Jump to content


Photo
- - - - -

ทําสิ่งแวดล้อม ให้เป็นปฏิรูปเทส ( ๑ )


  • You cannot start a new topic
  • Please log in to reply
No replies to this topic

#1 kuna

kuna
  • Members
  • 780 posts
  • Gender:Male

Posted 13 March 2006 - 05:21 PM

[attachmentid=3080]

คนเราหากตกอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี ถึงจะมีความรู้ความสามารถ ก็ยากที่จะเอาดีได้ แต่ถ้าอยู่ในถิ่นที่เหมาะสมแล้ว ก็สามารถสร้างความเจริญก้าวหน้าได้โดยง่าย
ความทุกข์ยากลำบากเป็นสิ่งที่สรรพสัตว์ต่างไม่พึงปรารถนา แม้บางคนจะมั่งคั่งด้วยทรัพย์สินเงินทอง หรือยศถาบรรดาศักดิ์ แต่ยังต้องทุกข์ใจในหลายๆ เรื่อง บางคนเพียรแสวงหาความสุขทั้งชีวิตแต่ก็ยังไม่พบความสุขที่แท้จริง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงค้นพบว่า หนทางที่จะนำไปสู่ความสุขอันเป็นอมตะนิรันดร์ คือต้องทำใจให้หยุดนิ่ง ให้ใสบริสุทธิ์ ถึงจะหลุดพ้นจากต้นเหตุแห่งทุกข์ หลุดพ้นจากความไม่รู้ คืออวิชชา และกลายมาเป็นผู้รู้แจ้ง การฝึกฝนใจให้หยุดให้นิ่ง เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตของผู้ที่ปรารถนาความรู้แจ้ง เพื่อมุ่งสู่ความพ้นทุกข์และได้พบกับความสุขอันเป็นนิรันดร์ ในมงคลสูตรได้กล่าวถึงการเป็นผู้อยู่ในถิ่นที่เหมาะสมว่า
“คนเราหากตกอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี ถึงจะมีความรู้ความสามารถ ก็ยากที่จะเอาดีได้ แต่ถ้าอยู่ในถิ่นที่เหมาะสมแล้ว ก็สามารถสร้างความเจริญก้าวหน้าได้โดยง่าย”
ถิ่นที่เหมาะสม หมายถึง ถิ่นที่มีสิ่งแวดล้อมดี ไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่ร่างกายและจิตใจ อีกทั้งยังสนับสนุนให้ผู้อยู่อาศัยสามารถประกอบกิจการงาน อันเป็นสัมมาอาชีพให้เจริญก้าวหน้าได้โดยง่าย และยังสร้างสมคุณงามความดีได้เต็มที่อีกด้วย โดยเฉพาะถิ่นที่เหมาะสมต่อการสร้างบารมี ซึ่งไม่ได้มาง่ายๆ ต้องอาศัยบุญวาสนาในปางก่อน ที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ประกอบกับการอธิษฐานที่ได้ตั้งความปรารถนา ขอให้ได้ไปบังเกิดในปฏิรูปเทส ในบวรพระพุทธศาสนา ในครอบครัวที่เป็นสัมมาทิฏฐิ จะได้สั่งสมบุญได้อย่างสะดวกสบายง่ายดาย
การได้เกิดในบวรพระพุทธศาสนานี้ ถือว่าเป็นปฏิรูปเทส อันอุดมมงคล เพราะได้ทัสสนานุตตริยะ คือการเห็นอันประเสริฐ เห็นพระรัตนตรัย ได้ศึกษาศีล สมาธิ ปัญญา มีโอกาสบำรุงพระพุทธศาสนา ได้การระลึกอันประเสริฐ คือใจจะผูกพันอยู่กับพระรัตนตรัย ทำให้ไม่ประมาทในชีวิต อีกทั้งเป็นเหตุให้ได้ที่พึ่งอันสูงสุด คือได้เข้าถึงพระรัตนตรัย ได้อริยทรัพย์ และหนทางไปสู่สวรรค์และนิพพาน
ปัจจุบันมีนักสร้างบารมีหลายท่านมักรำพึงว่า จะทำบุญกุศลก็ทำได้ไม่เต็มที่ เพราะอยู่ในแวดวงของคนที่ไม่ค่อยเลื่อมใสพระพุทธศาสนา บางท่านมีครอบครัวที่อยู่ห่างจากวัดวาอาราม มาวัดก็ไม่สะดวก จะหาพระสงฆ์เดินบิณฑบาตผ่านหน้าบ้านก็ไม่มี บางทีแม้มีทั้งทรัพย์สมบัติ มีเนื้อนาบุญมาโปรด แต่ครอบครัวกลับไม่สนับสนุน ห้ามทำบุญก็มี บางรายถึงขั้นครอบครัวไม่ยอมให้มาวัดก็มี
ที่เป็นเช่นนี้ เพราะไม่ได้อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม จึงทำให้การสร้างบารมีติดๆ ขัดๆ แต่สำหรับยอดนักสร้างบารมีเช่นเรา อย่างไรก็ต้องสร้างบารมี เราจะไม่ยอมให้อุปสรรคเหล่านั้น มาเป็นข้อแม้ข้ออ้างและเงื่อนไข วิสัยที่แท้จริงของนักสร้างบารมี จะไม่ยอมเสียเวลากับอุปสรรคดังกล่าว ไม่มัวรอคอยโอกาส แต่จะสร้างโอกาสขึ้นมาทดแทน ดังเรื่องของมหาอุบาสิกาวิสาขา ที่เราเคยได้ยินได้ฟังการบำเพ็ญมหาทานบารมีของท่านเสมอ ประวัติการสร้างบารมีของ มหาอุบาสิกาวิสาขา เราได้ติดตามกันมาบ้างแล้ว ส่วนประเด็นในครั้งนี้ จะให้พิจารณาถึงความเฉลียวฉลาดและการทำตนเป็นยอดกัลยาณมิตร ที่สามารถเปลี่ยนบุคคลผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิในครอบครัวให้กลับมาเป็นสัมมาทิฏฐิได้ ทำให้การอยู่ในถิ่นที่ไม่เหมาะสมเดิมนั้น กลับเปลี่ยนมาเป็นสถานที่เหมาะสมต่อการสร้างบารมีได้ในที่สุด


