ทางเลือกที่เหมาะสม
#1
Posted 31 October 2010 - 09:07 PM
ถ้าเขาเลื่อนไม่ได้ ก็เลื่อนการขายออกไป หรือ ไม่ต้องขายเลย
ตัดสินใจถูกไหม
#2
Posted 31 October 2010 - 09:25 PM
อาทิตย์ต้นเดือนคงไม่มีใครอยากพลาดบุญใหญ่ เว้นแต่ผู้ไม่รู้
ส่วนเรื่องขายไม่ขาย สิทธิส่วนบุคคลไม่สามารถตัดสินใจแทนได้
Special Dhamma Team of The Element Space
Special Combat Team of The Earth Side
#3
Posted 31 October 2010 - 09:34 PM
ตามความคิดนะคะ หากสามารถกลับมาทันพิธีกฐิีนได้ก็ดีคะ คือ ได้ทั้งงานทางโลกและทางธรรม อาจจะไม่สมบูรณ์แต่มาดีกว่าไม่มา หากไกลไม่สามารถกลับมาทัน คุณตำรวจรักบุญคงเลือกที่จะอยู่ร่วมบุญกฐิน จะยังไงก็แล้วแต่นะคะ หากคนที่ติดต่อเข้ามาเค้าต้องการจริงๆ เป็นเจ้าของที่ดินแปลงนี้ ยังไงเค้าก็ซื้อจ้า ทำใจร่มๆ เถอะจ้า
#4
Posted 31 October 2010 - 09:36 PM
ฮิฮิ แซวเล่นนะครับ ( แต่บอกขายจริง )
#5
Posted 31 October 2010 - 09:42 PM
หรือถ้ามีญาติ ก็วานให้ญาติพาไปดูที่ให้แทนก่อนก็ได้ ส่วนเรื่องราคาก็ให้มาคุยกันทีหลังก็ได้
หรืออาจให้ญาติตั้งราคาไว้ก่อนก็ได้ แต่ถ้าจะต่อรองราคาก็ให้ญาติบอกเขาว่า ให้โทรไปคุยกับคุณเอง อย่างนี้ก็ได้ครับ
#6
Posted 31 October 2010 - 10:11 PM
ถ้าซื้อก่อนก็จะได้เอามาทำกฐิน ถ้าซื้อทีหลังก็ดูว่าจะทำบุญอะไร ถ้าไม่ซื้อ ก็ไม่ง้อ อยู่แล้วครับ
#7
Posted 01 November 2010 - 01:58 PM
#8
Posted 01 November 2010 - 02:50 PM
#9
Posted 01 November 2010 - 07:49 PM
....ตอนนั้น ถ้าจำได้ ผมเป็นคนเดียวที่กล้าบอกว่าคุณตำรวจกำลังจะได้ทรัพย์ ถ้าไม่เชื่อไม่เป็นไรครับ ต่อจากนี้ขึ้นอยู่กับตัวและใจคุณตำรวจเองแล้ว ปล. ถ้าใจไม่ละเอียด คำพูด และการกระทำจะไม่ละเอียดตามไปด้วย ให้ยิ้มไว้นะครับ ถ้าบุญได้ช่องมาจังหวะนี้ ประกอบกับบารมีมหาปูชนียาจารย์ และทานบารมีเต็มที่แล้ว คุณตำรวจจะไม่ต้องขวนขวายอะไรครับ เลือกได้เลย ว่าจะขายให้ใคร ....สุดแล้วแต่จะเชื่อนะครับ หุหุ
#10
Posted 02 November 2010 - 12:32 AM
#11
Posted 02 November 2010 - 11:44 AM
#12
Posted 02 November 2010 - 08:03 PM
เพราะเราคงไม่ใช่คนที่มหาปูชนียาจารย์อยากช่วย หรือเราอาจจะขอสิ่งที่เกินกำลังของมหาปูชนียาจารย์จะช่วยได้
ตกลงเขาเลื่อนออกไปหลังกฐินครับ
บุญกฐินปีนี้คงจะทำได้ไม่กีร้อย(จะถึงรึเปล่า) ทั้งที่ปีที่แล้วทำไปได้หนึ่งตารางเมตร
ก็ไม่ใช่ใจขุ่นอะไรนะ แต่ไม่อยากเชื่อมั่นอะไรในครูบาอาจารย์ เพราะถ้าถึงเวลาแล้วไม่ได้ มันจะหมดศรัทธาเสียเปล่าๆ
ยังไม่อยากหมดศรัทธา
เพราะเคยเชื่อมั่นมากๆ นั่งสมาธิ รักษาศีลแปด อธิฐานจิต เป็นเดือนขอในเรื่องง่ายๆกว่านี้มาแล้ว ก็ไม่เคยสำเร็จ
ฟังหลวงพ่ิอเล่าเรืองอานุภาพบุญก็ฟังไปงั้นๆแหละ เพราะรู้ว่านั่ีนเป็นเพียงคนส่วนน้อยที่เข้าวัดแล้วเจอออานุภาพ
ถึงแม่ตอนนี้จะนั่งสมาธิอธิฐานจิตทุกวัน ก็คงไม่หวังหรอกครับว่าจะช่วยให้ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงอะไรได้
เวลาที่เราเชื่อมั่นว่าอานุภาพบุญจะช่วย หลวงปู่คุฯยายจะช่วย ผมก็จะมักทำบุญจนหมดไม่เคยเหลือเอาไว้เลย
แม้สลึงเดียว
แต่พอถึงเวลาเดือดร้อนจำเป็น หาใครช่วยไม่ได้ ไม่มีอานุภาพบุญ หรือทางมาแห่งทรัพย์พิเศษอะไรเกิดขึ้นมา
ไปขอความช่วยเหลือใคร ก็บอกให้อธิบฐานเอาบ้าง,ทำใจใสๆบ้าง ,ให้ทำบุญเพิ่มอีกบ้าง ก็ทำตามนะครับ
แต่ก็ไม่เห็นจะมีอะไร ตอนนี้คงไม่หวังพึ่งใครแล้วล่ะครับ หลวงพ่อจะให้ทำบุญอะไรก็จะทำให้เต็มที่
แต่งคงเอาเท่าที่ได้แหละ
#13
Posted 03 November 2010 - 12:05 PM
"เราคงไม่ใช่คนที่มหาปูชนียาจารย์อยากจะช่วย
หรือ เราอาจขอในสิ่งที่เกินกำลังของมหาปูชนียาจารย์จะช่วยได้"
ทั้งนี้เพราะเหตุ 3 ประการคือ
1. ผลลัพธ์ที่เกิดอยู่ในปัจจุบัน ใช่มาจากสาเหตุที่โพสมาหรือเปล่าก็ไม่อาจจะทราบได้ แต่การโพสไปเช่นนี้ย่อมทำให้คนที่ไม่เข้าใจ หรือไม่อยากจะเข้าใจวัด นำไปสื่อความในทางที่ผิดๆ ได้ ในโลกแห่งไซเบอร์นี้ และก็จะมีคนเข้าใจผิด และเสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนาตามไปด้วย และพาลหมดกำลังใจทำดี เมื่อเป็นเช่นนี้ ตัวผู้โพส ย่อมได้ชื่อว่า ขัดขวางผู้อื่นทำดี(โดยไม่ได้ตั้งใจ) อีก 2 ประการ คือ
1.1 ทำให้ผู้อื่นเสื่อมจากบุญที่ควรจะได้(ทำทาน)
1.2 ทำให้สมณะเสื่อมจากลาภสักการะที่ควรจะได้รับ จากการนี้เดิมผู้อื่นนั้นตั้งใจจะบริจาคทาน
เมื่อเป็นเช่นนี้ กรรมที่เกิดขึ้น(หากตามทัน) ย่อมทำให้ผู้โพส ถูกขัดขวางผลแห่งความดีของผู้โพสที่ทำมามากมายให้ส่งผลได้ช้า หรือส่งผลได้น้อยลงครับ เพราะไปขัดขวางผู้อื่นทำดีโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์นั่นเอง
2. ทำให้ผู้โพสไม่มองถึงความผิดของตนเอง เพราะการที่คนเราทุกคน ยังไม่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนา นั่นเป็นเพราะกรรม(ความผิด)ในอดีตชาติที่เราเคยทำมาทั้งสิ้น เข้าทำนอง เด็กน้อยทำผิด แต่ตัดพ้อครู ที่ครูไม่ช่วย
ในเมื่อเคยทำผิดก็ต้องยอมรับผิด ด้วยการกล่าวว่า "มันคงเป็นกรรมเก่าในอดีตของผมเอง แต่ผมจะไม่ยอมแพ้ ตั้งใจสร้างบุญหนีกรรมเก่าให้พ้นให้ได้ เป็นต้น" อย่างนี้ คุณธรรมในใจจึงจะเกิดขึ้น บุญก็จะได้ช่องส่งผลได้
#14
Posted 03 November 2010 - 06:01 PM
ก็น่าจะช่วยอะไรได้บ้าง เช่นผ่อนหนักเป็นเบา แต่ก็ไม่เห็นจะมีอะไร บอกว่าทำบุญไปแล้ว
