แนะนำคนไปวัดก่อนเสียอารมณ์
#1
Posted 12 October 2007 - 09:05 AM
สรุป คนที่จะไปวัดคุณต้องตั้งสติตามนี้นะครับ
1.ถ้าไม่มีรถส่วนตัวและต้องไปคนเดียว ต้องไปตัวเปล่า เพราะจุดจอดรถรับส่งไกลมาก ไม่ว่าจะลงตรงไหนก็ประมาณ 200 เมตร
2.ถ้าไม่มีรถส่วนตัว แต่มีสัมภาระ ต้องเกณฑ์ลูกหลานไปช่วยหิ้วของด้วย เหตุผลเดียวกับข้อ 1.
3.ถ้าอยากได้ความสะดวกตรงนี้ "แนะนำให้เก็บเงินซื้อรถซะ"
4.ถ้าทำทั้งสามข้อไม่ได้ก็คงต้องไปวัดใกล้บ้านแทนนะครับ
ก็อย่างนี้แหละครับ วัดก็มีเหตุผลของวัด คนอย่างผมก็แค่อยากสบาย แต่พอดีพอร้ายมันเข้ากันไม่ได้เอง
ไปทำงานหาเงินซื้อรถดีก่า รปภ.ครับ ถ้าผมยังอยากไปวัดนี้อยู่ อีกสองสามเดือนจะมีรถจอดให้ดูแลเพิ่มอีกคันแล้วนะครับ
#2
Posted 12 October 2007 - 09:25 AM
ต้องเข้าใจว่าทางวัดต้องคุมเข้ม เนื่องจากมีปัญหาผู้ไม่หวังดีเข้ามาสร้างความเดือดร้อนในวัด
เราในฐานะลูกศิษย์วัดและมีปัญญา ต้องหาทางแก้ได้แน่นอน เช่น กินข้าววัด เอามาแต่กับข้าวใส่ถุงพลาสติก ยืมชามโฟมของวัด ( อาจสร้างภาวะโลกร้อน แต่ใจเราจะได้ไม่ร้อน ) น้ำดื่มก็ของวัด ดื่มแล้วชื่นใจ
เอาใจช่วยให้ใจกลับมาแข็งแรง สู้กับกิเลสมารให้ได้นะคะ
#3
Posted 12 October 2007 - 09:38 AM
แต่คุณลองนึกดูนะครับ ผมต้องขนของหอบหิ้วเดินมาในขณะที่รถส่วนตัวขับผ่านเราไปคันแล้วคันเล่าลงไปข้างล่างได้
ผมรู้สึกว่าผมโดนเลือกปฏิบัติ วัดให้เกียรติคนมีรถมากกว่าคนที่ไม่มีรถ
ผมไม่มีสิทธิที่จะหาความสะดวกได้บ้างหรือครับ
#4
Posted 12 October 2007 - 10:02 AM
#5
Posted 12 October 2007 - 10:08 AM
จากการติดต่อสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ก็ได้รับคำตอบว่า เนื่องจากที่ผ่านมาการที่มีรถแท็กซี่เข้าไปส่งผู้โดยสารที่บริเวณใต้สภาธรรมกายสากล ส่งผลให้การจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก เพราะแท็กซี่บางคัน (แต่มีจำนวนค่อนข้างมาก) จอดกีดขวางทางจราจร ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องมีมาตรการ อันทำให้เจ้าของกระทู้ต้องได้รับความเดือดร้อน
อย่างไรก็ดีทางทีมงานจะได้นำเสนอปัญหานี้ต่อเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เพื่อให้พิจารณาหาทางออกที่เหมาะสมแก่ทุกๆฝ่าย ทั้งท่านที่มาด้วยรถส่วนตัว และท่านที่มาด้วยรถรับจ้าง ต่อไปนะครับ
