นมัสการหลวงพ่อ และเรียนผู้ใจบุญ ทั้งหลาย มีปัญหาทุกข์ใจค่ะ
คือว่าดิฉันเพิ่งได้เสียพ่อไป ในคืนวันที่พ่อเสีย ฉันได้ไปหาพ่อประมาณสามทุ่มครึ่งกว่า ๆ ได้ ตอนนั้นฉันมาด้วยใจที่ยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกับซื้อผัดไท 2 ห่อ และผัดซีอิ๊ว อีก 1 ห่อ มาให้พี่สาว กับพี่เขยทาน ส่วนผัดซีอิ๊ว ดิฉันทานเอง แล้วก็กะว่าให้พ่อกินบ้าง ตอนนั้นดิฉันเข้าไปหาท่าน ท่านนอนหลับอยู่ ดิฉันก็สะกิด ท่าน 2 -3 ที ท่านก็ตื่น ท่านตื่นมาด้วยความรู้สึกดี หน้าตาผ่องใส บอกว่าวันนี้ได้ออกกำลังกาย คือ ถอนหญ้าหน้าบ้าน ทั้งวัน ดิฉันก็บอกพ่อว่า โถ่ทำอีกแล้วเดี๋ยวก็เหนื่อยหรอก (อืมม คือว่าพ่อของดิฉันเป็นโรคหัวใจ แล้ว ก็ทำบอลลูนมากว่า 10 ปี และก็เพิ่งทำบายพาสมาได้ ปี กว่า ๆ ดิฉันเคยห้ามไม่ให้ท่านทำงานหนัก แต่ท่านก็ไม่ยอม เดี๋ยวให้อยู่เฉย ๆ ก็ไม่ดี ถ้างั้นก็เลยบอกท่านไปว่า ทำได้ แต่อย่าหักโหมนะ เพราะตลอดเวลาหลังจากทำบายพาสมา ท่านเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาลเป็นว่าเล่น )
พอเห็นพ่อยิ้มหน้าตาสดใส ก็ชวนกินผัดซีอิ๊วด้วยกัน ซึ่งการกินตอนดึก ๆ สัก 3 -4 ทุ่ม เป็นเรื่องปกติของพ่อ เพราะบางทีเขาหิวก็จะหาอะไรให้ทาน แต่คืนนั้นทานไปได้ 4-5 คำ ก็บอกว่าพอแล้ว ก็โอเค ดิฉันว่าก็น่าจะพอแล้ว แล้วก็ให้ท่านทานน้ำ แล้วสักพักก็หลับไป อืม ตอนนั้นก็มีพี่สาวเข้ามานั่งทานด้วยกัน คุยกันสนุกสนาน พร้อมหลานอีกคนด้วย มีความสุขมาก
แต่พอได้สักประมาณห้าทุ่มกว่า ๆ ดิฉันก็หลับสะลึมสะลือ ได้ยินเสียงหายใจของพ่อดัง ครือ ๆ ก็ตกใจ สะกิดพ่อ ก็ไม่รู้ตัว ด้วยความตกใจ ก็รีบไปหาพี่สาว ว่าพ่อแย่แล้ว ตอนมาเห็นท่านดร็อปไปนิดนึง พี่สาวก็ช่วยทำ CPR ขั้นพื้นฐานให้ คือนวดหัวใจและเป่าปากให้ ตอนนั้นฉันโกลาหลมาก และบอกพี่เขย และญาติข้างบ้าน ให้รีบออกรถด่วน สัก กี่นาทีไม่รู้ แต่ก็เร็วมาก พอถึงรพ. หมอก็ช่วยเต็มที่ ประมาณ ครึ่งชม. หมอก็ออกมาบอกว่า ที่คนไข้หายใจได้เพราะเครื่องช่วยหายใจ แต่ไม่ตอบสนองแล้ว พ่อเสียแล้ว
