Jump to content


Photo
- - - - -

อยากทราบเกี่ยวกับความคิดเห็นนี้ค่ะ


  • You cannot start a new topic
  • Please log in to reply
19 replies to this topic

#1 krittiya

krittiya
  • Members
  • 77 posts
  • Gender:Female
  • Location:56ถถนฟากอง อ.เมือง จ.น่าน

Posted 08 September 2007 - 04:08 AM

การกินเจไม่ได้บุญจ๊ะ
อันนี้ขอร่วมศึกษา เพราะเราก็กินเจอยู่เหมือนกัน

การกินเจมีจุดประสงค์หลัก 3 อย่าง
- เพื่อสุขภาพ (ไม่อธิบายละนะ เอาเป็นว่าลองศึกษาแนวทางชีวจิตที่กินผักก็ได้ จุดประสงค์ข้อนี้คล้ายกัน)
- เพื่อฟื้นฟูจิตเมตตา เมื่อไม่กินเขา ย่อมห่างจากการฆ่า หรือซื้อ หรือสั่งให้ฆ่า นับเป้นการเพิ่มพูนจิตเมตตา
- เพื่อตัดหนทางการสร้างกรรม เมื่อไม่กินและไม่ฆ่า กรรมในส่วนปาณาติบาตก็จะไม่ถูกสร้าง


จาก ท่าน
เซียวเหล่งนึ่ง แห่งสำนักสุสานโบราณ


อยากทราบเกี่ยวกับความคิดเห็นนี้ค่ะ

#2 พักผ่อน

พักผ่อน
  • Members
  • 422 posts
  • Gender:Male

Posted 08 September 2007 - 09:05 AM

QUOTE
เพื่อสุขภาพ

โดยทั่วไปก็เป็นเช่นนั้นครับ แต่การกินเจก็ไม่ใช่ว่าจะสุขภาพดีเสมอไป หากไม่ได้ทำอย่างถูกต้องและระมัดระวัง เช่น ไปกินผักที่มีสารเคมีปนเปื้อนบ่อย ๆ แทนที่จะสุขภาพดี กลายเป็นสุขภาพเสื่อมไป ที่ถูกต้องคือควรรู้จักประมาณในการกิน มีมุมมองในการกินอย่างถูกต้อง ว่าเรากินเพื่อยังชีพให้เป็นไปหรือเพื่อรักษาโรคเท่านั้น หากว่ากินผักแต่ไม่รู้จักประมาณในการกิน ผลก็เหมือนเดิมครับ
QUOTE
- เพื่อฟื้นฟูจิตเมตตา เมื่อไม่กินเขา ย่อมห่างจากการฆ่า หรือซื้อ หรือสั่งให้ฆ่า นับเป้นการเพิ่มพูนจิตเมตตา

เมตตาจิตสามารถทำได้โดยตรงที่ใจเราเอง แม้จะไม่กินเนื้อสัตว์ แต่บางคนก็ยังมักโกรธ พยาบาท อาฆาต คิดเบียดเบียน ด่าทอผู้อื่นในใจได้เช่นกัน บางทีอาจจะไม่ฆ่าสัตว์เพื่อกินเนื้อ แต่ก็บี้มด ตบยุง ฉีดยาฆ่าแมลง อีกทั้งผักจำนวนมากกว่าจะได้มาก็มีการกำจัดศัตรูพืชมากมาย ทั้งหนู แมลง และศัตรูพืชต่าง ๆ หากจะยุติการฆ่า ก็ต้องยุติที่ใจของเราเอง ตั้งใจไว้เลยว่าเราจะไม่ฆ่าและจะไม่มีส่วนในการฆ่า หากตั้งใจแค่ว่าไม่กินเนื้อสัตว์ แต่เราก็ยังจะฆ่าหรือเบียดเบียนสัตว์ด้วยเหตุผลอื่น ๆ ที่ไม่ใช่การกินอีกอยู่ดี
QUOTE
- เพื่อตัดหนทางการสร้างกรรม เมื่อไม่กินและไม่ฆ่า กรรมในส่วนปาณาติบาตก็จะไม่ถูกสร้าง

