Jump to content


Photo
* * * * * 2 votes

มีเรื่องแก้ไม่ตก


  • You cannot start a new topic
  • Please log in to reply
25 replies to this topic

#1 ยึดมั่นความดี

ยึดมั่นความดี
  • Members
  • 183 posts

Posted 23 January 2008 - 08:32 AM

เรื่องไม่เป็นเรื่องค่ะ มีอยู่ว่า คุณแม่สืบเนื่องมาจากเมื่อวานวันพระ ก่อนท่านจะไปวัด ก็มีอาการของคนไม่สบาย แต่ท่านก็ใจสู้ และไปทำบุญจนได้ ตกเย็นกลับไปพบกับคุณแม่พบว่า ท่านหนังตาเริ่มออกแดงๆ และก็อาการไม่ค่อยจะดี เราก็เป็นห่วง อยากให้ท่านทานยาแล้วพักผ่อน แต่ท่านเคยชินกับการนอนหลับหน้าทีวี เราก็อยากให้ท่านนอนในห้องจะได้สบายตัวกว่า ก็พยายามบอกท่านว่า ให้เข้าไปพักผ่อนในห้องเถอะ ท่านเกิดเป็นอะไรไม่ทราบ ลุกขึ้นเข้าห้องและก็ปิดห้องด้วยการแสดงอารมณ์โกรธอย่างรุนแรง (สังเกตได้จากเสียงปิดประตู) เราก็คิดว่า ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้ ค่อยคุยกัน ให้ท่านพักผ่อนก่อนดีกว่า ถ้าไปคุยตอนอารมณ์ขุ่นมัวจะยิ่งไปกันใหญ่

ตอนเช้าตื่นขึ้นมา ก็ไปซื้อปาท่องโก๋ ทานกับกาแฟ ปกติท่านจะทานทุกเช้า แต่ดูอาการของท่าน คงจะดีขึ้นจากการเจ็บไข้ได้ป่วยบ้างแล้ว แต่อาการโกรธ และงอนของท่าน ยังมากอยู่ และมาก ๆ ด้วย เราก็เข้าไปกอดท่านว่าโกรธเราทำไม เราเป็นห่วงอยากให้พักผ่อน แต่ท่านสะบัดตัวออกจากเราอย่างแรง และบอกว่าจะไม่อยู่กับเราแล้ว เนื่องจากว่าเราไม่ให้ท่านดูทีวี
เราก็ด้วยความรู้สึกเสียใจที่ท่านทำอย่างนี้ เราก็เลยพลาดไป ปล่อยให้ความน้อยใจ เข้ามาครอบงำ เลยย้อนท่านไปว่า ที่ให้ไปนอนไม่ใช่ว่าหวงไม่ให้ดูทีวี แต่อยากให้พักผ่อน และก็เลยถามออกไปว่า ทีวี มันมีคุณค่ามากกว่าเรามากเลยเหรอ ทั้งๆ ที่อยู่กันมา เราก็ปรนนิบัติท่านดีกว่าลูกๆ ทุกคน เนื่องจากลูกคนอื่นๆ ไม่เคยมาดูแลและไม่เคยสนใจท่านเลยสักนิด เรื่องแค่นี้ ถึงกับตัดแม่ตัดลูกกันเชียวเหรอ เราทำผิดอะไร เราก็แค่เป็นห่วง ละครทีวีมันก็แค่การสมมุติ ดูไปก็ใจขุ่น ติด DMC ให้ ท่านก็ดูบ้างไม่ดูบ้าง (แต่ท่านก็นั่งธรรมะดีมากๆ เลย ท่านเคยบอกว่าเห็นดวงแก้ว กับองค์พระ) แต่ทำไมท่านจึงหงุดหงิดง่ายมาก

ตอนนี้เราก็เกิดความน้อยใจเข้าแทรก ทำดีมาตลอด มาเสียท่าแค่ละครตอนเดียว ทำไมถึงปล่อยให้ทางโลกเข้าครอบงำได้ขนาดนี้ แต่ถ้าจะพูดอะไรที่แรงไปก็ไม่ได้ เพราะนี่คือพระในบ้าน

ก็ได้แต่คิดในใจว่า วิบากกรรมเราช่างแรงเหลือเกิน กับใครยังพอทน กับแม่บังเกิดเกล้า เราแทบทนไม่ได้ ตอนนี้ก็รักษาใจด้วยการทำใจให้หยุด ให้นิ่ง เพื่อจะได้ทำงานอย่างไม่มีปัญหาอะไร และมาหาวิธีว่า ตอนเย็นจะทำอย่างไรต่อไป จะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร

อ้อ ตอนเย็นยังพากันนั่งสวดมนต์ทำวัตรเย็น นั่งสมาธิกันดีดีอยู่เลยค่ะ ไหงเรื่องไม่เป็นเรื่องเกิดขึ้นมาได้ เฮ้อ

ก็อยากให้พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ กัลยาณมิตร ช่วยหาวิธีดีๆ ให้หน่อยค่ะ ว่าควรทำอย่างไรดี

ขออนุโมทนาบุญกับความคิดเห็นดีๆ ล่วงหน้าด้วยค่ะ...สาธุ....