จะมีเงินมาทำบุญได้เยอะกว่าเก่า ทำไมผมเป็นตรงกันข้ามล่ะ จะต้องให้ทุ่มไปแค่ไหนล่ะ ก็สมบัติมีอยู่เท่านี้
ก็เทหมดกระเป๋ามานับครั้งไม่ถ้วนแล้วด้วยจิตที่ปลื้มปิติน้ำตาไหลเลย แต่อย่างที่เคยบอกว่าอธิฐานอะไรไม่เคยได้เลย
วันนี้ไฟไหม้บ้าน อธิฐานขายที่มา2ปีกว่าแล้ว ยังไม่มีใครมาซื้อเลย มีคำอธิบายมั้ยครับ
จะให้เชื่อมั่นว่ามหาปูชนียาจารย์มีอานุภาพ ก็โปรดแสดงให้ดูหน่อยได้มั้ยว่า อานุภาพที่ว่า มันเป็นยังไง
หรือถ้าใครไม่เชื่อมั่น ชอบตั้งคำถามจะเจอวิบากกรรม ให้เชื่อย่างเดียวห้ามสงสัยใช่เปล่า แล้วชีวิตจะไม่แย่ลงอย่างนั้นหรือ
ใครเข้าถึงธรรมกายแล้วมาตอบให้หายสงสัยหน่อยเถอะ ว่าผมทำวิบากกกรมอะไรมาถึงอธิฐานอะไรยากจังเลย
แล้วต้องแก้ไขยังไง ช่วยบอกไอ้ที่ผมยังไม่รู้ได้ไหม
#15
Posted 03 November 2010 - 11:07 PM
สิ่งที่หลายๆท่านพยายามจะบอกคุณตำรวจนั้น
คุณตำรวจไม่เคยเข้าใจเลย ใจที่มันไม่ใสนะ มันมองไมทะลุหรอกนะ
สิ่งที่คุณตำรวจทำลงไปนี้เป็นการบันทอนกำลังใจผู้อื่น แล้วไม่ใช่คนเดียว ที่นี้เป็นที่สาธารณะ
คุณตำรวจกำลังปิดช่องทางบุญของตัวเอง
ทำบุญยังก็ได้บุญอยู่แล้ว แต่บุญจะได้ช่องส่งผลเมื่อไหร่นี่มันอีกเรื่อง ต้องแยกให้ออกนะ
การที่ทำบุญแล้วหวังให้บุญมาส่งผลตอนโน้นตอนนี้หน่ะ เป็นการหวังที่ผิด คุณตำรวจก็เลยผิดหวัง พาใจหมองบุญเลยหมดช่องเข้าไปใหญ่
ทำบุญหวังได้บุญก็ได้อยู่แล้ว ไม่ผิด แต่หวังให้บุญส่งผลตอนโน้นตอนนี้หน่ะมันผิดหลัก
แล้วการที่คุณตำรวจมาลงความคิดเห็นด้วยความน้อยใจ ทำให้ที่ยังฝึกใจไม่เข้มแข็งพอหรือผู้ที่ไม่รู้เข้าใจผิดเรื่องบุญเข้าไปอีก
ตรงนี้แก้ไข้นะครับ มันจะตัดช่องทางบุญของคุณเอง คุณกำลังทำร้ายตัวเองอยู่นะ ไม่ต้องไปโทษใครเลย
กรรมตรงนี้ที่คุณกระทำลงไปตรงนี้ ก็พอจะบอกได้แล้วว่าทำไมบุญถึงส่งผลยาก ไม่ต้องระลึกชาติกันหรอก
ส่วนนิสัยอื่นๆที่คุณตำรวจต้องแก้ ยังมีอีกเยอะนะครับ แล้วที่สำคัญคุณตำรวจยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
อันนี้ผมเห็นจากความคิดเห็นในหัวข้ออื่น อันนี้ไม่คงยังไม่พูดถึง
หลายอย่างคุณตำรวจทำดีแล้วขอให้รักษาเอาไว้ให้ดี ส่วนที่ยังไม่ดีให้แก้ไข
แก้ได้แล้วทุกอย่างจะค่อยๆเปลี่ยนแปรงในทางที่ดีขึ้น
ถ้าทำแบบเดิมๆก็ได้ผลแบบเดิมๆ
สิ่งที่ผมจะแนะนำได้ก็คือนั่งธรรมะให้มากๆนะครับ เมื่อถึงจุดๆนึงคุณตำรวจจะเข้าใจเอง
ผมและคุณตำรวจต่างก็เหมือนกันนะครับ ดังนั้นที่ผมกล่าวมานี้ไม่ได้ว่า หรือดุด่าแต่อย่างใด
แค่หวังดีชี้หนทางให้ ส่วนคุณตำรวจต้องเดินเองนะครับ
เดินไปให้ถึงจุดหมายครับ ทำให้ได้นะครับ
Special Dhamma Team of The Element Space
Special Combat Team of The Earth Side
#16
Posted 03 November 2010 - 11:31 PM
เพราะเคยเชื่อมั่นมากๆ นั่งสมาธิ รักษาศีลแปด อธิฐานจิต เป็นเดือนขอในเรื่องง่ายๆกว่านี้มาแล้ว ก็ไม่เคยสำเร็จ>>แล้วทำทานขาดไปไหนจ้า ขาดองค์ประชุมอ่ะจ้า หรือคิดว่ามาทำบุญทำทานที่วัดก็พอแล้ว แต่จริงๆ แล้วต้องตักบาตรด้วยนะ แค่ข้าวหนึ่งทัพพี หรือไข่ต้ม 1 ฟองก็ทำได้
ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณตำรวจนักบุญตัดพ้อมา ยังไงๆนะคะ ตนย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตน ครูบาอาจารย์ เรานำท่านไว้เป็นแบบอย่าง เดินตามรอยท่าน
ส่วนตัวนะคะ เวลาทำบุญ เราจะไม่ค่อยนึกถึงว่าทำแล้วได้อานิสงค์อะไรมั้ง ก็รับทราบนะคะู้แต่ไม่ได้เอามาใส่ใจมากนัก หลักๆคือ ทำแล้วสบายใจ ทำเท่าที่ทำได้เต็มกำลังที่มี แล้วจะปลื้มทุกครั้้งที่ทำ แม้บางทีทำได้แค่หลักร้อย เราก็ปลื้มของเราไป บางทีทำเป็นหลักพัน หลักหมื่น แล้วก็อนุโมทนาบุญกับคนที่ทำได้ดีกว่่าเรา แต่ใจคนเรามันแปลกนะคะ ตอนทำบุญตอนสบายๆ ยังไม่ปลื้มเท่าหลักร้อยหล้กสิบในเวลาลำบากเลยคะ แต่เวลาหวนไปคิดที่ไรปลื้มทุกทีเลย เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ของเรา์มีค่าต่อโลกใบนี้อย่างแน่นอน เราเห็นในสิ่งที่หมู่คณะกำลังทุ่มเทกันอยู่
ตอนนี้ขอเป็นเฟืองตัวเล็ก ๆ ในนั้นไปก่อน ก็เหมือนนาฬิกาล่ะคะ เฟืองทุกตัวไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ต่างมีความสำคัญเหมือนกันหมด
คุณตำรวจรักบุญเหมือนเจอแต่สิ่งที่ทำให้ท้อมากมายเลยนะคะ ทำให้คิดติดลบมากมายขนาดนี้ คิดบวกๆๆๆๆด่วนเลยดีกว่ามั๊ย เราไม่รู้หรอกนะคะ ว่ามหาปูชนียาจารย์ท่านช่วยอะไรเราอยู่บ้าง กรรมเก่าเรามีหนักมากน้อยแค่ไหน
#17
Posted 04 November 2010 - 12:07 AM
http://www.dmc.tv/fo...showtopic=24103
แต่ถ้าหากอยากจะไปด้วยกัน ล้มบ้าง ท้อบ้าง เหนื่อยบ้าง ล้าบ้าง ก็ให้กำลังใจกันไป
หากไม่มีใครให้กำลังใจ เราก็ให้กำลังใจตัวเราเองได้ โดยการมองเป้าหมายของเราเป็นหลัก
คนที่มีความคิด ความเข้าใจ ความตั้งใจและปฎิบัติธรรมได้ถึงขนาดนี้ มันน่าเสียดายนะครับหากต้องสูญเสียไป
พยายามสู้กับฉากหลังของตัวเองให้ได้นะครับ..ขอเอาใจช่วย
#18
Posted 04 November 2010 - 01:04 AM
ไม่ควรตั้งความหวังกับอะไรบ้าง ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยตอบแบบหลักการทั่วไป ช่วยให้ไม่รู้อะไรอีกเยอะ
เพราะทุกคนพูดแต่ว่า อยากได้อะไรให้ขอหลวงปู่ ขอคุณยาย แล้วจะได้สำเร็จเป็นอัศจรรย์
ก็มันไม่เคยขออะไรได้เลย มันต้องทำยังไงมันถึงจะถูกใจท่าน ท่านถึงจะยอมช่วยให้สมหวังล่ะ