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มันเร็วมาก ๆ ดิฉันไม่อยากเชื่อเลย แต่มันเกิดขึ้นแล้ว และก่อนหน้านี้พ่อก็บอกว่า พ่ออาจไปเมื่อไหร่ก็ได้ ดิฉันก็บอกพ่อไปว่าไม่เอาไม่พูดนะ ดิฉันทุกข์ใจว่า ถ้าดิฉันไม่ปลุกท่านมาทาน ซึ่งมันจะมีส่วนในกระบวนการทำงานเผาผลาญหรือป่าว ทำให้ท่านต้องไปเร็ว อืมม พ่ออายุ 78 กว่า ๆแล้ว ค่ะ ดิฉันทุกข์ใจมากค่ะ นอนไม่หลับ แต่ก่อนไม่เคยสวดมนต์ก่อนนอนเลย แต่พอพ่อเสีย ก็พึ่งสวดมนต์ตลอด รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง บางทีก็ฝันถึงท่าน ว่าท่านจากไปโดยที่ท่านไม่รู้ตัว แต่บางทีช่วงที่ช่วยเหลือท่านตอนทำนวดหัวใจ เป่าปาก ท่านจะรู้ไหมคะ ตอนท่านเสียตาซ้ายท่านเปิด นิด ๆ มีน้ำตาด้วย ตอนนี้ท่านเป็นอย่างไรบ้างคะ และทุกวันนี้ตั้งแต่ท่านเสีย ก็จะตักบาตร และอธิษฐานให้ และกรวดน้ำให้ท่านตลอดค่ะ
อืมม และในวันที่ 5 ธ.ค. นี้ ดิฉันก็ได้หลับตอนช่วงใกล้ เที่ยงฝันถึงท่าน ว่าได้เจอท่าน ท่านยิ้ม ในฝันฉันบอกว่าไปว่า อ่าว ป๊าไปแล้วนี่ ท่านก็ยิ้ม ดิฉันจับมือท่านดีใจมาก และในฝันนั้นก็มีพระกำลังสวดมนต์อยู่ ก็อำลากับพ่อว่า ไปฟังพระสวดมนต์นะ พ่อก็ลาเหมือนไปฟังพระสวดมนต์ ค่ะ
มันเกิดอะไรขึ้นกับดิฉันค่ะ ดิฉันทำผิดไหมคะ บางทีดิฉันก็กลัว บางทีก็อยากจะเจอท่าน แต่ก็กลัว ไม่รู้จะพึ่งอะไร ก็นึกถึงพระ สวดมนต์ และดู DMC ทุกวันค่ะ ก็เริ่มทำให้คลายความกังวลได้ แต่สิ่งลึก ๆ ก็ยังคาใจอยู่ นมัสการหลวงพ่อและผู้ใจบุญ ช่วยตอบคลายปัญหาให้ดิฉันหน่อยนะคะ ขอบคุณมาก ๆๆ ค่ะ
นมัสการหลวงพ่อ และเรียนผู้ใจบุญ มีปัญหาทุกข์ใจค่ะ
Started by usr27446, Dec 14 2008 08:31 PM
11 replies to this topic
#1
Posted 14 December 2008 - 08:31 PM
#2
Posted 14 December 2008 - 08:51 PM
ดูจากที่เล่ามา รู้สึกคุณพ่อจะไปดีนะครับ ไม่ต้องทรมานมาก แล้วลูกหลานก็อยู่กันใกล้ๆ สร้างความเบิกบานให้กับท่านก่อนจากไป อายุ 78 ก็เกินกว่าอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ยุคนี้แล้วครับ ถือว่าอายุยืน เพราะฉะนั้นอย่าทุกข์ใจไปเลยครับ สิ่งที่ทำได้เวลานี้ก็คือ ทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา อุทิศบุญกุศลไปให้ท่านนะครับ
#3
Posted 14 December 2008 - 09:59 PM
ถูกต้องอย่างที่คุณ Dhamma Bot กล่าวไว้แล้วค่ะ อย่าทุกข์ใจไปเลยเราทำดีที่สุดแล้ว การพลัดพลาดจากของรักของชอบใจเป็นทุกข์ เกิด มีอยู่ และดับไป เป็นของธรรมดาค่ะ ก่อนหน้านี้ก็พบปัญหาเช่นเดียวกับคุณคือได้สูญเสียคุณพ่อแบบคาดไม่ถึงเหมือนกัน ที่พึ่งที่ดีที่สุดคือพระรัตนตรัยในตัวของเราเองค่ะ ทำบุญ รักษาศีล เจริญภาวนา สม่ำเสมอ อุทิศส่วนกุศลให้ท่านบ่อยๆให้มีทิพยสมบัติได้ใช้สอยบริบูรณ์ สุขคติมีที่ไปค่ะ...