อนึ่ง ทางวัดไม่ได้เลือกปฏิบัตินะครับ แต่ในเวลานี้ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ขออภัยต่อเจ้าของกระทู้ ในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นด้วยนะครับ
#6
Posted 12 October 2007 - 10:09 AM
#7
Posted 12 October 2007 - 10:13 AM
#8
Posted 12 October 2007 - 10:19 AM
ไม่คาดหวังได้พบอะไรใหม่
เป็นใจเพียงไม่อยากได้ต่อสิ่งใด
ก็จะได้ทุกสิ่งที่ต้องการ
#9
Posted 12 October 2007 - 11:11 AM
การที่มีปัญหาการจราจรติดขัดนั้น การห้ามเข้าไม่ใช่การแก้ปัญหาครับแต่เป็นการตัดปัญหาเพราะไม่อยากแก้มากกว่า (ขอโทษครับประชดอีกแล้ว) ทำไมไม่ลองสละเวลามาดูหละครับว่าทำไมรถถึงติด การจอดส่งคนหรือขนสัมภาระก็ใช่ว่าจะมีแต่แท็กซี่ รถส่วนตัวก็มาจอดขนของที่บริเวณบันไดหรือลิฟท์ก่อนนำรถเข้าจอดเหมือนกัน รถขนของของทางวัดเองก็มาจอดถ่ายของเข้าเก็บในห้องใต้บันไดเหมือนกัน(อันนี้ยืนยันเพราะทุกวันอาทิตย์ ขอย้ำ ทุกวันอาทิตย์ รถแท็กซี่ที่ผมนั่งจะต้องจอดต่อท้ายรถขนของเข้าเก็บที่ห้องใต้บันไดของทางวัดทุกวันจนผมจำหน้าอาสาสมัครที่ช่วยขนของได้แล้วครับ)
รถรับจ้างมาส่งคนแล้วก็ไป สร้างภาระให้กับทางวัดน้อยกว่ารถส่วนตัวที่มาจอดตลอดซะอีก ลองมาให้ความสำคัญของการใช้รถสาธารณะมากกว่าให้ความสำคัญของรถส่วนตัวดูบ้างซิครับ หรือกลัวเจ้าภาพใหญ่ๆเขาจะไม่มาทำบุญถ้าเอารถส่วนตัวมาไม่ได้ (ประชดอีกแล้ว แย่จัง)
อ้างว่ามีปัญหาด้านความปลอดภัย ไม่รู้ว่าคนขับเป็นใครมาจากไหนอาจสร้างปัญหาให้ได้ แล้วคนที่ขับรถส่วนตัวเข้ามาคุณรู้จักทุกคนหรือ รถตู้ที่เขาเหมามาแล้วคนขับนอนรออยู่ที่รถคุณรู้จักเขาหรือ ถ้าคนขับแท็กซี่เขารู้ว่าวัดเราไปตั้งแง่กับเขาระวังเขาจะเกลียดเอานะครับ
เมื่อห้ามแล้ว ควรหาทางออกให้กับคนที่โดนผลกระทบด้วยซิครับ ไม่ใช่ถือสิทธิฉันจะห้ามใครจะทำไมแบบนี้
#10
Posted 12 October 2007 - 11:22 AM
แต่คิดซะว่า ยิ่งลำบาก ยิ่งได้บารมีมากนะคะ หลวงพ่อท่านสอนไว้
ถ้าไม่พบความลำบาก เราจะได้บุญ ได้บารมีได้อย่างไร
ยิ่งลำบาก ก็ขอให้ยิ่งไม่หวั่น อย่าให้มีอะไระมาขวางกั้นหนทางสร้างบารมีเราได้นะคะ