ก็ตลอดเวลาที่ผ่านมา หน้าที่ในหมู่คณะก็ทำอย่างเต็มที่ ทานบารมีก็มีแค่นี้ ก็ทำได้แค่นี้ คุณเข้าใจคำว่าทำจนหมดไหมครับ
คือไม่เคยเหลือไว้เลย เพราะมั่นใจในมหาปูชนียาจารย์มากๆ แต่เมื่อยามเดือดร้อนมีปัญหา มีความจำเป็น
อธิฐานขออะไรท่านแม้เรื่องเล็กน้อย ก็ไม่มีความสำเร็จเลยแม้สักครั้งเดียว อย่างนี้แปลว่าอะไรครับ
ผมยังศรัทธาไม่พอ ใจใสน้อยไปเหรอ ดูตัวเองแล้วก็ว่าไม่น่าจะใช่ตรงนั้น แต่มันติดตรงไหนล่ะ
ก็ตามสติปัญญาของผม ก็คิดว่า มันยากเกินกำลังมหาปูชนียาจารย์หรือเปล่า หรือเราไม่ใช่คนที่ท่านจะช่วยจะเมตตา
ถ้ารู้วิธี รู้ว่าติดขัดตรงไหน ทำไมคนอื่นขอหลวงปู่ สำเร็จกันง่ายๆ เราขอเท่าไหร่ไม่ได้สักที แถมซวยอีกด้วย
มันยังไงกันล่ะ
ไม่ได้อยากให้ใครหมดกำลังใจ แต่อยากรู้คำตอบจริงๆนะครับ ว่ามันติดตรงไหน ก็อยากรู้ครับ ว่าทำไมเราทำไม่ได้สักที
อะรไที่แนะนำมา ก็เคยทำมาหมดแล้ว อย่างยิ่งยวดด้วย ใครรู้จริงมาอธิบายให้ฟังหน่อยเร็ว
#19
Posted 04 November 2010 - 09:29 AM
"ขอยืนยันว่า ผมคนหนึ่งล่ะ ที่ไม่เคยพูดหรือโพสเช่นนั้นกับคุณตำรวจแน่นอนครับ"
แล้วทำไมผมจะไม่เข้าใจว่า ทำบุญจนหมด เพราะสภาวะของผม มันเรียกว่า ยิ่งกว่าหมดอีกครับ
ในเมื่อผมมีหนี้อยู่ถึง 1.2 ล้าน (แต่เป็นหนี้จากภาระครอบครัวที่ผ่านมานะครับ ไม่ใช่หนี้จากการที่ผมไปโทษตัวเองว่าทำบุญจนหมดตัว)
แต่แม้ผมจะมีหนี้อยู่ขนาดนี้ ซึ่งแน่นอนว่า ไม่มีปัญญาทำบุญกฐินได้ดังใจปรารถนา (เหมือนคุณตำรวจเลย)
แต่ผมก็พยายามเจียดเงินส่วนหนึ่งเอามาทำบุญ คึอ ใช้หนี้ไปด้วย ทำบุญไปด้วยนั่นเอง นิดๆ หน่อยๆ ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำ และไม่เคยคิดตัดพ้อน้อยใจใดๆ ทั้งสิ้น เพราะก็กรรมเก่าที่เราทำมาเอง จะไปโทษใคร
แต่ตอนนี้ คุณความดีเริ่มส่งผลแล้วล่ะครับ เมื่อเงินส่วนบุญที่ผมทำบุญไปหลายปีกับแม่ของตัวเอง (คือ ทำทั้งกับวัดด้วย ครอบครัวด้วย) สะสมไว้เป็นเงินหลายแสนบาท ทางครอบครัวก็ยินดีช่วยให้ผมนำเงินส่วนนั้นมาทยอยใช้หนี้ ทำให้ผมยังคงดิ้นรนสู้ชีวิตได้ต่อไป
#20
Posted 04 November 2010 - 11:29 AM
คือมันคาใจครับ
#21
Posted 04 November 2010 - 11:37 AM
หรือต้องรอชาติหน้าครับ คือถ้ารู้ชัดๆไปเลยจะได้ไม่ต้องหวังว่าจะมีอานุภาพพิเศษอะไรมาช่วย
ที่มาบ่นเนี่ย เพราะว่าที่ผ่านมาเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่าจะมีอานุภาพมหาปูชนียาจารย์หรืออานุภาพบุญมาช่วย
จึงไม่เคยเหลืออะรไไว้เลย ทำบุญจนเกลี้ยงจริงๆ บ่อยด้วย
แต่ถ้ารู้ชัดเจนว่าหวังอะไรแบบนี้ไม่ได้ จะได้บริหารปัจจัยให้พอดี ลดการทำบุญลงบ้าง เพื่อให้สามารถมีทัพย์มาทำบุญได้เรื่อยๆ
จะได้ไม่ตกบุญบางอย่างไป เพราะเวลามีบุญอะไรมาตรงหน้าผมก็ทำหมดทันที พอมีบุญใหม่มา ก็ไม่สามารถทำได้อีกแล้ว
เพราะทรัพย์หมดไปกับบุญก่อนหน้า คืออยากรู้จริงๆครับว่า จะพึ่งพาอานุภาพบุญ อานุภาพของมหาปูชนียาจารย์ได้ไหม
ถ้าพึ่งไม่ได้จะได้ไม่หวังอะไรอีก
#22
Posted 04 November 2010 - 11:42 AM
หากปัญหาของทุกคนแก้ได้ทั้งหมดในเวลานี้ "ทำไม นรอ จึงมีทั้งรวยและจน" ทำไมจึงไม่มีแต่รวยเท่านั้น ไม่เคยคิดบ้างหรือครับ
"ทำไม นรอ จึงมีทั้งคนสมบูรณ์และคนพิการ ล่าสุดนี่ก็หูหนวกจะเป็นประธานกฐิน" ทำไมจึงไม่มีแต่สมบูรณ์พร้อมเท่านั้น (เหมือนยุคพระศรีอาร์ย)
"ทำไม นรอ จึงมีทั้งคนสุขภาพดีและคนป่วย" ทำไมจึงไม่มีแต่สุขภาพดีเท่านั้น
"ทำไม นรอ จึงมีทั้งคนฉลาดมากๆ และคนที่ปัญญาอ่อน" ทำไมจึงไม่มีแต่คนฉลาดเท่านั้น
#23
Posted 04 November 2010 - 12:41 PM
ที่ทำลงไปทั้งหมด ได้อะไรหรือไม่ได้อะไร
-ได้ทำดีก็ได้ดี เป็นบุญเป็นกุศลก็ได้บุญ ทำอะไรที่ไม่ดีก็รับผลกันไปตามที่ทำ ได้ผลเร็วหรือช้ามันอีกเรื่องชัดไหม
อุปมา เหมือนใครกินข้าวคนนั้นก็อิ่ม อิ่มแทนกันไม่ได้
สรุป ทำบุญก็ได้บุญ ทำบาปก็ได้บาป
หังกับอะไรได้บ้าง (เข้าใจว่า หักกับอะไรได้บ้าง)
-อันนี้ต้องทำความเข้าใจกันก่อน เราไม่ได้ทำบุญล้างบาปกันครับ มันมีแต่เติมต่อไปเรื่อยๆ
-การส่งผลไม่ขึ้นอยู่กับว่าอะไรมากอะไรน้อยขึ้นอยู่กับใจท่านไปเกาะเกี่ยวกับสิ่งใหนบ่อยกว่ากัน จนมันได้ช่องส่งผลไม่ว่าบุญหรือบาปแม้ทำบุญมาทั้งชีวิตไม่เคยทำผิดเลย แต่ก่อนตายเผลอไปฆ่ามดตายซักตัว แล้วไปนึกถึงแต่ตรงนั้นว่าเราฆ่ามดตายตัวนึง จนใจหมองก็ไปอบายได้นะ นี่ผลเร็วผลช้ามันขึ้นอยู่ตรงนี้ส่วนหนึ่งด้วย
อุปมา เหมือนเติมน้ำเติมเกลือ ไม่มีหรอกเติมเกลือแล้วน้ำหาย หรือเติมน้ำแล้วเกลือหายไป นี่คือความจริง ชัดไหม
สรุป หักล้างอะไรไม่ได้ทั้งนั้น
ไม่ควรตั้งความหวังกับอะไรบ้าง
-ไม่ควรตั้งความหวังอะไรเลย เพราะทำไรไปมันก็ได้อย่างนั้นอยู่แล้ว ไม่ว่าดีหรือร้าย เป็นกลางๆดีที่สุด
อุปมา ปลูกข้าวยังไงก็ได้ข้าว ไม่ต้องไปหวังว่าจะได้ข้าว เพราะมันได้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องได้มากได้น้อยมันคนละเรื่องกัน มันอยู่ส่วนของการปลูก ดินดี พันธุ์ข้าว สภาพแวดล้อม ฯลฯ ชัดไหม
-คนเราเกิดมาพร้อมกับความไม่รู้ แล้วไอ้ที่คิดว่ารู้แล้วบางทีรู้ผิดๆซะอีกด้วย คิดว่าทำอย่างนี้แล้วจะได้อย่างนี้ เห็นคนโน้นทำได้ทำตามเขาแล้วไม่ได้ มันคนละคนกันนะครับ เราไม่รู้หรอกว่ามันมีรายละเอียดอะไรบ้างที่ทำให้ต่าง
อุปมา ไม่งั้นคนนี้ขายบ้านรวย คนอื่นก็ต้องขายบ้านถึงจะรวยเหมือนกันอันนี้ก็ไม่ใช่