#4
Posted 14 December 2008 - 10:07 PM
ขอขอบคุณทุกๆคำตอบค่ะ ขอบคุณที่ให้กำลังใจค่ะ แล้วจะปฏิบัติตามที่บอกค่ะ
#5
Posted 14 December 2008 - 10:38 PM
คุณพ่อ ของผมก็จากไปอย่างฉุกละหุก ด้วยโรคหัวใจเหมือนกันครับ
ท่านทรมานด้วยอาการเสียดแน่นอก
แต่เมื่อได้รับการปฐมพยาบาล และนำส่งถึงทีมแพทย์
กระทั่งบรรเทาทุกขเวทนาแล้ว และอาการโดยรวมดีขึ้นแล้ว จองเตียง ห้องพักได้แล้ว
จู่ ๆ ก็ชีพขจรอ่อน ต้องปั๊มหัวใจ สักพักก็วายชนม์
ที่เล่ามานี้ ก็เพราะการตายคุณพ่อของผม อย่างไม่ทันเตรียมใจ คล้ายกับกรณีคุณพ่อเจ้าของกระทู้
จึงขออุทิศบุญกุศลที่ผมกระทำไว้ดีแล้ว ถึงคุณพ่อเจ้าของกระทู้
ให้มีความสงบสุขในสัมปรายภพ ด้วยครับ
ส่วนเจ้าของกระทู้ ก็ควรหมั่นบำเพ็ญกุศล อุทิศบุญ ตอบแทนพระคุณบิดา
อย่างที่กระทำไว้ดีแล้ว ประหนึ่งเกลือ รักษาความเค็ม นะครับ
เพราะการทำความดีใด ๆ เพื่ออุทิศบุญ ตอบแทนพระคุณบิดา อย่างต่อเนื่องเป็นกิจวัตร นิสัย
ตัวเจ้าของกระทู้เอง ย่อมได้รับผลดี
คือ ความสงบใจ คลายกังวล ความทุกข์ทางใจ และความสุข ความเจริญในชีวิต ครับ
ขออนุโมทนาในทุกกุศลกรรมที่เจ้าของกระทู้ กระทำไ้ดีแล้ว ด้วยครับ
Sa_Dhu_Anumonatami.gif 22.04KB 57 downloads
ถ้าคุณแม่ ยังอยู่ ดูแลเอาใจใส่ ประหนึ่งท่านเป็นเทวดาในบ้าน พระอริยในบ้าน ด้วยนะครับ
มงคลที่ ๑๑ บำรุงบิดามารดา
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=9089
ท่านทรมานด้วยอาการเสียดแน่นอก
แต่เมื่อได้รับการปฐมพยาบาล และนำส่งถึงทีมแพทย์
กระทั่งบรรเทาทุกขเวทนาแล้ว และอาการโดยรวมดีขึ้นแล้ว จองเตียง ห้องพักได้แล้ว
จู่ ๆ ก็ชีพขจรอ่อน ต้องปั๊มหัวใจ สักพักก็วายชนม์
ที่เล่ามานี้ ก็เพราะการตายคุณพ่อของผม อย่างไม่ทันเตรียมใจ คล้ายกับกรณีคุณพ่อเจ้าของกระทู้
จึงขออุทิศบุญกุศลที่ผมกระทำไว้ดีแล้ว ถึงคุณพ่อเจ้าของกระทู้
ให้มีความสงบสุขในสัมปรายภพ ด้วยครับ
ส่วนเจ้าของกระทู้ ก็ควรหมั่นบำเพ็ญกุศล อุทิศบุญ ตอบแทนพระคุณบิดา
อย่างที่กระทำไว้ดีแล้ว ประหนึ่งเกลือ รักษาความเค็ม นะครับ
เพราะการทำความดีใด ๆ เพื่ออุทิศบุญ ตอบแทนพระคุณบิดา อย่างต่อเนื่องเป็นกิจวัตร นิสัย
ตัวเจ้าของกระทู้เอง ย่อมได้รับผลดี
คือ ความสงบใจ คลายกังวล ความทุกข์ทางใจ และความสุข ความเจริญในชีวิต ครับ
ขออนุโมทนาในทุกกุศลกรรมที่เจ้าของกระทู้ กระทำไ้ดีแล้ว ด้วยครับ
Sa_Dhu_Anumonatami.gif 22.04KB 57 downloads
ถ้าคุณแม่ ยังอยู่ ดูแลเอาใจใส่ ประหนึ่งท่านเป็นเทวดาในบ้าน พระอริยในบ้าน ด้วยนะครับ
ความกตัญญู กตเวที ต่อบุพการี เป็น เครื่องหมายของคนดี
บุตรทุกคน ควรทำความดีแก่บุพการี ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่