คุณจะมีประวัติการสร้างบารมี ที่สวยงามมากเลย
บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การสร้างบารมีส่วนตัวไว้เลยค่ะ
ในอนาคตข้างหน้า เมื่อคุณร่ำรวยประสบความสำเร็จแล้ว
คุณอาจะเป็นคนหนึ่งที่ขึ้นในรายการ สู้ต่อไป
ก็อย่าลืมนำเหตุการณ์ตอนนี้ไปเล่าให้สาธุชนฟังด้วยนะคะ
ว่าหนทางการสร้างบารมี ผ่านอะไรมาบ้าง
และหวังว่าทางฝ่ายจราจรจะมีทางแก้ไชให้ดีขึ้นนะคะ
อธิษฐานช่วยให้ทุกท่านได้มีหนทางการสร้างบารมีที่สะดวกสบายทุกๆท่านเลยนะคะ
สาธุ
#11
Posted 12 October 2007 - 11:30 AM
แล้วมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ โดยที่ รปภ.ไม่อธิบายเหตุผล บอกเพียงแค่ให้จอดแท็กซี่ตรงนี้ห้ามลงชั้นล่าง
ของสภาฯ แต่รถส่วนตัวกลับลงได้ เจออะไรกะทันหันแบบนี้แล้วไม่มีคำอธิบาย ยอมรับครับว่าสับสนและใจขุ่นชั่วขณะ
บางทีทำให้คิดว่ามันเหมือนกับแบ่งชนชั้นวรรณะ มันสับสนอยู่ในหัว ตัวผมไม่เท่าไหร่แต่ห่วงแม่ที่ขาไม่ค่อยดี
พยายามคิดในแง่ดีและอธิบายให้แม่ฟังว่าแท็กซี่คงทำให้เกิดปัญหา พยายามให้คิดถึงส่วนรวมเป็นหลัก
ก็พอผ่อนคลายลงไปบ้าง แต่ถ้าทางวัดมีคำอธิบายที่มีเหตุผลชัดเจนว่าทำไมทำไม่ได้ เกิดปัญหาอะไร
ก็จะทำให้คนที่เจอเหตุการณ์นี้ สับสน ใจขุ่น หรือน้อยใจ ลดลง ไม่ใช่แค่สั่งห้ามลงแล้วไม่อธิบาย
ปล่อยให้คนที่เจอเหตุการณ์นี้ งง สับสน มีคำถามอยู่ในหัวมากมาย
และทางวัดควรหาวิธีแก้ไขโดยด่วน ถ้าแท็กซี่ลงด้านล่างของสภาฯแล้วจอดรถกีดขวางขณะส่งผู้โดยสาร
ก็ควรหาจุดจอดรถส่งผู้โดยสารให้เป็นที่เป็นทาง ไม่ให้ขวางทางจราจร ให้จัดระเบียบให้ดี
ถ้าไม่ให้รถแท็กซี่ลงด้านล่างสภาฯ แล้วผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ขาไม่ค่อยดี แล้วไม่มีรถส่วนตัวจะทำยังงัย
และผู้ที่เกี่ยวข้องควรมีคำอธิบายให้ชัดเจนอย่างเป็นทางการด้วยครับว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น
กำลังแก้ไขอยู่ตอนนี้ไม่ให้ลงชั้นล่างชั่วคราว หรือไม่ให้ลงอย่างถาวร
ไม่ใช่รู้กันเพียงแค่วงแคบๆ เฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้น
#12
Posted 12 October 2007 - 11:50 AM
#13
Posted 12 October 2007 - 12:47 PM
ตอนนี้ก็นึกออกแต่
อาสาสมัครช่วยแบกสัมภาระ+รถเข็น !!!