#2 อภินิหารธรรม

อภินิหารธรรม
  • Members
  • 170 posts

Posted 23 January 2008 - 09:10 AM

ทำใจสบายนะค่ะ อย่างไรก็แม่ อย่าเอาใจไปใส่กับทุกdetail ในชีวิตค่ะ คิดแต่เรื่องใหญ่ใหญ่ เช่นคิดแต่จะไปทำบุญ นั่งสมาธิ เรื่องจุกจิก ก็ทำใจไปให้อภัยไปค่ะ

#3 วัดในดวงใจ

วัดในดวงใจ
  • Members
  • 1,199 posts

Posted 23 January 2008 - 09:53 AM

ขออนุโมทนาบุญ ครับ
พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์

#4 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1,296 posts
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

Posted 23 January 2008 - 09:58 AM

หุหุ อย่าคิดมากไปเลยครับ คนเรายามเมื่อแก่ตัว นิสัยจะคล้ายเด็ก นั่นคือเอาแต่ใจ เวลาไม่ได้ดั่งใจก็ต้องมีงอนมีโกรธเป็นธรรมดา เคยเห็นเด็กโกรธไหมล่ะครับ บางคนโกรธนานทีเดียว เพียงไม่ได้ของที่ต้องการจนกว่าเราจะซื้อของให้ อยากให้คุณแม่ท่านหายโกรธ ลองคิดว่าเขาเป็นเด็กดูสิครับ ลองแกล้งถามเขาว่าอยากไปเที่ยวไหนไหม อยากได้อะไรหรือเปล่า แล้วก็จัดหามาให้เขา เอาใจเขาสักนิดเดี๋ยวเขาก็หายงอนเองแหล่ะครับ
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#5 เฉย เฉย

เฉย เฉย
  • Members
  • 618 posts
  • Gender:Female
  • Interests:เรื่องกฎแห่งกรรม การกระทำ สมาธิ

Posted 23 January 2008 - 10:06 AM

happy.gif สู้นะคะอย่าใจขุ่นมัว บิดามารดาเปรียบเสมือนพระในบ้านอย่าไปโกรธท่านเลยค่ะ ท่านรักเรามากกว่าสิ่งใดอยู่แล้วเพราะเราเป็นลูกของท่านกว่าจะโตเป็นคนดีได้ทุกวันนี้ก็เพราะท่านเลี้ยงดูและอบรมสั่งสอนเรามาเป็นอย่างดี พระคุณท่านมากมายทีเดียวค่ะ คนชราบางคนก็ขี้โมโห บางคนก็ขี้ใจน้อย บางคนก็ขี้บ่น แต่ลึกๆแล้วท่านรักและเอ็นดูลูกหลานทุกคนแม้บางครั้งท่านจะทำตัวเหมือนเด็กงอแงบ้าง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าท่านไม่รักเรา เราต้องมีความอดทนนะคะและเข้าใจท่านให้มาก เพราะท่านคือ แม่ของเรา ทุกคนเกิดมามีแม่เพียงคนเดียว รักท่านมากๆนะคะ ดิฉันมั่นใจว่าอีกไม่เกินวัน2วันท่านก็หายงอนแล้วล่ะค่ะ happy.gif
แม้มืดตื้อ..มืดมิด..ก็มีสิทธิ์เข้าถึงธรรม

#6 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2,210 posts

Posted 23 January 2008 - 10:11 AM

ทำใจใส ๆ ยิ้มเข้าไว้เดี๋ยวดีเองครับ...สาธุ

#7 คุณรู้มั๊ย คุณนั้นเคยตาย

คุณรู้มั๊ย คุณนั้นเคยตาย
  • Members
  • 335 posts
  • Gender:Male
  • Interests:บุญ หยุดนิ่ง นั่งสมาธิ ฟุตบอล คอมพิวเตอร์

Posted 23 January 2008 - 10:36 AM

smile.gif ถือเป็นบุญของเรานะครับที่ได้ดูแลแม่ เรื่องเล็กน้อยถึงปานกลางอ่ะครับ กราบแม่ก่อนนอนก็จะดีนะครับ

อนุโมทนาบุญคราบ๐๐บ happy.gif
หลับตาเบาๆ ผ่อนคลายสบาย ให้ใจหยุดนิ่ง ที่ศูนย์กลางกาย

นิ่งๆ นุ่มๆ นานๆ

#8 100กะรัต

100กะรัต
  • Members
  • 209 posts

Posted 23 January 2008 - 11:10 AM

ใจเย็น ๆ น๊ะค๊ะคุณยึดมั่นความดี คุณแม่อาจจะอยู่ในช่วงวัยทองรึเปล่า(ไม่ทราบตอนนี้อายุเท่าไหร่ คุณแม่ของเราก็เป็น) ถ้าเป็นช่วงวัยทอง อารมณ์จะหงุดหงิดง่ายอย่างนี้หละเราต้องคอยเอาใจใส่ท่านมากๆหน่อย มากเป็นพิเศษเลยหละ ลองหาหนังสือเกี่ยวกับวัยทองมาศึกษาดูน๊ะค๊ะ บางทีต้องทานยาเสริมสุขภาพช่วยด้วย แล้วอย่าน้อยใจคุณแม่น๊ะค๊ะ คุณเป็นคนโชคดีกว่าพี่หน้องคนอื่น ๆ ที่ได้ดูแลพระอรหันต์ในบ้านเลยน๊ะค๊ะ ขอให้คุณยึดมั่นความดีได้ยึดมั่นความดีตลอดไปน๊ะค๊ะ ขอเอาใจช่วยค๊ะ สาธุค๊ะ

100กะรัต


#9 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4,531 posts
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

Posted 23 January 2008 - 11:53 AM

อย่าใจร้อน เดี๋ยวก็แก้ตก เพราะอารมณ์ของคนเรานั้นไม่เที่ยง คนทุกคนที่ยังมีกิเลสอยู่ ไม่มีทางที่ใครจะโกรธตลอดไป ไม่มีทางที่ใครจะน้อยใจตลอดไป และเช่นเีีดียวกันเราก็ยังไม่สามารถทำอารมณ์ของเราให้แจ่มใสตลอดไป

อารมณ์ของเรานั่นจึงไม่เที่ยงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเสมอ เดี๋ยวก็โกรธ เดี๋ยวก็น้อยใจ แต่เชื่อไหมว่า ไม่ต้องไปทำอะไรเลย ปล่อยเวลาให้ผ่านไป เดี๋ยวความที่อารมณ์เหล่านั้นไม่เที่ยง มันก็หายของมันไปเอง

