟันไม่สวย
เพื่อนคนนี้เวลาทำบุญอะไรจะตั้งใจทำมาก ทำออกมาสวยงามก่อนนำไปถวายพระ แต่ชอบแขวะคนอื่น

จะเห็นว่ากรรมไม่ดี แม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่ควรทำอย่างยิ่ง
กรรมดี ใช่ว่าจะทำแค่ทำดี ต้องทำให้สะอาดประณีตและต้องดีสุดๆ
ไม้ต้นเดียว ...........ไม่เป็นผืนป่า
ด้ายเส้นเดียว .........ไม่เป็นผืนผ้า
อิฐก้อนเดียว .... ไม่เป็นบ้านเรือน
ทำบุญคนเดียว ...ไม่เป็นกัลยาณมิตร

#7 สิทฺธิกโร(V-active)

สิทฺธิกโร(V-active)
  • Members
  • 486 posts
  • Gender:Male
  • Location:สมุทรปราการ
  • Interests:ธรรมมะ และการปฏิบัติธรรม

Posted 10 June 2008 - 04:57 PM

ขอบคุณครับ ที่นำcase ที่น่าคิด มาแบ่งปันกัน

อนุโมทนาบุญกับทุกท่านนะครับ
สาธุ

#8 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2,210 posts

Posted 10 June 2008 - 06:31 PM

sa thu

#9 เคียงข้างไปดุสิตเขตใน

เคียงข้างไปดุสิตเขตใน
  • Members
  • 51 posts

Posted 10 June 2008 - 08:33 PM

ทำอะไรก็ได้อย่างนั้น

เป็นกฏแห่งกรรมครับ

ดีที่สุดถ้าจะทำอะไรแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด

ในอนาคตข้างหน้าเราจะได้แต่สิ่งดีๆ

ให้ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายแล้ว คำว่าไม่ดี ด่างพร้อย แม้แต่เพียงนิดเดียว ก็อย่าให้มี

ให้สมบูรณ์จนถึงที่สุด (คำสอนยาย)




#10 สุรชัย (กัปตัน)

สุรชัย (กัปตัน)
  • Members
  • 407 posts

Posted 10 June 2008 - 09:32 PM

ขออนุโมทนาสาธุครับ

#11 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3,279 posts
  • Gender:Male

Posted 11 June 2008 - 01:47 PM

ผมชอบจัง "ให้คิดว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย แล้วทำให้ดีที่สุด "

ผมจะเอามาใช้บ้าง จะพยายามทำทุกๆอย่างเหมือนกับว่า งานนี้เป็นงานสุดท้ายของชีวิตแล้ว ต้องทำแบบฝากฝีมือเลย เพราะไม่มีโอกาสแก้ไขอีกแล้ว อย่างน้อยตายไปก็ไม่มีห่วง เพราะเราทำถึงที่สุดของเราแล้ว

ใครจะเอาไปใช้บ้างก็ได้นะครับ

อนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ

ปล.ฟ้ามืดมาแล้ว มีฟ้าร้องครืนๆด้วย ดูแลตัวเองกันนะครับ ช่วงนี้ไม่อยากได้ยินใครป่วยใครตายอีกแล้วครับ เดือนที่แล้ว 6 งานศพเลยครับ มีงานนึงต้องทำเองหมดเลยเพราะเป็นเพื่อนของเพื่อนที่เป็นชาวต่างชาติ ค่าจัดงานที่เมืองเขาแพงมาก เขาเลยให้จัดที่เมืองไทย ญาติก็ไม่มา ส่งเงินมาให้หนึ่งพันยูโร(เฉพาะค่าโลงศพที่บ้านเขา 1450 ยูโร) ต้องเริ่มรับศพเอง เดินเอกสารเอง....จนลอยอังคารที่ทะเลเอง ถ่ายรูป ล้างรูป จัดส่งของคืน ฯลฯ กลายเป็นผู้ชำนาญการจัดงานศพไปเลยผม ยังไงดูแลสุขภาพกันเยอะๆนะครับ (หิวและ ลงไปกินข้าวขาตัวเอง...เอ๊ย...ขาหมูดีกว่า)
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#12 mrpk

mrpk
  • Members
  • 2 posts
  • Gender:Male
  • Location:วัดเขายายพริ้ง ตำบลกองดิน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง

