ท่านได้อ่านหนังสือต้นวิชาเหล่านี้ครบแล้วหรือยัง
#1
Posted 01 October 2010 - 03:31 PM
ตำราวิชชาธรรมกายของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ มีทั้งหมด 5 เล่มด้วยกันได้แก่
ทางมรรคผล
เป็นตำราวิชชาธรรมกายหลักสูตรเบื้องต้น เนื้อหาในเล่มนี้แสดงถึงการเดินวิชา 18 กาย เบื้องต้น หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่แจกเป็นธรรมทานของวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
คู่มือสมภาร
เป็นตำราหลักสูตรระดับกลาง ความเป็นมาเกิดจากสมเด็จพระสังฆราช (สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์) วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงบัญชาให้แม่ชีนวรัตน์ หิรัญรักษ์ เขียนความรู้ที่หลวงพ่อวัดปากน้ำสอน มาถวายแก่พระองค์ ด้วยพระองค์ทรงสนพระทัย แม่ชีนวรัตน์ก็นำความนี้ไปกราบหลวงพ่อ ศิษย์ของหลวงพ่อซึ่งประกอบด้วย แม่ชีนวรัตน์, แม่ชีสมทรง สุดสาคร, คุณฉลวย สมบัติสุข จึงได้ร่วมกันเรียบเรียงตำราคู่มือสมภาร ตามความรู้ที่หลวงพ่อได้สอนไว้ รวมเป็นเล่มหนังสือ จัดพิมพ์ขึ้นถวายแด่สมเด็จพระสังฆราช พิมพ์ในนามของ น.ส.ฉลวย สมบัติสุข เมื่อปี พ.ศ. 2492 แต่ปรากฏว่าสมเด็จพระสังฆราชทรงประชวร แพทย์ห้ามใช้ความคิด จึงถวายหนังสือนี้แก่พระสาธุศีลสังวร (สนธ์ กิจฺจกาโร) ซึ่งท่านเจ้าคุณรูปนี้เป็นเลขานุการของสมเด็จฯ และท่านเจ้าคุณรูปนี้เป็นผู้เขียนคำนำไว้ในตำราคู่มือสมภารนั้นด้วย
วิชชามรรคผลพิสดารเล่ม 1
เป็นวิชาธรรมกายหลักสูตรระดับยาก เป็นหนังสือปกแข็ง ภาพปกเป็นภาพรูปวงกลมแสดงลักษณะของฐานที่ 7 เป็นรูปของธาตุ 6
ความเป็นมาของตำราหลักสูตรนี้ พระมหาจัน (ป.ธ. 5) ได้บันทึกความรู้นี้ไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2481 แต่ยังมิได้พิมพ์ออกเผยแพร่ ทางวัดปากน้ำได้นำความรู้หลักสูตรนี้จัดพิมพ์เผยแพร่ในปี พ.ศ. 2517 หลวงพ่อมรณภาพเมื่อปี พ.ศ. 2502 แปลว่าหลวงพ่อมรณภาพไปแล้ว 15 ปี จึงนำความรู้หลักสูตรนี้มาตีพิมพ์ได้ประวัติแห่งความพิสดารวิชาธรรมกายหลักสูตรนี้ หลักสูตรนี้นับว่าเป็นวิชาชั้นสูงยิ่ง ยากที่ใครจะเรียนรู้ได้ ผู้จดวิชาคือพระมหาจัน (ป.ธ. 5) ต้องยกย่องท่านว่าท่านเก่งมาก สามารถจดวิชายากๆอย่างนี้ได้
วิชชามรรคผลพิสดารเล่ม 2
เป็นวิชาธรรมกายหลักสูตรระดับยากมาก เป็นความรู้ที่ท่านเจ้าคุณภาวนาโกศลเถร (อาจารย์วีระ คณุตฺตโม) อาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาเป็นผู้จดบันทึกความรู้ เพิ่งพิมพ์เผยแพร่ในปี พ.ศ. 2519 ซึ่งหลวงพ่อมรณภาพไปแล้วถึง 17 ปี ทางวัดปากน้ำจึงได้พิมพ์วิชาธรรมกายหลักสูตรนี้เผยแพร่
วิชชามรรคผลพิสดารเล่ม 3
หนังสือเล่มนี้ได้หายไป หลังจากที่มีคนได้ยืมจากหลวงพ่อวัดปากน้ำไป
#2
Posted 01 October 2010 - 04:13 PM
ไปหามาอ่านกันน่ะ
#3
Posted 01 October 2010 - 04:23 PM
#4
Posted 01 October 2010 - 05:18 PM
#5
Posted 01 October 2010 - 08:24 PM
#6
Posted 01 October 2010 - 08:58 PM
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#7
Posted 01 October 2010 - 09:33 PM
ความจริงแล้วก็มีนัยตามพระธรรมวินัยนั่นแหละ กล่าวคือวิธีเจริญ "อาสวักขยญาณ" เป็นหนึ่งในพระญาณทั้งสาม ที่พระพุทธองค์ทรงบรรลุแล้วจึงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แต่ว่าสำนวนในวิชชาเบื้องสูงนั้น จะเป็นสำนวนเฉพาะ เป็นสำนวนของสภาวะธรรมภาคปฏิบัติจริงๆ
ผมให้คำเสนอแนะว่า เราไม่ควรนำวิชชาเบื้องสูงเกินกว่าภูมิธรรมคนทั่วๆไปออกเผยแผ่ในที่สาธารณะ เพราะแทนที่จะเป็นผลดี ผู้ที่เขาไม่เข้าใจในสำนวนของวิชชานั้น จะกลับกลายเป็นอกุศลจิต และวิบากกรรมตามมา เป็นผลร้ายมากกว่าผลเสียนะครับ
....................................
แต่หากท่านใดมีศรัทธาแรงกล้า แม้ยังไม่ถึงธรรม อยากจะอ่านผ่านหูผ่านตาไว้เสริมศรัทธาบ้างก็คงดี อย่าให้ใจฟุ้งซ่านแล้วกัน
แต่ว่าคนทั่วๆไปล่ะครับ เขาจะคิดอย่างไร ยิ่งนำไปวางขายตามแผงหนังสือด้วยแล้ว จะเป็นอย่างไร
...................................
และอาจจะมีคนโจมตีบ้าง ว่าถ้าเป็นพระธรรมวินัยจริงๆ ไม่ใช่วิชชาของครูอาจารย์แต่งขึ้นเอง จะทำให้เป็นเรื่องลึกลับทำไมกันละ?
ก็ดังที่กล่าวไปข้างต้น หากว่าท่านผู้เผยแผ่ เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ สามารถที่จะอธิบายเป็นสำนวนที่คนทั่วไปเข้าใจกันได้ ก็สามารถทำได้ หากเห็นประโยชน์เพื่อการเผยแผ่และสืบทอดวิชชาธรรมกายเบื้องสูง
แต่เท่าที่ผมเห็นหนังสือของอาจารย์บางท่านอธิบายแล้ววางแผงขายตามร้านหนังสือแล้ว กลับทำให้มีผู้โจมตีวิชชาธรรมกายหนักเข้าไปอีกนะครับ
...................................