ยกเว้นพระอรหันต์ผู้กิเลสเท่านั้น จึงจะมีอารมณ์ที่เที่ยง คือ อารมณ์ที่ผ่องใสตลอดเวลาครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#10 คนค้นบุญ

คนค้นบุญ
  • Members
  • 49 posts

Posted 23 January 2008 - 12:11 PM

ทำใจใสๆ นะคะ พ่อ แม่ท่านเปรียบเหมือนพระประจำบ้าน ท่านรักเราเสมอนะคะ กราบขอโทษท่าน และหอมสักฟอดเดี๋ยวก็หายนะคะ ท่านสัมผัสได้
"เราเกิดมาสร้างบารมี เราก็ต้องสร้างบารมี"
Love kunkhrumaiyai mak mak ka

#11 usr21465

usr21465
  • Members
  • 4 posts

Posted 23 January 2008 - 02:30 PM

สวัสดีค่ะ
ขอถามด้วยค่ะเรีองละครนะ บ้านเราก็มีคนติดมาก จนคุยกันไม่รู่เรีองค่ะ ไม่ทราบว่าจะแก้ไขอย่างไรค่ะเป็นคนทีชอบเล่าสู่กันฟังเรีองธรรมะทีได้ฟังจากหลวงพ่อ แต่พอพูกถึงเรีองธรรมมะว่าทำอย่างนี้อย่างนั้นบาปนะคนในครอบครัวจะหงุดหงิดเอา ทำให้ไม่ทราบจะไปเล่าสู่เรีองธรรมะกับใครได้เลย ใครรู่วิทีชว้ยบอกด้วยค่ะ สวัสีค่ะ สาธุ ก

#12 เฉย เฉย

เฉย เฉย
  • Members
  • 618 posts
  • Gender:Female
  • Interests:เรื่องกฎแห่งกรรม การกระทำ สมาธิ

Posted 23 January 2008 - 03:01 PM

ง่ายมากคุณusr21465ติดจาน DMC ไปเลยค่ะ
แม้มืดตื้อ..มืดมิด..ก็มีสิทธิ์เข้าถึงธรรม

#13 ยึดมั่นความดี

ยึดมั่นความดี
  • Members
  • 183 posts

Posted 23 January 2008 - 03:55 PM

ค่ะ ช่วงกลางวันก็นั่งสมาธิ ทำใจให้ใสๆ สบายๆ ค่ะ ก็หาคำตอบได้แล้วค่ะ ว่าเย็นนี้จะทำไงดี พอคิดได้ก็เลยอยากจะแจ้งให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ กัลยาณมิตร ทราบว่า ทางออกนี้ ดีหรือเปล่านะคะ

ก็กะว่า เย็นนี้ อาจเข้าไปง้อแล้วก็พาไปซื้อทีวีใหม่ไว้ที่ห้องนอนของแม่ซะเลยค่ะ แล้วก็ต่อสัญญาณ DMC เข้าไปด้วย
เผื่อแม่วันไหนอยากดู DMC ก็เปิดจากเครื่องในห้องได้เลย แต่ไม่รู้ว่าแม่จะยอมหรือเปล่านะคะ ก็ขอกำลังใจด้วยนะคะ

ขอขอบคุณทุกความคิดเห็น และคำแนะนำที่มีประโยชน์มากๆ เลยค่ะ ก็รู้สึกสบายใจมากกว่าเมื่อเช้ามากๆ เลยค่ะ
และมีความรู้สึกอบอุ่นมากๆ ค่ะ ว่า อย่างน้อยเราก็มีกัลยาณมิตรที่พร้อมจะช่วยเราแก้ปัญหากับเราอย่างแท้จริง

สู้ สู้ค่ะ วันนี้ผลเป็นอย่างไร พรุ่งนี้จะมาเล่าให้ทราบนะคะ

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ...สาธุ

#14 name072

name072
  • Members
  • 33 posts

Posted 23 January 2008 - 04:35 PM

มีปัญหาที่คิดไม่ตกก็ให้ออกจากความคิด แล้วทำใจใสๆ
[email protected]
single mind federation

#15 เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี

เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี
  • Members
  • 938 posts

Posted 23 January 2008 - 08:58 PM

คิดอะไรให้ยุ่งยากไปทำไม.. ???

เชื่อไหม.. ถ้ามารูปนี้.. อย่าใช้เหตุผลกับท่านอีกเด็ดขาด.. !!!
เพราะท่านจะไม่ฟังเรา.. เพราะอะไรน่ะหรือ..
ก็เพราะเราเด็กกว่าท่านน่ะสิ..

แต่เชื่อไหม..

"สิ่งที่เหตุผลเอาชนะไม่ได้.. แต่สิ่งไร้เหตุผลสามารถทำได้..!!!"

ถ้าเชื่อเราก็ลองทำดูนะ.. แต่คุณต้องมีความอดทนพอสมควรนะ..
เราใช้วิธีประมาณนี้มาตลอด.. และได้ผล..

ขออยายความต่อนะ..

สิ่งไร้เหตุผลที่เราว่าก็คือ..

เมื่อมีบางสิ่งบางอย่าง.. ทำให้ท่านลืมคุณธรรมแบบผู้ใหญ่
(คือการมีเหตุผล.. และใช้เหตุผลในการดำเนินชีวิตมากกว่าเด็กๆ)
ท่านทำตัวเป็นเด็ก.. เพราะบางสิ่งมากระตุ้น.. เราต้องย้อนศร

ก็คือ.. "ทำตัวเป็นเด็กยิ่งกว่าท่าน.."
ชีวิตคือการเข้ากลาง..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..

#16 เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี

เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี
  • Members
  • 938 posts

Posted 23 January 2008 - 09:04 PM

ทำยังไง..

