=QUIZ= เรื่องพุทธวงศ์ในกัปปัจจุบัน
#1
Posted 25 October 2006 - 08:17 PM
2) กัปที่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น มีกี่ชนิด ชื่อว่าอะไรบ้าง แตกต่างกันอย่างไร
3) เราจะทราบได้อย่างไรว่า ในกัปที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ จะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นหรือไม่ ถ้ามี จะทราบได้อย่างไรว่ามีกี่พระองค์
4) กัปปัจจุบัน มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากี่พระองค์ ชื่อว่าอะไรบ้าง และ บังเกิดในยุคที่มนุษย์อายุไขเท่าไหร่
5) จงบอกชื่อพุทธบิดา พุทธมารดา โคตรสกุล และ พาหนะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้ออกบวชของแต่ละพระองค์
6) จงบอกชื่อต้นไม้ที่ตรัสรู้ ระยะเวลาที่ใช้บำเพ็ญเพียร และ ผู้ที่ถวายข้าวมธุปายาสวันตรัสรู้ของแต่ละพระองค์
7) จงบอกชื่อพระอัครสาวก ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์
8) จงบอกจำนวนครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ทรงแสดงธรรม และ แสดงเรื่องอะไร (เท่าที่มีบันทึกในพระไตรปิฎก)
9) หลังจากทรงปรินิพพานแล้ว พระบรมสารีริกธาตุของแต่ละพระองค์เป็นอย่างไร
10) พระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเสวยพระชาติเป็นอะไรบ้าง ในภพที่ท่านทรงเจอพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในกัปปัจจุบัน
เอาเท่านี้ก่อนนะครับ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#2
Posted 25 October 2006 - 08:29 PM
2) กัปที่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น มีกี่ชนิด ชื่อว่าอะไรบ้าง แตกต่างกันอย่างไร
3) เราจะทราบได้อย่างไรว่า ในกัปที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ จะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นหรือไม่ ถ้ามี จะทราบได้อย่างไรว่ามีกี่พระองค์
4) กัปปัจจุบัน มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากี่พระองค์ ชื่อว่าอะไรบ้าง และ บังเกิดในยุคที่มนุษย์อายุไขเท่าไหร่
5) จงบอกชื่อพุทธบิดา พุทธมารดา โคตรสกุล และ พาหนะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้ออกบวชของแต่ละพระองค์
6) จงบอกชื่อต้นไม้ที่ตรัสรู้ ระยะเวลาที่ใช้บำเพ็ญเพียร และ ผู้ที่ถวายข้าวมธุปายาสวันตรัสรู้ของแต่ละพระองค์
7) จงบอกชื่อพระอัครสาวก ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์
8) จงบอกจำนวนครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ทรงแสดงธรรม และ แสดงเรื่องอะไร (เท่าที่มีบันทึกในพระไตรปิฎก)
9) หลังจากทรงปรินิพพานแล้ว พระบรมสารีริกธาตุของแต่ละพระองค์เป็นอย่างไร
10) พระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเสวยพระชาติเป็นอะไรบ้าง ในภพที่ท่านทรงเจอพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในกัปปัจจุบัน
ผมได้ แค่ไม่กี่ข้อ ขอตอบตามที่รู้แบบชาวบ้านเข้าใจละกานครับ ไม่สีเรียส ถ้าบาลีคงยากเนอะ
1. กับที่เจริญกะไม่เจริญ กัปเจริญมีพระพุทธเจ้าเกิด(โอ้เวิร์คๆ) กัปที่ไม่เจริญ คือไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิด (โอ้ เอาละงานนี่)