ทางที่ดีคือ เราควรไปเรียนและศึกษาอย่างจริงๆจังๆกับครูบาอาจารย์ดังที่มีชื่อปรากฏให้เข้าถึงด้วยตนเอง แล้วค่อยๆเผยแผ่วิชชาธรรมกายเบื้องสูงไปอย่างมีประสิทธิภาพดีกว่าครับ
ครูบาอาจารย์ดังที่มีชื่อปรากฎคือท่านเจ้าคุณภาวนาโกศลเถร หรือพระราชพรหมเถร (อาจารย์วีระ คณุตฺตโม) รองเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ และอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนา ท่านก็ยังสอนกันอยู่ แต่สอนด้วยความระมัดระวัง มิใช่อธิบายเป็นสำนวนที่สุ่มเสี่ยงต่อความเข้าใจผิด แล้วนำไปวางขายตามร้านหนังสือแบบอาจารย์บางท่านนะครับ
หรือไม่ก็บวชเรียนนั่งสมาธิให้เก่งๆแล้วไปทำวิชชากับพระเดชพระคุณหลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่ไงครับ
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#8
Posted 02 October 2010 - 03:02 AM
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณธาตุล้วนฯเคยนับถือศาสนาเทวนิยมอย่างจริงจังมาก่อน
เพราะความรู้ทางพุทธฯกว้างขวางเหลือเกิน
ต้องขอบอกว่า สุโค่ยๆ
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#9
Posted 02 October 2010 - 07:58 AM
เราเป็นกันแค่นักเรียนอนุบาลเท่านั้น ตำราระดับปริญญาโท ปริญญาเอก ก็อย่าเพิ่งไปให้ความสนใจมากนักเลย ถ้ามีให้อ่านก็อ่านแค่พอให้ตื่นเต้น อย่าอ่านเป็นจริงเป็นจังอะไร เอาไว้ภูมิความรู้ถึงเมื่อไหร่ค่อยมาดูกันอีกที
มาเตรียมตัวขึ้นชั้นประถมให้ได้กันก่อนดีกว่าไหมครับ
#10
Posted 02 October 2010 - 09:12 AM
#11
Posted 02 October 2010 - 09:22 AM
#12
Posted 02 October 2010 - 06:54 PM
ผมเป็น นรอ. แบบทุกท่าน ที่ไม่รู้จะตัดใจทางโลกได้เมื่อไหร่ จะได้ไปบวชไม่สึกซะที เนกขัมมะบารมียังอ่อนมากมายครับ
งานอดิเรกเคยเลี้ยงแมวขายมาแล้วครับท่าน มองอย่างแมว
................
เกิดมาก็เป็นคริตส์ตังนอนครับ คือนับถือตามครอบครัว โตมาในสังคมคาทอลิก ตอนเป็นวัยรุ่นชอบถึงขนาดจะไปเป็นนักบวชฝึกหัดแล้วครับ อิอิ พอดีมีผู้นำบุญพามาบวชสามเณรธรรมทายาท วิชชาธรรมกายทำให้ผมเปลี๊ยนไป๊เลยครับ
บอกตรงๆว่าถ้าไม่ได้พบวิชชาธรรมกายและรูปแบบของวัดแบบวัดพระธรรมกายแล้ว ผมก็คงไม่เป็นสัมมาทิฏฐิแบบทุกวันนี้ ผมจึงเห็นว่า วิชชาธรรมกาย ศาสนสถาน และรูปแบบที่วัดพระธรรมกายสร้างไว้ เป็นคุณมหาศาลแด่พระพุทธศาสนาเลยครับ และถูกจริตกับผมมากมายด้วย
................
ใครอยากทำวิชชากับพระเดชพระคุณหลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่ก็บวชเรียนแล้วนั่งสมาธิเก่งๆก็คงจะได้เรียนวิชชาเบื้องสูงกับท่านนะครับ
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#13
Posted 03 October 2010 - 11:57 PM
เพราะเราก็เกิดมาเหมือนๆกัน ด้วยวิธีการเดียวกันหรือคล้ายๆกัน มีผู้ให้กำเนิดเหมือนๆกัน ฯลฯ เราทุกคนจะชาติใดศาสนาใด หากเปิดใจให้กว้างพอและเคารพในความคิด ในสิทธิของกันและกัน และให้เกียรติกันแล้ว โลกนี้ก็สงบและมีความสุขแล้ว วิธีง่ายๆ ทำก็ง่าย ไม่ได้จำกัดอะไร ...เราทุกคนมาจากที่เดียวกัน... และอยู่รวมกันบนโลกใบนี้ มีเกิด และตายเหมือนๆกัน ..ไม่ต้องฆ่ากันก็ต้องตายจากกันอยู่ดี หากแม้ไม่ตายก็มีเรื่องให้จากให้ห่างไกลกัน เราก็มีทุกข์เหมือนๆกัน ไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องทำร้าย หรือเพิ่มทุกข์ เพิ่มภัยให้กัน
..เมื่ออยู่ร่วมกันจะมีประโยชน์ใดเล่าที่จะต้องตักตวงความสุขใส่ตนให้มากที่สุดเท่านั้น เพราะคนอื่นที่เกิดมาก็อยากมีความสุขเช่นกัน เหตุใดจึงแบ่งปันความสุขให้กันไม่ได้ ความสุขนี้ไม่ใช่สิ่งที่ดีหรือ เพราะถ้าดี หากเราเป็นคนดี รู้ว่าดี รู้จักชั่ว คนดีย่อมแบ่งปันสิ่งดีๆ สิ่งที่เป็นความสุขให้กัน เมื่อเอาสิ่งดีๆให้ผู้อื่น เราก็จะได้สิ่งดีๆกลับมา แม้นจะไม่ได้สิ่งที่ดีกลับมา แต่เรา ก็ไม่ได้สูญเสียความดีในตัวของเราไป...