บุตรทุกคน ควรทำความดีแก่บุพการี ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่
มงคลที่ ๑๑ บำรุงบิดามารดา
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=9089
อิธ นนฺทติ เปจฺจ นนฺทติ
กตปุญฺโญ อุภยตฺถ นนฺทติ
ปุญฺญํ เม กตนฺติ นนฺทติ
ภิยฺโย นนฺทติ สุคตึ คโต . . . ฯ ๑๘ ฯ
คนทำดีย่อมสุขใจในโลกนี้
คนทำดีย่อมสุขใจในโลกหน้า
คนทำดีย่อมสุขใจในโลกทั้งสอง
เมื่อคิดว่าตนได้ทำแต่บุญกุศล ย่อมสุขใจ
ตายไปเกิดในสุคติ ยิ่งสุขใจยิ่งขึ้น
Here he is happy, hereafter he is happy,
In both worlds the well-doer is happy;
Thinking; 'Good have I done', thus he is happy.
Furthermore he is happy,
When gone to the state of bliss.
กตปุญฺโญ อุภยตฺถ นนฺทติ
ปุญฺญํ เม กตนฺติ นนฺทติ
ภิยฺโย นนฺทติ สุคตึ คโต . . . ฯ ๑๘ ฯ
คนทำดีย่อมสุขใจในโลกนี้
คนทำดีย่อมสุขใจในโลกหน้า
คนทำดีย่อมสุขใจในโลกทั้งสอง
เมื่อคิดว่าตนได้ทำแต่บุญกุศล ย่อมสุขใจ
ตายไปเกิดในสุคติ ยิ่งสุขใจยิ่งขึ้น
Here he is happy, hereafter he is happy,
In both worlds the well-doer is happy;
Thinking; 'Good have I done', thus he is happy.
Furthermore he is happy,
When gone to the state of bliss.
ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม
#6
Posted 14 December 2008 - 10:51 PM
คุณพ่อดิฉันก็ไปอย่างไม่ทันตั้งตัวเช่นกันค่ะ คุณพ่อเป็นเส่นเลือดแดงใหญ่ที่กลางท้องโป่งพอง ถ้าแตก ก็ เสียชีวิตสถานเดียวทันที ดิฉันก็ทราบมานานกว่า 20 ปี จนถึงวันที่ท่านไป ท่านปวดท้อง ( ปวดที่เส้นเลือดใหญ่) พาไปส่งห้องฉุกเฉิน คุยกันอยู่ดีๆ หันหลังมา 5 วินาที หันกลับไปคุณพ่อตาเหลือบขึ้นบน หน้าซีด ปากซีด ตัวซีด ดิฉันก็ทราบโดยทันทีเพราะดิฉันเรียนจบพยาบาลว่าไม่รอดแน่ ก็เรียกหมอซีพีอาร์เลย แล้วบอกหมอว่าขอพี่อยู่ด้วยนะหมอจะทำอะไรทำไป พี่ขอทบทวนบุญให้คุณพ่อพี่ก่อน รีบโทรหาพี่ น้อง แล้วก็เริ่มพรรณนาบุญที่คุณพ่อได้ทำมาส่วนหมอก็ใส่ท่อช่วยหายใจ ดริปยา คุณพ่อก็ยังไม่มีมีชีพจร ดิฉันบอกหมอว่า ขอเวลาอีก 2 ชั่วโมง เดี๋ยวพี่น้องพี่มาไม่ทัน หมออย่าพึ่งหยุดนะ ปั๊มต่อไป ดิฉันจำได้ว่าพูดเรื่องบุญตลอด 2 ชั่วโมงจนเสียงหมดเพราะตะโกนใสหูคุณพ่อเนื่องจากท่านเป็นคนหูตึง แต่มั่นใจว่าคุณพ่อไปดีแน่เพราะทำบุญใหญ่ๆให้ถี่ยิบ
ดิฉันก็เป็นกำลังใจให้คุณ จขกท ด้วยนะคะ เพราะการที่เราพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นเรื่องธรรมดา ทำให้เราสังวรณ์ไว้ว่า ความตายไม่มีนิมิตรหมาย เราหรือใครๆก็อาจ จากเราไปไดอย่างไม่ทันตั้งตัว
