Jump to content


Photo
- - - - -

ยังไม่กระจ่างในรายละเอียดของศีลข้อ 3


  • You cannot start a new topic
  • Please log in to reply
12 replies to this topic

#1 Nu_Ngern

Nu_Ngern
  • Members
  • 2 posts

Posted 02 January 2009 - 07:16 PM

จากอคมนียวัตถุ 20

1. หญิงที่มีมารดารักษา
2. หญิงที่มีบิดารักษา
3. หญิงที่มีทั้งมารดาและบิดารักษา
4. หญิงที่มีพี่สาวน้องสาวรักษา
5. หญิงที่มีพี่ชายน้องชายรักษา
6. หญิงที่มีญาติรักษา
7. หญิงที่มีตระกูลรักษา
8. หญิงที่มีธรรมรักษา
9. หญิงที่มีคู่หมั้น
10. หญิงที่มีกฎหมายรักษา
11. หญิงที่ถูกผู้อื่นซื้อตัวมา
12. หญิงที่สมัครใจไปอยู่กับชาย
13. หญิงที่ยอมเป็นภรรยาของชายโดยหวังในทรัพย์สินเงินทอง
14. หญิงที่ยอมเป็นภรรยาของชายโดยหวังในเครื่องนุ่งห่ม
15. หญิงที่เป็นภรรยาโดยการทำพิธีแต่งงาน
16. หญิงที่เป็นภรรยาของชายโดยชายคนนั้นเป็นผู้ช่วยให้พ้นจากความยากลำบาก
17. หญิงที่เมื่อก่อนเป็นเชลย แล้วภายหลังตกมาเป็นภรรยาของนายเชลยนั้น
18. หญิงที่เมื่อก่อนเป็นลูกจ้าง แล้วภายหลังตกมาเป็นภรรยาของนายจ้างนั้น
19. หญิงที่เมื่อก่อนเป็นทาส แล้วภายหลังตกมาเป็นภรรยาของนายทาสนั้น
20. หญิงที่เป็นภรรยาของชายชั่วครั้งชั่วคราว

คำถาม

1. อยากทราบว่าถ้าหญิงที่มีมารดาบิดาปกครองอยู่ (ข้อ 3) ตัดสินใจไปอยู่กินกับชายที่ตนเองรัก หญิงคนนี้จะแปลง
สภาพกลายเป็นหญิงที่สมัครใจไปอยู่กับชาย (คนอื่นแล้ว) (ข้อ 12) หรือไม่

2. หญิงตั้งแต่ข้อ 9-20 เป็นภรรยาชายตามเหตุผลทีเขียนเลยใช่หรือไม่ ไม่พิจารณาผู้ปกครองใช่หรือไม่ ยกตัวอย่าง
เช่น หญิงข้อ 13 สมมติหญิงมีบิดามารดาปกครองอยู่ เพราะชายให้ทรัพย์สินเงินทองหญิง หญิงยอมเป็นภรรยาของ
ชายคนนั้น พ่อแม่หญิงไม่รู้เรื่องหญิงคนนี้อยู่ในสถานะภรรยาของชายคนนี้แล้วหรือยัง ณ ตอนนี้ใครเป็นเจ้าของหญิง
กันแน่ระหว่างบิดามารดา หรือว่าชายคนที่ซื้อตัวหญิงด้วยทรัพย์สินเงินทอง

3. คำว่า "ปกครองดูแล" ไม่ได้มีความหมายว่าเป็นเจ้าของหรือ เคยอ่านเจอในบางเว็บไซต์มีบางท่านกล่าวว่าบิดามารดา
เป็นแต่เพียงผู้ปกครองดูแล แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของ (ร่างกาย) ถ้าเป็นอย่างนั้นแสดงว่าหญิงสามารถมอบกายให้เป็นภรรยา
ใครก็ได้อย่างนั้นหรือ

4. ถ้าหญิงแอบไปจดทะเบียนสมรสกับชาย บิดามารดาหญิงไม่รู้เรื่อง (บิดามารดาหญิงอยู่ต่างจังหวัด) ตอนนี้ใครเป็นเจ้า
ของหญิง ในอนาคตบิดามารดาเกิดยกหญิงให้ชายอื่น (เพราะไม่รู้ว่าหญิงจดทะเบียนสมรสแล้ว) บิดามารดาหญิงรับของ
หมั้นชายคนนี้ด้วย ตอนนี้ใครเป็นเจ้าของหญิง สมมติหญิงเดินทางกลับมาเยี่ยมบิดามารดารู้สึกพอใจชายที่บิดามารดา
หมั้นหมายให้เลยตัดสินใจไม่กลับไปหาชายคนแรกที่ตนได้จดทะเบียนสมรสอีกเลยและแต่งงานใหม่กับชายที่บิดามารดา
หมั้นหมายให้ ตอนนี้ใครเป็นเจ้าของหญิง