ลองกลับไปบ้านนะแล้วเลิกคิดเรื่องเหตุผลไปเลย..
เดินเข้าไปหวัดดีท่าน.. กอดท่าน.. อ้อนท่าน.. บอกรักท่าน..
งุ๋งงิ้ง.. งุ๋งงิ้ง.. ตื้ออยู่แบบนั้นแหละ..
อย่างเรานะ.. เราจะชอบอ้อนแม่.. บอกท่านว่า..
(ทำเสียงพูดไม่ชัดแบบเด็กๆเลยนะ) "ม่าม๊า.. เค้ารักม่าม๊าที่สุดในโลกเลยนะ.. "
แล้วก็ งุ๋งงิ้ง.. งุ๋งงิ้ง.. นัวเนีย.. นัวเนีย.. ตื้ออยู่แบบนั้นแหละ..
ตอนเป็นเด็กทำไง.. เคยอ้อนแบบไหนก็ทำแบบนั้นแหละ..
บ้างก็บอก.. "ม่าม๊า.. เค้าอยากมุดกลับเข้าไปอีกทีอ่ะ" (555)
เชื่อสิ.. ตื้อเท่านั้น.. ตื้อแบบไร้เหตุผล+อารมณ์ดี.. ได้ผลแน่นอน..



เมื่อเราทำดังนี้.. จะเป็นการกระตุ้น
ชีวิตคือการเข้ากลาง..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..

#17 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3,579 posts

Posted 23 January 2008 - 09:11 PM

- รอให้อารมณ์ท่านย็นลงก่อน เพราะกิเลสตระกูลโทสะนั้น มักจะ"เกิดง่าย หายง่าย"

- ยามท่านนั่งสมาธิดี เห็นดวงแก้วใสใส ก็ขออภัยทานจากท่าน ด้วยความอ่อนน้อมกราบเรียนท่าน เพื่อหาเหตุ...และป้องกัน

- แม่ขา"หนูต้องการกราบพระในบ้าน ไม่ต้องการกราบยักษ์ในบ้านเจ้าค่ะ"
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#18 เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี

เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี
  • Members
  • 938 posts

Posted 23 January 2008 - 09:15 PM

กลไกตรงนี้เกิดอะไรขึ้น.. ???

ก็คือ.. ท่านเป็นพ่อ เป็นแม่เราน่ะ..
ถ้าท่านไม่เอาเราไปทิ้งตั้งแต่เกิดแล้วเลี้ยงเรามานะ..
แสดงว่า.. ท่านรักเรา..

"คนรักกัน.. บางครั้ง.. เหตุผลไม่สำคัญ..
ไม่สำคัญเท่า.. ความรักที่คุณแสดงออก.. กับคนที่คุณรัก.."

เมื่อคุณเข้าไปนัวเนีย.. ไปกอดรัดฟัดท่านด้วยใจรักและเอ็นดูท่าน..
กระแสความรักมันสื่อกันได้.. เป็นอวัจนะภาษา.. จะคิดว่าเป็นคลื่นใจอย่างนึงก็ได้..
สิ่งนี้.. บวกกับภาพการทำตัวเป็นเด็กๆของคุณเองแบบที่เราบอก..
จะไปกระตุ้นเตือนความรักความเมตตาที่ท่านเคยมีให้กับลูกของท่าน.. เมื่อครั้งวัยเด็ก.. กลับมาอีกครั้ง
ดังนั้น.. รากลึกของมัน.. ไม่มีอะไรเลย.. คือ..
กระตุ้นเตือนความรู้สึกเป็นผู้ใหญ่ของท่าน.. ความเมตตา..
ความรักความอบอุ่นที่ท่านมีให้เด็กๆที่เป็นลูกของท่าน.. กลับคืนมา..
เท่านั้นเอง..

วิธีนี้.. รับรองผล 99.99%
ที่เหลืออีก 0.01% คือสิ่งสำคัญ คือ..

"คุณจะอดทน และจริงใจที่จะทำอย่างนั้นเพียงไร"

ขอให้โชคดีจ้า..
ชีวิตคือการเข้ากลาง..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..

#19 เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี

เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี
  • Members
  • 938 posts

Posted 23 January 2008 - 09:32 PM

มีบางอย่างที่อยากจะฝาก
สำหรับคนที่พยายามจะอธิบายเหตุผลให้คุณพ่อ คุณแม่ฟัง แต่ท่านไม่ยอมรับฟัง คือ..

ถ้าคุณ.. อยากให้คู่สนทนารับฟังคุณ.. คุณต้องฟังเขาก่อน
ถ้าคุณ.. คิดว่าเหตุผลของคุณดีพอ.. ไม่ต้องร้อนรน.. รีบร้อนใช้มันเพื่อให้คู่สนทนายอมรับ.. ถ้าใจเขายังไม่เปิด..

ประเด็นสำคัญคือ.. คุณต้องเปิดใจคู่สนทนาให้ได้เสียก่อน..
แล้วหลังจากนั้น.. คุณจะพูดเหตุผลอะไร เขาก็จะยอมรับฟังโดยดี..

ความจริงข้อนึงที่หลายๆคนมักจะลืมก็คือ..
คุณไม่จำเป็นต้องรีบชนะ.. ในการสนทนา.. ตั้งแต่ครั้งแรกๆ หรือเพียงไม่กี่ครั้งแรกๆ..
แต่.. คุณสามารถยอมแพ้กี่สิบกี่ร้อยกี่พันครั้งก็ได้..
ขอเพียงเพื่อให้คู่สนทนา.. คิดว่า.. เราเองก็เปิดใจอดทนรับฟังเขาโดยดี..
ดูเหมือนเขาจะชนะเราแล้ว.. เพราะเขาออกอาวุธมาหมดแล้ว.. และเราแน่นิ่ง..

