Jump to content


Photo
- - - - -

***นั่งดู ทีวี ภายในวัด ทั้งๆที่ถือศีล8,10,227***


  • You cannot start a new topic
  • Please log in to reply
16 replies to this topic

#1 สาคร

สาคร
  • Members
  • 764 posts

Posted 11 June 2009 - 10:10 AM

ผมไม่ได้หมายถึงวัดใดวัดหนึ่งนะครับ แต่ผมขอตั้งข้อสังเกตอย่างนี้ว่า

ผู้ถือศีลปฎิบัติธรรม พระสงส์ สามเณรหลายๆท่านเขาเข้าใจ ในศีลที่เขารับหรือเปล่าไม่ทราบครับ

ผมเห็นหลายๆท่านยังนั่งดูทีวี ดูละคร เพื่อความบันเทิงอยู่เลยครับ ทั้งๆที่ผิดศีลแน่นอน แต่ไม่มีการเตือนกัน

ยกเว้น ในกรณีที่ดูทีวี ลักษณะเป็นการสอน ธรรมะในทางพระพุทธศาสนา อย่างนี้ไม่เป็นอะไร

แต่เท่าที่เห็นส่วนมาก ที่นั่งดูกันในวัด จะดูเป็นเรื่องความบันเทิงมากกว่า จะดูนิดดูหน่อยหรือดูนานก็ผิดทั้งแหล่ะครับ

ศีลข้อที่ท่านรับแล้วไปฝืนดูก็คือ นจคีตวาทิตวิสูกทสสนามาลาคนธวิเลปนธารณมณฑนวิภูสนฎฐานา (เว้นขาดจากการขับร้องประโคมดนตรีดูการละเล่น ตกแต่งร่างกายด้วยดอกไม้ของหอม เครื่องทาเครื่องย้อมผัดผิว) ท่านลองดูนะครับว่าเราเคยผิดศีลข้อนี้หรือไม่ครับ
ความรักความเมตตาและการให้อภัยเป็นสิ่งที่คนดีเขามีกัน


[email protected]

#2 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3,579 posts

Posted 11 June 2009 - 11:23 AM

องค์แห่งศีลข้อ 7 การฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคมดนตรี ดูการละเล่น อันเป็นข้าศึกแก่การกุศล ตลอดจน ลูบไล้ ทัดทรง ประดับตกแต่งร่างกายด้วยดอกไม้ ของหอม เครื่องย้อม เครื่องทา มีองค์ 2 คือ

1. ฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคมดนตรีด้วยตนเอง

2. ดูหรือฟังการฟ้อนรำ การขับร้อง และการประโคมดนตรี และการละเล่นต่างๆ ที่คนอื่นประกอบขึ้น

***อันนำไปสู่กำหนัด เป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์***
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#3 tor

tor
  • Members
  • 356 posts
  • Location:BKK
  • Interests:meditation

Posted 11 June 2009 - 08:46 PM

ผมเข้าใจว่าใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน อย่างที่ว่าพระดูทีวี ก็อยู่ที่ใจของท่านนั่นแหละครับ ว่า ดูเพื่อปล่อยจิตให้เพลิดเพลินหลงไหลไป หรือดูเพื่อศึกษาหาอะไร
อัตตาหิ อัตตโนนาโถ = กายเป็นที่พึ่งแห่งกาย

#4 จอมเทพreturn

จอมเทพreturn
  • Members
  • 33 posts

Posted 11 June 2009 - 10:58 PM

อื่มใช่ครับ ขึ้นอยู๋กับวัตถุประสงค์ซะมากกว่า แต่ถ้าดูเพื่อความเพลิดเพลินบันเทิงใจแล้วละก็ อันนี้สิเต็มๆครับ ซึ่งก็ไม่ควรเอามากๆครับ สมัยจอมเทพบวชเป็นสามเณรที่วัดจ.สุรินทร์ ทีวีสักเครื่อง หนังสือพิมพ์สักฉบับก็ยังไม่เคยที่จะมีโอกาสผ่านสายตาเลยสักอย่าง เขาเคร่งกันมาก เพราะเป็นสำนักปฏิบัติธรรมแนวหน้าของที่นั่น ซึ่งทำให้จอมเทพปลื้มมากๆเลยครับ
"กุญแจวิเศษ"

#5 Q072

Q072
  • Members
  • 23 posts

Posted 12 June 2009 - 08:31 AM

กัลยาณมิตรท่านอื่นตอบไว้ดีแล้วครับ สาธุ

ขอเพิ่มมุมมองอีกนิด คือ

สิ่งนั้น การกระทำนั้น ๆ

กุศลกรรมบท ๑o หรือ อกุศลกรรมบท ๑o ( กรรมดี หรอ กรรมชั่ว )