-แต่ละคนจริตต่างกันไม่มีใครเหมือนใคร และก็ไม่มีใครรู้จักตัวเราเท่าตัวเราเอง จะมาหวังให้ใครเข้าใจเราไม่มีหรอก เราต้องเข้าใจตัวเราเองเท่านั้น เข้าไปสิ กลางของกลางหน่ะ ยอมรับผิด รับชอบ เปิดใจ แล้วก็เข้าไปซะ วิ่งชนใจโครมๆๆหน่ะ ใจมันก็บอบช้ำเป็นเหมือนกันนะ เดียวทางเข้ามันเสียปิดตายละยุ่งเลย ต้องทำนะ แล้วคุณจะเข้าใจตัวเองมากขึ้น
สรุป ไม่ต้องหวังอะไร ทำนิ่งๆ เฉยๆ เป็นกลางๆ แล้วความสุขจะเกิด ใจก็ไม่บอบช้ำนะ
ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยตอบแบบหลักการทั่วไป ช่วยให้ไม่รู้อะไรอีกเยอะ (เข้าใจว่าช่วยให้รู้อะไรที่ไม่รู้อีกเยอะ)
-ดีแล้วครับ แต่ว่าอย่าแค่รู้เรื่องเลยนะครับ เข้าใจด้วย เอาไปปฏิบัติให้เกิดขึ้นแก่ตัวเองด้วย แล้วรักษาให้มันคงอยู่ด้วย
-รู้เรื่อง แปลว่า รู้แต่ทำไม่เป็น สักแต่ว่ารู้ ถามอะไรตอบได้หมด ยกเว้นเคยทำยัง แป่ว! เรียกว่ารู้ทั่วธาตุธรรมแต่ไม่ทำ
-เข้าใจ แปลว่า ทำเป็นด้วยรู้ด้วยว่าได้ผลไม่ได้ผลอย่างไร พอดีแค่ไหนสำหรับตัวเรา นี่เข้าใจในเรื่องหยาบ ส่วนเรื่องละเอียดก็อีกเรื่อง ชัดไหม
สรุป ต้องเอาไปประพฤติปฏิบัติให้เกิดมีแก่ตน แล้วรักษาไว้ให้คงมั่น ละสิ่งไม่ดีออกไป
คำว่าเข้ากลางดวง หรือลักษณะนี้อื่น ที่เวลาหลวงพ่อนำนั่ง หมายรวมถึงสิ่งเหล่านี้ด้วย ทั้งหยาบและละเอียดหลวงพ่อสอนไปพร้อมๆกัน ธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าละเลียดลึ้งซึ้งยิ่งนักยากที่คนธรรมดาทั่วไปจะเข้าใจ นอกจากคนที่ฝึกตัวและใจ จนได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์ เป็นบัณฑิต แถมให้อีกนิด คนพาล พวกนี้ก็ฝึกตัวเหมือนกัน แต่ฝึกแต่เรื่องชั่วๆ เลยอยู่คนละขั่วกับบัณฑิต
เพราะทุกคนพูดแต่ว่า อยากได้อะไรให้ขอหลวงปู่ ขอคุณยาย แล้วจะได้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ ก็มันไม่เคยขออะไรได้เลย
-ก็เพราะว่าทุกคนไม่ใช่คุณ จะเอาให้ได้เหมือนอย่างคนนั้นเหมือนอย่างคนนี้หน่ะมันไม่ได้หรอกนะ นี่นิสัยงอแงเหมือนเด็กๆ เพราะเป็นส่วนของความต่าง ของกรรมที่เราประกอบมา ส่วนที่เหมือนก็คือเราต่างยังต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสารนี้กันอยู่ หวังอะไรผิดๆก็เลยผิดหวัง อย่างที่ได้กล่าวมาข้างต้น ถ้าไม่เข้าใจโปรดกลับไปอ่านใหม่ครับ เพื่อตัวคุณตำรวจเอง
มันต้องทำยังไงมันถึงจะถูกใจท่าน ท่านถึงจะยอมช่วยให้สมหวังล่ะ
ก็ตลอดเวลาที่ผ่านมา หน้าที่ในหมู่คณะก็ทำอย่างเต็มที่ ทานบารมีก็มีแค่นี้ ก็ทำได้แค่นี้ คุณเข้าใจคำว่าทำจนหมดไหมครับ
คือไม่เคยเหลือไว้เลย เพราะมั่นใจในมหาปูชนียาจารย์มากๆ
-ทำหยุด นิ่ง เฉย พูดอย่างนี้ก็งงอีก ทำบุญหมดตัวผมก็เคยทำ มาลองศึกษา ดูความเหมือน ความต่างกันนะครับ ผมจะอธิบายในสิ่งที่ทำเหมือนกันคุณตำรวจจะได้ไม่หาว่ามันคนละอย่างกัน นี่เรื่องทำบุญหมดตัวเหมือนกัน จะหาว่าผมไม่เข้าใจไม่ได้นะ
เวลาทำบุญหมดตัวแล้ว ผมไม่สนใจผมจะเดือดร้อน จะเกิดอะไรขึ้นก็ช่าง จะอดตายก็ยอม ไม่เสียดายอีกแล้วในภายหลังกับสิ่งที่ทำลงไป การทำแบบน้ไม่ใช่เบียดเบียนตัวเองนะ แต่เอาชีวิตเป็นเดิมพันธุ์ ยังไงเราไปหาเอาใหม่ข้างหน้าได้ หาได้ไม่ได้ก็อีกเรื่องไม่ใส่ใจให้อุปสรรค์ชีวิตตรงส่วนนี้ ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่มีมือมีเท้า จะโง่ยอมอดตายโดยนั่งเฉยๆให้บุญส่งผลทรัพย์สมบัติลอยมาหามันก็ไม่ใช่ ยุดนี้มันไม่เป็นอย่างนั้น แล้วอีกอย่างเราก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวยังมีหมู่คณะ ยังมีเพื่อนๆที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือ ผมเลยไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ผมเคยชอบอยู่ตัวคนเดียวมาก่อนตรงนี้เข้าใจดี บางอย่างที่ทำหลายๆคนดีกว่าเราไปดันทุรังทำมันอยู่คนเดียว นึกถึงตอนนั้นนะไม่รู้จะด่าตัวเองว่ายังไงดี แล้วทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี คือ ทุกวันนี้ผมก็ยังมีลมหายใจอยู่ ยังไม่ข้าวกิน ยังไปไหนมาไหนได้ ยังไม่เสื้อผ้าใส่ ไม่เจ็บไม่ป่วย จะเอาอะไรอีกนี้ก็บุญสุดๆแล้ว ไม่ต้องไปนอนหยอดน้ำเกลือ ไม่ไหนมาไหนไม่ได้ ยังไม่เรียกว่าบุญอีกหรอ สำหรับผม คนอื่นผมไม่สนนั่นมันเรื่องของเขา บุญเขาส่งผลไปแบบนั้นเพราะบุญของเขา ไม่ใช่บุญของผม ผมไม่สนใจว่าทำไมผมไม่ได้อย่างคนอื่น ผมก็อธิฐาน หลายอย่างไม่เกิดผลเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่ได้ ไม่ได้ชาตินี้ก็คงได้ชาติต่อๆไป ยกตัวอย่าง ขอให้มีลักษณะกายมหาบุรุษครบถ้วน มันคงจะได้ชาตินี้หรอก แล้วก็ไม่แน่ว่าชาติหน้าจะได้ครบด้วย ผมก็ไม่เห็นต้องโวยวายอะไร ครบเมื่อไหร่เดียวก็ครบเอง เรื่องอื่นก็คล้ายๆกัน ทำบุญไปเรื่อยๆเท่าที่ทำได้สุดกำลัง หาความพอดีตัวเองให้เจอ
-ทีนี้คุณตำรวจก็ลองเปรียบเทียบกันดู มองที่ความเหมือนแล้วคุณจะเห็นความต่าง เพราะถ้ามองแต่ความต่างมันจะแตกแยกเยอะมากจนปวดหัวแล้วคุณจะมองไม่เห็นความเหมือน จะเชื่อมโยงกันไม่ติด คุณจะสับสนปนเปไปต่างๆนาๆ จนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ข้อความี้คุณยังอาจจะไม่เข้าใจในตอนนี้ สักวันถ้าคุณนั่งสมาธิไปมากๆ จนถึงจุดๆหนึ่งแล้ว คุณจะเข้าใจ ที่ผมแจกแจงได้ขนาดนี้ไม่มีใครสอน มันป็นเองโดยการนั้งสมาธิ ตอนนี้องค์พระหรืออะไรจะเห็นหรือไม่เห็น ผมไม่สนตรงนั้น ผมสนแค่ว่านั่งแล้วสบาย นิ่ง สงบ มีความสุข อยากนั่งไปเรื่อยๆ แล้วผมก็ทำสิ่งเหล่านี้ได้ก็พอใจแล้ว ได้องค์พระเมื่อไหร่เดียวก็ได้เองแหละ เมื่อถึงเวลา