#14
Posted 06 October 2010 - 04:57 PM
ตั้งแต่คุณครูไม่ใหญ่ ถึงลูกศิษย์ฆราวาสรายย่อย ทุกคนควรจะได้อ่านให้อย่างน้อยผ่านตาไปบ้างก็ดีครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านที่เป็นครูบาอาจารย์ ที่มีกิจในการสอน ทุกท่านควรจะปฏิบัติตามหลักวิชชาที่มีบันทึกในหนังสือเหล่านี้ได้
คือลูกศิษย์หลวงปู่วัดปากน้ำโดยทั่วไปก็ยึดหนังสือเหล่านี้เป็นแนวปฏิบัติอยู่แล้ว
และวัดพระธรรมกายเราก็แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าเราเป็นลูกศิษย์หลวงปู่วัดปากน้ำ
ทางที่ถูก วัดเราก็ควรจะยึดหนังสือเหล่านี้เป็นแนวปฏิบัติด้วย และควรเน้นการเผยแผ่วิชชา(ที่ถูกต้องตรงตามตำรา) ให้มากขึ้นกว่านี้
ในมุมมองของคนภายนอกวัด แม้แต่ในหมู่ศิษย์หลวงปู่วัดปากน้ำด้วยกันเอง ตอนนี้ เขามองวัดเราเหมือนกับ "ละเลย" สิ่งเหล่านี้ไป
และในความเป็นจริงแล้ววัดเรา ถึงจะมีการเผยแผ่วิชชาอย่างจริงจังก็จริง แต่ก็เป็นไปในวงแคบมากๆๆๆ จนแทบจะไม่มี และคนทั่วไปแทบจะไม่รู้เลย
ทางที่เหมาะสมตอนนี้ ก็อยากจะให้ทางวัดเพิ่มโครงการเผยแผ่ธรรมปฏิบัติวิชชาธรรมกาย(ที่ถูกต้องตรงตามตำรา)แบบ "เข้มข้น" มั่ง ให้คนทั่วไปเ้ข้าถึง รู้ เห็น และเป็นธรรมกาย สักล้านๆ สิบๆ ล้านคน(ขนาดบวชแสนรูปยังจัดได้เลย ทำไมจะทำไม่ได้ แล้วที่อื่นๆ ที่สอนกันจริงๆ ก็มีคนได้กันเยอะแยะ ทำไมจะทำไม่ได้) ประมาณว่า เน้นภาวนาเสียอย่างเดียว มีการสอนที่ถูกต้อง มีการตรวจสอบผลที่ได้ให้ถูกต้องตามตำรา ไม่ถูกก็แก้กันไปให้ถูก ใครจะสนับสนุนด้วยอะไรก็ตามแบบโครงการอื่นๆ ก็ทำได้
ถ้าทำละก็ ผมว่าลูกศิษย์หลวงปู่วัดปากน้ำสำนักอื่นๆ กลุ่มอื่นๆ เชียร์แน่นอน และให้ความร่วมมือต่า่งๆ ด้วย ถ้าวัดพระธรรมกายไม่อคติ ไม่ดื้อดึงกับกลุ่มอื่นๆ เกินไป แล้วอีกอย่าง ถ้าวัดได้ทำและใครก็ตามที่ีได้สนับสนุน บารมีไม่ใช่น้อยๆ ครับ
ป.ล.อยากให้วิชชาธรรมกายของพระพุทธเจ้าดำรงต่อไป คงไว้ไม่สูญหายแม้องคุลีเดียว และหวังว่าความเห็นนี้คงอยู่ถึงวันพรุ่งนี้
#15
Posted 06 October 2010 - 08:12 PM
เห็นด้วยกับมุมมองที่ว่า
ผมเข้าใจว่า หนังสือเล่มแรก ทางมรรคผล ศิษย์หลวงปู่วัดปากน้ำฯ รวมถึงวัดพระธรรมกาย ก็ใช้อยู่ครับ
ส่วนหนังสือเล่มอื่น นั้น
อ่านได้ครับ
อย่างน้อยคงพอเข้าใจได้นิดหน่อยตาม สุตะมยปัญญา จินตมยปัญญาของแต่ละท่านที่สั่งสมมา
แต่คงไม่เหมาะกับทุกคน คนที่ยัง เข้าไม่ถึงสภาวธรรมภายใน
การอ่านหนังสือ ที่นำมาจากปฏิเวธของธรรมปฏิบัติ
อุปมาเหมือนเด็กอนุบาล ที่ไม่เคยเจอประสบการณ์จริง ทำได้จริง จากการทดลองวิทยาศาสตร์
อุปมาเหมือน เด็กอนุบาล ไปอ่านหนังสือ ความรู้ระดับปริญญาตรี โท เอก ทางฟิสิกส์ (ทฤษฎีสัมพัทธภาพ ,ควอนตัม ,คว้าก ฯล )
แม้เป็นคนที่มีพื้นฐานความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับวิชชาธรรมกาย อยู่บ้าง
แต่จะเข้าใจได้แค่ไหนกันเชียวครับ ส่วนมากจะฟุ้งซ่าน ทั้งนั้น ยิ่งอ่านก็ยิ่งฟุ้ง
เวลานั่งธรรมะ ใจหยุดยากขึ้น เพราะยังไม่เข้าถึง ไม่มีปฏิเวธ
จึงมี วิจิกิจฉา สงสัย ลังเล เยอะมากกว่าคนที่ไม่อ่าน
หนังสือเล่มหลัง ๆ นั้น เหมาะกับคนที่ หยุด ใจ ถูกส่วนที่ศูนย์กลางกาย ฐานที่ ๗ ต้องเข้าถึงพระธรรมกาย
และเข้ากลาง หยุด ในหยุด กลางของหยุดในหยุด ให้ได้ซะก่อน
จึงอาศัยคุณสมบัติ คุณวิเศษ ธรรมจักษุองกายธรรม ไปศึกษา เรียนรู้ ค้นคว้า จึงต่อยอดความรู้ ต่อวิชชา ต่อรู้ ต่อญาณได้
ดังนั้นการที่วัดพระธรรมกาย ไม่เผยแผ่หนังสือและพูดคุย วิชชามรรคผลพิสดาร ในที่สาธารณะและในระบบเครือข่าย นั้น
ผมมองว่า ถูกต้องและเหมาะสมดีแล้วครับ
ส่วนในวัดพระธรรมกาย
ทราบว่า มีอาคารภาวนา สำหรับภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา ที่เข้าถึงธรรม
ศึกษาวิชชาธรรมกาย รักษา จรรโลง วิชชาธรรมกายกันอยู่ ได้ละเอียดระดับไหน ก็สุดแท้แต่ธาตุธรรมของแต่ละท่าน
ดังนั้นถ้าใครจะฟันธงว่า วัดพระธรรมกาย ไม่ยึดแนวปฏิบัติธรรม ตามที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ สอนไว้
โดยที่ตนเองก็อยู่วงนอก และเห็นวัดพระธรรมกายแต่ภายนอก ในมุมมองด้านเดียว
แบบนี้ ไม่อคติ กันไปหน่อยหรือครับ
คนทั่วไปแทบจะไม่รู้ ก็ดีนะครับ
เพราะคนทั่วไปฝึกกรรมฐาน ด้วยวิธีและแนวคิด แนวทาง ต่างจากที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ สอน
มีโอกาสไม่เข้าใจ และก่อวจีกรรม
ทั้งเจตนาดีในเบื้องต้น ทั้งเจตนาไม่ดี หรือเพราะไม่รู้จริง ไม่เห็นจริง
คุยกันไปมา อาจทะเลาะ ก่อมโนกรรมทุจริต วจีกรรมทุจริต กันได้
เรื่อง วงแคบ หรือ วงกว้าง
อาจเพราะ คนที่เข้าธรรมกาย จริง มีจำนวนยังไม่มาก หรือ ครูสอนภาวนา ยังมีไม่มาก