2. ก็ รู้สึกจะมีดอกบัวบังเกิดขึ้นตอนต้นกัปนะครับ พรหมเค้าจะทำนาย ว่าจะมีบังเกิดกี่องค์โดยดูจากจำนวนดอกบัว
3. 5 พระองค์ (โอว้เจริญ) พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะ พระกัสสปะ พระสมณโคดม และ พระศรีอารยเมตไตรย()
-----------
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#3
Posted 25 October 2006 - 09:42 PM
ขอตอบแค่ข้อเดียวนะคะ เพราะครั้งที่แล้วเหมาหมดแล้ว คนมาที่หลังจะเสียใจที่ไม่ได้ตอบค่ะ อิอิ
10. พระพุทธเจ้าโคตม ได้พบกับพระพุทธเจ้าศรีอริยเมตไตย์ ในขณะที่เกิดเป็นพระอชิตะเถระ
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#4
Posted 25 October 2006 - 09:49 PM
ความหมายของคำถามข้อ 10 คือ ในยุคที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ บังเกิดขึ้น พระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าสมัยยังทรงเป็นพระโพธิสัตว์ ก็ได้ทรงเกิดมาเจอพระพุทธเจ้าเหล่านั้นด้วย คำตอบที่ผมต้องการคือพระโพธิสัตว์ทรงเสวยพระชาติเป็นใครในแต่ละยุคสมัยครับ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#5
Posted 25 October 2006 - 11:41 PM
พิมพ์ในนี้คงไม่ไหว
#6
Posted 26 October 2006 - 12:02 AM
พิมพ์ในนี้คงไม่ไหว
ก็ตอบแบบสรุปย่อๆ เอาก็ได้นี่ครับ
ปล. หูย! กระทู้นี้เล่นเอาเจ้าของกระทู้นอนไม่หลับต้องกลับมาเปิดอ่านเลยนะเนี่ย ขอน้องก้านกล้วยแซวหน่อยเหอะ 555+
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#7
Posted 26 October 2006 - 12:03 AM
พิมพ์ในนี้คงไม่ไหว
เรียนคุณsomchet
จุดประสงค์ที่ผมทำ QUIZ ต่างๆ ขึ้นมาเพื่อให้เพื่อนสมาชิกได้มีส่วนร่วมในการแบ่งปันความรู้ คนที่ยังไม่รู้จะได้ไปขวนขวายหาความรู้เพิ่มขึ้น ให้สมกับเป็นเวปบอร์ดธรรมะ
ผมคงไม่เห็นด้วยที่จะตอบแบบสั้นๆ ว่าให้ไปอ่านหนังสือเล่มนั้น เล่มนี้ เพราะเพื่อนสมาชิกบางท่านไม่ได้มีหนังสือเล่มดังกล่าว บางท่านอยู่ต่างประเทศไม่สามารถหาซื้อหนังสือเหล่านี้ได้
ดังนั้นผมจึงหวังว่า การทำ QUIZ เหล่านี้จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้เพื่อนสมาชิกได้เรียนรู้ธรรมะ โดยการประคับประคองกันไประหว่างเพื่อนสมาชิกด้วยกัน ผู้ที่รู้มากก็พยายามที่จะแบ่งปัน พยายามที่ป้อนคำถาม ป้อนหัวข้อธรรมะ ผู้ที่รู้น้อยก็ได้รู้ว่าหัวข้อธรรมะมีอะไรบ้าง และจะได้พยายามที่จะเรียนรู้ ได้ศึกษาธรรมะจากคำถาม คำตอบเหล่านี้ เป็นการเพิ่มพูนปัญญาบารมีทั้งผู้ตั้งคำถามและผู้ตอบคำถาม
ดังนั้นผมจึงขอให้คุณsomchet เข้าใจถึงเจตนาการทำ QUIZ ของผมด้วยนะครับ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#8
Posted 26 October 2006 - 01:12 AM
ในพุทธกาลของพระพุทธเจ้ากัสสปะ พระพุทธเจ้าโคตมไปเกิดเป็น โชติปาลมานพ
ผู้ซึ่งดื้อนิดๆในช่วงต้น
เอ่อ... พระพุทธเจ้าพระองค์อื่นอีก 2 พระองค์ เอาไว้ไปค้นดูใหม่ก่อนนะคะ
จำไม่ได้แล้วอะค่ะ ท่านใดทราบมาตอบแทนกันก็ได้นะ
ตอบเพิ่ม ข้อ 6 ค่ะ
พระพุทธเจ้ากกุสันธะ พระศรีมหาโพธิ์ ชื่อ ต้นสรีสะ ไม้ซึก.
พระพุทธเจ้าโกนาคมนะ พระศรีมหาโพธิ์ ชื่อ ต้นอุทุมพระ ไม้มะเดื่อ.
พระพุทธเจ้ากัสสปะ พระศรีมหาโพธิ์ ชื่อ ต้นนิโครธ ไม้ไทร.
พระพุทธเจ้าโคตมะ พระศรีมหาโพธิ์ ชื่อ ต้นอัสสัตถะ ไม้โพธิใบ.