สิ่งเหล่านี้แหละ.. จะทำให้เขาเริ่มเปิดใจรับฟังเราโดยไม่รู้ตัว.. !!!

เพราะ.. ผู้ชนะ.. ส่วนใหญ่มักลิงโลด.. และประมาท..
เรา.. ซึ่งมีเหตุผลดีกว่า.. อดทนกว่า.. ใจเย็นกว่า..
รอกวาดต้อน.. เอาชนะทีเดียวทั้งกระดานในครั้งสุดท้าย..
และจะเป็นการชนะที่ยั่งยืนกว่า..

ถ้าคุณ.. ต้องการเป็นผู้ชนะ.. คุณต้องแพ้ก่อน..

ดูเหมือนแพ้.. แต่ก็ชนะ..

At Last You Win..

ชีวิตคือการเข้ากลาง..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..

#20 เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี

เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี
  • Members
  • 938 posts

Posted 23 January 2008 - 09:56 PM

ฝากอีกอย่างนึง.. อย่าเพิ่งเบื่อล่ะ.. 555

ถ้ายังไม่ได้ซื้อทีวี.. ก็ดีไป..
แต่ถ้าซื้อทีวีแล้ว.. ก็แล้วกันไป..

แต่อยากจะบอกว่า..
ต่อไปถ้าเกิด Case ทำนองนี้อีก ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม
ไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งของ.. แก้ปัญหา..

"เหตุเกิดที่ใจ.. เหตุเกิดจากใจ.. สิ่งของแก้ไม่ได้"

แต่

"เหตุเกิดที่ใจ.. เหตุเกิดจากใจ.. ต้องแก้ด้วยใจ.."

สมมุติว่า.. ถ้าคุณซื้อสิ่งของไปง้อใครสักคนที่โกรธคุณ..
เขาอาจหายโกรธคุณเมื่อได้รับสิ่งของนั้น..

แต่.. เราจะบอกว่า..

กลไกตรงนี้.. ตัวการสำคัญไม่ใช่เพราะสิ่งของ..


สิ่งของเป็นเพียง.. "สื่อ"
ที่ทำให้คนที่โกรธคุณ รับรู้ว่า.. "ใจคุณ.. รักเขา รู้สึกดีดีกับเขา มีไมตรีต่อเขาคนนั้น"

ดังนั้น.. ถ้าตัดเรื่อง "สื่อ" ที่เป็น "สิ่งของ" ออกไป..
แล้วใช้.. "ใจ" แก้ปัญหาของใจล้วนๆ..
ย่อมสำเร็จได้โดยตรง.. โดยไม่สิ้นเปลือง..

การซื้อของให้คุณพ่อ คุณแม่ ก็เป็นเรื่องที่ดีนะ..
เพียงแต่.. เราแค่อยากให้มองรากลึกของปัญหา.. และแก้แบบถูกจุด

ประมาณว่า.. "ประหยัดสุด.. ประโยชน์สูง.." มั๊ง.. (เลียนแบบหลวงพ่ออ่ะจ้า..)
ชีวิตคือการเข้ากลาง..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..

#21 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2,477 posts
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

Posted 23 January 2008 - 10:04 PM

อนุโมทนา เจ้าของกระทู้กับการเป็นลูกกตัญญู ปรนนิบัติ ดูแลมารดา

ด้วยการพาท่านไปสั่งสมบุญกุศล นะครับ สาธุ ๆ ๆ


ได้อ่านคำแนะนำของเพื่อน ๆ แล้วชอบหลายอย่างเลยครับ

อีกอย่าง เจ้าของกระทู้ก็แก้ไขได้ดีแล้วนะครับ
กับคนในครอบครัว หลายครั้งการใช้เหตุผล
ก็ไม่ได้ผลที่ดีเสมอไปหรอกครับ นี้เป็นเรื่องธรรมดาครับ

แม้ เหตุผลที่ดี ไม่ใช่สิ่ิ่งสำคัญที่สุด
ในการแก้ไขปัญหา สัมพันธภาพ ระหว่างสมาชิกในครอบครัว ในหลายกรณี
แต่ก็ควรใช้เป็นหลักอยู่เสมอนะครับ
โดยเฉพาะกับบุตรหลาน วัยเด็กและ วัยรุ่น
เพื่อปลูกฝังความเป็นคนมีเหตุผล ไม่เอาแต่ใจตนเองจนเกินไป

หลายปัญหา แค่

QUOTE
งุ๋งงิ้ง.. งุ๋งงิ้ง.. นัวเนีย.. นัวเนีย..
ตื้อเท่านั้น.. ตื้อแบบไร้เหตุผล+อารมณ์ดี.. ได้ผลแน่นอน..


อย่างที่เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี บอกไว้น่ะแหละครับ
ใช้ได้ผลดีเสมอ กับการอ้อนมารดา บิดา / คู่รัก คู่ครอง

และเมื่อต่างคน ต่างฝ่าย เข้าใจ อารมณ์ดี นุ๋งหนิง กันดีแล้ว
ค่อยมา พูดเรื่อง เหตุผล กันภายหลัง ก็ได้ครับ

กรณีวัยทอง ยิ่งแก้ง่าย
แค่ เข้าใจ ความเปลี่ยนแปลงของวัย อารมณ์ ฮอร์โมนที่ขาดสมดุล
และ ทน บ้าง กรณี ท่านหงุดหงิดง่ายแบบบไร้เหตุผล

จากนั้นก็ งุ๋งงิ้ง.. งุ๋งงิ้ง.. เดี๋ยวท่านก็ดีเหมือนเดิมครับ

#22 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2,477 posts
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