5. ความเป็นเจ้าของของบิดามารดา ต่างจากความเป็นเจ้าของของแฟน หรือความเป็นเจ้าของของสามีภรรยาหรือไม่
การที่หญิงหนีตามคนรักไป (หอบผ้าหอบผ่อนตามคนรักไป) ต่างจากการที่หญิงหนีตามกิ๊กไป (ปลดตำแหน่งแฟนเก่า
กลางอากาศ) หรือต่างจากการที่หญิงหนีตามชู้ไป (ปลดตำแหน่งสามีเก่ากลางอากาศ) หรือไม่ ความเป็นเจ้าของในตัว
หญิงอยู่ที่การตัดสินใจของหญิงหรือไม่

6. สมมติชายหญิงตกลงเป็นแฟน การแอบไปมีกิ๊ก บางคนมองว่าเป็นการผิดศีลข้อ 3 แสดงว่าความเป็นเจ้าของมันโอน
กันตั้งแต่ชายหญิงตกลงเป็นแฟนกันแล้วหรือ บิดามารดายังไม่รับรู้มันก็โอนแล้วหรือ


ประเด็นที่กำลังสับสนอยู่คือใครเป็นเจ้าของหญิง และความเป็นเจ้าของหญิงมันโอนกันอย่างไร ???

#2 เด็กน้อยมาวัด

เด็กน้อยมาวัด
  • Members
  • 204 posts

Posted 02 January 2009 - 09:02 PM

สุดยอดดดดดดดดดดดดด...มากๆค่ะ
ชมอย่างเดียวแต่ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ
อยากรู้เหมือนกันไว้จะเข้ามาดูใหม่ค่ะ
หยุดเป็นตัวสำเร็จ


#3 น้ำใส

น้ำใส
  • Members
  • 778 posts
  • Gender:Male

Posted 02 January 2009 - 11:04 PM

เป็นอะไรเย๋อ....ออออ คงต้องไปถาม นักกฏหมายกะละมัง และที่สำคัญ "หญิง" ไม่ใช่สิ่งของ

สามารถโอนกันได้ด้วยเหรอ...อออ อย่างนี้ต้องถามท่านเปา...

เหมือนดอกบัวทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เปิดกลีบรับแสงตะวันธรรม

น้อมนำสู่วิถีอันดีงาม


#4 จอมเทพ

จอมเทพ
  • Members
  • 466 posts

Posted 02 January 2009 - 11:57 PM

คุณช่างสงสัยเก่งจัง ขนาดจอมเทพว่าตัวเองเป็นนักคิดนักสงสัยแล้วนะ ยังไม่เคยคิดถึงขนาดคุณเลย โอ้วววตอบยาก ถ้าตอบก็คงจะละเอียดน่าดูนะ
กุญแจวิเศษ

#5 kasaporn

kasaporn
  • Members
  • 870 posts

Posted 03 January 2009 - 12:39 AM

อ่านแล้วก็เลยสงสัยตามไปด้วย รอผู้รู้มาตอบอยู่เหมือนกันนะคะ

#6 n00m

n00m
  • Moderators
  • 637 posts
  • Location:Patumthanee

Posted 03 January 2009 - 07:58 AM

เคยมีกระทู้เก่าๆ ที่สนทนาถึงเรื่ององค์แห่งศีล เท่าที่ผมจำได้จะประมาณนี้

หลัก "อคมนิยวัตถุ" ทั้ง 20 ข้อนั้นรวมความได้ว่า "หญิงหรือชายที่มีเจ้าของ" คำว่า "เจ้าของ" ไม่ใช่หมายความเฉพาะแฟนหรือสามีภรรยาเท่านั้น แต่หมายถึงทุกคนที่ดูแลรักษาหรือปกครองหญิงหรือชายคนนั้นอยู่ซึ่งการมีความสัมพันธ์ทางเพศกับหญิงหรือชายคนนั้นอย่างไม่ถูกต้อง จะทำให้คนที่ดูแลรักษาหรือปกครองหญิงหรือชายคนนั้นนั้นเป็นทุกข์ใจ