-มั่นใจในมหาปูชนียาจารย์ เป็นสิ่งที่ดีแล้ว มั่นใจแล้วก็ต้องเข้าใจด้วย ข้อนี้สำคัญ เพราะท่านอยู่ในกลางเราการที่เราไม่เข้าไปหาท่าน ท่านส่งอะไรมา มันมีตัวขวางเยอะ ถ้าเราไปเข้าไปเอารอให้ท่านส่งมา กว่าจะมาถึงมันยาก มารไม่ใช่หมู เขาปัดหมด ถ้าไม่เข้าไปรับถึงมือท่าน มันแต่รอขอบอกว่ายาก เลิกนะครับ ยุคนี้ ทำบุญมีบุญแล้วก็ต้องเป็นคนไปเอาบุญไปใช้เองด้วย ที่เขาเรียกว่าหาบุญได้ใช้บุญเป็น ไม่ใช่ชาวสวรรค์นะ ที่จะมีของทิพย์ลอยมาหา อย่าความเคยชินข้างบนมาใช้ มันผิดเวลา สถานที่ ที่เรียกว่าไม่ถูกกาลเทศะ
มันเป็นอย่างนี้นะ ถ้ายังไม่เข้าใจกลับไปอ่านใหม่ครับ
นิสัยแบบนี้ผมเยเป็นมาก่อนเข้าใจดี ทำมาเป็นปีด้วยจะบอกให้ กว่าจะตาสว่าง ไอ้ตอนที่เป็นอย่างนั้นเราไม่รู้ตัวหรอก ถ้าไม่ได้มานั่งสมาธิผมคงตาบอดไปอีกนานว่าที่ทำอยู่ ผิดหมดเลย จากที่คิดว่ามันใช่กลับไม่ใช่ กว่าจะเข้าใจก็ใช้เวลาเป็นปีเหมือนกัน กว่าจะเปลี่ยนแปลงได้ กว่าผลการเปลี่ยนปลงจะโผล่มาให้เห็น ต้องอดต้องทน แม้ในตอนแรกสิ่งที่ทำไปยังไม่เห็นผลเปลี่ยนแปลงอะไรเลยก็ตาม
ผมจะไม่ชี้ข้อเสียคุณมันเสียเวลา ผมเอาไปเวลาไปค้นหาข้อเสียตัวผมเองแล้วแก้ไขดีกว่า เพราะผมไปแก้อะไรแทนคนอื่นไม่ได้ เขาต้องแก้เอง
คุณตำรวจก็เหมือนกัน ค้นหาตัวเองให้เจอ ด้วยการนั่งสมาธิ ทำใจหยุดนิ่ง ทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวถึงเวลาจะเห็นผลเอง
นานเท่าไหร่กลับไปอ่านข้างบนใหม่ มันเป็นธรรมชาติของมันอย่างนี้ ถ้ายอมรับมันไม่ได้ชีวิตนี้ก็มีแต่ทุกข์ ใจก็หมอง บุญส่งผลไม่ได้ ก็เท่านั้น
นั่งสมาธิเป็นสำคัญระดับชีวิตเลย ถ้าคุณไม่นั่งแล้วใครจะนั่ง คนอื่นนั่งแล้วใจคุณตำรวจจะหยุดนิ่งหรอ ลองถามตัวเองดู มองตัวเองดู ค้นหาตัวเอง ผลที่เกิดขึ้นเราทำมาแล้วทั้งนั้น เราว่าเราทำดีแต่ทำไมผลไม่ดี กลับไปดูที่ตัวเรา ทำอะไรผิดไป ต้องมีอะไรผิดแน่ๆ เพราะผลมันออกมาผิด
นั่งสมาธิเยอะๆครับตอนนี้สิ่งที่ควรทำมากที่สุดของคุณตำรวจ ฝึกใจให้มีกำลังใจมากกว่านี้ อย่าอ้างว่าไม่มีเวลาเพราะงานยุ่ง เพราะชีวิตมันสำคัญกว่างาน ไม่มีชีวิต งานไม่ได้ไปทำงาน
ชีวิตสำคัญ มีชีวิตอยู่ก็บุญมากๆๆๆๆแล้ว เข้าวัดได้ไม่มีตังสักบาทมานั่งสมาธิ กับรวยเป็นร้อยล้านแล้วมัวเที่ยวรอบโลกอยู่ ใครมีบุญมากกว่ากันลองเอาไปคิดเล่นๆนะ
ถ้าคิดไม่ออกกลับไปอ่านตั้งแต่ต้นใหม่ เอาซ้ำๆ เรื่องเล็กๆน้อยๆ แล้วเดียวจะได้เห็นประฦโยชน์จากการทำซ้ำ
ถ้าขี้เกียจแสดงว่าคุณกำลังถูกกิเลสบงการอยู่ จำเอาไว้นะครับ
แค่นี้ยังชนะตัวเองไม่ได้ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว สู้ตัวเองไม่ได้ แล้วจะไปชนะใคร
ผมเองก็ยังคงฝึกตัวเองเรื่อยๆไป ผมสละเวลามาบอกเล่าสิ่งหล่านี้ แทนที่ผมจะเอาเวลานี้ไปทำหยุดทำนิ่งก็ได้
หลายคนเขาก็ไม่อยากจะตอบคุณตำรวจแล้ว เพราะบอกแล้วคุณก็ยังเหมือนเดิม แสดงว่าที่คุณเอาไปคุณยังเข้าใจผิดอยู่ ก็เลยเอาสิ่งที่หลายท่านหวังดีไปทำไม่เกิดผล
แต่ผมก็จะตอบคุณตำรวจไปเรื่อยๆ ถ้ามีโอกาศ เวลา และถ้าคุณตำรวจยังต้องการจะให้ตอบ
การรื้อสัตว์ขนสัตว์ให้หมดวัฏฏสงสาร ถ้าผมทิ้งคุณไว้งานก็ไม่สำเร็จ ยังผมก็ต้องมาช่วยคุณอีกอยู่ดี
พวกเรามันก็หัวอกเดียวกันนะครับ ตกอยู่ภายใต้กฏแห่งกรรม ดังนั้นเชื่อผมเถอะครับ
ผมไม่ทำร้ายพวกเดียวกันหรอก
นั่งสมาธินะครับ แล้วคุณจะเข้าใจทุกอย่าง ไม่ใช่แค่รู้ทุกอย่าง เพราะเราฝึกเข้าใจครับ สำคัญระดับชีวิตนะครับ ทำให้ได้นะครับ
Special Dhamma Team of The Element Space
Special Combat Team of The Earth Side
#24
Posted 04 November 2010 - 05:50 PM
แต่เมื่อบุญไม่คุ้มครอง อธิฐานขอไม่เป็นผล ก็เลยสงสัยครับว่าตกลงว่าบุญมีอานุภาพไหม มหาปูชนียาจารย์มีอานุภาพไหม
เพราะเคยทำมาหมดแล้วครับ ทั่งสมาธิก็นั่ง ศีลก็รักษา ทานบารมีก็เทหมดกระเป๋าบ่อยๆ แต่ปัญหาก็ยิ่งถาโถม
ถ้าอธิฐานให้หลวงปู่ช่วย แล้วเราต้องละเอียดให้เท่าหลวงปู่งั้นก็จบละครับ ใครจะไปทำได้
#25
Posted 05 November 2010 - 07:09 AM
ห้ามลืมตาจนกว่าเพื่อนจะอ่านจบ รวมถึงอันก่อนด้วย
คนที่ทำไม่ได้ คือ คนตาย คนบ้า คนไม่ได้ทำ
เราก็จะต้องตอกย้ำซ้ำเดิม......ให้คล่องปาก.....ให้ขึ้นใจ....แล้วก็ต้องรีบทำกันให้ได้
คุณตำรวจเป็นแบบไหนหล่ะตอบด้วยนะครับ
ถ้าทำแล้วไม่ได้คือทำผิดวิธี ผิดที่ ผิดเวลา
จริงอย่างที่เพื่อนผมบอกจริงๆ ทหาร ตำรวจ ถูกฝึกมาทิฐิสูง ไม่ชอบให้ใครมาสอน และก็ไม่ยอมฟังใคร ยิ่งยศสุงๆ
ความเคารพที่ถูกฝึกมาก็เพื่อเอาตัวรอดไม่ทำก็โดนมือโดนเท้า นี้มันไม่ใช่ความเคารพแล้วทำเพื่อเอาตัวรอด
วินัยตรงนั้นก็ทำนองเดียวกัน ทำเพื่อเอาตัวรอด
อดทนก็ไม่พ้นก็เพื่อเอาตัวรอด
วินัย ทำซ้ำ เคารพ จับดี อดทน อดและทน ต้องการให้ขยายความตรงไหนบอกได้นะครับ
นี่เป็นคำบอกเล่าจากเพื่อนที่เคยเป็นทหาร เขาก็เลิกเป็นแล้ว เพราะเขาไม่อยากถูกทอดทิ้ง โดยนิสัยที่ไม่ฟังใคร
ผมก็เคยเรียน ร.ด. มา นิสัยครูฝึกมันไม่ฟังใครหรอก นอกจากผู้บังคับบัญชา เพราะต้องเอาตัวรอด
เราเจ็บป่วยยังหาว่าสำออยเลย ตายมันก็ไม่สน
ขอร้องนะรับ ลดนะครับทิฐิ แล้วกลับไปอ่านที่ผมเขียนไว้อันที่แล้วใหม่