สิ่งหนึ่งที่เราห้ามได้ยากคือความเป็นไปของโลก เมื่อศีลธรรมของคนในโลกเสื่อมกันเป็นส่วนใหญ่ แม้สิ่งแวดล้อมก็เสื่อมตาม แม้อาหารก็เสื่อมตาม เราเกิดในยุคที่เสื่อมขนาดนี้ที่จะแก้ไขแค่เลิกกินหรือไม่สนับสนุนอาหารที่มาจากการฆ่านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ครับ หากจะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้จริง ๆ ก็ต้องชักชวนคนทั้งโลกให้งดเว้นจากการฆ่า เพราะถึงแม้เราจะไม่กินเนื้อสัตว์ แต่เชื่อเถอะว่าคนที่ฆ่าสัตว์เขาก็ไม่รู้สึกอะไรหรอกครับ เพราะว่าต้นตอคือใจที่มืดดำของเขานั้นยังไม่ได้รับการแก้ไข เราต้องชวนให้เขาทำทาน ชวนให้เขารักษาศีล ชวนให้เขาเจริญภาวนา จนใจของเขาสว่าง ความมืดในใจมลายหายไป เมื่อนั้นเขาก็จะเลิกไปเอง แต่หากใจของคนทั้งโลกยังเสื่อมอยู่อย่างนี้ แม้เราจะประท้วงหรือรณรงค์กันแค่ไหน คนที่ทำชั่วก็ยังจะทำชั่วเรื่อยไป คนที่ทำดีก็มีแต่จะต้องเหนื่อยกันต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเท่านั้นเองครับ

หากเราเลือกที่จะไม่กินเนื้อสัตว์ก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะว่าเนื้อสัตว์นั้นย่อยยาก เป็นอาหารหยาบ แต่หากเราจะเลือกทานเนื้อสัตว์ที่ตายแล้วแค่พอประทังชีวิต แต่หาได้ง่าย แล้วนำเวลาที่เหลือไปประพฤติปฏิบัติธรรม และชักชวนผู้คนให้มาประพฤติปฏิบัติธรรมก็ได้เช่นกัน เพราะแม้พืชผักในสมัยนี้ก็เสื่อมคุณภาพลง สารอาหารน้อยลง มีพิษมากขึ้น อาหารนั้นเสื่อมลงเพราะใจของคนในโลกเสื่อมลง หากใจของคนในโลกเจริญขึ้น อาหารก็จะเจริญขึ้นตามไปด้วย การเลือกอาหารจึงไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุครับ

#3 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2,210 posts

Posted 08 September 2007 - 10:03 AM

cool.gif เรื่องนี้มีประเด็นมาถกกันได้ไม่รู้จบมีมาตั้งแต่ในสมัยอดีต ปัจจุบัน และในอนาคตก็คงมีอย่างแน่นอน แม้แต่ในสมัยพุทธกาลก็ยังมีการถกเถียงกันในประเด็นดังกล่าว ดังนั้นเมื่อเราเป็นลูกพระพุทธเจ้า และทราบว่าในภพสามไม่มีใครเลยที่จะมีความบริสุทธิ์และมีปัญญาเกินกว่าพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน จึงควรนำเอาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นบรรทัดฐานจะดีที่สุด คือพระพุทธองค์ไม่ทรงห้ามการบริโภคเนื้อสัตว์ถ้าเนื้อสัตว์นั้นเราไม่ได้ฆ่าเอง ไม่ได้สั่งให้เขาฆ่า หรือไม่ทราบว่าเขาฆ่ามาเพื่อตนเอง ถ้าเป็นอย่างนี้ก็บริโภคได้ เรียกว่าเสียสตางค์แต่ไม่เสียศีล และสำหรับพระภิกษุสามเณร พระพุทธองค์ยังทรงห้ามฉันเนื้อสัตว์เหล่านี้ คือ เนื้อเสือ เสือดาว เสือโคร่ง เนื้อหมี เนื้อราชสีย์ เนื้อช้าง เนื้อม้า เนื้องู เนื้อมนุษย์ (ไม่แน่ใจว่าครบหรือเปล่า? รบกวนผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ) ดังนั้นถ้าไม่เข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าวใครอยากบริโภคเนื้อสัตว์ก็ไม่ว่า ใครไม่ต้องการบริโภคก็ไม่เป็นไรนะครับ...สาธุ rolleyes.gif

ขอเพิ่มเติม...ทรงห้ามฉันเนื้อสุนัข ด้วยครับ (เนื้อสัตว์ ๑๐ อย่าง)

#4 krittiya

krittiya
  • Members
  • 77 posts
  • Gender:Female
  • Location:56ถถนฟากอง อ.เมือง จ.น่าน