ดิฉันก็เป็นกำลังใจให้คุณ จขกท ด้วยนะคะ เพราะการที่เราพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นเรื่องธรรมดา ทำให้เราสังวรณ์ไว้ว่า ความตายไม่มีนิมิตรหมาย เราหรือใครๆก็อาจ จากเราไปไดอย่างไม่ทันตั้งตัว
#7
Posted 15 December 2008 - 09:16 AM
จากที่ได้อ่านมาคุณเจ้าของกระทู้คงเป็นกังวลกลัวว่าตัวเองจะทำผิดที่ปลุกท่านใช่ไหมครับ
จากสติปัญญาอันน้อยนิดของผมลองประมวลรวมเคสต่างๆที่ได้เคยรําเรียนมาจากคุณครูไม่ใหญ่ ขอบอกว่าคุณเจ้าของกระทู้ไม่ต้องวิตกครับ เพราะไม่เกี่ยวกับคุณเจ้าของกระทู้เลยแม้แต่น้อย ท่านจากไปก็เพราะถึงเวลาของท่านแล้วนั่นเอง แถมคุณเจ้าของกระทู้ยังได้ปรนิบัติต่อคุณพ่อก่อนท่านเสียจนทำให้ท่านมีความสุขในช่วงชีวิตช่วงสุดท้าย เป็นการแสดงความกตัญญูต่อคุณพ่อเสียอีก ดังนั้นอย่าได้วิตกไปครับ และตอนนี้สิ่งที่ควรทำคือ ลืมมันไปซะ อย่าให้ใจมีความเศร้าความกังวลใจอย่าให้มันมาปิดกั้นใจ และหมั่นสั่งสมบุญบารมีอุทิศให้คุณพ่อเพื่อให้ท่านได้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในโลกหน้า
คุณจขกท.รู้ไหมครับ ว่าเรื่องของคุณเจ้าของกระทู้ใกล้เคียงกับเรื่องของพระสุมมาสัมพุทธเจ้าเลยทีเดียว ผมขอยกเอามาเปรียบเทียบให้คุณเจ้าของกระทู้ทราบเพื่อความสบายใจของคุณเจ้าของกระทู้นะครับ
เมื่อครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใกล้เสด็จดับขันพระปรินิพพาน หลังจากที่พระองค์ทรงประกาศละสังขารแล้ว ในระหว่างที่พระองค์เดินทางไปยังเมืองกุสินารา พระองค์ได้รับบิณฑบาตรจากนายจุนทะกัมมารบุตรซึ่งถือได้ว่าเป็นภัตตาหารมื้อสุดท้ายของพระองค์ ในครั้งนั้นหลังจากพระองค์ทรงฉันภัตตาหารเรียบร้อยแล้ว ไม่นานได้เกิดประชวรทำให้นายจุนทะกัมมารบุตรกังวลใจกลัวว่าตนจะทำบาปใหญ่ พระองค์จึงทรงปลอบใจนายจุนทะกัมมารบุตรว่าอย่าได้เป็นกังวล และยังบอกนายจุนทะกัมมารบุตรว่าบุญภวายภัตตาหารที่เป็นมหาทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเป็นทานที่ให้บุญมากมี2ครั้งด้วยกันคือ 1. บุญจากการถวายภัตตาหารมื้อแรกก่อนที่พระองค์จะตรัสรู้ของนางสุชาดา (ในตำราหลายเล่มเขียนบอกว่าเป็นอาหารมื้อแรกหลังจากที่พระองค์ตรัสรู้ ส่วนภัตตาหารมื้อแรกก่อนการตรัสรู้เป็นภัตตาหารที่เด็กเลี้ยงโคนำมาถวาย ซึ่งเป็นการเข้าใจผิด ด้วยเหตุผลที่ว่าหลังจากที่พระองค์รับบาตรจากนางสุชาดาจึงทรงอธิษฐานว่าหากพระองค์จะตรัสรู้ขอให้ถาดทองนี้ลอยทวนกระแสนํา ซึ่งเด็กเลี้ยงโคไม่น่ามีถาดทองได้) และ2. คือบุญจากการถวายภัตตาหารมื้อสุดท้ายก่อนที่พระองค์จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน
หากลองเปรียบเทียบดูแล้ว อาหารของคุณจขกท.จึงเปรียบเสมือนเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของคุณพ่อ ผมคิดว่าคุณเจ้าของกระทู้น่าจะได้บุญกตัญญูต่อบุพการีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเสียมากกว่า เพราะฉนั้น อย่าได้เป็นกังวลใจไปเลยครับ ^ ^
จากสติปัญญาอันน้อยนิดของผมลองประมวลรวมเคสต่างๆที่ได้เคยรําเรียนมาจากคุณครูไม่ใหญ่ ขอบอกว่าคุณเจ้าของกระทู้ไม่ต้องวิตกครับ เพราะไม่เกี่ยวกับคุณเจ้าของกระทู้เลยแม้แต่น้อย ท่านจากไปก็เพราะถึงเวลาของท่านแล้วนั่นเอง แถมคุณเจ้าของกระทู้ยังได้ปรนิบัติต่อคุณพ่อก่อนท่านเสียจนทำให้ท่านมีความสุขในช่วงชีวิตช่วงสุดท้าย เป็นการแสดงความกตัญญูต่อคุณพ่อเสียอีก ดังนั้นอย่าได้วิตกไปครับ และตอนนี้สิ่งที่ควรทำคือ ลืมมันไปซะ อย่าให้ใจมีความเศร้าความกังวลใจอย่าให้มันมาปิดกั้นใจ และหมั่นสั่งสมบุญบารมีอุทิศให้คุณพ่อเพื่อให้ท่านได้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในโลกหน้า
คุณจขกท.รู้ไหมครับ ว่าเรื่องของคุณเจ้าของกระทู้ใกล้เคียงกับเรื่องของพระสุมมาสัมพุทธเจ้าเลยทีเดียว ผมขอยกเอามาเปรียบเทียบให้คุณเจ้าของกระทู้ทราบเพื่อความสบายใจของคุณเจ้าของกระทู้นะครับ
เมื่อครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใกล้เสด็จดับขันพระปรินิพพาน หลังจากที่พระองค์ทรงประกาศละสังขารแล้ว ในระหว่างที่พระองค์เดินทางไปยังเมืองกุสินารา พระองค์ได้รับบิณฑบาตรจากนายจุนทะกัมมารบุตรซึ่งถือได้ว่าเป็นภัตตาหารมื้อสุดท้ายของพระองค์ ในครั้งนั้นหลังจากพระองค์ทรงฉันภัตตาหารเรียบร้อยแล้ว ไม่นานได้เกิดประชวรทำให้นายจุนทะกัมมารบุตรกังวลใจกลัวว่าตนจะทำบาปใหญ่ พระองค์จึงทรงปลอบใจนายจุนทะกัมมารบุตรว่าอย่าได้เป็นกังวล และยังบอกนายจุนทะกัมมารบุตรว่าบุญภวายภัตตาหารที่เป็นมหาทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเป็นทานที่ให้บุญมากมี2ครั้งด้วยกันคือ 1. บุญจากการถวายภัตตาหารมื้อแรกก่อนที่พระองค์จะตรัสรู้ของนางสุชาดา (ในตำราหลายเล่มเขียนบอกว่าเป็นอาหารมื้อแรกหลังจากที่พระองค์ตรัสรู้ ส่วนภัตตาหารมื้อแรกก่อนการตรัสรู้เป็นภัตตาหารที่เด็กเลี้ยงโคนำมาถวาย ซึ่งเป็นการเข้าใจผิด ด้วยเหตุผลที่ว่าหลังจากที่พระองค์รับบาตรจากนางสุชาดาจึงทรงอธิษฐานว่าหากพระองค์จะตรัสรู้ขอให้ถาดทองนี้ลอยทวนกระแสนํา ซึ่งเด็กเลี้ยงโคไม่น่ามีถาดทองได้) และ2. คือบุญจากการถวายภัตตาหารมื้อสุดท้ายก่อนที่พระองค์จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน
หากลองเปรียบเทียบดูแล้ว อาหารของคุณจขกท.จึงเปรียบเสมือนเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของคุณพ่อ ผมคิดว่าคุณเจ้าของกระทู้น่าจะได้บุญกตัญญูต่อบุพการีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเสียมากกว่า เพราะฉนั้น อย่าได้เป็นกังวลใจไปเลยครับ ^ ^
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#8
Posted 15 December 2008 - 03:05 PM
คุณพ่อของเจ้ากระทู้ เสียชีวิตเพราะหมดอายุขัยครับ ไม่เกี่ยวกับที่ปลุกพ่อมากินข้าวครับ เพราะฉะนั้นอย่ากังวลเป็นทุกข์ใจเลยครับ เพราะเราทำหน้าที่ของลูกดีที่สุดแล้วได้ปรนนิบัติท่านตราบถึงวาระสุดท้ายของชีวิต การฝันถึงท่านก็เป็นิมิตหมายที่ดีที่ฝันเห็นพ่อและเสียงพระสวดมนต์หรือมีจิตผูกพันจึงฝันไปเช่นนั้น ให้เจ้าของกระทู้ ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา อย่าได้ขาด และอุทิศบุญกุศลไปให้ท่านครับ เพราะในเวลานี้สิ่งที่ท่านต้องการเพียงอย่างเดียว คือ บุญครับ
#9
Posted 15 December 2008 - 05:52 PM
คุณ usr27446
ได้ทำหน้าที่ลูกกตัญญูค่ะ ดูแลตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่
แม้ท่านละโลกไปแล้วก็ยังตอบแทนพระคุณท่าน
ด้วยการทำบุญอุทิศกุศลไปให้ท่าน
จิตที่เป็นกุศลและผูกพันกับคุณพ่อ
จึงฝันบอกเหตุไปในทางที่ดี
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ
ได้ทำหน้าที่ลูกกตัญญูค่ะ ดูแลตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่
แม้ท่านละโลกไปแล้วก็ยังตอบแทนพระคุณท่าน
ด้วยการทำบุญอุทิศกุศลไปให้ท่าน
จิตที่เป็นกุศลและผูกพันกับคุณพ่อ
จึงฝันบอกเหตุไปในทางที่ดี
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ
#10
Posted 16 December 2008 - 04:00 PM
เป็นดังที่คุณสุภาพบุรุษ072กล่าว ท่านหมดอายุขัย ไม่ได้เกิดจากเหตุปัจจุบันทันด่วนที่ จขกท.เข้าใจ ดังนั้นไม่ว่าจะปลุกท่านหรือไม่ หรือไม่ว่าท่านจะกินผัดซีอิ้ว ผัดไท หรือไม่ ก็ต้องหมดอายุขัย เพราะท่านก็เหมือนกับรู้จึงเตรียมบอกลาทุกๆคนไว้อยู่แล้ว
โดยหลักวิชา คตินิมิต ท่านใสนะ ไปอย่างสงบ แล้วอย่าลืมอุทิศส่วนกุศลให้ท่านอย่างสม่ำเสมอนะ...สาธุ
โดยหลักวิชา คตินิมิต ท่านใสนะ ไปอย่างสงบ แล้วอย่าลืมอุทิศส่วนกุศลให้ท่านอย่างสม่ำเสมอนะ...สาธุ
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC
#11
Posted 16 December 2008 - 11:34 PM
อย่ากังวลไปเลย หมั่นทำบุญ รักษาศีลและเจริญสมาธิส่งบุญไปให้ท่านเยอะๆนั่นแหละคือสิ่งที่ท่านต้องการในตอนนี้และยังทำให้เราสบายใจขึ้นด้วยเพราะบุญเท่านั้นคือที่พึ่งที่แท้จริงของคนเรา
#12
Posted 17 December 2008 - 07:08 PM
ขอขอบคุณทุก ๆ คำตอบนะคะ รู้สึกดีขึ้นมากค่ะ และขออนุโมทนาทุกท่าน ให้มีความเจริญ อายุ วรรณะ สุขะ พละ นะคะ