Posted 23 January 2008 - 11:46 PM

เมื่อพูดถึง ผู้สูงวัย แล้ว ขอแนะนำความรู้ เกี่ยวกับ โลกของคนชรา
มาฝากครับ เช่น

การเตรียมเผชิญความสูงอายุ / สภาพจิตใจของผู้สูงอายุ / พัฒนาการทางด้านจิตใจในผู้สูงอายุ /
สังคมกับการส่งเสริมสุขภาพจิตของผู้สูงอายุ / อาการขาดฮอร์โมน วัยทอง / อาหารการกินในวัยผู้สูงอายุ /
การดูแลเท้าในผู้สูงอายุ / ปัญหาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ / โรคต่างๆ ที่เกิดในผู้สูงอายุ /
ภาวะซึมเศร้า และ ความจำเสื่อม / การป้องกันความอ้างว้าง / การดูแลสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ
การป้องกันการหกล้มในบ้านสำหรับผู้สูงอายุ / ปัญหาการใช้ยาในคนสูงอายุ

*** ดูเอกสารแนบ : world of the Old.doc

เพื่อที่ว่า
ตัวเราจะได้เตรียมใจ
รับสภาพความเป็นจริงของสังขาร ร่างกายที่ต้องเปลี่ยนแปรไป

และที่สำคัญ คือ
QUOTE
จะได้เข้าใจผู้สูงวัย ที่เป็น มารดา บิดา ญาติผู้ใหญ่ในตระกูล ได้ถูกต้อง
จะได้ไม่เกิดการกระทบกระทั่ง เพราะ เราไม่เข้าใจโลกของคนชรา
จะได้ดูแล ปรนนิบัติท่านได้ถูกต้องตามสุขภาพศาสตร์ ตามสมควร


และที่สำคัญที่สุด การดูแลด้านจิตใจท่าน ด้วย พุทธศาสตร์
โดยอำนวยความสะดวกให้ท่าน ได้ บำเพ็ญทาน รักษาศีล ได้ฟังธรรม ได้นั่งสมาธิเจริญภาวนา


อย่างที่เจ้าของกระทู้และบรรดากัลยาณมิตร จำนวนมาก
ได้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ต่อ บุพการีและผู้สูงวัยในตระกูล


อยากเห็นสังคมไทย ได้ลูกหลานที่ มีความกตัญญู เลี้ยงดูบุพการีและผู้สูงวัยผู้มีพระคุณ
ไม่ทิ้งให้ท่านอยู่โดดเดี่ยว เป็นส่วนเกินในบ้าน ในครอบครัว และตามสถานที่พักคนชราต่าง ๆ

น่าอดสูนะครับ glare.gif
ที่ลูกจำนวนมาก มีความรู้ดี ฐานะการเงินดี ได้มรดกตกทอดมาจากบุพารีก็มาก
แต่ปล่อยให้มารดา บิดา ไปอยู่ตามสถานที่พักคนชรา

QUOTE
เพียงเพราะไม่อยากให้เป็นภาระ
หรือ เพื่อป้องกันกระทบกระทั่งกับครอบครัวที่ตนเองสร้างขึ้นใหม่
หรือเพราะขาดความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ โลกของคนชรา เท่าที่ควร


จึงปิดโอกาส
สร้างมหากุศล ด้วยการเลี้ยงดู ปรนนิบัติ แม่พระ พ่อพระในบ้าน
และอาจปิดหนทางสู่สุคติภพของบุพารี ที่มีความน้อยใจในบุตรหลาน แล้วใจหมองตอนตาย

และเปิดโอกาส
ให้มีโอกาส ต้องโดนลูกหลาน ทอดทิ้งเมื่อตนเข้าสู่วัยชรา บ้าง
และอาจปิดหนทางสู่สุคติภพของตนเอง ที่มีความน้อยใจในบุตรหลาน แล้วใจหมองตอนตาย เช่นกัน

ตามกฎ ธรรมเหล่าใด เกิดแต่เหตุ / ทำอย่างไร ก็จะได้อย่างนั้น / กงเกวียน กำเกวียน ฉะนั้น


ชีรนฺติ เว ราชรถา สุจิตฺตา
อโถ สรีรมฺปิ ชรํ อุเปติ
สตญฺจ ธมฺโม น ชรํ อุเปติ
สนฺโต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺติ . . . ฯ ๑๕๑ ฯ


ราชรถ อันวิจิตรงดงาม ยังเก่าได้
แม้ร่างกายของเรา ก็ไม่พ้นชราภาพ
แต่ธรรมของสัตบุรุษหาแก่ไม่
สัตบุรุษทั้งหลาย ย่อมกล่าวสอนกันเช่นนี้แล

Splendid royal chariots wear away,
The body too comes to old age.
But the good's teaching knows not decay.
Indeed, the good teach the good in this way.

Attached Files



#23 ยึดมั่นความดี

ยึดมั่นความดี
  • Members
  • 183 posts

Posted 24 January 2008 - 09:51 AM

มาเล่าสู่กันฟังตามสัญญาค่ะ สืบเนื่องมาจากเมื่อวาน
ตอนเย็นกลับไปถึงบ้าน ก็เห็นแม่นั่งอยู่หน้าบ้าน ก็เดินไปหา แล้วก็บอกว่า คุณแม่ขา สวัสดีค่ะ
แม่เขาก็หัวเราะแบบเขินๆ แล้วเราก็เข้าไปกอด หอมแก้ม สัก 2 ฟอด ก็บอกแม่ว่า ไปเที่ยว Bic C กัน
ไปหาซื้อทีวีกัน แม่ก็บอกว่า ไม่ต้องซื้อหรอก เปลืองเงิน ซึ่งก็ตอบแม่ไปว่า ซื้อดีกว่า เพราะจะได้ไม่เกิดปัญหานี้อีก
เพราะจริงๆ แล้ว ก็รู้ๆ อยู่ว่าแม่อยากได้ ทีวีไว้ในห้อง เพราะแม่จะได้เปิดบทสวดมนต์ทำวัตรเช้า, และก็ทำวัตรเย็น
อ้อ ลืมบอกไป ในห้องแม่มีพระพุทธรูปอยู่ในห้องค่ะ ก็จะเป็นการสะดวกสำหรับแม่ด้วย