*เรื่องของมหาอุบาสิกาวิสาขาตอนหนึ่งมีอยู่ว่า คราวที่ได้แต่งงานกับลูกชายของมิคารเศรษฐีชื่อ ปุณณวัฒนกุมาร ก่อนที่จะออกเดินทางจากบ้านของ ธนัญชัยเศรษฐี ผู้เป็นบิดา ท่านเศรษฐีได้ให้โอวาทแก่นางไว้ว่า “ลูกเอ๋ย ธรรมดาว่าสตรีจะอยู่ในสกุลสามี ควรจะศึกษามารยาทของการเป็นคนดีศรีสะใภ้ไว้ว่า ไฟในไม่พึงนำออก ไฟนอกก็อย่านำเข้า พึงให้แก่ผู้ที่ให้ ไม่พึงให้แก่ผู้ที่ไม่ให้ พึงให้ ทั้งแก่ผู้ที่ให้ และทั้งแก่ผู้ที่ไม่ให้ พึงนั่งให้เป็นสุข พึงบริโภคให้เป็นสุข พึงนอนให้เป็นสุข พึงบำเรอไฟ และพึงนอบน้อมเทวดาภายใน”
ครั้นให้โอวาท ๑๐ ข้อนี้แล้ว รุ่งขึ้นบิดาได้ส่งตัวลูกสาว ไปอยู่ที่บ้านของสามี สำหรับโอวาททั้ง ๑๐ ข้อ ที่ผู้เป็นพ่อมอบให้นั้น แม้กล่าวอย่างย่อๆ เข้าใจกันเพียงพ่อลูกสองคนเท่านั้น ด้วยความที่ท่านเป็นกุลสตรีที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดมาก จึงสามารถเข้าใจได้ตลอดโดยไม่มีข้อสงสัย บังเอิญ ท่านมิคารเศรษฐี ผู้เป็นพ่อของว่าที่สามี นั่งอยู่ในห้องข้างๆ ได้ยินถ้อยคำนั้นเข้า เกิดความคลางแคลงสงสัย และไม่พอใจ ได้แต่เก็บความรู้สึกนั้นไว้เงียบๆ เพียงคนเดียว
วันที่นางวิสาขาย้ายไปอยู่กับครอบครัวของพ่อสามีนั้น ธนัญชัยเศรษฐีผู้เป็นพ่อ ได้มอบเครื่องประดับชื่อ มหาลดาปสาธน์ ซึ่งมีค่า ๙ โกฏิ และให้ทรัพย์อีก ๕๔ เล่มเกวียน เป็นมูลค่าสำหรับผงเครื่องหอมเอาไว้ผสมน้ำอาบ ให้สาวใช้รูปสวย ๕๐๐ นาง คอยปรนนิบัติธิดาระหว่างการเดินทาง ให้รถเทียมม้าอาชาไนย ๕๐๐ คัน เครื่องสักการะทุกอย่างๆ ละหนึ่งร้อย นอกจากนี้ยังได้มอบโคให้ติดตามไปอีกด้วย
วิธีการคือ ท่านเศรษฐีได้เรียกพนักงานดูแลคอกโคมา แล้วสั่งให้แบ่งโคนม และโคใช้งาน เพื่อเทียมเกวียนให้ลูกสาว โดยให้โคใช้งานที่อ้วนพี ๘ ตัว เป็นตัวนำฝูงโค เมื่อประตูคอกเปิดออก บรรดาแม่โคทั้งหลายที่อ้วนพีก็ทยอยกันออกไป แต่ทันทีที่ประตูปิดลง ฝูงโคที่มีกำลังก็โลดแล่นออกไปข้างนอกอีกหลายพันตัว