พระพุทธเจ้าศรีอริยะเมตไตย์ พระศรีมหาโพธิ ชื่อ ต้น... ไม้กากะทิง.
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#9
Posted 26 October 2006 - 07:29 AM
จึงอาศัย ช่อง dmc หาธรรมะใส่ตัว ดิฉันชอบอ่านเว็บบอดนี้มากคะ
คุณMiraclE...DrEaM ตี่งกระทู้ไปเยอะๆๆนะคะ
การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั่งปวง
#10
Posted 26 October 2006 - 08:16 AM
สูญญกัป กับ อสูญญกัป
มีห้าชนิดตามจำนวนพระพุทธองค์ที่บังเกิดขึ้น
ดูจากบัวเมื่อตอนกัป บังเกิดขึ้น จะมีบัวผุดขึ้นตามจำนวนองค์ของพระพุทธเจ้า
มี ๕ พระองค์ องค์ที่ 4 อายุไขเฉลี่ย 100 และองค์ที่ ๕ อายุไขเฉลี่ย 80,000
ไม่ถูกต้องประการใด บอกด้วยนะครับ
#11
Posted 26 October 2006 - 10:09 AM
ก็เล่นถามเยอะแบบนั้น ใครจะมีเวลามานั่งพิมพ์ล่ะครับ สู้ ถามเองตอบเอง แล้วย้ายในอยู่หมวด member articles ธรรมกถึก ไม่ดีกว่าเหรอครับ
เป็นอีกทรรศนะนึงนะ ไม่เห็นด้วยไม่เป็นไร
#12
Posted 26 October 2006 - 10:40 AM
ก็เล่นถามเยอะแบบนั้น ใครจะมีเวลามานั่งพิมพ์ล่ะครับ สู้ ถามเองตอบเอง แล้วย้ายในอยู่หมวด member articles ธรรมกถึก ไม่ดีกว่าเหรอครับ
เป็นอีกทรรศนะนึงนะ ไม่เห็นด้วยไม่เป็นไร
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ
แต่ถ้าคุณsomchet ไม่ชอบการทำ QUIZ ในทำนองนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องมาอ่านกระทู้นี้นะครับ จะข้ามผ่านไปก็ได้ เพราะผมก็พูดไว้ชัดเจนที่ชื่อกระทู้แล้วว่า เป็นการ QUIZ เพราะผมก็ไม่อ่านทุกกระทู้เช่นกัน เลือกเปิดเป็นบางกระทู้ อันไหนผมไม่ชอบ ไม่สนใจผมก็ไม่เปิด อันไหนผมชอบ ผมสนใจก็เปิดอ่าน แสดงความคิดเห็น อันไหนมีคนตอบดีแล้ว ผมก็ไม่จำเป็นต้องโพสเพิ่ม
นอกจากนี้ การแบ่งปันธรรมะไม่จำเป็นต้องป้อนให้ทั้งหมด อัธยาศัยของผู้ฟังธรรมแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบแบบเคี้ยวให้หมดแล้ว แค่ป้อนอย่างเดียว หรือก็คือการเอาธรรมะมาเล่า สาธยายให้ฟังนั้นเอง แต่บางคนก็ชอบการตั้งคำถาม เพราะเหมือนกันการเล่นเกมส์อย่างหนึ่ง ได้ฝึกค้นคว้า ได้พยายามที่จะศึกษา ซึ่งถือเป็นการปลูกฝังอัธยาศัยให้มีความเพียรในการศึกษาทางหนึ่งด้วย และเมื่อพยายามที่จะหาคำตอบ ก็จะทำให้ทราบถึงธรรมะบริบทซึ่งสอดแทรกอยู่ในเนื้อหาของคำตอบ ให้เขาเหล่านั้นก็จะรู้ธรรมะกว้างมากขึ้นไปอีก
อยากให้คุณsomchet เข้าใจในอัธยาศัยของมนุษย์ที่ผมบอกข้างบน และ เคารพสิทธิในการใช้เวปบอร์ดของกันและกัน ตราบใดที่ผมใช้บอร์ดไม่ผิดวัตถุประสงค์ของทางเวป DMC ผมก็มีสิทธิโพส ตั้งกระทู้ แต่ถ้าผมใช้ผิดวัตถุประสงค์ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผมยินดีให้ท้วงติงแน่นอน
อันนี้ก็เป็นคำแนะนำของผมแก่คุณ somchet เช่นกัน
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#13
Posted 26 October 2006 - 11:27 AM
ขอตอบเป็นบ้างข้อเช่นกันครับ... ในบางข้อที่ผมตอบไปถ้าคำตอบยังไม่สมบูรณ์...