หรือ คนเข้าถึงมีมาก ครูสอนภาวนา พอมีอยู่
แต่เป็นผู้ครองเรือน ,ไม่ได้อยู่ในวัด ,มีภาระเงื่อนไขของชีวิต ,กิจวัตรไม่ตรงกัน
โอกาสได้ปฏิบัติธรม สำหรับคนที่เข้าถึงสภาวธรมภายในจริง วันเวลา พร้อมกัน จึงมีน้อย ครับ
ดังนั้นคอร์สปฏิบัติธรรม สำหรับผู้เข้าถึงธรรม ที่อยู่นอกวัด มาต่อวิชชา จึงยังไม่มี (หรือมี แต่รู้เฉพาะวงใน ก็ไม่ทราบครับ)
ดังนั้น การที่ วงแคบ หรือ วงกว้าง ไม่ใช่อยู่ที่ทางวัดฝ่ายเดียว
ส่วนในวัดพระธรรมกาย
ทราบว่า มีอาคารภาวนา สำหรับภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา ที่เข้าถึงธรรม
ศึกษาวิชชาธรรมกาย รักษา จรรโลง วิชชาธรรมกาย ได้ละเอียดระดับไหน ก็สุดแท้แต่ธาตุธรรมของแต่ละท่าน
ให้คนทั่วไปเ้ข้าถึง รู้ เห็น และเป็นธรรมกาย สักล้านๆ สิบๆ ล้านคน
อย่างที่บอกไว้ว่า ในวัดพระธรรมกาย
มีอาคารภาวนา สำหรับภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา ที่เข้าถึงธรรม
ศึกษาวิชชาธรรมกาย รักษา จรรโลง วิชชาธรรมกายกันอยู่ ได้ละเอียดระดับไหน ก็สุดแท้แต่ธาตุธรรมของแต่ละท่าน
ดังนั้นถ้าใครจะฟันธงว่า วัดพระธรรมกาย ไม่ปฏิบัติธรรมตรงตามที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ สอนไว้ มีตำราบันทึกไว้
โดยที่ตนเองก็อยู่วงนอก และเห็นวัดพระธรรมกายแต่ภายนอก ในมุมมองด้านเดียว
แบบนี้ ไม่อคติ กันไปหน่อยหรือครับ
เรื่องการสอนให้คนเข้าถึงธรรมกาย เป็นล้านคน สิบล้านคน หรือร้อยล้านคน
ศิษย์พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ทุกแห่ง ใฝ่ฝันกันทั้งนั้น และกำลังทำกันอยู่
ส่วนว่าที่ไหน ทำได้แค่ไหน สอนแล้วคนเข้าถึงธรรมกาย มากมายแค่ไหน ก็อีกเรื่องครับ
ที่สำคัญ
การเรียน การสอน ให้ประสบความสำเร็จ ขึ้นอยู่กับทั้งสองฝ่าย นะครับ
คือ ครูสอนภาวนา , สำนักเรียน กับ นักเรียน หรือ ผู้ฝึก
ดังนั้นการที่มีคนเข้าถึงธรรมกาย จะมีกี่สิบคน กี่ร้อย กี่ล้านคน
ครูต้องดี ศิงษย์ต้องดี ด้วยกัน
ถ้ามีครูดี แต่ศิษย์ฝึกได้ไม่ดีพอ ยังเข้าไม่ถึงธรรมกาย ได้ปฏิเวธ นิดหน่อย พอลิ้มรสใจหยุด นิ่ง พอเข้าศูนย์กลางกาย ฐ ๗
จะโทษ ตำหนิครู หรือ สำนักเรียน หลักสูตร นั้น สมควรแล้วหรือครับ
อุปมาเหมือน สระน้ำใหญ่ใสสะอาด ก็มีอยู่
ใครลงไปแล้ว แค่ จุ่มตัว เอาพอเย็นกาย ขัดถูตัว เอาสิ่งสกปรกออกได้นิดหน่อย
อย่างนี้จะโทษ ตำหนิสระน้ำ หรือครับ
แต่มองต่างในมุมที่ว่า
เพราะไม่ทราบรายละเอียด ความสัมพันธ์ระหว่างสำนัก วัด ที่ฝึกและสอนธรรมปฏิบัติแนววิชชาธรรมกาย
จึงไม่ขอฟันธง ในมุมมอง อย่างนั้นครับ
อย่างไรก็ตาม ก็อนุโมทนา คุณ วิชชารักข์
ที่ห่วงใยการเผยแผ่ รักษา จรรโลงวิชชาธรรมกาย ให้บริสุทธิ์
และแวะมาฝากข้อคิด ที่น่าสนใจด้วยครับ
ขออนุโมทนา คุณ วิชชารักข์
ถ้าท่านได้หมั่นฝึก รักษา สนับสนุนการเผยแผ่ วิชชาธรรมกาย ดีอยู่แล้วด้วยนะครับ sadhu.gif 22.04KB 32 downloads
ถ้าผมแสดงและแลกเปลี่ยน มุมมองส่วนตัว ที่อาจทำให้ขัดใจ ขออภัยทาน ด้วยครับ
photo.gif 4.29KB 36 downloads
#16
Posted 08 October 2010 - 06:30 PM
ประเด็นแรก เรื่องการไม่เผยแพร่หนังสือต้นวิชชาเล่มอื่นๆ นอกเหนือจากหนังสือทางมรรคผล ในที่สาธารณะ
อย่างหนังสือคู่มือสมภาร อย่างที่บอกในประวัติว่าสมเด็จฯ กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ รับสั่งมาให้ศิษย์หลวงปู่จัดทำ
ซึ่งสมเด็จฯ ท่าน ก็ทรงอยู่ในฐานะ "คนวงนอก" จริงๆ ที่ืทรงสนใจ และมีพระศรัทธาในวิชชานี้อยู่แล้ว และเล่มนี้ ทางต้นวิชชา คือหลวงปู่สดและลูกศิษย์ผู้ทรงคุณทางวิชชา ก็ได้สอบทานความถูกต้องทั้งหมด และอนุญาตให้จัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่แก่คนวงนอกทั่วไปได้อยู่แล้ว
ผมก็ถือว่า หนังสือคู่มือสมภารนี้ เจตนารมณ์ของการจัดพิมพ์ ก็คือให้สามารถเผยแพร่สู่วงนอกได้อยู่แล้ว และการเผยแพร่ เช่นที่ทางลูกศิษย์กลุ่มต่างๆ ได้จัดพิมพ์ อย่างเช่นส่วนหนึ่งในหนังสือทางมรรคผลนิพพาน ที่ทางสถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย/วัดหลวงพ่อสดธรรมกายารามจัดพิมพ์ หรือตามต้นฉบับ ที่ทางวัดพระธรรมกายจัดพิมพ์เผยแพร่ หรือที่เผยแพร่ในเว็บลูกศิษย์ อ.การุณย์ ซึ่งทุกเวอร์ชันที่ผมว่ามาในตอนนี้สามารถหาดาวน์โหลดได้ทางอินเตอร์ฺเน็ต ก็ถือว่าเป็นการเผยแำพร่ในสาธารณะทั่วไป ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร
(แต่ก็เคยมีเหตุที่ว่า มีคนที่ได้รับหนังสือนี้มา แล้วจะนำมาเผา ด้วยเหตุผลที่ว่าหนังสือนั้นทำให้เกิดความสับสนในทางวิชชา ซึ่งผมขอเว้นไว้ไม่พูดถึง)