Posted 15 January 2009 - 03:44 PM

คนที่ผิดศีลข้อ4 จะเกิดวิบากอย่างไรค่ะ

#13 mrpk

mrpk
  • Members
  • 2 posts
  • Gender:Male
  • Location:วัดเขายายพริ้ง ตำบลกองดิน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง

Posted 15 January 2009 - 03:54 PM

คนที่ผิดศีลข้อ4 จะเกิดวิบากอย่างไรค่ะ

#14 อริย 072

อริย 072
  • Members
  • 440 posts

Posted 15 January 2009 - 04:33 PM

บังเอิญไปค้นคว้า ที่เดียวกัน กับที่ท่านหัดฝันLINK มาให้
จึงขอ นำเอาเนื้อหารายละเอียด มาให้อ่านกันง่ายๆ จะได้เข้าใจกันจ้ะ

QUOTE
เคสที่เกิดขึ้นนั้น น่าจะมาจาก กรรมแห่งความริษยาจ้ะ
(ที่ว่า น่าจะ นั้น เพราะ ไม่ได้ศึกษาผ่าน รายการ case study โดยตรง)
ความริษยา เกิดจากการขาดมุทิตา (ที่มีลักษณะคือความชื่นชม)
มุทิตา
หมายความว่า พลอยยินดีในความสุขหรือความสำเร็จของผู้อื่น
มุทิตานี้ทำได้ยากกว่ากรุณา บางคนมีเมตตาปรารถนาดี มีความกรุณาสงสาร แต่เจริญมุทิตาไม่ได้ เพราะเราทุกคนมีอนุสัยกิเลสคือความริษยา นอนเนืองอยู่ในกระแสจิต น้อยคนนัก ที่จะกำจัดความริษยานั้นได้
จะต้องฝึกฝนไปเรื่อยๆ จึงจะบรรเทาลงได้
การฝึกฝนนั้นก็ต้องประกอบด้วยโยนิโสมนสิการ คือทำความเข้าใจด้วยเหตุผลว่าความริษยาไม่ก่อให้เกิดคุณใดๆ ผู้มีความริษยา นั้นจะได้รับผลคือขาดบริวาร
ตรงกันข้ามคือ ผู้ที่เจริญมุทิตาโดยกำจัดความริษยาได้ย่อมจะได้รับอานิสงส์คือ มีบริวารห้อมล้อม มีมิตรสหายห้อมล้อม
ความริษยานั้นก่อให้เกิดโทษในปัจจุบันและภพต่อไป ไม่ว่าเกิดกับผู้ใดก็ทำให้ผู้นั้นตกต่ำไปตลอด

ยกตัวอย่างกรรมแห่งความริษยาจากพระไตรปิฎก

มีเรื่องเล่าว่าในสมัยพุทธกาล มีพระอรหันต์รูปหนึ่งนามว่า “โลสกติสสะ”