Posted 08 September 2007 - 10:30 AM

สาธุ

#5 อินทัช

อินทัช
  • Members
  • 161 posts
  • Gender:Male

Posted 08 September 2007 - 11:37 AM

กินแล้วเอาเรี่ยวแรงมาปฏิบัติธรรม สร้างบารมี แบบนี้เรียกว่า "กินเป็น" smile.gif

#6 tep072

tep072
  • Members
  • 32 posts

Posted 08 September 2007 - 12:48 PM

มีบุญแม้อยากกินก็ได้กิน
จะถวิลสิ่งใดให้สมหวัง
ไม่มีบุญกินสิ่งใดเลิศใดยัง
ท้องก็พังยังเป็นโรคให้โศกนาน
คิดวิธีให้เหตุผลล้นดีนัก
จะกินผักกินหญ้าว่าไม่ผลาญ
ชีวิตใดเสมือนได้ให้ทำทาน
คิดวิธีมากหลักการก็ไม่พ้น
ว่าความจริงไม่ใช่ในความเชื่อ
ความจริงเมื่อหยุดจิตเป็นนิจหน
ก็จะรู้ว่ามากมายในเชื่อคน
มีใครหนอคอยดลจนผิดเพี้ยน





#7 krittiya

krittiya
  • Members
  • 77 posts
  • Gender:Female
  • Location:56ถถนฟากอง อ.เมือง จ.น่าน

Posted 08 September 2007 - 01:32 PM

ขอเพิ่มเติมความคิดเห็นที่ 3 นินึงค่ะ

สำหรับพระภิกษุขอรับทราบไว้ด้วยว่าเนื้อสัตว์ที่มีผู้ทำอาหารถวายพระนั้น มีพระวินัยอยู่ว่า ถ้าเนื้อนั้น พระได้เห็นหรือได้ยิน ว่า เขาเฉพาะเจาะจงฆ่าสัตว์สำหรับท่านละก็ท่านฉันไม่ได้
แม้ไม่เห็นการฆ่า ไม่ได้ยินตอนเขาฆ่ามาเฉพาะเพื่อท่าน แต่สงสัยว่าเขาเฉพาะเจาะจงฆ่าสัตว์สำหรับท่านละก็ท่านฉันไม่ได้ แม้อย่างนั้นในพระวินัย ก็กำหนดว่าฉันไม่ได้



เนื้อ ๑๐ ประเภทต่อไปนี้ในพระวินัย ห้ามพระภิกษุฉัน คือ

๑.เนื้อมนุษย์
๒.เนื้อช้าง
๓.เนิื้อม้า
๔.เนื้อสุนัข
๕.เนิ้องู
๖.เนิ้อราชสีห์
๗.เนื้อเสือโคร่ง
๘.เนื้อเสือเหลือง
๙.เนื้อหมี
๑๐.เนื้อเสือดาว

เนื้อเหล่านี้ห้ามพระภิกษุฉันเ็ด็ดขาด รูปใดฉัน ถือว่าผิดพระวินัย ต้องอาบัติ


หนังสือหลวงพ่อตอบปัญหา โดยพระภาวนาวิริยคุณ

พระไตรปิฏก หน้า ๙๗ ฉบับมหามกุฎฯ




#8 วุฒิ

วุฒิ
  • Members
  • 20 posts

Posted 08 September 2007 - 03:27 PM

ผมมีข้อสงสัยครับว่าทำไมพระสงฆ์ถึงห้ามฉันเนื้อทั้ง 10 อย่างนี้ครับ ทำไมไม่ 11 หรือ 12 หรืออื่นๆครับ และอยากทราบเหตุผลของแต่ละข้อด้วยครับ เช่น ทำไมถึงห้ามพระฉันเนื้อม้า ฯลฯ และถ้าคนทั่วไปรับประทานเนื้อทั้ง 10 อย่างนี้จะบาปมั้ยครับ รบกวนผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ ขอบคุณครับ