ส่วนหนังสือมรรคผลพิสดารทุกเล่ม ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมเถร (วีระ คณุตฺตโม) รองเจ้าอาวาสและพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนา วัดปากน้ำ เป็นผู้จัดพิมพ์ และท่านจะเป็นผู้พิจารณามอบให้ด้วยตัวท่านเอง เฉพาะผู้ที่เข้าถึงธรรมกายแล้ว ตามความเหมาะสมของแต่ละท่าน ซึ่งต่อมาก็เป็นที่ทราบโดยเปิดเผยว่า ท่านก็ได้ไว้วางใจให้ท่านเจ้าคุณพระราชญาณวิสิฐ (เสริมชัย ชยมงฺคโล) หรือหลวงป๋า เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เป็นผู้จัดพิมพ์และพิจารณามอบแทนท่านได้อีกรูปหนึ่ง ส่วนของท่านอื่นๆ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า มีท่านผู้ใดอีกบ้างที่ได้รับความไว้วางใจให้มอบหนังสือนี้อีก
แต่ในการมอบหนังสือมรรคผลพิสดารทุกเล่ม ก็เป็นที่ยืนยันได้ว่า ไม่ได้มอบให้เป็นสาธารณะ ถ้าใครเอามาทำให้เป็นสาธารณะ ก็ถื่อว่าฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของการจัดพิมพ์ อย่างที่คุณ Dd2683 ว่ามาก็ถูกแล้วครับ
ประเด็นที่สอง เรื่องการปฏิบัติวิชชาธรรมกายของทางวัดฯ
อันนี้ ไม่ใช่แค่คนทั่วไปไม่รู้ครับ ขนาดในกลุ่มวิชชาธรรมกายด้วยกัน กลุ่มอื่นๆ เผลอๆ ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวัดพระธรรมกายมีถึงระดับไหนบ้าง ถ้าไม่ใช้รู้ญาณพระธรรมกายมาตรวจสอบ
ผมก็พอทราบอยู่ ว่าทางวัดพระธรรมกายมีอาคารภาวนา ซึ่งเจตนาคงทำนองเดียวกันกับ "โรงงานทำวิชชา" ของวัดปากน้ำ แต่เป็นวิชชาระดับเดียวกันรึเปล่า อันนี้ผมไม่ทราบ เพราะในโรงงานทำวิชชาของวัดปากน้ำจริงๆ แต่ละท่านก็เป็นวิชชาในระดับที่ว่าน่าจะเลยหลักสูตรมรรคผลพิสดารไปแล้วด้วยซ้ำ (ผมได้ทราบมาว่าปัจจุบันนี้โรงงานทำวิชชานี้ก็ยังคงอยู่และมีการปฏิบัติสืบต่อมาอยู่จนบัดนี้)
ผมมองว่า ทางวัดทำให้การสอนในระดับนี้ลึกลับจนเกินเหตุรึเปล่า หรือจำนวนคนที่ได้จริงๆ เทียบกับคนที่มาวัดเป็นแสนๆ ล้านๆ คน ทำให้มันดูน้อยรึเปล่า เมื่อเทียบกับที่อื่นๆ ซึ่งคนเข้าแค่หลักพัน หรืออย่างมากก็หลักหมื่น
ประเด็นที่สาม เรื่องการสอนวิชชาธรรมกาย
ผมก็เห็นด้วยนะครับกับคุณ Dd2683 เรื่องที่ว่าทั้งครูทั้งศิษย์ต้องดี
แต่ศิษย์ที่ดี ที่มีศรัทธา มีวิริยะในพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายจริงๆ ก็กระจายๆ กันไป บางส่วนก็ถ่ายเทไปที่วัดปากน้ำภาษีเจริญโดยตรง บางส่วนก็ไปที่วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ที่ดำเนินสะดวก บางส่วนก็ไปหา อ.การุณย์ ถึงจันทบุรี บางส่วนก็อาจจะมาที่วัดพระธรรมกาย และกลุ่มอื่นๆ ที่อาจจะมีอีก
คำถามมีอยู่ว่าทางวัดจะทำอย่างไร ให้ศิษย์ที่ดีได้ดีจริงๆ ก็ต้องมีครูที่ดี ซึ่งผมมองว่าทุกสำนัก ทุกวัดจำเป็นต้องสร้างเพิ่มเติมด้วย เพราะมิฉะนั้น ครูแต่ละท่านจะต้องรับภาระศิษย์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คุณภาพลดลง จนเกิดสภาวะที่มีแต่ศิษย์ ไม่มีครูในที่สุด ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการเผยแผ่วิชชาเลย
และที่สำคัญอย่างนึง คือความเข้าใจที่ตรงกันในเชิงวิชชา ทั้งปริยัติื ปฏิบัติ และปฏิเวธ ทุกวัด ทุกสำนัก ในสายวิชชาเดียวกัน ควรเป็นมาตรฐานเดียวกันครับ
ประเด็นสุดท้าย เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสำนักปฏิบัติ
ถ้าดูระหว่าง 3 กลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม กลุ่มอาจารย์การุณย์ และกลุ่มวัดพระธรรมกาย
อันที่จริง อาจารย์การุณย์ บุญมานุช และแม่ชีจันทร์ ขนนกยูง ทั้งสองท่านก็เป็นศิษย์ของแม่ชีทองสุข สำแดงปั้น ส่วนหลวงป๋าท่านก็เป็นศิษย์ของท่านเจ้าคุณวีระ พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาวัดปากน้ำองค์ปัจจุบัน ในช่วงแรกๆ ต่างฝ่ายต่างก็ให้ความช่วยเหลือกันอย่างดี แต่ตอนหลังๆ ต่างฝ่ายต่างก็แยกทางกัน ก็ไม่ค่อยได้ยุ่งกัน
แต่ปัจจุบันนี้ ผมทราบมาว่าลูกศิษย์ อ.การุณย์ ก็ให้ความนับถือทางวัดหลวงพ่อสดฯ อย่างดี ส่วนทางวัดหลวงพ่อสดฯ กับวัดพระธรรมกาย ตอนนี้ก็ไม่ได้ยุ่งอะไรกันแล้ว ต่างคนต่างทำ ที่มีปัญหาในตอนนี้ ก็คงเป็นกลุ่มวัดพระธรรมกายกับกลุ่ม อ.การุณย์นั่นแหละครับ พูดลำบาก
ท้ายสุดนี้ ขอออกตัวเลยว่า ผมก็เสนอความคิดเห็นมาตามความคิดจากสิ่งที่ผมเห็น ยังมีความจริงหลายๆ อย่าง ที่ผมและคนอื่นๆ อาจจะยังไม่เห็น แต่ความจริงนั้นมีเพียงหนึ่งเดียว และมันก็จริงอยู่อย่างนั้นนั่นแล จะเป็นอื่นไปมิได้ ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก
ส่วนตัวผมเอง ก็คุยได้กับทุกกลุ่ม ไม่จำเป็นต้องในสายวิชชาด้วยกัน การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อกันก็ได้มุมมองต่างกัน ได้ความหลากหลายทางแนวคิด และได้ข้อมูลข้อเท็จจริงในด้านที่เราอาจไม่เคยเห็นด้วย