ศึกษากระทู้เก่าๆ ได้ตามนี้ครับ
การผิดศีลข้อ 3 http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=8145
แบบนี้ถือว่าผิดศีลข้อ 3 หรือไม่ค่ะ http://www.dmc.tv/fo...p?showtopic=800

ของแถมเคยมีกระทู้ที่สนทนาเรื่องโทษของศีลข้อ 3 ไว้ดังนี้ครับ

โทษของการล่วงละเมิดองค์แห่งศีลข้อนี้จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบในการพิจารณาดังนี้คือ

๑) หากล่วงเกินแก่ผู้มีศีลธรรม "ที่มิได้มีความกำหนัดยินดีด้วย" ย่อมมีโทษหนัก
๒) หากล่วงเกินแก่ผู้ไม่มีศีลธรรม แม้ไม่เต็มใจยินยอม มีโทษหนักเช่นกันแต่เบาลงมาจากประเภทแรก
๓) หากทำการล่วงเกินด้วยวิธีการใช้กำลังข่มขู่ เบียดเบียน ทำร้าย ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นผู้มีศีลธรรมหรือไม่ก็ตาม ย่อมมีโทษมาก
๔) หากทั้งสองฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ล่วงละเมิดและถูกล่วงละเมิดมีความยินยอมต่อกันย่อมมีโทษเบา (อันนี้ตอบคำถามข้อ 4 ครับ)
๕) ในระหว่างปุถุชนและพระอริยะเจ้า (ตั้งแต่พระโสดาบันบุคคลขึ้นไป) การล่วงเกินต่อปุถุชนย่อมมีโทษเบากว่า สำหรับในระหว่างพระอริยบุคคลด้วยกันนั้น โทษจะหนัก/เบานั้น ขึ้นอยู่กับลำดับของคุณธรรมที่ท่านได้บรรลุ โดยการล่วงละเมิดต่อพระอรหันต์ขีณาสพย่อมมีโทษหนักอย่างร้ายแรงเป็น "ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม" (กรรมที่ส่งผลเป็นปัจจุบันทันตาเห็น) ดังเช่น นายนันทมานพผู้ล่วงเกินต่อพระอุบลวรรณาเถรีอัครมหาสาวิกา (เบื้องซ้าย) ต้องได้รับวิบากผลถึงถูกธรณีสูบ ไปบังเกิดในอเวจีมหานรกทันที เมื่อลับคลองจักษุของพระมหาเถรีนั้นแล้ว

#7 น้ำใส

น้ำใส
  • Members
  • 778 posts
  • Gender:Male

Posted 03 January 2009 - 01:33 PM

สาธุ สาธุ ขอบคุณ คุณn00m ที่เข้ามาตอบค่ะ

เหมือนดอกบัวทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เปิดกลีบรับแสงตะวันธรรม

น้อมนำสู่วิถีอันดีงาม


#8 Nu_Ngern

Nu_Ngern
  • Members
  • 2 posts

Posted 03 January 2009 - 02:44 PM

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะคะคุณ n00m happy.gif

ก่อนที่จะมาตั้งกระทู้นี้ก็ได้อ่านมาหลายเว็บไซต์ หลายกระทู้แล้วล่ะค่ะ บางกระทู้อ่านซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบมากๆ
แต่ก็ยังคงไม่เข้าใจในบุคคลผู้มีสิทธ์ในตัวของหญิงอยู่ดี เพราะเหมือนว่าประเด็นของการจะผิดศีลข้อ 3 หรือไม่
นั้นดูว่าเราไปละเมิดหญิงของใครหรือเปล่า มันก็เลยวกกลับมาที่คำถามว่าแล้วใครกันล่ะที่เป็นเจ้าของหญิงตัวจริง
กันแน่ บ้างก็บอกว่าหญิงเป็นเจ้าของตัวเอง บ้างก็บอกว่าหญิงเป็นของบิดามารดา glare.gif

เคยเอามาลองเทียบเคียงกับเรื่องการขโมยของ เช่นเราซื้อโทรศัพท์มือถือมา เราเป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือโดย
ชอบ วันดีคืนดีมีคนมาขโมยโทรศัพท์มือถือเราเอาไปเป็นสมบัติของตัวเองซะนี่ ตอนนี้ใครเป็นเจ้าของโทรศัพท์
มือถือกันแน่ มันจะคล้ายๆ กับกรณีที่บิดามารดาเป็นเจ้าของหญิงหรือไม่ ใครที่ไหนก็ไม่รู้มาพาลูกสาวตัวหนีไป
ตอนนี้ใครเป็นเจ้าของหญิงกันแน่ mad.gif