#14
Posted 12 October 2007 - 01:00 PM
#15
Posted 12 October 2007 - 01:01 PM
เป็นปกติของคนที่เจออะไรแบบนี้ก็ย่อมรู้สึกแย่ น้อยใจเป็นธรรมดา
แต่อยากขอให้คุณทัพพีในหม้อเข้มแข็งไว้ก่อนนะคะ
แล้วทำใจใสๆเย็นๆ มองดูว่านี่คือการพยายามแก้ปัญหาของวัด
ที่เมือมีปัญหาต่างๆเกิดขึ้น วัดก็จะพยายามแก้ไขให้ดีที่สุด
แต่ในความเป็นจริงมันอาจยังไม่ดีพอ เพราะยังไม่รู้ว่าสิ่งที่แก้จะแก้ปัญหา
ได้จริงรึป่าว พวกเราซึ่งตั้งใจดีที่จะมาทำบุญ ก็ย่อมต้องการให้วัด
แก้ปัญหาต่างๆได้ดี และเมือเราเห็นว่าการแก้แบบนี้ยังมีปัญหาอยู่
เราก็ใจเย็นๆแล้วแจ้งกับทางวัดดีดี ดีมั้ยคะ เพื่อจะให้ทางวัดมีข้อมูล
ในการแก้ปัญหาให้ดียิ่งๆขึ้นต่อไปนะคะ
ถ้าเรามองให้ลึกถึงเจตนาจะรู้ว่าทางวัดเจตนาดี (แต่ผลออกมาอาจยังทำได้ไม่สมบูรณ์)
และเราก็มีเจตนาดีในการทำบุญ เราทั้ง2มาช่วยเหลือกันทำให้งานบุญของ
เราก้าวหน้าและสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆนะคะ
คุณทัพพีเป้นส่วนหนึงนะคะ ทีจะช่วยกัน
เพราะเรามีเจตนาเดียวกันคะ สาธุและอนุโมทนาบุญด้วยนะค๊า
#16
Posted 12 October 2007 - 01:11 PM
รบกวนผู้เกี่ยวข้องแก้ไขด้วยนะคะ
คุณทัพพีในหม้อก็ใจเย็นๆก่อนนะคะ อย่างน้อยกระทู้นี้ก็จะทำให้เกิดประโยชน์กับอีกหลายๆท่านที่ประสบปัญหาเดียวกันค่ะ
#17
Posted 12 October 2007 - 01:13 PM
เข้าใจนะคะว่าคุณจะรู้สึกยังไง เป็นปกติของคนที่เจออะไรแบบนี้ก็ย่อมรู้สึกแย่ น้อยใจเป็นธรรมดา
แต่อยากขอให้คุณทัพพีในหม้อเข้มแข็งไว้ก่อนนะคะ
แล้วทำใจใสๆเย็นๆ มองดูว่านี่คือการพยายามแก้ปัญหาของวัด
ที่เมือมีปัญหาต่างๆเกิดขึ้น วัดก็จะพยายามแก้ไขให้ดีที่สุด แต่ในความเป็นจริงมันอาจยังไม่ดีพอ
เพราะยังไม่รู้ว่าสิ่งที่แก้จะแก้ปัญหาได้จริงรึป่าว ยังขาดตกอะไรบ้าง
พวกเราซึ่งตั้งใจดีที่จะมาทำบุญ ก็ย่อมต้องการให้วัดแก้ปัญหาต่างๆได้ดี
และเมือเราเห็นว่าการแก้แบบนี้ยังมีปัญหาอยู่ เราก็ใจเย็นๆแล้วแจ้งกับทางวัดดีดี ดีมั้ยคะ
เพื่อจะให้ทางวัดมีข้อมูล ในการแก้ปัญหาให้ดียิ่งๆขึ้นต่อไปนะคะ
ถ้าเรามองให้ลึกถึงเจตนาจะรู้ว่าทางวัดเจตนาดี (แต่ผลออกมาอาจยังทำได้ไม่สมบูรณ์)
และเราก็มีเจตนาดีในการทำบุญ เราทั้ง2มาช่วยเหลือกันทำให้งานบุญของ
เราก้าวหน้าและสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆนะคะ
คุณทัพพีเป้นส่วนหนึงนะคะ ทีจะช่วยกัน
เพราะเรามีเจตนาเดียวกันคะ สาธุและอนุโมทนาบุญด้วยนะค๊า
#18
Posted 12 October 2007 - 02:24 PM