พี่ๆกัลฯท่านใดทราบคำตอบ ที่ถูกต้องสมบูรณ์ Please help น้อง niwat ด้วยครับ
อนุโมทนาบุญครับ....
อสุญญกัป คือมหากัปที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเสด็จอุบัติ
2. มัณฑกัป มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติ 2 พระองค์
3. วรกัป มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติ 3 พระองค์
4. สารมัณฑกัป มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติ 4 พระองค์
5. ภัทรกัป (ภัททกัป) มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติ 5 พระองค์
ถ้ากอบัวนั้นไม่มีดอก หมายถึงในอสงไขยกัปนั้นจะเป็นสุญญกัปคือ
ไม่มีพระพุทธเจ้า ถากอบัวมีดอก จำนวนดอกบัวจะแสดงให้ทราบ
ถึงจำนวนพระพุทธเจ้า อย่างไรก็ดีจะมีอย่างมากที่สุดไม่เกิน ๕ ดอก
ผู้ที่สามารถเห็นดอกบัวเหล่านี้คือ พวกมหาพรหม
เสริมความรู้....เมื่อปฐมกัลป์เริ่มตั้งศีรษะแผ่นดินขึ้นใหม่ๆ มีกอบัวเกิดขึ้นพร้อมทั้งมีดอก๕ ดอก
ท้าวสุธาวาสหยั่งรู้ว่านี้เป็นนิมิตว่า ในกัลป์จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสโปรดเวไนยสัตว์ 5 พระองค์
จึงปกาสิตคำว่า น, โม, พุท, ธา, ยะ ไว้ ซึ่งมีความหมายว่า นะคือพระกกุสันโธ
โมคือพระโกนาคมนะ พุทคือพระพุทธกัสสปะ ธาคือพระสมณโคดม ยะคือพระศรีอาริยเมตไตรย์
พระผู้มีพระภาคเจ้านามว่าโกนาคมนะ ได้เป็นพราหมณ์โดยพระชาติ ทรงอุบัติในพราหมณสกุล เป็นกัสสปโคตร พระชนกชนนีคือพราหมณ์ชื่อว่ายัญญทัตตะและอุตตรา ถือกำเนิดในพระนครโสภวดีซึ่งมีพระราชาชื่อว่าโสภะเป็นผู้ครองพระนครอยู่
พระผู้มีพระภาคเจ้านามว่ากัสสปะ ได้เป็นพราหมณ์โดยพระชาติ ทรงอุบัติในพราหมณสกุล เป็นกัสสปโคตร พระชนกชนนีพระนามว่าพรหมทัตตะและธนวดี กำเนิดในพระนครพาราณสี มีพระราชาพระนามว่ากิงกี
พระผู้มีพระภาคเจ้านามว่าโคตมะ ได้เป็นกษัตริย์โดยชาติ อุบัติในขัติยสกุล เป็นโคตมโคตร มีพระเจ้าสุทโธทนะเป็นพระชนก พระนางศิริมหามายาเป็นพระราชชนนี ครองกรุงกบิลพัสดุ์
พระผู้มีพระภาคเจ้านามว่าศรีอริยะเมตไตย์ + พาหนะที่พระสัมพุทธเจ้าใช้ออกบวชของแต่ละพระองค์...(รอกัลฯ ผู้มีบุญมาตอบครับ )
2.พระผู้มีพระภาคเจ้านามว่าโกนาคมนะ มีพระภิยโยสะและอุตตระเป็นพระอัครสาวก
3.พระผู้มีพระภาคเจ้านามว่ากัสสปะ มีพระติสสะและภารทวาชะเป็นคู่อัครสาวก
4.พระผู้มีพระภาคเจ้านามว่าโคตมะ มีพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเป็นอัครสาวก
5.พระผู้มีพระภาคเจ้านามว่าศรีอริยะเมตไตย์ .....(รอกัลฯ ผู้มีบุญมาตอบครับ )
#14
Posted 26 October 2006 - 12:45 PM
#15
Posted 26 October 2006 - 12:47 PM
สุญญกัป คือ มหากัปที่ไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเสด็จอุบัติแม้แต่พระองค์เดียว