ความจริงควรมีเพียงหนึ่งเดียว ส่วนใหญ่แล้วคนมักจะตอบในมุมมองตัวเอง อยากได้คำตอบจากคนที่มั่นใจเพื่อ
ที่จะได้เอามาเปรียบเทียบกันว่ามันตรงกันมั้ย อยากได้คำตอบจากคนที่รู้จริงเรื่องนี้ dry.gif

อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็น ณ ที่นี้ค่ะ happy.gif

#9 ใส ใน สว่าง

ใส ใน สว่าง
  • Members
  • 127 posts

Posted 03 January 2009 - 06:11 PM

คำ ถาม นี้ สุด ยอด มาก ... จะ ได้ ปฏิ บัติ กัน ถูก ต้อง อิ อิ

เราพรางคนอื่นได้ แต่เราพรางตนเองไม่ได้


#10 ช้างบ้า

ช้างบ้า
  • Members
  • 58 posts
  • Gender:Male

Posted 04 January 2009 - 08:37 AM

กฎแห่งกรรมไม่ใช่กฎหมายนะครับ มองที่จิตใจเป็นสำคัญ

กรรมหรือการกระทำอะไร ต้องไม่ให้เกิด ทุข

หากจะมองเอาแต่ได้ หาข้อแม้ ว่า ทำอย่างนี้ไม่เป็นไรทำอย่างนั้นไม่เป็นไร มันมีการหาเหตุให้เกิดทุข กันร่ำไป

บุคคลผู้มีสิทธ์ในตัวของหญิง ควรจะเป็น ผู้ที่ ห่วงใย กับ หญิงคนนั้น
หากหญิงคนนั้น เป็นเ้จ้าของตัวเอง อย่างที่กล่าวอ้าง ต้องมาจากเหตุที่ ไม่มีใครคอยห่วงใย หญิงคนนั้นแล้วจริงๆ คือล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว

กรณี โทรศํพท์มือถือ คนที่ขโมยไปบอกใครๆ ว่า เป็นของคน แต่ในใจก็รู้อยู่ดีว่า ไม่ใช่ของตน จะนานแค่ไหน ก็ไม่ใช่ของตน คนที่เอาโทรศัพท์มือถือไปจะหลอกตัวเองได้ ว่ามันเป็นของตัวเขาเอง จะหลอกคนอื่นได้ว่ามันเป็นของตัวเอง แต่ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว คือไม่ใช่ของตน

#11 n00m

n00m
  • Moderators
  • 637 posts
  • Location:Patumthanee

Posted 04 January 2009 - 08:43 PM

ในทางปฏิบัติเราอาจจะบอกว่าอันนี้เป็นร่างกายของเรา เราเต็มใจที่จะมอบให้คนอีกหนึ่งคน ทางสังคมก็คงมองว่าไม่ผิด แต่มันผิดกฏอีกสองกฏของโลกนี้คือ จารีตประเพณี และกฏแห่งกรรม เท่าที่ผมเข้าใจหญิงหรือชายแทบทุกคนในโลกนี้ต้องมีคนรักษา อย่างน้อยที่สุดก็บิดาหรือมารดา แม้ตัวเรายินยอม แต่ถ้าการกระทำของเราทำให้คนที่รักษาเราอยู่ต้องเดือดร้อน ขุ่นข้อมหมองใจก็เข้าข่ายประพฤติผิดในกาม

ผู้ชายหลายต่อหลายคนที่ทึกทักเอาว่าเที่ยซโสเภณีไม่ผิดศีล เพราะไม่ได้ผิดลูกผิดเมียใคร อันนี้เป็นความเข้าใจผิด เพราะถ้าตัวโสเภณีไม่ได้ยินยอมพร้อมใจ เราก็ผิดตั้งแต่ด่านแรก ถึงแม้ตัวเค้ายินยอม แต่พ่อแม่หรือญาติพี่น้องล่ะ ยินยอมหรือเปล่า ถ้าไม่ก็ผิดอีกเช่นกัน คิดในแง่บวกสุดๆๆๆ ถ้าทุกคนยินยอมพร้อมใจ เห็นดีเห็นงาม เราก็อาจจะไม่ผิดศีล แต่ก็จะเกิดอาการที่เรียกว่าศีลพร่องแทน ยังไงก็เชิญชวนผู้รู้มาให้ความเห็นเพื่อเป็นธรรมทานนะครับ ผมก็จะได้ศึกษาให้เข้าใจยิ่งขึ้นอีก อนุโมทนาบุญล่วงหน้าคร้าบ