ก็ขออนุโมทนาคุณ Dd2683 ที่ให้แง่มุมที่แตกต่าง และข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจในประเด็นเหล่านี้ด้วย
ถ้าความเห็นนี้จะเป็นการล่วงเกินบุคคลผู้ทรงคุณท่านใด ก็ขอท่านผู้นั้นโปรดอดโทษให้กับผมด้วย
และถ้าความเห็นนี้ไปขัดใจท่านผู้ใด ก็ขออภัยมาด้วย ณ ที่นี้ครับ
ขอบุญญานิสงส์ที่สั่งสมมาดีแล้ว ส่งเสริมให้คุณ Dd2683 ได้เข้าถึง รู้ เห็น และเป็นพระธรรมกายที่สุดละเอียดในเร็ววัน
และหวังว่าความเห็นนี้ คงจะยังอยู่ถึงพรุ่งนี้
#17
Posted 08 October 2010 - 09:28 PM
ผมเคยสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับศิษย์วัดปากน้ำฯ มาบ้าง
และเคยแสดงความคิดเห็นส่วนตัวว่า (ความหมายรวมๆนะครับ)
อยากให้ศิษย์ของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ทุกแห่งสามัคคีธรรมกัน
โดยทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ยอมรับแนวคิดแนวทางการเผยแผ่หรือการผลิตศาสนทายาท ปฏิเวธของกันและกัน
อะไรที่สนับสนุนกันได้ ก็ควรช่วยกัน ทั้งในด้านบุคคลากร ครูสอนภาวนา กิจกรรมกุศล โครงการอบรมธรรมปฏิบัติ ฯล
อะไรที่ยังต่างกัน หรือดูไม่ลงรอยกัน ก็ควรแก้ไข ซะตั้งแต่คนยุคนี้ คนในระดับที่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้
ไม่งั้นอนุชนรุ่นหลัง ของแต่ละสำนัก จะยิ่งห่างกัน ซึ่งไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น
แต่ความจริงแล้ว เราต่างได้แต่สนทนากันเองเท่านั้น
เพราะเราแค่ศิษย์ ไม่ใช่บุคคลที่สามารถตัดสินใจและดำเนินการอะไรได้
อย่างที่บอกไว้
ศิษย์ของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ รวมถึงคณะวัดพระธรรมกาย อยากให้ทุกคนในโลกเข้าถึงธรรมกายภายใน
ณ วันนี้
เรื่องปริยัติ และปฏิบัติ เรื่องการปูพื้นฐาน ให้คนละชั่ว ทำดี กลั่นใจให้ใส ทาน ศีล สมถะภาวนาเบื้องต้น
วัดพระธรรมกาย ก็มีความก้าวหน้า กว้างไกลในระดับหนึ่งแล้ว
ส่วนปฏิเวธ ก็อย่าเพิ่งต่อว่า ต่อขานเลยครับว่า
คนมาวัดมากมาย แต่ทำไม เข้าถึงธรรมกาย ไม่มากอย่างที่ควรจะเป็น
เพราะ ขึ้นอยู่ทั้งครูดีและศิษย์ดี
หรือ เดินวิชชา ไม่ถูก
ผมเองก็ไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้
ขอฝากคุณ วิชชารักข์ รับทราบไว้ด้วยครับว่า
มีศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่เคารพครูสอนภาวนาธรรมกายทุกแห่ง ที่เป็นศิษย์ของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ไม่เฉพาะครูสอนภาวนาที่วัดพระธรรมกาย
มีศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่ปรารถนาให้ศิษย์ของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ทุกแห่งสามัคคีธรรมกัน สนับนุนและชี้ขุมทรัพย์ให้กันและกัน
ร่วมกันสานต่อมโนปณิธาน ผังสำเร็จของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ด้วยกัน
ส่วนว่าสำนักไหน ถนัดด้านไหน ทำได้แค่ไหน ก็ควรเข้าใจกันบ้าง
บางเรื่องวัดนั้น ศิษย์คณะนั้นทำได้ดีมาก บางเรื่องวัดพระธรรมกายอาจทำได้ดีกว่า
เพราะเรามีธาตุธรรม แก่กล้ายังไม่เท่ากัน ศักยภาพยังไม่เท่ากัน
ถ้านำศักยภาพของแต่ละสำนักมารวมกัน
ภาพรวมของการจรรโลงวิชชาธรรมกาย การเผยแผ่วิชชาธรรมกาย
ก็จะก้าวหน้า กว้างไกล ถูกต้องตามวิชชาดั้งเดิม สำเร็จตามผังในที่สุดครับ
#18
Posted 09 October 2010 - 05:26 PM
กล่าวแบบนี้รู้สึกเหมือน ตำรวจกำลังจับโจรได้
ขอเสริมนิดหน่อย ความศรัทธาต่อหลวงพ่อธัมมชโยและหมู่คณะวัดพระธรรมกาย ทำให้ขนาด คนงมงาย อย่าง คุณอนันต์ คุณบุญชัย และบรมเศรษฐีอีกหลายท่าน รวมถึงผมด้วย (ว่าที่บรมเศรษฐี )
ยอมจ่ายได้หมดตัว และหัวใจ
คุณอนันต์ งมงาย ยอมเขียน เช็ค เติม 0 ไว้ 6 ตัวทุกใบ เป็นปึกๆ ถวายหลวงพ่อฯ เพื่อไว้ดูแลพระพุทธศาสนา
มหาเศรษฐี ของโลกหลายคน งมงายมาก ..ไม่ขอเปิดเผยนะ... มา หาหลวงพ่อฯ ด้วยความอ่อนน้อม พวกเขากล่าวต่อหลวงพอ่ฯว่า ถ้าแลกกันได้ก็อยากจะแลก เอาสมบัตินับ หลายแสนล้านบาท มาแลกกับการ ให้หลวงพ่อฯ ท่านเมตตาสอนให้พวกเขาเห็น....แค่องค์พระ... แม้แค่เพียงแป๊บเดียว ก็เอา
ทำไมๆๆๆๆๆๆๆ........... งมงาย?......
(งมงาย แบบที่หลวงพ่อฯสอนนี้ ผมยอมงมงายถวายชีวิตจนตายเลยครับ)
แปลกจังคน งมงาย นี้เก่งเนอะ บริหารให้ชีวิต รวยได้ จบ ดร.ได้
ขอนอกเรื่องนิดหน่อยนะครับ
หลวงพ่อธัมมชโย ท่านเคยกล่าวไว้ว่า
ความกตัญญู เป็นเครื่องหมายของคนดี
หลวงพ่อธัมมชโย จึงบูชาครูอาจารย์ของท่านเสมอๆ
ผมเอง มีหลวงพ่อธัมมชโย เป็นครู และครูของครู ผมก็ต้องบูชาตามท่านด้วย
เดี๋ยวผมจะกลาย เป็นว่า เป็นคน ....อกตัญญู...
ที่สำคัญ ขอย้ำๆๆๆเป็นอสงข์ไขยนับครั้งไม่ได้ ว่า................