#9 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2,210 posts

Posted 08 September 2007 - 03:30 PM

ขอบคุณครับ...สาธุ

#10 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2,210 posts

Posted 08 September 2007 - 03:58 PM

ขอตอบเท่าที่ทราบนะครับ เหตุที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติล้วนมีเหตุผลทั้งสิ้นครับ คือกรณีเนื้อช้าง เนื้อม้า ในสมัยก่อนถือเป็นพระราชพาหนะของพระราชา ดังนั้นถ้าพระภิกษุฉันเนื้อสัตว์เหล่านี้ก็อาจจะทำให้ได้รับความเดือดร้อนจากพระราชอาญาได้ ในกรณีเนื้องู ถ้าใครที่เคยกินเนื้องูจะทราบว่ามีกลิ่นคาวจัดมากและจะทำให้สิ่งของที่เราขับถ่ายออกจากร่างกาย เช่นเหงื่อ ปัสสาวะ มีกลิ่นคาวด้วย ดังนั้นพระภิกษุที่เดินธุดงค์ หรืออยู่อาศัยในป่า ถ้าฉันเนื้องูก็จะทำให้เสี่ยงต่อการถูกงูฉกกัดเอาได้เพราะมันจะได้กลิ่นพวกของมัน สำหรับเนื้อสุนัข กรณีนี้แม้ในสมัยพุทธกาลก็ถือว่าเป็นสัตว์ที่ถ้าใครนำมาบริโภคก็จะถูกดูถูกดูแคลน และพวกเดียรถีย์บางจำพวกก็ยังบริโภคเนื้อสุนัขด้วย ทำให้พระพุทธองค์ไม่ต้องการให้ใครนำประเด็นนี้ไปกล่าวลบหลู่พระพุทธศาสนา กรณีเนื้อมนุษย์ แน่นอนครับถ้าพระภิกษุฉันเนื้อคน ถ้าใครพบเห็นพระภิกษุแทนที่จะเข้ามาฟังธรรม ตรงข้ามคงจะวิ่งหนีเป็นแน่ แล้วถ้าเป็นอย่างนี้จะไปประกาศพระศาสนาได้อย่างไร สำหรับเนื้อของสัตว์ที่ดุร้ายคือ เสือดาว เสือโคร่ง เสือเหลือง ราชสีห์ และหมี นั้น คิดว่าก่อนที่จะฉันเนื้อของมัน คงจะถูกมันกินเนื้อของเราก่อนเป็นแน่ ก็ขอตอบเท่าที่ปัญญาอันน้อยนิดจะพอมีนะครับ ถ้าผู้ใดมีประการใดจะชี้แนะเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาด้วยนะครับ และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ...สาธุ

#11 krittiya

krittiya
  • Members
  • 77 posts
  • Gender:Female
  • Location:56ถถนฟากอง อ.เมือง จ.น่าน

Posted 08 September 2007 - 07:12 PM

สาธุค่ะ

#12 วุฒิ

วุฒิ
  • Members
  • 20 posts

Posted 08 September 2007 - 07:57 PM

สาธุครับ

#13 somchet

somchet
  • Members
  • 900 posts

Posted 08 September 2007 - 09:47 PM

สาธุครับ
ตอบกันดีจัง

#14 kalyanamit

kalyanamit
  • Members
  • 70 posts

Posted 08 September 2007 - 11:44 PM

เห็นด้วยกับทุกความเห็นแต่ผมสงสัยว่าทำไมต้องบัญญัติเสือสามชนิดนี้จริงเสือยังมีชนิดอื่นอีกเยอะไม่ว่าเสือชนิดอื่นฉันได้รึเปล่า[email protected]

#15 Kotcha...

Kotcha...
  • Members
  • 54 posts

Posted 09 September 2007 - 10:15 AM

ได้ความรู้เพิ่มอีกแล้ว สาธุครับ

#16 N22

N22
  • Members
  • 169 posts

Posted 09 September 2007 - 09:19 PM

ซากพืช ซากสัตว์น่ะ กินไปเถอะ อย่าสั่ง อย่าฆ่า แค่นั้นก็จบ

#17 Nida49

Nida49
  • Members
  • 456 posts

Posted 10 September 2007 - 08:52 AM

กินเพื่ออยู่ ให้ร่างกายแข็งแรงไว้ สร้างบารมี.... ได้นาน ๆ

ขออนุโมทนาบุญกับเจ้าของคำถาม และ ทุกคำตอบคะ .. สาธุ ๆ ๆ

#18 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2,210 posts

Posted 10 September 2007 - 08:53 AM

ทำความเห็นให้ตรงดีที่สุด...สาธุ

#19 Poti

Poti
  • Members
  • 254 posts

Posted 10 September 2007 - 07:18 PM

ฟังหลวงพ่อทัตตชีโว พม.สมชาย เข้าใจเลยครับ

#20 สบาย สว่าง สงบ

สบาย สว่าง สงบ
  • Members
  • 61 posts

Posted 14 September 2007 - 10:28 AM

อย่าเคร่ง อย่าเครียด ปล่อยวางไว้ ก็คงจะดีไม่น้อยนะคะ
ยิ่งมืด ยิ่งใกล้สว่าง !