เรื่องราวในอดีตชาติของพระภิกษุชื่อโลสกติสสะ มีว่า สมัยหนึ่งเมื่อพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลก พระโลสกติสสะนี้เคยบวชเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา ท่านเป็นภิกษุผู้ทรงศีล
วันหนึ่งพบพระเถระรูปหนึ่งที่เป็นพระอรหันต์เดินทางมาจากแดนไกล พระโลสกติสสะไม่ทราบว่าพระรูปนี้สำเร็จสมณกิจแล้ว ท่านเกรงว่าโยมอุปฏฐากจะเลื่อมใสพระอาคันตุกะรูปใหม่ ด้วยความริษยาจึงแกล้งทำให้พระอาคันตุกะนั้นอดอาหารหนึ่งมื้อ
...ผลกรรมนี้ส่งผลให้ท่านตกนรกเป็นเวลานาน แล้วมาเกิดเป็นคนที่ไม่เคยกินอิ่มเลย...จนวันแห่งปรินิพพาน...
พระอรหันต์นามว่า “โลสกติสสะ” นั้น ด้วยผลกรรม ตอนท่านถือปฏิสนธิในครรภ์มารดา บิดามารดาก็ได้รับทุกข์แสนสาหัส บ้านของท่านเกิดไฟไหม้จนสิ้นเนื้อประดาตัว แต่พวกท่านก็อดทนเลี้ยงดูจนเติบใหญ่รู้ความ เมื่อเดินไปไหนมาไหนได้ก็ถูกทอดทิ้งเป็นขอทานอยู่ข้างถนน
วันหนึ่งพระสารีบุตรเถระ เห็นเข้าก็สงสาร พระสารีบุตรได้หยั่งรู้ว่าเด็กคนนี้เคยสั่งสมบารมีธรรมมาในชาติปางก่อน จึงได้นำตัวมาวัดแล้วให้บวชเป็นสามเณร ต่อมาท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุชื่อโลสกติสสะ ภายหลังเจริญวิปัสสนากรรมฐานแล้วบรรลุเป็นพระอรหันต์
ตั้งแต่ท่านเกิดมาจนกระทั่งบรรลุอรหัตผล ไม่เคยกินอิ่มแม้สักวันหนึ่งเลย ทั้งนี้เพราะเวลาที่ท่านบิณฑบาตอยู่ เมื่อคนใส่บาตรท่านแล้วอาหารหายไปเองก็มี หรือแม้จะมีอาหารอยู่พียงเล็กน้อยแต่คนอื่นกลับเห็นอาหารอยู่เต็มบาตรเลยไม่ถวายอีกก็มี ซึ่งอกุศลกรรมนี้เป็นผลของความริษยา
เมื่อท่านใกล้นิพพาน พระสารีบุตรหยั่งรู้ว่าท่านจะนิพพานในวันนั้น จึงใช้คนนำอาหารไปให้ท่าน เพื่อจะได้ฉันอาหารอิ่มก่อนนิพพาน แต่ด้วยผลกรรมเก่าทำให้คนนำอาหารลืมเสียแล้วเททิ้ง
ต่อมาพระสารีบุตรนึกขึ้นได้ให้คนไปถามว่าฉันอาหารหรือยัง ท่านตอบว่าวันนี้ไม่ได้ฉันอะไร พระสารีบุตรจึงนำยาจตุมธุไปให้ท่านฉัน
โดยพระสารีบุตรได้จับบาตรไว้ตลอดเวลาที่ท่านฉันอยู่ หากไม่จับไว้ยาจตุมธุอาจหายไปจากบาตรด้วยผลกรรม พระโลสกติสสะฉันอิ่มวันนั้นเพียงวันเดียวแล้วปรินิพพานในวันนั้นเอง

จะเห็นว่าผลของความริษยานั้นส่งผลในปัจจุบันและอนาคต สามารถติดตามให้ผลจนถึงช่วงเวลาที่จะนิพพานอีกด้วย
และที่ผลของความริษยาที่เกิดขึ้นกับพระโลสกติสสะอย่างรุนแรง ทำให้ถึงกับตกนรกและมีผลมาจนถึงวันแห่งปรินิพพานนั้น เพราะท่านทำกรรมที่เกิดจากความริษยากับพระอรหันต์นั่นเอง

การทำกรรมไม่ดีกับผู้มีศีล ผู้มีบุญ ผู้มีคุณ ผู้เป็นพระสุปฏิปันโนขึ้นไปจนถึงพระอรหันต์ จึงเป็นบาปมากกว่าผู้ทุศีล ผู้ไม่มีบุญ ผู้ไม่มีคุณ
แต่จะทำกรรมไม่ดีกับใครก็ตามเป็นบาปทั้งหมดจะบาปมากบาปน้อยก็แล้วแต่มีเจตนาหรือไม่มีเจตนา
จะทำกับผู้มีคุณสูงหรือทำกับผู้ไม่มีคุณสูง ผลแห่งกรรมจะได้รับแตกต่างกันไปตามเหตุปัจจัยนั่นเอง

ที่มา ลานธรรมจักร
ผู้ที่ LINK มาให้ ท่านหัดฝัน


เป็นกรรมที่ดูว่าเป็นเรื่องธรรมดา ทั่วไป เล็กน้อย ของคนปัจจุบันนี้
แต่เมื่อได้ศึกษาแล้ว จะต้องระมัดระวัง ให้หนัก กันนะจ๊ะ
อนุโมทนาบุญล่วงหน้าทุกๆท่านจ้ะ