คนอกตัญญู เข้าถึงพระธรรมกายไม่ได้
อย่าว่าแต่ดวงใส หรือ แสงสว่างเลย คนอกตัญญู ก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน
แปลกๆช่วงนี้ เจอหนอน บ่อยมากๆ
ลำใส้ ก็ไม่ค่อยดีด้วย ส่งสัยมีหนอนอยู่ในลำใส้ของผมรึเปล่า?
เดี๋ยวขอกิน ยาคูลท์
เพื่อล้าง หนอนบ่อนใส้ ซะหน่อย
นักเรียนอนุบาล cheterkk
นักเรียนอนุบาล วิชชารักข์
นักเรียนอนุบาล ดุสิตาเทวบุตร
เอาสัก คนละขวดไหม..........
ได้ข่าวมาว่า...
พวกชอบหาเรื่องลักลอบ พาลูกสาว-ลูกชาย ของชาวบ้านหลอกหนีไปอยู่ด้วย มักโดน(ลูกพ่อ)เอาปืนไล่ยิงพวกนี้เสมอ...(จะเกี่ยวกันไหมเนี่ย)...
ยำยำ รสต้มยำกุ้ง แซ่บ........... จริงๆๆ
#19
Posted 09 October 2010 - 07:29 PM
คนที่เข้ามาที่นี่ นั้นหลากหลาย ใครที่ยังไม่มีศรัทธากับครู ก็มี
อีกอย่างการที่หลายๆท่านมีมุมมองเฉพาะ เพราะรับข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายมาต่างกัน
จึงเสนอความคิดเห็นที่แตกต่างกัน เป็นธรรมดาครับ
#20
Posted 09 October 2010 - 08:13 PM
บางทีเรื่องบางเรือง หากใส่สำนวนแรงๆเข้าไป อาจจะกลายเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องนะจ๊ะ
............
เห็นด้วยกับการศึกษาตำราต้นตำรับจากครูบาอาจารย์วัดปากน้ำ 5 เล่มที่กล่าวมาครับ วัดพระธรรมกายก็ศึกษาอยู่ครับ ทางมรรคผลและโดยเฉพาะคู่มือสมภารยังพิมพ์แจกเลยครับ
แต่ในวิชชามรรคผลพิสดารนั้น ก็เห็นด้วยกับหลายๆท่านว่าไม่ควรสาธารณะมาก ควรให้แก่ผู้เข้าถึงจริงๆ และตั้งใจจริงๆ ไม่ใช่ไปพิมพ์ขายตามแผงหนังสือ
สำหรับเรื่องความร่วมมือระหว่างสำนักต่างๆที่สอนวิชชาธรรมกายนั้นเป็นเรื่องดีครับ
และก็จริงอยู่ที่แต่ละหมู่คณะก็ถนัดและสร้างบารมีกันไปคนละแบบ ถึงจะคล้ายๆกันก็ตาม บางอย่างบางคณะก็ทำได้ดีแตกต่างกันนะครับ
วัดพระธรรมกายเคารพและบูชามหาปูชนียาจารย์ทุกๆท่าน และมีความเคารพผู้สอนวิชชาธรรมกายทุกๆสำนัก เป็นคุณธรรมพื้นฐานอยู่แล้วครับ
..........
จบเถอะครับ นุ่มนวลๆนะ สัมมาวาจา ปิยวาจา สุนทรเสวนาครับ
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#21
Posted 09 October 2010 - 09:40 PM
.
ดิฉันเคารพพระเดชพระคุณหลวงพ่อ(พระราชภาวนาวิสุทธิ์) ในฐานะเป็นครูบาอาจารย์ ที่ได้ให้กำเนิดใหม่ในทางธรรม ได้ให้ความรู้ที่ยังไม่เคยมีใครสอนมาก่อน
และให้ความเคารพตลอดไปจนถึง ครู-อาจารย์ของท่านด้วย
เพราะความเคารพ ท่านว่าอย่างไร จึงเชื่อฟังตามคำท่าน ซึ่งเป็น "ครู"
เพราะเคารพในครู จึงหาควรวิพากวิจารย์ ในกิจของครู
เพราะก่อนที่จะเลือกให้ท่านเป็น "ครู" ก็ได้พิสูจน์แล้ว เห็นดีแล้ว ว่าท่านสมบูรณ์พร้อม ที่จะให้ความเคารพรัก และเชื่อฟัง
ในฐานะที่เป็น "ครู" ที่ดีที่สุด ทั้งในชาตินี้และภพชาติเบื้องหน้า
ที่สำคัญ พรุ่งนี้เป็นวันสำคัญ อย่าให้ใจหมองนะคะ อย่าให้กัณหธรรมได้ช่องสอดแทรกได้
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#22
Posted 09 October 2010 - 10:41 PM
คาถาดีมีไว้สู้มาร หลานหลวงปู่ "นิ่ง สงบ สยบมาร ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป" สู้ข้างในอย่างดีมีแต่ สัมมาอาระหัง ๆ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เปิดใจให้กว้างแม้ยังทำไม่ได้ขนาดรักของพระองค์ที่ทรงรักพระราหุล=รักพระเทวทัต
และเราลูกพระธัมม์พันธุ์แท้ ว่าอย่างไรว่าตามกันด้วยรัก เคารพ ศรัทธาอย่างยั่งยืน ก็ขอถวายชีวิตเป็นเดิมพัน เราเข้าใจท่านงาน
ยิ่งใหญ่ ทำไปด้วยใจที่ใหญ่ยิ่ง เป้าหมายหลักต้องมาก่อน การสร้างฐานทัพธรรมง่ายนักหรือ ทั้ง4ฝ่าย ฝ่ายค้นคว้าอยู่ในโรงงาน
ทำวิชชา ฝ่ายเผยแผ่ไปทั่วโลก(เป็นเป้าหมายของหลวงปู่) ฝ่ายเสบียง(กายเนื้อยังต้องการอาหาร) ฝ่ายปฏิสังขรณ์ (มนุษย์ยัง
ต้องการที่อยู่อาศัย) ศึกภายนอกศึกภายในก็ยังต้องทำอยู่ โปรดไตร่ตรองให้ดี ๆก่อนจะจัสส์ตัดสินด่วนสรุปใครคนใดคนหนึ่ง เพราะ
ทุกอย่างที่ทำ ทุกคำที่พูด และคิดล้วนมีวิบากเป็นผลค่ะ
#23
Posted 10 October 2010 - 12:29 AM
ผมตกใจ ว่าทำไมมีคนตอบโต้มาดูรุนแรง วันก่อนๆ ยังไม่รุนแรงขนาดนี้ ผมก็แค่พูดไปตรงๆ อย่างที่บอกไว้แล้ว ผมก็เสนอความคิดเห็นมาตามความคิดจากสิ่งที่ผมได้ยิน ได้ฟัง ได้รับรู้มา จริงทั้งหมด หรือจริงแค่บางส่วน หรือไม่มีมูลความจริง ผมก็ไม่สามารถจะไปพิสูจน์ได้ สิ่งที่ผมแสดงไป จะถูก หรือจะผิด ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ ในฐานปุถุชนคนธรรมดาที่มีศรัทธาในวิชชาธรรมกาย และรับรู้ รับทราบ เหตุการณ์เหล่านี้มาพอสมควร แต่ไม่ทั้งหมดครบทุกด้าน
ถึงแม้ว่าในสายวิชชาธรรมกาย จะมีความแตกต่างหลากหลาย ต่างกลุ่ม ต่างสำนัก ต่างวิถี ต่างแนวคิด แต่อย่าลืมว่าเรามีศัตรูร่วมกันนะครับ ตอนที่ผมพิมพ์ความเห็๋นนี้อยู่ บางท่านอาจจะกำลังจัดการกับตัวต้นเหตุของปัญหาที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ ด้วยแนวทางที่เราเรียกด้วยความเคารพว่า "วิชชาปราบ" บางท่านอาจจะไม่ได้จัดการเอง แต่ก็กำลังเพียรพยายามสั่งสอนแนวทางให้ผู้อื่นที่ีไม่รู้ ได้พ้นจากวิถีที่มารจะเข้ามาควบคุม
ก็ฝากทุกท่าน อย่าไปเข้าทางฝ่ายอกุสลาธัมมาเลยครับ บางท่านที่โพสอยู่อาจจะไม่รู้ตัว ก็บอกมาด้วยความหวังดีนะครับ
ผมเองคงเขียนอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ เขียนมากไปอีกคงจะมากความ ก็ขอให้ทุกท่าน(รวมถึงตัวผมด้วย)รักษาใจ ตามรอยพระเดชพระคุณหลวงปู่ พรุ่งนี้แล้วนะครับ ครบรอบ 126 ปี แห่งการกำเนิดรูปกายของท่าน
ขออนุโมทนากับทุกบุญที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ จากผู้ปฏิบัติและผู้เลื่อมใสวิชชาธรรมกา่ยทุกสำนักครับ
#24
Posted 10 October 2010 - 01:27 AM
เลยแวะเข้ามาดูซักหน่อย นึกขำ จนศรีภรรยาลุกขึ้นมาถาม ว่าจะไปสุพรรณแล้วหรอ(ดูใจเธอผูกพันกับบุญขนาดไหน)
ก็เลยบอกเปล่า...... กำลังนึกถึงเรื่อง คนกำลังปวดฟัน
ก็เลยเล่า ให้ศรี ภรรยาฟังว่า........