ตกลงเราก็ไป Bic C กัน แหม แม่แต่งตัวซะสวยเชียว กางเกงเหลือง เสื้อเหลือง (ลายเรารักในหลวง)
แลดูว่า แม่จะอารมณ์ดีมากๆ เลย เราก็แอบขำอยู่ในใจ ไม่กล้าขำออกมาเดี๋ยวจะงอนอีก

พอไปถึง Bic C ที่ตั้งใจไว้ว่าจะซื้อทีวี แม่กลับไม่ยอมให้ซื้อ เพราะเห็นราคาแล้ว แม่เสียดายเงิน
ก็ตามใจแม่ค่ะ (ขืนขัดใจเดี๋ยวงอนอีกอ่ะ) แต่ก็คิดไว้ว่าเดี๋ยวค่อยแอบซื้อให้ทีหลังก็แล้วกัน
ก็กลายเป็นว่า แทนที่จะได้ทีวี กลับซื้อ ของกินของใช้ซะเพียบเลยค่ะ แม่บอกซื้อตุนไว้ เพราะเวลาหมดที
ซื้อปลีกจะแพงกว่า และก็บ้านก็ไกลจากห้างมากเป็น 20-30 กิโล ต้องขับรถไปซื้อ ก็เปลืองน้ำมันอีก
เราก็ OK ค่ะ ตามใจแม่ ว่าอย่างไร ว่าตามกัน (อิอิ แอบขอยืมคำครูไม่ใหญ่มาใช้นะคะ สาธุ)

อืม พอจะพาไปทาน MK (เอาใจแม่ซะหน่อย) แม่ก็บอกไม่ดีกว่า ทานที่ Fast Food ดีกว่า ประหยัดกว่ากันเยอะ
เสียเงินหลักร้อย ดีกว่า เสียเป็นพัน อืม แม่เรานี่สุดยอดจริงๆ ประหยัดดี นี่แหละค่ะ คือตัวอย่างของแม่ที่ดีเลยก็ว่าได้
รู้จักการใช้เงินมากๆ (ซึ่งจริงๆ เราก็ทราบอยู่ แต่ด้วยความอยากเอาใจแม่อะค่ะ ก็เลยอาจจะต้องลงทุนนิดหน่อย อิอิ

สรุปเรื่องนี้ ก็ลงท้ายด้วยดีค่ะ

กราบอนุโมทนากับกัลยาณมิตรที่ช่วยแนะนำด้วยนะคะ และแล้ววันนี้ครอบครัวเราก็กลับมาอบอุ่นเหมือนเดิม

เฮ้อ... ถ้าใครเจออย่างเรา ก็ขอให้ทำใจเย็นๆ นะคะ ถ้ารู้ว่ายังไม่พร้อมจะคุยกับท่าน แยกย้ายกันไปก่อน รอเวลาผ่านไปสักช่วงนึง (อาจจะนานเป็นวัน) ค่อยเข้าไปคุย อ้อ ต้องทำใจตัวเองให้ใสๆ ก่อนนะคะ คุยแบบเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรื่องที่คิดว่ายาก ก็กลับมาง่ายอย่างที่เราก็งง งง เหมือนกันค่ะ (เคล็ดลับอีกอย่างค่ะ นั่งสมาธิให้ใจหยุดใจนิ่งก่อนนะคะ ซึ่งลองทำดูแล้วค่ะ ดีมากๆ เลยนะคะ สติมี ปัญญาเกิด)


#24 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4,531 posts
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

Posted 24 January 2008 - 12:33 PM

ถูกต้องครับ ใจเย็นๆ อารมณ์ทุกอย่างไม่เที่ยงในโลกนี้ (ยกเว้นพ้นโลก หยั่งกระแสนิพพาน นั่นอีกเรื่องหนึ่ง)
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#25 DJ.

DJ.
  • Members
  • 1,212 posts

Posted 25 January 2008 - 10:13 PM

เป็นกระทู้ที่น่ารักมาก จบลงอย่าง happy ending.
อ่านจบแล้วได้รอยยิ้มเบิกบาน
ทุกคนเอื้ออาทรกันอย่างเป็นธรรมชาติ
นี่ถ้าคนนอกได้เห็นกระทู้นี้
ต่อให้เป็นคนที่ไม่ชอบวัด
ก็คงต้องนึกชื่นชมสังคมของเรา
อนุโมทนาบุญด้วย
(นี่ถ้าหลานอาน่ารักเหมือนอนุบาลใจดีหน้าใสละก็
อารักตายเลย ๕๕๕๕๕)