ผมไม่เคยขอร้องใครนะครับ คุณคนแรก นี่คุณยายสอนไว้ให้ยอมทุกอย่างเพื่อให้เขามาสร้างความดี
ลืมบอกไป เพื่อนผมที่เคยฝึกเป็นทหารก็แนะนำว่า เลิกบอกคุณตำรวจเถอะ เขาไม่ฟังหรอก
แต่ไม่เป็นไรครับ ผมก็จะแนะนำคุณไปเรื่อยๆ
ลองคิดดูนะครับว่าเกิดมา แล้วไม่มีใครสอนเราเลย จะเกิดอะไรขึ้น แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยมั้ง
คุณถามอะไรมาผมก็ตอบอธิบายอย่างละเอียด ชัดเจน ยกตัวอย่าง อุปมา ให้อีก ถ้าอย่างนี้ไม่รู้เรื่อง
คงต้องพิจารณาแล้วนะครับว่าเป็นบัวประเภทไหน
-แล้วที่ผมทำอยู่นี่อะไรวิ่งหนีคุณหรอ มีแต่คุณที่วิ่งหนีผม แล้วก็มาโวยวายว่าไม่มีใครช่วย
-คุณชอบทำอะไรคนเดียว เพราะอยู่กับคนอื่ยแล้วเขาทำอะไรไม่ได้ดังใจ เลยขอทำด้วยเองดีกว่า
-หมู่คณะไม่ช่วย หรือช่วยหมู่คณะยังไม่ถูกกันแน่ครับ เลยไม่รู้จะทำยัง
-คำพูดคุณนะ ฆ่าตัวเองนะบอกให้
นิสัยขอนี้ผมเป็นมาก่อนเข้าใจดี เจ้าอารมย์ อยากทำอะไรให้มันดีที่สุด คนอื่นทำไม่ถูกใจ ต้องทำเอง คนเยอะปัญหาเยอะ
ผลที่เกิดขึ้น ผมต้องอยู่เดียวดายเกือบ 10 ปี แล้วก็ได้แต่โวยวายไม่มีใครเข้าใจผมเลย ช่วงเวลานั้นไม่รู้ตัวหรอกว่ามันไม่ดี
หูตาบอดอยู่ในกิเลส กว่าจะตาสว่างแก้ไขตัวเองได้ นานมากทีเดียว
คุณตำรวจครับเรามันก็พวกเดียวกันนะครับเชื่อผมเถอะ
กรรมของผมทำตัวอย่างไรก็ต้องมารับกรรมต้องมานั่งสอนคนที่ไม่ยอมฟัง ทีนี้เข้าใจเลยผู้คนที่เขาพยามสอนผมในครั้งรู้สึกอย่างไร
สรุป ผมหล่ะหนึ่งคนที่เป็นหมู่คณะที่กำลังช่วยคุณอยู่ คุณหล่ะพร้อมจะทำงานเป็นหมู่คณะหรือยัง
ถ้าพร้อมแล้วว่าอย่างไรก็ต้องว่าตามกัน เพราะเรากำลังจะไปที่สุดแห่งธรรมด้วยกัน แล้วกลับไปอ่านข้อคิดเห็นของผมอันก่อนหน้าให้เข้าใจ
-นี้แสดงว่าไม่เข้าใจที่ผมอธิบายไปกรุณาไปอ่านใหม่
-แล้วที่คุณบอกว่าทีคนโน้นคนนี้ได้อย่างนั้นอย่างนี้เป็นอัศจรรย์ แล้วทำไมผมไม่ได้บ้าง นั่นอะไร อนุภาพ หรือ กุเรื่อง ผลที่เกิดก็เป็นหลักฐาน
ขออนุญาติใช้คำที่แรงขึ้น มีปัญญาก็ไปคิดเอา ถ้าปัญญาน้อยก็ไปนั่งสมาธิเพิ่มอีก
ตำรวจ ทหาร มักใช้คำพูดแรงๆ ปล่อยสัตว์ ให้อวัยวะบ้าง หวังว่าผมคงไม่ต้องใช้คำพูดขนาดนั้นนะครับ พูดกันดีๆแบบนี้ดีกว่า
สรุป มีจริง ก็เห็นๆกันอยู่ แล้วคุณก็อยากให้เกิดแบบนั้นกับตัวคุณบ้าง
-ก็อย่างที่บอกปลูกข้าวได้ข้าวแน่ๆ ได้เร็ว ช้า มาก น้อย มันอยู่ที่วิธีการปลูก และดูแล
-ที่คุณทำอยู่นี่เท่ากับทำบุญแล้วเสียดายภายหลัง แม้คุณแก้ไขตัวเองได้ แต่กรรมนี้ตามไป่งผลให้คุณต้องป็นแบบนี้อีก
-ทำอะไรติดๆขัดๆก็เพราะกรรมที่เคยทำไว้แบบนี้เช่นกัน ทำบุญแล้วเสียดาย ไม่ได้ผลตามคาดหวัง
-เลิกบ่นแบบนี้เถอะครับ แล้วหันมาเอาสิ่งที่ผมแนะนำไปลองทำดุก่อน ซักระยะหนึ่ง ไม่ใช่ครั้งเดียวเลิกนะ
-นั่งสมาธิวันละกี่ชั่วโมง ทุกวันหรือเปล่า ตอบตรงนี้ด้วยครับ
ผมถึงต้องมาแนะนำคุณอยู่อย่างนี้ เพราะผมก็เคยเป็นแบบคุณ ถ้าให้คนอื่นมา คุณคงสวนกลับไปได้ว่า
ไม่มาเป็นผมไม่ใจหรอก
ผมก็บอกตรงๆนะ ผมก็ไม่ได้เข้าใจคุณหรอก ผมเข้าใจตัวเองที่พอมีส่วนที่เป็นแบบคุณพอดี
แล้วความเหมือนตรงนี้แหละ ผมถึงกล้าที่มาแนะนำชี้ทางให้คุณไง
คุณจะไม่พอใจ จะเกลียด จะโกรธผม ก็ยอม
ถ้าคิดว่าผมจับผิดคุณ คุณก็เอาข้อความที่ผมกล่าว มาอธิบายบ้างก็ได้นะ ว่ามันผิดตรงไหน ผมจะได้กลับไปแก้ไขบ้าง
ถ้าไม่เถียงในสิ่งที่ผมแนะนำแสดงว่ามันถูกแล้ว
โลกดิจิตอลหลายๆคนอาจมองว่าหาความจริงใจยาก แต่ไม่ได้แปลว่าไม่มี
เหลือแค่ ยอมรับความจริงครับ ว่าคุณกำลังทำผิด ไม่มีใครซ้ำเติมหรอกครับ
รู้จัก รับผิด รับชอบ รวมเป็น รับผิดชอบ นี่เขาเรียกว่าบัณฑิต คนดีๆรู้ว่าผิดก็ต้องแก้ไข แต่........
ใจใครคนนั้นต้องเข้าเอง คนอื่นเขาไม่มีกุแจเข้านอกจากตัวเราเอง
Special Dhamma Team of The Element Space
Special Combat Team of The Earth Side
#26
Posted 05 November 2010 - 08:48 PM
อธิฐานอะไรแม้เรื่องเล็กน้อยก็ไม่สำเร็จเลยสักอย่าง ลองบอกไอ้ที่ผมยังไม่เคยทำมาหน่อย
หรือคุณรู้อะไร ว่าทำไมผมถึงทำไม่ได้อย่างคนอื่นเขาทั้งที่ทำเหมือนกัน ออกจะทำมากกว่าด้วย
ไม่ใช่ดื้อ แต่การตอบแบบหลักการทั่วไป แบบทำใจใสๆ ไปนั่งสมาธิเยอะๆ มันเหมือนคุณไม่ได้รู้อะไรมากกว่าที่ผมรู้เลย
ถ้าไม่รู้จริงๆก็ไม่ต้องจำคำหลวงพ่อมาตอบก็ได้ครับ เพราะฟังมาเหมือนกันทุกคนอยู่แล้ว
และถ้าคุณเคยทำแล้วได้ผลลองอธิฐานให้ผมหน่อย ถ้าคุณลองอธิฐานแล้วช่วยผมสมหวังได้
จะแบ่งให้ไปทำบุญก็ได้ เอ้า
ยังอยากที่จะเชื่อมั่นในครูบาอาจารย์ต่อไปครับ ดังนั้นอยากให้ทำอะรไก็บอกมาเถอะ
แต่ถ้าพูดถึงอานิสงค์ในปัจจุบัน แล้วมันไม่ได้ คนพูดจะเสียคนเสียเปล่าๆ
#27
Posted 05 November 2010 - 08:59 PM
เมื่อมาเข้าวัดก็นั่งนึกองค์พระ เห็นเป็นอย่างเดียวแต่สองอย่างคือ
ถ้านึกองค์พระ ก็เห็นองค์พระอยู่กลางท้องชัดเจน แต่องค์พระองค์เดียวนั้นก็ซ้อนกับกายมนุษย์ด้วย
(เข้าใจไหม คือองค์พระที่เห็นอยู่กลางท้องเป็นองค์เดียวกับที่ซ้อนทับกายมนุษย์)
ถ้านึกหลวงปู่ก็เป็นแบบเดียวกัน แต่ถ้านึกถึงคุณยายกลับไม่ค่อยเห็นหรือเห็นไม่ชัด
นึกดวงแก้วได้บ้างแต่ไม่ชัดเท่านึกองค์พระ
ถ้านึกองค์พระจะง่ายกว่า(ผิดไหม เพราะหลวงพ่อบอกดวงแก้วนึกง่ายกว่า)
และสามารถนึกเห็นได้ทั้งหลับตาลืมตา แต่ไม่ตลอดเวลาเท่าไหร่
ช่วงหลังๆมานี่ตอนนอนมักจะฝันเห็นบ้านทรงไทยหลังเก่าที่รื้อไปนานมากแล้ว และได้มีการสร้างหลังใหม่(บ้านคุณยายที่ไม่โดนไฟไหม้แต่อยู่ติดกัน)