#12 WB

WB
  • Members
  • 267 posts

Posted 05 January 2009 - 11:53 AM

ตอบ

QUOTE
ประเด็นที่กำลังสับสนอยู่คือใครเป็นเจ้าของหญิง และความเป็นเจ้าของหญิงมันโอนกันอย่างไร ???


เมื่อมีเพศสัมพันธุ์กันอะครับ ตามองค์ประกอบของศีลขาด คือ ต้องเสร็จกิจทางเพศ(สำเร็จด้วยการกระทำ) และ สำเร็จด้วยใจ อะครับ ดังนั้น จะ กิ๊ก ชู้ ซื้อมาด้วยเงิน เป็นทาส หรืออะไรก็ตาม ถ้าประกอบหลักๆ ด้วย ยินยอมทั้ง 2 ฝ่าย แล้วก็ เสร็จกินทางเพศ ก็ถือว่าโอนความเป้นเจ้าของกันแล้วหละครับ ในกรณีนี้ โดนข่มขืนก็ไม่ถือว่าโอนเป็นเจ้าของ เพราะขาดองค์ประกอบที่ใจไปอะครับ

ปัญหาคือ ดาราหนัง x น่าสนใจเหมือนกัน คือถ้าทั้งคู่มีใจแค่รักสนุก ไม่คิดผูกพันธ์ทั้งคู่ แบบนี้จะถือว่าถูกโอนเจ้าของหรือเปล่าหนอ


#13 Ynk TheMoon

Ynk TheMoon
  • Members
  • 1 posts
  • Gender:Female

Posted 05 January 2009 - 10:58 PM

ตอบยากแฮะ ขอตอบในมุมมองของผมแล้วกันนะครับ

ผมว่าศีลข้อสามในเรื่องของความเป็นเจ้าของนั้นเป็นเสมือนหนึ่งการที่เราได้ครอบครองในของที่ไม่ใช่ของเรา

ผมเป็นคนนึงที่มีลูกและผมมีความรู้สึกว่าลูกนั้นเป็นสิ่งของที่มีค่าและสำคัญซึ่งลูกของผมเติบโตมาด้วยความรักและความใส่ใจตั้งแต่ยังดูแลตัวเองไม่ได้จนเติบใหญ่ การที่มีใครมาแย่งลูกไปหรือได้ครอบครองลูกผมโดยที่ทั้งคุณพ่อและคุณแม่หรือใครก็ตามที่ได้เลี้ยงดูเค้ามาตั้งแต่เด็กหรือมีอุปการะคุณโดยที่ไม่ได้รับอนุญาติ ผมจะรู้สึกไม่ดีถึงแม้ลูกผมจะยินยอมก็ตาม

ส่วนคนที่ได้ครอบครองก็จะรู้ในส่วนลึกๆของตนเองว่าสิ่งที่ทำอยู่มันไม่ใช่ ซึ่งเป็นการร้อนเรา
และผู้ที่ครอบครองเมื่อได้รู้เรื่องนั้นก็จะไม่สบายใจ ซึ่งเป็นการร้อนเขา

ทั้งความคิด คำพูด และการกระทำ ถ้าได้ทำไปแล้วรู้สึกร้อนเราร้อนเขา และสำหรับคนที่ปฏิบัติธรรมผมว่าเค้าจะรับรู้ได้ถึงสภาวะจิตว่าทำไปแล้วใจหมองหรือขุ่นผมว่ามันก็น่าจะผิดหรืออาจจะพร่องแล้วนะครับ

ปล. สำหรับเจ้าของกระทู้แนะนำให้นั่งสมาธิทำใจให้ใส แล้วลองเปิดเทปคำสอนคุณยายฟังดูนะครับ อาจจได้คำตอบอะไรในใจบ้าง ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เมื่อมีปัญหาอะไรจะฟังเทปคุณยายเสมอให้เป็นอารมณ์แล้วจะเจอทางออกครับผม

Happy & Smile
Best Regards, Aoeng ^_^