อสุญญกัป คือมหากัปที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเสด็จอุบัติ
1. สารกัป มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติเพียง 1 พระองค์
2. มัณฑกัป มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติ 2 พระองค์
3. วรกัป มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติ 3 พระองค์
4. สารมัณฑกัป มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติ 4 พระองค์
5. ภัทรกัป (ภัททกัป) มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติ 5 พระองค์
ดูจากต้นไม้ชนิดแรกที่เกิดขึ้นคือ กอบัวกอหนึ่ง ผุดขึ้นก่อนเป็นบุพนิมิต
ถ้ากอบัวนั้นไม่มีดอก หมายถึงในอสงไขยกัปนั้นจะเป็นสุญญกัปคือ
ไม่มีพระพุทธเจ้า ถากอบัวมีดอก จำนวนดอกบัวจะแสดงให้ทราบ
ถึงจำนวนพระพุทธเจ้า อย่างไรก็ดีจะมีอย่างมากที่สุดไม่เกิน ๕ ดอก
ผู้ที่สามารถเห็นดอกบัวเหล่านี้คือ พวกมหาพรหม
เสริมความรู้....เมื่อปฐมกัลป์เริ่มตั้งศีรษะแผ่นดินขึ้นใหม่ๆ มีกอบัวเกิดขึ้นพร้อมทั้งมีดอก๕ ดอก
ท้าวสุธาวาสหยั่งรู้ว่านี้เป็นนิมิตว่า ในกัลป์จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสโปรดเวไนยสัตว์ 5 พระองค์
จึงปกาสิตคำว่า น, โม, พุท, ธา, ยะ ไว้ ซึ่งมีความหมายว่า นะคือพระกกุสันโธ
โมคือพระโกนาคมนะ พุทคือพระพุทธกัสสปะ ธาคือพระสมณโคดม ยะคือพระศรีอาริยเมตไตรย์
มี 5 พระองค์
พระพุทธเจ้ากกุสันธะ บังเกิดในสมัยอายุไขมนุษย์ 40,000 ปี
พระพุทธเจ้าโกนาคมนะ บังเกิดในสมัยอายุไขมนุษย์ 30,000 ปี
พระพุทธเจ้ากัสสปะ บังเกิดในสมัยอายุไขมนุษย์ 20,000 ปี
พระพุทธเจ้าโคตมะ บังเกิดในสมัยอายุไขมนุษย์ 100 ปี
พระพุทธเจ้าศรีอริยะเมตไตย์ บังเกิดในสมัยอายุไขมนุษย์ 80,000 ปี
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่ากกุสันธะ ได้เป็นพราหมณ์โดยพระชาติ ทรงอุบัติในพราหมณสกุล เป็นกัสสปโคตร
พระชนกเป็นพราหมณ์ชื่ออัคคิทัตตะ พราหมณีชื่อวิสาขา ถือกำเนิดในสมัยพระราชาพระนามว่าเขมะ พระนครเขมวดี
พาหนะที่ทรงใช้ออกบวช คือ รถเทียมม้า มีผู้ออกบวชตาม 40,000 คน
พระผู้มีพระภาคเจ้านามว่าโกนาคมนะ ได้เป็นพราหมณ์โดยพระชาติ ทรงอุบัติในพราหมณสกุล เป็นกัสสปโคตร
พระชนกชนนีคือพราหมณ์ชื่อว่ายัญญทัตตะและอุตตรา ถือกำเนิดในพระนครโสภวดีซึ่งมีพระราชาชื่อว่าโสภะเป็นผู้ครองพระนครอยู่
พาหนะที่ทรงใช้ออกบวช คือ ช้าง มีผู้ออกบวชตาม 30,000 คน
พระผู้มีพระภาคเจ้านามว่ากัสสปะ ได้เป็นพราหมณ์โดยพระชาติ ทรงอุบัติในพราหมณสกุล เป็นกัสสปโคตร
พระชนกชนนีพระนามว่าพรหมทัตตะและธนวดี กำเนิดในพระนครพาราณสี มีพระราชาพระนามว่ากิงกี
พาหนะที่ทรงใช้ออกบวช คือ ปราสาท มีผู้ออกบวชตาม 1 โกฏิ
พระผู้มีพระภาคเจ้านามว่าโคตมะ ได้เป็นกษัตริย์โดยชาติ อุบัติในขัติยสกุล เป็นโคตมโคตร