ทับที่เดิมไปแล้วเป็นลางบอกอะไรหรือเปล่า
#28
Posted 06 November 2010 - 06:33 PM
พอเข้าใจเหตุผลอยู่บ้าง แต่ขออนุญาติถามนะครับว่า
ในระหว่างที่นิ้วกำลังจิ้ม keyboard อยู่นั่น ใจอยู่ในฐานที่มั่นหรือไม่ (ในข้อความข้างบนที่พิมพ์มา)
ปล. ช่วงนี้แรงจริงๆ ครับ โดนกันหมดจริงๆ ถ้าใจไม่จรดศูนย์ฐานที่มั่นอาจถูกข้าศึกบุกยึดได้ง่ายๆ นะครับ
ผมว่าถ้าได้มีโอกาสนั่งสนทนาธรรมกันแบบเห็นหน้า เห็นตา คงจะคุยกันได้ออกรสชาติกว่านี้
สนทนาธรรมตามกาลเป็นมงคลหนึ่งในมงคลชีวิต 36 ประการ :-)
happy&smile นะครับ คุณตำรวจรักบุญ
#29
Posted 06 November 2010 - 10:02 PM
###ถ้าไม่รู้จริงๆก็ไม่ต้องจำคำหลวงพ่อมาตอบก็ได้ครับ เพราะฟังมาเหมือนกันทุกคนอยู่แล้ว
โอ้ เก่งมากครับ เริ่มเข้าใจ ดีใจที่คุณตอบมาแบบนี้นะเนี่ย สาธุ สาธุ
ตรงนี้นะผมจะบอกให้ คนเราเกิดมาก็คนละที่แล้ว มันจะไปเห็นไปรู้เหมือนกัน มันไม่ได้หรอก จิตมันถูกปรุงแต่งมาต่างกัน
เถียงกันไปก็ไม่จบ
อย่าดูถูกคนอื่น แล้วก็อย่าดูถูกตัวเองด้วย
ผมก็ไม่ได้มาทะเลอะ หรือมาอวดรู้อะไรกับคุณด้วย ผมก็ไม่ได้รู้อะไรมากหรอก ผู้ก้รู้เท่าที่ผมรุ้ ผมแค่บอกถึงสิ่งที่ผมรู้
แล้วถ้าคุณคิดว่าสิ่งที่ผมบอกมัน จะเอาไปใช้ได้คุณก็รับไป ท่านอื่นๆด้วยนะครับที่เข้ามาชมมาอ่าน อาจจะเป็นประโยชน์
ถ้าใช้ไม่ได้ข้ามไปครับ
###
อันนี้พร่ามส่วนตัวไปเกี่ยวกับคำตอบ สำหรับผู้เข้าชม ข้ามไปก็ได้ครับ
เรื่องความแตกต่างทั้งหลายก่อให้เกิดความแตกแยกแบบนี้แหละครับ นี่ ตัวอย่างเห็นอยู่
เอาความรู้มาเถียง แล้วก็ไม่ยอมเข้าใจว่ามันก็ไม่รุ้มาตั้งแต่เกิดเหมือนกัน ไม่งั้นจะมานั้งเรียนทำไม ให้มันเสียตัง เสียเวลา
แต่ก็ต้องจำใจเรา เรียนกันไปก็เพื่อทำมาหากิน เพราะว่า
ไม่มีกินก็ตายสิครับ
เพราะกลัวตายครับ
ทำไงไม่ตายครับ
ก็ไม่ต้องเกิดครับ
ทำไงถึงไม่เกิดครับ
ก็ไปนิพพานสิครับ
แล้วจะไปไงครับ.... หลวงพ่อสอนไว้หมดแล้ว
สรุปก็ต้องเอาความรู้ทางธรรมไปนิพพาน
แล้วความรู้ทางโลกหล่ะ แสดงว่าไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่
เข้าใจกันไม่กี่คนเอง ให้หลวงพ่อสอนแล้วสอนอีก เวลาท่านเหลือน้อยแล้วนะครับ รีบเข้าใจเหอะ อย่ามัวแต่รู้เรื่องเลย
###
ผมเรียนจบปริญญาตรีมา หรือบางท่านจบเดกเตอร์ด้วยซ้ำ ก็ฟังคำสอนของผู้ไม่รู้หนังสืออย่างคุณยายอาจารย์
ขออภัยนะครับที่ต้องเปรียบเทียบแบบนี้ ไม่ได้จะลบหลู่ครูบาอาจารย์แต่อย่างใด
เพราะอะไรครับ เพราะผมไม่รู้สิ่งที่ท่านรู้
ถ้าคุณรู้เท่าที่ผมรู้นะ คุณก็ฉลาดกว่าผมแล้วนะเนี่ย นี่ผมยอมโง่กว่าคุณเลยนะเนี่ย เพราะผมไม่รู้ในสิ่งที่คุณรู้ คุณก็ไม่บอกผมด้วย
ผมยอมโง่ครับ แต่เพื่อให้คุณฉลาดขึ้น ไม่ต้องมาตอบแทนอะไรผม ผมมีทุกอย่างแล้วที่จำเป็น
อย่าไปกล่าวอย่างนี้กับใครอีกนะครับ เลิกนิสัยอย่างนี้นะครับ เท่ากับว่าคุณกำลังเป้นแก้วที่คว่ำ ไม่ยอมรับอะไรเลย
แก้วคว่ำเทน้ำเท่าใหร่ก็ไม่ลง
ผมว่ามีผู้ตอบชัดเจนแล้วนะ เพื่มอีกแบบ
เราหายใจแทนกันไม่ได้ฉันใด ผมก้อธิฐานแทนคุณไม่ได้ฉันนั้น
คุณตำรวจกำลังหวังพึ่งอะไรที่มันไม่แน่นอน คุณเลยผิดหวังอยู่ทุกวันนี้
ปลูกมะม่วงวันนี้อีกชั่วโมงได้กินมะม่วงหรือ มันไม่ใช่ ถึงคุณบอกว่าทำบุญมาสิบปีก็เถอะ
เพราะคุณกำลังตัดต้นมะม่วงที่กำลังโต เพราะความเอาแต่ใจ คุณกำหนดว่าแกต้องออกผลใน 1 ปีนะ
แล้วคุณก็ทำลายต้นมะม่วงนั้นทิ้งด้วยมือคุณเอง ทั้งๆที่คุณไม่รุ้ว่ามันจะออกผลเมื่อไหร่
อย่าบอกนะว่ารุ้ เพราะถ้ารุ้คุณคงไม่ต้องคุยกันถึงขนาดนี้
ผมก็ไม่รุ้ ถ้ารู้ว่าส่งผลเมื่อไหร่ก็ดีนะสิ บุญ ไม่เป้นอย่างนั้น
ผมรู้ตรงนี้ คุณไม่รุ้ตรงนี้ ไม่ยอมรับตรงนี้ สิ่งนี้ผมรู้มากว่าคุณ เหตุผลชัดเจนนะครับ
แต่คุณก็บอกว่าคุณก้ปลูกเหมือนคนอื่นเขา ทำไมไม่ได้ผลอย่างเขา
คุณไปดูนะว่าแต่ละคนที่ได้พบ อนุภาพ อะไรต่างๆ
นับเวลาเลยนะตั้งแต่ทำบุญเอาเป้นชั่วโมงเลย เท่ากันไหม ทำบุญไปเท่ากันไหม บุญส่งผลเวลา 9:00 น. ทุกคนเปล่า
มีใครเท่ากันมาบอกผมด้วยนะ
อย่าดูถูกกันแบบนี้สิครับ นิสัยแบบนี้ขอนะครับ เลิกซะเถอะ มันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์
แถมยังเกิดโทษด้วย คงเดาออกนะว่าไปพูดแบบนี้กันคนข้างนอกวัดนะจะเกิดอะไรขึ้น
คงได้เลือดตกยางออกกันทีเดียว ดีไม่ดีชีวิตก็ไม่เหลือ กิเลสร้ายนะบอกให้ไม่ใช่เล่นๆ
ถ้ามีคนเอาเงินมาโยนให้คุณสักล้านหนึ่ง บอกให้คุณไปทำบุญสิคุณจะเอาไปทำไหมครับ
แม้ผมไม่มีอะไรเหลือนะครับ ผมก็ไม่เอาเงินล้านนั่น มันไม่ภูมิใจ
แม้ผมจะหาได้แค่บาทเดียวแล้วเอาไปทำบุญ ยังภูมิใจกว่าที่ต้องไปทำบุญเยอะๆเหมือนคนอื่น เพราะผมสุดๆของผมแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีคนมาเหยียดหยามผมขนาดนี้ พ่อแม่ผมยังไม่เคยทำกับผมแบบนี้เลย
ถึงเขาจะแยกกันอยู่ที่อื่นไม่ถูกกัน ผมต้องอยู่เอาตัวรอดอยู่คนเดียว รับผิดชอบค่าน้ำ ค่าไฟ อื่นๆอีก ดูแลบ้านทั้งบ้าน ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ
วันหยุดต้องทำงานพิเศษ หลับคาห้องเรียนก็บ่อย หลับมันต่อหน้าอาจารย์ ผมชอบนั่งหน้าสุด
บ้านผมแตกเพราะเงิน Money มันนี่แหละ ผลประโยนช์เรื่องเงินๆทองๆ
ผมรู้สึกขยะแขยงจะตายไอ้กระดาษพิมพ์สีพวกนี้ นี่ถ้ามันใช้ทำบุญเปลี่ยนเป็นอริยะทรัพย์ไม่ได้นะ ผมจะไม่แตะมันเลย
....นอกเรื่องและเดียวไม่จบ....