สร้างบุญต่อไปนะครับ อย่าให้กิเลสมาร มารขัดขวาง เพราะบุญเป็นบ่อเกิดให้ความสำเร็จ บาปทำให้ชีวิตเราตกต่ำ แล้วสักวันจะเห็นผลที่ทำ เหมือนตอนนี้ที่ผมเห็นผลของบุญ (ถ้าวันหน้าผมเห็นคนถือของหนัก ผมจะรีบไปช่วยเลยครับ เพื่อจะได้ช่วยกันรักษาบรรยากาศ และใจ ให้ใสๆๆ จะได้บุญกันไปเต็มที)
#19
Posted 12 October 2007 - 02:30 PM
แต่ก็สาธุชนมากันเยอะ ก็น่าเห็นใจ รปภ. เหมือนกันนะครับ เพราะถ้าอนุญาตอาจจะเกิดเหตุในภายหน้าเกี่ยวกับการจัดระเบียบได้
ทำใจใสๆ ว่าอย่างไรว่าตามกันครับ
#20
Posted 12 October 2007 - 02:41 PM
#21
Posted 12 October 2007 - 03:25 PM
เมื่อก่อน ตอนวัดยังไม่มีอะไร คนรุ่นเก่าๆที่มาสร้างบารมี มาตั้งแต่ยังไม่มีทางเดิน
ลุยโคลนกันเข้ามา ไม่มีศาลาใหญ่ๆหลบแดดด้วยกระมัง ต้องเดินถือร่มกันมาเป็นแถวๆ
น่าจะห้องน้ำก็ไม่สะดวก เพราะยังอยู่ช่วงระหว่างสร้างใหม่ๆ
อาหารการกิน ก็ไม่น่าจะมีมาก ไม่น่ามีบริการให้เหมือนปัจจุบัน มีทั้งข้าวและน้ำ
เข้าใจว่า หนทางที่จะเข้ามาถึงวัด ก็น่าจะลำบากกว่านี้ค่ะ ถนนน่าจะเป็นลูกรัง
เพราะสมัยนั้น ยังไม่เจริญเท่านี้ แต่พวกเขาก็มาสร้างบารมีกันตั้งแต่ยุคแรกๆ
เคยอ่านหนังสือของหลวงพ่อทัตตะชีโว ว่าท่านเคยทำงานแล้วอั้นปัสสาวะนานๆ เพราะความที่ต้องลุยงาน
และคงห้องนำห้องท่า สมัยนั้นยังไม่สะดวกสบายเท่านี้
คิดอย่างนี้ เราคงรู้สึกว่าตอนนี้สบายกว่าเยอะนะคะ
จริงๆแล้ว เห็นใจคุณทัพพีในหม้อ มากๆเลยละ แต่ความสะดวกสบายคงจะตามมาในไม่ช้า
ถ้างานก่อสร้างหลายๆอย่างเสร็จ และเข้าที่เข้าทางมากกว่านี้ ถ้าเราเข้าใจว่าการแก้ปัญหาบางอย่าง
ต้องใช้เวลา เราก็จะสบายใจและไม่ขุ่นเคือง
เพราะวัดเองอยากให้คนมาวัดเยอะๆ อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ไม่อย่างนั้น คงไม่มีการก่อสร้างรองรับ
สาธุชนอีกมากมายในอนาคตหรอกค่ะ อดใจรออีกหน่อย เดี๋ยวทุกอย่างก็เข้าที่เองแหละ รับรองว่าต้องมี
บริการให้สาธุชนที่ต้องเดินไกล เข้าสภาได้สะดวกกว่านี้อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นทางวัดคงไม่จัดรถให้สาธุชนมาวัด
อย่างสบายๆหรอกนะคะ
ใจเย็นๆนะคะ อย่าเพิ่งน้อยใจ อย่าประชดใครเลย เดี่ยวบุญหกหล่นหมด
วันหลังหากมีสัมภาระมาเยอะๆ ลองโบกรถสาธุชนที่พอว่างๆ เข้าไปก็ได้นะคะ
มั่นใจว่า คนวัดเราอยากได้บุญกันมาก คงมีคนอาสารับไปส่งค่ะ
ขอให้มาสร้างบารมีต่อไปนะ มีเพื่อนๆ เห็นใจคุณเยอะเลย
#22
Posted 12 October 2007 - 04:10 PM
1 ) มุมมองของสาธุชน อุปมาเหมือน คนใช้บริการ
2 ) มุมมองของเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านความปลอดภัยและดูแลความเป็นระเบียบ ของอาคาร ( ผู้ให้บริการ )