มีพระเจ้าสุทโธทนะเป็นพระชนก พระนางศิริมหามายาเป็นพระราชชนนี ครองกรุงกบิลพัสดุ์
พาหนะที่ทรงใช้ออกบวช คือ ม้ากัณฐกะ
พระพุทธเจ้ากกุสันธะ
ต้นไม้ตรัสรู้ คือ ต้นสิรีสะ (ไม้ซีก)
ระยะเวลาบำเพ็ญเพียร 8 เดือน
ผู้ถวายข้าวมธุปายาส คือ ธิดาวชิรินธพราหมณ์ ณ สุจิรินธคม
พระพุทธเจ้าโกนาคมนะ
ต้นไม้ตรัสรู้ คือ ต้นอุทุมพร (มะเดื่อ)
ระยะเวลาบำเพ็ญเพียร 6 เดือน
ผู้ถวายข้าวมธุปายาส คือ ธิดาของพราหมณ์อัคคิโสณะ
พระพุทธเจ้ากัสสปะ
ต้นไม้ตรัสรู้ คือ ต้นนิโครธ (ไทร)
ระยะเวลาบำเพ็ญเพียร 7 วัน
ผู้ถวายข้าวมธุปายาส คือ นางสุนันทาพราหมณี
พระพุทธเจ้าโคตมะ
ต้นไม้ตรัสรู้ คือ ต้นอัสสัตถพฤกษ์ (ต้นปีปปัน)
ระยะเวลาบำเพ็ญเพียร 6 ปี (ใช้เวลามากเพราะวิบากกรรมตัดรอนที่เคยจ้างจาบการตรัสรู้ธรรมของพระพุทธเจ้ากัสสปะในพุทธันดรก่อน โดยเสวยพระชาติเป็นโชติปาละพราหมณ์)
ผู้ถวายข้าวมธุปายาส คือ นางสุชาดา
1.พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่ากกุสันธะ มีอัครสาวกชื่อวิธูระและสัญชีวะ
2.พระผู้มีพระภาคเจ้านามว่าโกนาคมนะ มีพระภิยโยสะและอุตตระเป็นพระอัครสาวก
3.พระผู้มีพระภาคเจ้านามว่ากัสสปะ มีพระติสสะและภารทวาชะเป็นคู่อัครสาวก
4.พระผู้มีพระภาคเจ้านามว่าโคตมะ มีพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเป็นอัครสาวก
พระพุทธเจ้ากกุสันธะ
ทรงแสดงธรรม 3 ครั้ง
1. ปฐมเทศนาที่อิสิปตนมิคทายวัน ใกล้มกิลนคร แก่ภิกษุ 40,000 ที่ตามเสด็จ
2. ทรงทำยมกปาฏิหาริย์ ณ โคนต้นมหาสาละ ใกล้ประตูกัณณกุชชนคร
3. ทรงประกาศสัจจะ 4 แก่ยักษ์ ชื่อ นรเทพ ที่เทวาลัยใกล้กรุงเขมวดี
พระพุทธเจ้าโกนาคมนะ
ทรงแสดงธรรม 3 ครั้ง
1. ปฐมเทศนา ธัมมจักกัปปวัตนสูตร ที่อิสิปตนมิคทายวัน ใกล้กรุงสุทัสสนนคร แก่ภิกษุ 30,000 ที่ตามเสด็จ
2. ทรงทำยมกปาฏิหาริย์ ณ โคนต้นมหาสาละ ใกล้ประตูสุนทรนคร
3. ทรงแสดงอภิธรรม 7 คัมภีร์ แก่เทวดาในเทวโลก
พระพุทธเจ้ากัสสปะ
ทรงแสดงธรรม 4 ครั้ง
1. ปฐมเทศนา ธัมมจักกัปปวัตนสูตร ที่อิสิปตนมิคทายวัน กรุงพาราณสี แก่ภิกษุ 1 โกฏิ ที่ตามเสด็จ
2-3. ทรงทำยมกปาฏิหาริย์
4. ทรงฝึกยักษ์ชื่อ นรเทพ ให้เป็นสัมมาทิฏฐิ
พระพุทธเจ้ากกุสันธะ พระบรมสารีริกธาตุอยู่ในพระสถูปสูง 1 คาวุต ที่พระวิหารเขมาราม
พระพุทธเจ้าโกนาคมนะ พระบรมสารีริกธาตุแผ่กระจายไปตามที่ต่างๆ
พระพุทธเจ้ากัสสปะ พระบรมสารีริกธาตุอยู่ในพระสถูปสูง 1 โยชน์ งดงามด้วยแผ่นอิฐทองคำและวิจิตรด้วยรัตนะ ที่พระเสตัพยาราม
พระพุทธเจ้าโคตมะ พระบรมสารีริกธาตุถูกแบ่งเป็น 8 ส่วนกระจายไปยังเมืองต่างๆ เมืองที่ 9 ได้พระอังคารไป ส่วนโทณพราหมณ์ผู้ทำการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุได้ทะนานทองที่ใช้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุไป
สมัยพระพุทธเจ้ากกุสันธะ พระบรมโพธิสัตว์ได้เสวยพระชาติเป็นกษัตริย์นาม พระเจ้าเขมะ ครองนครเขมวดี
สมัยพระพุทธเจ้าโกนาคมนะ พระบรมโพธิสัตว์ได้เสวยพระชาติเป็นกษัตริย์นาม พระเจ้าปัพพตะ ครองกรุงมิถิลนคร
สมัยพระพุทธเจ้ากัสสปะ พระบรมโพธิสัตว์ได้เสวยพระชาติเป็นพราหมณ์นาม โชติปาละ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#16
Posted 26 October 2006 - 01:36 PM
ประมาณว่าจำนวนคำถาม พอๆ กับจำนวนข้อสอบวิชานักธรรมของพระเลยนะนี่
#17
Posted 26 October 2006 - 04:53 PM
ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด
#18
Posted 27 October 2006 - 12:32 PM
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ
เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก
Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain
#19
Posted 27 October 2006 - 04:20 PM
ถ้ากอบัวนั้นไม่มีดอก หมายถึงในอสงไขยกัปนั้นจะเป็นสุญญกัปคือ
ไม่มีพระพุทธเจ้า ถากอบัวมีดอก จำนวนดอกบัวจะแสดงให้ทราบ
ถึงจำนวนพระพุทธเจ้า อย่างไรก็ดีจะมีอย่างมากที่สุดไม่เกิน ๕ ดอก
ผู้ที่สามารถเห็นดอกบัวเหล่านี้คือ พวกมหาพรหม
เสริมความรู้ ดอกบัวที่ผุดขึ้น ณ หัวแผ่นดินนั้น จะมีสีแตกต่างกัน
โดยสีของดอกบัวนั้นๆ จะเป็นสีของดอกบัวที่ใช้ไหว้พระในพระศาสนา
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นๆ
ในภัทรกัปป์นี้ มีดอกบัวผุด 5 สี คือ
สีชมพู สีเหลือง สีม่วง สีขาวและสีแดง ตามลำดับ
#20
Posted 27 October 2006 - 06:09 PM
ทำดีเรื่อยไปคร้าบ ผมเป็นกำลังใจให้
โลกจะสวยงาม ถ้ามีความอดทน
--------------------
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#21
Posted 29 October 2006 - 12:08 PM
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#22
Posted 24 June 2007 - 07:18 PM
สุดยอดจริงๆ ไม่เคยรู้เลย สาธุๆๆ
#23
Posted 17 October 2007 - 11:53 AM
#24
Posted 21 January 2008 - 10:31 AM
ต้องขอขอบคุณที่ให้ความรู้ ความกระจ่าง ขอบคุณทุกๆท่านที่ชว่ยกันตอบคำถาม
บอกดว้ยความสุจริตใจน่ะค่ะว่าชอบมากค่ะ
ลูกพระธรรม
#25
Posted 04 February 2008 - 09:30 PM
เหตุที่พระพุทธองค์ทรงปราภพ ในเรื่องการกำเนิดขึ้นของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าขอสันนิษฐานดังนี้