คุณยังดีนะมีครอบครัวอยู่พร้อมหน้า
ไม่เป้นไรครับ อะไรที่มันผิดพลาดไปแล้วลืมไปให้หมด แล้วเริ่มใหม่ ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ยังไม่ปิดงบดุลชีวิต ยังมีเวลา
ผมไม่ได้มาเพื่อโกรธคุณ แค้นคุณ หรือเพ่งโทษคุณ
###########################################
ผู้ที่มาอ่านที่หลังอย่าไปโกรธคุณตำรวจเขานะครับ แต่ผมขอให้ช่วยกันเป้นกัลยาณมิตรให้เขาด้วย
เขาต้องการกัลยาณมิตรนะครับ
ทุกท่านครับมาช่วยคุณตำรวจนะครับ พระอาจารย์ ผู้นำบุญ ผู้มีภูมิรู้ภูมิธรรม นิมนต์ครับ เชิญครับ
เราจะรื้อสัตว์ขนสัตว์ รื้อวัฏฏนี้ใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้นมาช่วยผมคับ ผมไม่มีเวลามาตอบได้ตลอดไปนะครับ
ยังไงผมก็ต้องตาย อาจจะวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็ได้ ใครจะไปรู้
ช่วยให้คุณตำรวจ คิดสอนตัวเองได้ด้วย นะครับ
##########################################
อย่าเอาแต่เชื่อมันในมหาปูชนียาจารย์ ถ้าเอาแต่เชื่อมั่น แล้วไม่เอาสิ่งที่ท่านสอนไปใช้ทั้งหมดที่เหมาะกับตังเอง
มันก้ไม่เกิดประโยชน์ ผิดหลักเต็มประตูเลยรุ้ไหม เข้าข่ายเชื่อมั่น แต่ไม่เชื่อท่าน
ท่านสอนแค่ไหนก็ทำแค่นั้น เรื่องอนุภาพเป็นการให้กำลังใจกันและกัน
ตอนนี้คุณกำลังแสดงให้เห็นว่า คุณทำบุญเพราะเชื่อมั่นอย่างเดียว เพราะคุณกล่าวว่า
พระพุทธเจ้าพระองค์ตรัสสรรเสริญ ปฏิบัติบูชา มากกว่า อามิสบูชา(สักการะด้วยเครื่องบูชา)
สิ่งที่คุณยังไม่ได้ทำคือ
จะได้ไม่ตกบุญบางอย่างไป เพราะเวลามีบุญอะไรมาตรงหน้าผมก็ทำหมดทันที พอมีบุญใหม่มา ก็ไม่สามารถทำได้อีกแล้ว
เพราะทรัพย์หมดไปกับบุญก่อนหน้า คืออยากรู้จริงๆครับว่า จะพึ่งพาอานุภาพบุญ อานุภาพของมหาปูชนียาจารย์ได้ไหม
ถ้าพึ่งไม่ได้จะได้ไม่หวังอะไรอีก
ไม่ต้องหวังอะไร นี่ถูกต้อง แล้วทำไมไม่ทำหล่ะครับ นี่ครับสิ่งที่คุณยังไม่ได้ทำ
ความพอดีในทุกๆอย่างไม่แค่เรื่องปัจจัย ไม่เรียกว่าลดครับแต่รู้จักประมาณ ว่าสุดกำลังแค่ไหนของคุณ
พึ่งอนุภาพไม่ได้ครับ ถูกแล้ว
แต่อนุภาพมีครับ ไม่งั้นไม่มีแผ่นดินซุกหัวนอนกันแล้วครับ นี่ครับอนุภาพที่ทุกคนเจอแล้ว แต่ไม่เคยคิดว่าเป็นอนุภาพเท่านั้นเอง
ท่านป้องกันภัยที่ให้ไม่ให้มาถึงตัวเราทุกๆคนแล้วครับ กันไว้ไกลเลย ไกลจนคนมองไม่เห้นว่ามีภัย เลยเห็นว่าท่านไม่มาช่วยคุณ
แล้วคุณก็พุ้งซ่าน ไม่ยอมหยุดนิ่ง เปิดช่องให้อกุศลแทรก ลองไปทบทวนดูนะครับ
มหาปูชนียาจารย์ไม่เคยสอนครับ อนุภาพ เมนาโถ อนุภาพเป็นที่พึ่งของเรา ไม่มีนะครับ
ทำบุญได้บุญครับ ไม่ได้อนุภาพ อนุภาพเป็นผลพลอยได้ อย่าไปยิดติด
เรามีแต่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดเท่านั้น
ยอมรับความจริง และ พอใจในสิ่งที่มีอยู่
คุณตำรวจครับ
คุณยอมรับไหมครับว่ามันไม่แน่นอน ไม่เที่ยง ถึงทำให้เป้นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน
แบบนี้ความสงสัยคุณตำรวจก็คงหมดแล้ว ผมตอบคำถามคุณด้วยคำของคุณเองแล้ว แล้วก็ปรับให้สมบูรณ์
คุณตอบตัวเองไปแล้วครับ คำตอบอยุ่ที่คุณเองแล้ว แล้วคุณก็ตอบคุณเองแล้วด้วย
ชัดเจนนะครับ สำหรับ เรื่องการทำบุญ ของคุณตำรวจ
ผมก็พยามให้คุณตำรวจตอบมาเอง คิดทำเองเป็น ผมช่วย แนะ นำ ผมไปตอบแทนคุณไม่ได้
เพราะคำตอบผม ไม่ใช่คำตอบคุณ
---------------------------------------------------------------------------------------------
บ่นตัวเอง.....แบบมีสาระ
ทำไมไม่เห็นข้อความนี้นะ โง่อยู่ได้ตั้งนาน Rynex เอ๋ย
แบบนี้ต้องนั่งสมาธิเพิ่มยังละเอียดน้อยไป
อย่างน้อยผมก็ได้ลงมือทำอะไรบางสิ่งบางอย่าง แม้จะผิดบ้าง ถูกบ้าง
แต่ก็ดีใจที่ได้ลงมือทำอะไรซักอย่างดีกว่าดูเฉยๆ แม้จะมีคนชอบ คนเกลียดบ้าง ก็ต้องยอม
แม้มันจะไม่เกิดประโยชน์ แต่ก็ได้ประโยชน์คือ รู้ว่าทำอย่างนี้ไม่เกิดประโยชน์ จะได้ไม่ทำอีก
ทำอะไรก็ได้ทำทั้งนั้น เว้นแต่ไม่ได้ทำ
ขอบคุณตำรวจมากนะครับที่ให้ผมฝึกฝนอะไรมากมายเลย
ความรอบคอบ การอธิบายเหตุผล เปรียบเทียบให้เห็นภาพ การควบคุมอารมย์ ความตั้งใจที่แน่แน่ว ความไม่โกรธ อดทน อื่นๆ
ขอโทษด้วยนะครับถ้าผมใช้คำอะไรที่เป็นการไปสมควร ขอ อโหสิ ด้วย
ทำให้ผมรู้จักตัวเองมากขึ้น ขอบคุณจริงๆครับ
ผมชอบทำแบบนี้แหละไม่ตอบตรงๆ จะตอบให้คิดเป็น ว่ามันถูกหรือไม่ถูก ขออภัยที่ต้องยืดยาว
คุณตำรวจบุญมากเลยรู้ตัวไหมเนี่ย
เห็นไหมครับ ผมกับคุณก็เหมือนกัน ทุกๆคนก็ด้วย
ทุกอย่างมีอยู่กับตัวเองแล้ว ผมพิสูจน์เห็นกับตาแล้ว
ผมพยามอธิบายสิ่งที่ผมเป้น ที่ผมรู้ ที่ผมเห็นมา ผมพูดแต่เรื่องของตัวเอง
ทำตามอย่างที่ผู้มีธรรมกายทำ ขอบคุณพี่ถาวร ที่ปั้นองค์พระให้หลวงพ่อครับ ขออภัยครับจำนามสกุลไม่ได้
ผมยังจำคำที่พี่ถาวรบอกผม "ท่านอย่ามั่วนะ" ผมจำขึ้นใจเลย มันเจาะใจจริงๆ แทงใจดำกระจายเลย เลยเหลือแต่ใจใสๆ
ผมสังเกตุที่ใครๆต่อใครถาม ท่านจะตอบว่าเรื่องของเขาไปถามคนนั้นเอง
ผมเข้าใจแล้วครับ สนใจเรื่องของตัวเอง ที่จะเกิดประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น ไปพร้อมๆกัน
อย่าไปสนใจเรื่องนอกตัว เอาเรื่องในตัวก็พอ
แล้วจะรู้ทุกเรื่อง เพราะเรามีเหมือนกัน
มองความเหมือนแล้วจะเห็นความต่าง
เพราะเราต่างกันแต่ภายนอก ถ้ามองตรงนี้วุ่นวายไม่จบ
แท้จริงแล้วเรามีชีวิตเหมือนกัน ไม่ว่าคน ไม่ว่าสัตว์
แล้วเราจะมาเถียงกันเรื่องความต่างกันทำไมครับ
มองที่ความเหมือนเราเป้นพวกเดียวกันนะ ชาวโลกทั้งหลาย
จะมาแบ่งประเทศ แบ่งเชื้อชาติ แบ่งภาษา แบ่งเพศ แบ่งอายุ แบ่งชนชั้น แบ่งจนแบ่งรวย สาระพัดจะแบ่ง เพื่ออะไร
เราไม่ได้มีชีวิตเหมือนกันหรอ ไม่ได้ต้องตายเหมือนกันหรอ
เราทุกคนต่างหาความสุขใส่ตัว ทั้งๆที่ไม่เคยรู้เลยว่ามีความสุขอยู่กับตัว
ของในภพสามไม่มีอะไรเที่ยงแท้ซักอย่าง มีการเกิดดับเป็นธรรมดา แม้กระทั่งความสุข
หาให้เจอครับความสุขที่แท้จริงมีอยู่กับตัวท่านแล้ว
ด้วยวิธีง่ายๆ ทำใจหยุด นิ่ง เฉย ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
ชีวิตนี้เพื่อหลวงพ่อครับ ว่าอย่างไรว่าตามกัน ผมจะไปที่สุดแห่งธรรมด้วย
โชคดีมีความสุขครับ
จบเรื่อง T-T The END
Special Dhamma Team of The Element Space
Special Combat Team of The Earth Side
#30
Posted 06 November 2010 - 10:24 PM
อยากทดสอบตัวเองด้วย มีไรดี มีไรเสียบ้าง อดทนได้ขนาดไหน
มันก็ต้องออกภาคสนามกันหน่อย
ผมตอบไปทุกอย่างผมตอบจากใจ อาจมีหลุดบ้าง
ก็ผมยังไม่เก่งขนาดหลวงพ่อนี่ยังไม่เสี้ยวนึงเลย
ทำได้เท่านี้ก็ดีแล้วครับ
ดีกว่าไม่ลองทำอะไรเลย
ผมดีใจมากที่คุณ @--แสงตะวัน--@ เป็นห่วง ขอบคุณครับ
ผมอยู่ความเครียดกาวร้าวมาหลายปี ถ้าไม่มีวิชชาธรรมกาย คงไม่ได้อย่างนี้
เดินไปเดินมาในวัดคงเจอผมอยู่แล้วหล่ะครับ รู้จักกันอย่างนี้ดีกว่าครับสะดวกเรื่องการว่างตัว
เท่าเทียมกันในฐานะสมาชิกเวปบอด
ผมฝึกนิสิยที่เห็นอะไรผิดแล้วไม่นิ่งดูดาย ไม่ดูเบาเรื่องเล็กๆน้อย
ถ้าช่วยไม่ได้ก็จะวางเฉย คือตอนนี้มีเวลาว่างพอดี ก็เลยสละเวลามา
ถ้าอ่านที่ผมตอบล่าสุดคงรู้ครับว่า ยังอยู่ในฐานมีแฉลบนิดหน่อยแต่ยังไม่หลุดกรอบ
ส่วน...
พอดีกว่านั่งธรรมะดีกว่า ตอบตรงคำถามแล้ว
คร่อก...
อุ้ย... สัมมา อะระหัง
Special Dhamma Team of The Element Space
Special Combat Team of The Earth Side