#26 usr21748

usr21748
  • Members
  • 17 posts

Posted 06 February 2008 - 12:03 AM

เรื่องของเรื่องเป็นกลไกทางจิตของมนุษย์ทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าใครๆจะพบเจอกับปัญหาใดๆก็ตาม ทุกๆปัญหา มีไว้ให้เราแก้ ถ้าไม่มีปัญหา มนุษย์ไม่มีปัญญาหรอกครับ ปัญหาที่แก้ไม่ได้ ก็ไม่ต้องแก้ปัญหานั้น ปล่อยมันไป เพราะนั้นก็คือการแก้ปัญหาแบบผู้รู้ ผู้รู้ไม่ยึดติดกับปัญหาที่ไม่มีทางแก้ในปัจจุบัน หากไม่เช่นนั้น เวลาจะมีไว้ทำไม เพราะเวลานั้น ถ้าจะกล่าวไปแล้ว เป็นการยึดติดกับเวลาทำให้เกิดอารมณ์ หงุดหงิดขึ้นมาได้ ตัวอย่าง เช่นต้องเข้าคิวเพื่อจะทำกิจกรรมอะไรซักอย่างที่มีจำนวนผู้คนมากๆ การจัดคิว คือทางแก้ปัญหาให้มีความทัดเทียมกัน แต่ความจริงแล้ว เป็น วิธีการของผู้รู้ รู้ยังไง รู้แบบนี้ เมื่อต้องเจอกับปัญหาแบบนี้เข้าเมื่อใด เราต้องท่องไว้ในใจข้อแรกเลยว่า มีคนจำนวนมากชอบเลือกเวลานี้ ทำให้เราต้องต่อคิว แสดงว่า เรายังมีชีวิตในโลกมนุษย์อยู่ กิจกรรมแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเราตลอดเวลา นี้ คือ กิจกรรมของการเสมอภาค เรื่องการ แบ่งเวลาให้กับบุคคลใหม่ๆที่เรายังไม่รู้จักเขา ในฐานะที่เรา เกิดมาเป็นมนุษย์ทั้งที หนึ่งชีวิตนี้ มีเวลาเท่าๆกัน เรารู้จักผู้คนทั้งชีวิตของเรา มีทั้งหมดเท่าไรกัน ถ้าหนึ่งร้อยคน แม้มันน้อยไปหน่อยนะ เพราะคนไทยมีตั้ง หกสิบกว่าล้านคน ที่สำคัญเราพูดภาษาแบบนี้ สามารถสื่อสารกันได้ ช่างดีเหลือเกิน อย่างน้อยๆ เราไม่ต้องใช้ความพยายาม ที่จะสื่อ ด้วยวิธีการอื่น แค่ ทักด้วยคำพูดที่ไพเราะเพราะพริ้งว่า การจัดคิวนี้ดีจังทำให้เราได้มีกิจกรรมแบบนี้ ร่วมกันครั้งแรกในชีวิต อย่างน้อยๆ ก็เพื่อประกาศให้คนอื่นได้รับทราบว่า ฉันมีความภูมิใจที่ได้แนะนำตัวเองให้ ผู้คนใหม่ๆ ได้รู้จักในฐานะที่ฉันเกิดเป็นมนูย์เหมือนกัน เลยสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ ภูมิใจจังเลย นี้ถ้าฉันไปเกิดเป็นนก จะสื่อสารกับมนุษย์คงไม่มีวันเข้าใจได้ง่ายๆ ว่า ฉันอยากมี กิจกรรมแบบนี้จัง มีการเข้าคิวรอรับอาหาร เข้าคิวจ่ายเงินเพื่อกิจกรรมต่างๆ ฯลฯ การมีคิวทำให้เรารู้จักการแบ่งปัน เพราะมนุษย์อยู่ได้ด้วยการแบ่งปัน เราได้บุญจากการแบ่งปันทั้งนั้น ท่านทั้งหลายลองตรองดูดเถิด ไม่ใช่เพราะ การแบ่งปันดอกหรือ ทำให้เราได้มี บุตรหญิง บุตรชายไว้เชยชม ไม่ใช้เพราะการแบ่งปันดอกหรือ ทำให้เรา มีความรักเกิดขึ้นภายในใจของตน ทำให้จิตใจของเราอ่อนนุ่มละมุนละไม การให้เท่านั้นที่จะเชื่อมตัวเราไปถึงคนอื่นๆ ทำให้คนสองคนได้รู้จักกันออกไป และขยายสู่ความเข้าใจอันดีงามต่อกัน สร้างมิตรภาพใหม่ให้เกิดขึ้นมา เพราะ การให้มิใช่หรือ เราจึงมีความสวยงามเกิดขึ้นมา ดัง ดอกไม้ ที่ได้ให้สีสันต่างๆแก่โลกใบนี้ ทำให้โลกมีความน่าอยู่ เพราะมีความสดใสมีชีวิตมีชีวา และดอกไม้ยังไม่เคยหยุดให้สีสันแก่โลกใบนี้ ถึงแม้กาลเวลาจะผ่านไปแค่ไหนก็ตาม
เพราะทุกๆกิจกรรมของมนุษย์ คือตัวตนของเรา จงรีบเร่งทำความดี แต่อย่ารีบร้อนทำความชั่วด้วยการ ทำลายความชั่วลงได้ ด้วยความใจเย็น คือ ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ภายในใจของตน เพราะ ไฟร้อนภายในใจถูกดับแล้วด้วยความดี ด้วยการให้ ใจของตน ได้มีคิวเพิ่มที่จะทำความดีต่อๆไป ด้วยการให้ และให้ ใจของเราได้แต่สิ่งที่ดีๆ มีความสุข เมื่อ ทุกๆคนต่างมีความปราถนาแต่ในด้านที่ดีๆ เราก็ควรทำดี เพราะ ทำดียังไงก็ดี ทำกี่ครั้งก็ดี อยู่ที่ว่า เรารู้จักคำว่า ดี ดีแค่ไหนเท่านั้น
ถ้าเราคิดว่า เรารู้จัก คำว่า ดีพอ มันจะพอดีกับใจของเราในทันที นี้คือ ทางสายกลางโดยแท้ ไม่มากไม่น้อย มันพอดีๆ
ขอความเจริญในปัญญาจงบังเกิดแด่ท่านทั้งหลายเถิด ประดุจดังแสงสว่างที่ส่องสว่างไปไหนอนาคต ทำให้เรา ได้มองเห็นในอนาคต ว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเรา ว่าเป็นเช่นไร ไม่ว่า จะประสบกับปัญหาใดๆ ปัญหานั้นเกิดขึ้นมาเพื่อมีไว้ ให้มนุษย์แก้ไขปัญหานั้นๆ เราเกิดมาเพื่อการนี้จริงๆ นี้คือ ปัญญาของมนุษย์โดยแท้ ผู้รู้ย่อมมีความสุขที่ได้แก้ปัญหา