1 ) มุมมองของสาธุชน
ข้อควรปรับปรุงแก้ไข กรณีนี้ เกิดจาก การขาดความรอบรู้ ขาดการมองภาพรวมของ คณะบริหารงาน
ในกรณีนี้หมายถึง เจ้าหน้าที่บริหาร ด้านความปลอดภัยและดูแลความเป็นระเบียบ ของอาคาร ว่า
การกำหนดไม่ให้ รถยนต์รับจ้างสาธารณะ ทั้งรถตู้และ taxi ห้ามเข้ามาส่งสาธุชน ในอาคาร
จะมีสิ่งกระทบต่อเนื่องสาธุชน ที่ไม่ใช้รถยนต์ส่วนบุคคลอย่างไรบ้าง เช่น
ความไม่สะดวก ความลำบากของผู้สูงอายุ สุขภาพไม่ดี ผู้มีสัมภาระ ที่นำมาด้วย
รวมถึง การกระทบต่อศรัทธา ว่า
ทำให้สาธุชน เกิดความรู้สึกว่า มีการแบ่งชนชั้น หรือไม่ให้ความสำคัญสาธุชนบางกลุ่มเท่าที่ควร
ถ้าเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านความปลอดภัยและดูแลความเป็นระเบียบ ของอาคาร ใช้วิธีนี้เพียงเพราะ
ป้องกัน taxi บางคัน / หลายคัน กีดขวางการจราจร ทำให้ช่วงใกล้เวลาปฏิบัติธรรม รถยนต์ส่วนบุคคลที่จะเข้าอาคารติดมาก
แต่ก็ควร
1 ) ให้ความสำคัญถึงผลกระทบ ต่อความไม่สะดวก ความลำบากของผู้สูงอายุ สุขภาพไม่ดี ผู้มีสัมภาระ ที่นำมาด้วย
รวมถึง การกระทบต่อศรัทธา
2 ) หาวิธีบรรเทา ปัญหาในข้อ 1 ) เช่น
กำหนดจุดส่งสาธุชน ของ taxi ให้สะดวกกว่านี้ เดินใกล้กว่านี้
ประสานงานเจ้าหน้าอาสาสมัคร ที่เกี่ยวข้อง เช่น
จนท. จราจร เพื่อกำหนดป้ายทางเดินรถหรือโบก taxi ไปเส้นทางที่สะดวกกว่านี้
จนท. ต้อนรับ สาธุชน ให้ไปเปิดจุดบริการ wheel chair สำหรับผู้สูงอายุ + รถซาเล้งในการลำเลียงสัมภาระ
ข้อคิด
จริงอยู่ว่า วิธีแก้ไขปัญหา โดยกำหนดไม่ให้ รถยนต์รับจ้างสาธารณะ ทั้งรถตู้และ taxi ห้ามเข้ามาส่งสาธุชน ในอาคาร
จะง่ายดี + ไม่เพิ่มงาน/ภาระ ของเจ้าหน้าที่
แต่ไม่ควรลืม ว่า วัด อยู่ด้วยศรัทธาของสาธุชน
จึงควรให้ความสำคัญ ในการบริหาร รักษาศรัทธาสาธุชนทุกกลุ่มให้ใกล้เคียงกัน
ทุกปัญหามีวิธีแก้ไข มีทางออกปัญหา อื่น ๆ อีกมากมาย
ในกรณีนี้ ผมคิดว่า เจ้าหน้าที่บริหาร ด้านความปลอดภัยและดูแลความเป็นระเบียบ ของอาคาร
ไม่ควรดูเบา สาธุชนที่ขาดความพร้อมบางอย่าง ในการทำความดี เช่น ทรัพย์ ยานพาหนะ สุขภาพไม่ดี
ต้องรู้สึก มีการแบ่งชนชั้น หรือไม่ให้ความสำคัญสาธุชนบางกลุ่มเท่าที่ควร เลยนะครับ
2 ) มุมมองของเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านความปลอดภัยและดูแลความเป็นระเบียบ ของอาคาร
ทุกงานในโลกนี้ ไม่มีงานไหนมีความสมบูรณ์แบบโดยแท้
และมีทั้งข้อด้อย ข้อบกพร่อง มีจุดแข็ง/จุดอ่อนในตัวมันเองทั้งนั้น
ผมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่บริหาร เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ยุวชน เยาวชน อาสาสมัครของวัดพระธรรมกาย
ต่างก็มีกุศลเจตนา มีความเสียสละ ทุ่มเททำหน้าที่ เหน็ดเหนื่อย ตรากตรำ ในการเตรียมสถานที่ ในการเตรียมงานบุญ
เพื่ออำนวยความสะดวก ความสบายใจแก่สาธุชนทุกท่าน
ให้มาวัดทำความดี สั่งสมบุญ บำเพ็ญทาน รักษาศีล
ที่สำคัญเวลาปฏิบัติธรรม เจริญสมาธิภาวนา
สาธุชนจะได้ใจสงบ หยุด นิ่ง เข้าถึงธรรมภายในกันได้อย่างง่าย ๆ สบาย ๆ
รวมถึงวัฒนธรรมชาวพุทธที่สะอาด สงบ สง่างาม อย่างที่จะหาสถานที่ไหนได้ยากอยู่แล้ว นะครับ
จะว่าไปแล้ว งานอำนวยความสะดวก ความสบายใจแก่สาธุชน ของเหล่าเจ้าหน้าที่ทุกท่าน
เป็นภาระที่หนักหน่วงมากพอสมควร
ต้องใช้ความเสียสละ ความทุ่มเท ทั้งแรงกาย ที่เหน็ดเหนื่อย ตรากตรำ ในการเตรียมสถานที่ ในการเตรียมงานบุญ
และแรงใจ เมตตา กรุณา ความปรารถนาดี มากพอสมควร
กิจกรรม งานกุศล ของวัดพระธรรมกาย จึงมีวันนี้ได้
หากมีความบกพร่อง และข้อควรปรับปรุงแก้ไขใด ๆ ของวัดพระธรรมกาย
ผมคิดว่า เจ้าหน้าที่บริหาร เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ยุวชน เยาวชน อาสาสมัครของวัดพระธรรมกาย
ก็ยินดีที่จะปรับปรุงแก้ไข พัฒนาให้ดียิ่งขึ้น อยู่แล้วนะครับ
ทั้งในเรื่องประสิทธิภาพ ประสิทธิผลของการทำงาน
ในเรื่องของ ความปิติ อิ่มเอมใจในการสร้างทานกุศล
และการปฏิบัติธรรม ที่ละเอียด ลุ่มลึกไปตามลำดับของทุกคนที่มาวัดพระธรรมกาย
ดังนั้น หากว่าเราแต่ละคน เห็นความบกพร่อง และข้อควรปรับปรุงแก้ไขใด ๆ ของวัดพระธรรมกาย
ผมคิดว่า
คุณสมควร แสดงความคิดเห็นต่อปัญหา ให้คำชี้แนะ แนวทางแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้นะครับ
แต่ควรเป็นในเชิงสร้างสรรค์ เพื่อชี้ขุมทรัพย์ ติเพื่อก่อควบคู่กับปิยะวาจา ด้วยนะครับ
ขออนุโมทนา เจ้าของกระทู้และทุกท่านที่เป็นกัลยาณมิตร ให้กันและกัน ด้วยนะครับ สาธุ
#23
Posted 12 October 2007 - 04:33 PM
#24
Posted 12 October 2007 - 04:33 PM
#25
Posted 12 October 2007 - 04:34 PM
และผมก็เคยเจอเหตุการณ์แบบเจ้าของกระทู้ แต่ด้วยอายุยังน้อย สุขภาพยังแข็งแรงพอใจ ก็เลยคิดว่าเดินก็ได้ไม่มีปัญหา แต่บอย ๆ เขาก็ไม่ไหวเหมือกัน เพราะวัดเราพื้นที่ใช่น้อยซะเมื่อไหร่ ผมเดินจากจุดรักษาความปลอดภัยหน้าวัด ไปสภาธรรมกายสากล มือทั้ง 2 ก็หิ้วของพลุงพลังเลย และหลังจากวันนั้น ก็ไม่เจอเหตุการแบบนั้นอีก จนกระทั้งได้รับรู้ว่ามีเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้ว