รู้ไหมมีชายคนหนึ่ง กำลังปวดฟันอยู่ เขาปวดฟันมาก เขากำลังคิดจะไปหาหมอ
แต่เขาเคยมีปัญหากับหมอฟันมาก่อน เขาเลยไปหาหมอนวด ให้หมอนวดรักษาให้
หมอนวดเลย บอกว่า เขาช่วยรักษาเรื่องปวดฟันไม่ได้หรอก ชายคนนั้นก็บอกไม่เป็นไร
เอาบรรเทาก็ได้ หมอนวดก็บอก นวดไปคงช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ ชายคนนั้นก็บอกไม่เป็นไร นวดๆไปเถอะ
ขณะนวด หมอนวดก็ถามว่า เพราะอะไรถึงไม่ไปหาหมอฟัน ชายคนนั้นบอก
เขาเคยทะเลาะกับหมอฟัน เพราะหมอฟันรักษาไม่ถูกวิธี หมอนวดก็ถามว่าคุณรู้ได้ยังไง ว่าหมอฟันเขารักษาไม่ถูกวิธี
ชายคนนั้นเขาบอก ว่า เขารู้ว่า หมอฟันทั้งโลก รักษาฟันผิดวิธีหมด เพราะไปหาหมอฟันที่ไหน เขาก็รักษาแบบเดียวกันหมด
เขาจึง ไม่กล้าให้หมอฟันรักษาให้แล้ว หมอนวดก็งงๆ แล้วถามกลับไปว่า คุณเป็นหมอฟันเหมือนกันหรอ ถึงรู้ว่าหมอฟันเขารักษาผิดวิธี
กันหมดทั้งโลก ชายคนนั้นเขาก็ตอบว่า เปล่าหรอกผมเป็นแค่ คนกวาดถนน ผมเคยฝันว่า ผมจะเป็นหมอฟัน และรักษาฟันด้วยวิธี
แบบของผม ให้คนหายปวดฟันกันทั้งโลก ไม่ต้องปวดฟันกันอีกต่อไป
หมอนวดก็งง ถามว่าแล้วคุณมีเงินมาจ่าย ค่านวดไหมเนี่ย
ชายคนนั้นบอก ผมไม่มีหรอก ผมแค่คนกวาดถนน เงินน้อย ไม่มีจริงๆแม้แต่บาทเดียว
พอดีมีตำรวจ มานวดๆข้างๆ ด้วยได้ยินได้เห็น ก็เลย ว.วิทยุเรียก ร.พ.ประสาท มารับตัวไป
ศรีภรรยาของผม ขำก๊าก เลยตื่น...มานั่งธรรมมะอีกรอบ พร้อมยังขำไม่หยุด...(ดี..จิตใจจะได้เบิกบาน)
เออ เนียร...จริงๆๆ คนเราเนี่ย..........
ว่าเหมือนกันไหม คุณนักเรียนอนุบาล วิชชารักข์... คนกวาดถนนเนียร..จริงเนอะ.......
#25
Posted 10 October 2010 - 10:34 AM
#26
Posted 11 October 2010 - 07:19 AM
#27
Posted 11 October 2010 - 08:37 AM
และที่สำคัญอย่างนึง คือความเข้าใจที่ตรงกันในเชิงวิชชา ทั้งปริยัติื ปฏิบัติ และปฏิเวธ ทุกวัด ทุกสำนัก ในสายวิชชาเดียวกัน ควรเป็นมาตรฐานเดียวกันครับ
ลูกศิษย์(พระ)ก็คือครู ทั้งสอนตัวเองและสอนผู้อื่น โดย อิงคำสอน จากครูใหญ่ ครูไม่เล็ก ครูไม่ใหญ่ เป็นหลัก
.....อนูปวาโท......
#28
Posted 11 October 2010 - 08:57 AM
จะสว่างทั้งใน ก.ท. และ ในใจ ผู้อ่านทบทวนหลายๆรอบด้วยนะ
คุณยายท่านบอก "หยาบๆยังไม่ละเอียด แล้วในละเอียด..จะ..ละเอียดได้อย่างไร"
#29
Posted 11 October 2010 - 09:30 AM
ใจเย็นๆครับ อ่านทั้งหมด กท.แล้ว ทุกคนก็ไม่มีใคร ว่าอะไรนี่ครับ แสดงความเห็นกันไปของแต่ละคน เพียงแต่ คุณคิดไปเองรึเปล่า? ทำไมใจต้องตกละ? หยิบใจที่ตกเข้ามาวางที่ ศูนย์กลางกายสิ คับ วางเบาๆนะ เดี๋ยว...........
ผมจะเปิดเพลงนำนั่งให้ฟังนะ....ใจจะได้ไม่ตกนะ นรอ.วิชชาลัก เอยยโทษๆๆที นรอ.วิชชารักษ์
http://www.youtube.com/watch?v=COyg2xTQgDA
แพร............ไม่มีอะไรกะเขาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
(.. หรือพี่มอสคิดมากไปเอง.. )
#30
Posted 11 October 2010 - 05:49 PM