เป็นไปเพื่อเปรียบเทียบในเชิงการบรรลุธรรม ที่มีอยู่จริง ที่พระพุทธองค์ทรง ขยายความในส่วนต่างๆ ในอดีตที่สามารถกำหนดระยะเวลาได้ แต่หาใช่เป็นอดีตก่อนหน้าโน้น เพราะมีพระพุทธเจ้า เกิดขึ้นก่อนหน้าโน้นอีก หากนำมาเปรียบเทียบกับเม็ดทราย ที่มีมากกว่าเม็ดทรายในทวีปทั้งสี่ ( หมายถึง เม็ดทรายในแต่ละโลก ที่หมายถึง สี่โลกที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ ) นี้เอาแค่ในโลกที่เราอาศัยอยู่นี้ หากเมื่อเราเหยียบย่ำลงไปบนพื้นทราย หรือทรายที่นำมาสร้างบ้าน เราก็ไม่อาจนับได้หมดแล้ว ในนี้ร่วมถึงพระสารีริกธาตุที่เรากำลังพากันเหยียบย่ำอยู่ในปัจจุบันนี้ ในอีดตอาจเป็นพระสารีริกธาตุที่หลงเหลืออยู่ ให้เราๆท่านๆได้ระลึกถึง แล้วเรายังได้เหยียบย่ำไปบนพระสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ที่ได้เสด็จดับขันธ์นานมาแล้วในอดีตกาล ที่ยังคงสภาพอยู่ชั่วกัปชั่วกัลป์ แม้โลกนี้จะสลายไปแล้วกี่ครั้งกี่คราว เม็ดทรายเหล่านี้ก็หาได้ถูกทำลายไปหมดได้ ดังนันเม็ดทรายทั้งหลายเล่านี้จึงเปรียบดังเม็ดทรายที่ไร้ซึ่งกาลเวลา
ดังนั้นในขณะนี้ที่เรายังมีชีวิตอยู่ตอนนี้ อย่าได้เสียเวลาไปกับการไปสนใจให้มากกับเรื่อง การกำเนิดพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆในอดีตอยู่เลย จงพากันบรรทึกไว้ให้สำหรับบุคคลที่ยังติดในเรื่องความสงสัยที่ยังประโยชน์ได้น้อย เพราะถึงเราจะรู้ดีในคำจารึกสักเพียงใด ตรงจุดนี้ยังไม่สามารถทำให้เราบรรลุธรรมได้โดยง่ายอยู่ดี เพราะถ้าหากว่ายังยึดติดอยู่ที่ความเป็นผู้รู้มากในเรื่องประวัติศาสตร์ แต่ตนเองกลับวนๆอยู่แค่ตรงนี้ หลงยึดติดในรูปธรรม ไม่สลัดทิ้งไปเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระธรรม ที่มีผลดีกว่า อุปมาเหมือน ผู้เลี้ยงโคเนื้อ ถึงแม้จะรู้ดีไปทั้งหมดทุกๆเรื่องในการเลี้ยงอย่างไร้ให้ได้เนื้อดี แต่ผู้นั้นกลับไม่เคยได้นำเนื้อโคนั้นมาเป็นเนื้อของตน ด้วยการกินเนื้อนั้นเลย บุคคลผู้นั้นย่อมจะไม่เคยได้รับรู้ว่า ทั้งรสชาด และ พลังงานที่ได้มาเป็นเช่นไร เช่นเดียวกันกับ การเอาทรายมาผสมเท่ หรือฉาบเป็นเสาบ้าน เป็นผนังห้องต่างๆ ฯลฯ
ถ้าตราบใดที่ยังไม่ระลึกถึงอยู่ตลอดเวลาว่า พื้นผิวที่ย่ำเดินไปอยู่ทุกวัน เป็นดังเครื่องเตือนสติให้ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองคื แล้วเรียบเร่งปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึง เพื่อจะได้ไปขอขมาต่อพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ที่ได้ล่วงเกินโดยไม่มีเจตนา แต่ไม่อาจหลีกหนี้ไปให้พ้นได้ ในเรื่องของการเหยียบย่ำ ในทุกวันๆนี้ได้
แบบนี้ต่างหากเป็นกิจที่ควรเร่งกระทำก่อน แล้วเราจะได้ชื่อว่า เราเองรู้ลึกจริง อย่างแท้จริง
ขอความเจริญในธรรมจงบังเกิดขึ้นแด่ท่านทั้งหลายไปอย่างต่เนื่องตราบกระทั้งถึง ที่สุดแห่งธรรม คือ พระนิพพานเทอญ
อ่านจบแล้วอย่าลืมนั่งสมาธิด้วยหละ สิ่งนี้ทำเพื่อตัวของท่านเองไม่ได้ทำเพื่อใครๆ จงเห็นแก่ตัวก่อน เหมือนนิสัยผู้คนทั่วไป เห็นแก่ตัวแบบนี้ พระพุทธเจ้า ทรงสรรเสริญอย่างแน่นอน เชื่อข้าพเจ้าเถอะ