ยังงัยรบกวนผู้เกี่ยวข้องช่วยหาทางออกที่ดีด้วยนะครับ เพราะผมก็หนึ่งในจำนวนผู้ไม่มีรถส่วนตัว และเวลาที่คุณแม่ผมมาจากต่างจังหวัด ผมก็ใช้บริการรถ TAXI รับคุณแม่จากสนามบินเดินทางมาวัดเช่นกัน ทำอย่างงี้มาโดยตลอด อย่าได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงที่ดูจะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยนะครับ "เมื่อมาวัดยากใครบ้างอยากจะมาถูกหมั้ยครับ"
#26
Posted 12 October 2007 - 04:58 PM
จึงได้วางกฏให้เคร่งครัดขึ้น เพื่อให้เกิดความมีระเบียบ
ผู้ปฏิบัติ ในหลายระดับ บางคน ก็อาจจะยึดถือกฏระเบียบอย่างจริงจังเกินความพอดี
จนบางสถานนะการณ์ ก็เกิดผลเสียขึ้นได้
ผมว่า ทุกฝ่ายคงเปิดใจเปิดรับฟังปัญหา และแก้ไข ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นนโยบายของวัดอยู่แล้วครับ
#27
Posted 12 October 2007 - 05:11 PM
แต่จะด้วยสถานการณ์ใดๆก็ตาม ผมก็ยังมาวัดเป็นปกติ จะลำบากมาก หรือลำบากน้อย หรือสบายมาก
หรือสบายน้อย ผมคิดว่าอยู่ที่....ใจของเราเองต่างหาก ที่จะมองสถานการณ์ว่าที่เราเจอ เราจะรักษาใจ
ของเราให้ใสๆเอาไว้ได้อย่างไร.....คงไม่มีอะไร ถูกใจ และ ได้ดั่งใจ เราไปหมดเสียทุกอย่าง
หลวงพ่อท่านจึงอธิฐานขอพรกับพระพุทธเจ้าว่า....ขอให้มีความอดทน....นั่นก็จะเป็นการชี้ให้เห็นแล้วว่า
จะรวย จะจน จะสบายมาก จะสบายน้อย มันไม่ใช่ปัญหาเลย
วัดเรากำลังพัฒนาครับ ยังไม่สมบรูณ์ในทุกๆด้าน ทุกๆทาง ใจเย็นๆครับ (ผมว่าถ้าหากคุณเจอเหตุการณ์
ที่ต้องลงกลางทางอีกครั้ง คุณจะไม่ลองขอความช่วยเหลือจากผู้ที่มีรถหน่อยหรือครับ เขาคงไม่ใจร้าย
เพราะผมเอง รับคนเดินกลางทางมาเป็นประจำ) เอาใจช่วยน่ะครับ สู้ สู้
#28
Posted 12 October 2007 - 06:39 PM
สู้ โว๊ย...
#29
Posted 12 October 2007 - 07:54 PM
ก็ขอให้กำลังใจทุก ๆ คน ที่ลำบากค่ะ
เราเกิดมาสร้างบารมีค่ะ ทำใจให้ใสให้มากที่สุด ขณะไม่เผลอสติ
แต่ถ้าเริ่มขุ่น ก็เตือนตัวเองให้ปล่อยวาง
แล้วสอนตัวเองว่าเกิดมาทำไม จะช่วยให้ขุ่นน้อยลง
ลองดูนะคะ สู้ สู้ แล้วไปด้วยกันเป็นทีมนะคะ
#30
Posted 12 October 2007 - 08:18 PM
ผมอยากเสนอให้ มีจุดสำหรับส่งแท๊กซี่โดยเฉพาะ จะได้ไม่กีดขวางทางจราจร จะเป็นชั้น1 หรือชั้น2ก็ได้ สำหรับคนที่มีสัมภาระเยอะ ก็ให้น้องๆอาสาสมัครมาช่วยขน แบบเดียวกับพิธีตักบาตร
เห็นด้วยกับความเห็นข้างบน ว่าวัดอยู่ได้เพราะศรัทธาญาติโยม ผู้ที่ดูแลเรื่องการอำนวยความสะดวกญาติโยม ต้องมี Service Mind มากกว่านี้ครับ
ไม่งั้นต่อไป หลวงพ่อไม่อยู่แล้ว วัดจะลำบากนะ