พากันเดินติดตามนางไปเป็นขบวนยาวทีเดียว ที่เป็นเช่นนั้น เพราะแรงบุญที่รักในการถวายทานมาหลายภพหลายชาติ โดยเฉพาะในสมัยของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า นางเกิดเป็นพระธิดาของพระราชา ทุกครั้งที่ทำบุญ จะรู้สึกอิ่มเอิบเบิกบาน แม้พระสงฆ์จะบอกว่า พอแล้วโยม นางก็ยังยินดีที่จะทำให้ยิ่งๆ ขึ้นไป มือก็ยังคงตักข้าวไป พลางกล่าววาจาเชื้อเชิญพระคุณเจ้าโปรดรับอาหารหวานคาวที่อุตส่าห์ ตระเตรียมอย่างประณีตด้วยตนเอง ด้วยผลแห่งบุญนั้น แม้คนดูแลจะปิดประตูคอกแล้ว ฝูงโคหลายพันตัวก็ยังกระโดดออกจากคอกติดตามไปด้วย
ครั้นพาหมู่คณะย้ายมาอยู่ที่บ้านของมิคารเศรษฐีแล้ว นางตั้งใจทำหน้าที่ของศรีสะใภ้ที่ดีได้ครบสมบูรณ์ทุกอย่าง
แต่สิ่งหนึ่งที่นางปรารถนามากๆ และยังไม่มีโอกาสทำ คือ การถวายสังฆทานแด่ภิกษุสงฆ์ เพราะตระกูลฝ่ายสามีเป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่มีความศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนา แต่ไปศรัทธาในลัทธิ ชีเปลือยด้วยความเข้าใจผิดว่า ชีเปลือยเหล่านั้นเป็นพระอรหันต์
เนื่องจากนางเป็นผู้มีปัญญา ดังนั้นแม้จะอยู่ในแวดวงของผู้ที่ไม่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา นางก็พยายามหาวิธีทำบุญจนได้ และสามารถเปลี่ยนความเชื่อถือศรัทธาของทั้งพ่อแม่สามี รวมถึงเหล่าข้าทาสบริวารให้หันมานับถือพุทธศาสนาอีกด้วย

สำหรับพวกเราซึ่งได้เกิดมาในบวรพระพุทธศาสนา มีครอบครัวที่เป็นสัมมาทิฏฐิ เคารพในพระรัตนตรัย ขอให้ใช้โอกาสที่ดีนี้ สั่งสมบุญบารมีให้เต็มที่ อย่าให้โอกาสดีๆ นี้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ อย่าประมาทและอย่าชะล่าใจ บุญกุศลอันใดที่ยังบกพร่องอยู่ ต้องรีบเติมให้เต็ม และอย่าลืมหมั่นอธิษฐานจิตตอกย้ำให้ดี ให้ได้เกิดในปฏิรูปเทสทุกภพทุกชาติกันทุกๆ คน

*มก. ประวัตินางวิสาขามิคารมารดา เล่ม ๓๓ หน้า ๘๖

Attached Files