เมื่อเสพ ทำแล้ว กุศลธรรมเจริญ หรือ อกุศลธรรมเจริญ

เมื่อเสพ ทำแล้ว กุศลธรรมเสื่อม หรือ อกุศลธรรมเสื่อม

จิตใส หรือ เศร้าหมอง

ผิด หรือ ถูก ( ธรรมวินัย , ศีล , กฎหมาย , ธรรมเนียม วัฒนธรรมในสังคมนั้น ๆ ฯล)


หลายเรื่องแม้ ไม่ผิดโดยตรง ไม่ใช่อกุศลกรรมบท โดยตรง
แต่ถ้า ชาวบ้านติเตียนได้ โลกวัชชะ

ถ้าเราจิตไหวง่าย กังวลคนวิพากษ์ วิจารณ์ในทางเสียหาย หรือ นินทา (ซึ่งเราห้ามใครไม่ได้)
และไม่อยากให้มีเรื่องตามมามาก

หลีกเลี่ยง งด เว้น ได้ก็ดีครับ

Attached File  33.jpg   14.98KB   78 downloads
Attached File  123.jpg   95.56KB   105 downloads


#6 ลีดเดอร์

ลีดเดอร์
  • Members
  • 416 posts

Posted 12 June 2009 - 10:50 AM

ชอบใจ นักเรียน Q072 เอามาลงให้เห็นความจริงนี้บ่อยๆก็ดีนะ อนุโมทนาบุญค่ะ

#7 Poti

Poti
  • Members
  • 254 posts

Posted 12 June 2009 - 11:40 AM

จับถูกเถอะ

#8 somchet

somchet
  • Members
  • 900 posts

Posted 12 June 2009 - 12:06 PM

พระ เณร ท่านก็ยังเป็นผู้ที่ฝึกตัวอยู่ครับ

#9 ดอกอุบล

ดอกอุบล
  • Members
  • 926 posts

Posted 12 June 2009 - 02:41 PM

ถ้าดูเพื่อศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้าก็ได้บุญ แต่ถ้าดูเพื่อเพลิดเพลินบันเทิงใจก็ผิดศีลเป็นบาปครับ

#10 สาธุธรรม

สาธุธรรม
  • Members
  • 1,124 posts

Posted 12 June 2009 - 09:38 PM

QUOTE
***อันนำไปสู่กำหนัด เป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์***


ขอความกรุณา คุณ WISH ช่วยขยายความด้วยค่ะ สาธู๊
หยุดนิ่งนั้นแหละไซร้ พรหมจรรย์
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ

สุนทรพ่อ

#11 จูล่งแห่งอุบล

จูล่งแห่งอุบล
  • Members
  • 5 posts

Posted 13 June 2009 - 10:52 AM

เป็นคำถามที่ดีมากเลยคับ


แต่ก็น่าจะดูวัตถุประสงค์นะ


แต่เราน่าจะมองในอีกมุมนะครับว่า


เราไปเอาบุญคือต้องทำให้ใจใส อย่าให้ใจขุ่นมัว

รักษาใจของเราเหมือนท่านจิตตคฤหบดี แม้พระด่าท่านแต่ท่านไม่ด่าพระตอบ

จนเป็นเหต์ให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ภิกษุขอขมาท่านคฤหบดี


เรารักษาใจดีกว่าคับ




#12 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3,579 posts

Posted 13 June 2009 - 11:56 AM

กำหนัด = ความใคร่ในกามคุณ

กามคุณ ๕ ประการ อะไรบ้าง คือ
๑. รูป ที่จะพึงรู้แจ้งทางตา ที่น่าปรารถนาน่าใคร่ น่าพอใจ เป็นรูปที่ชวนให้รัก ชักให้ใคร่ พาใจให้กำหนัด
๒. เสียง ที่จะพึงรู้แจ้งทางหู ที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวนให้รัก ชักให้ใคร่ พาใจให้กำหนัด
๓. กลิ่น ที่จะพึงรู้แจ้งทางจมูก ที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวนให้รัก ชักให้ใคร่ พาใจให้กำหนัด
๔. รส ที่จะพึงรู้แจ้งทางลิ้น ที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวนให้รัก ชักให้ใคร่ พาใจให้กำหนัด
๕. โผฏฐัพพะ ที่จะพึงรู้แจ้งทางกาย ที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวนให้รัก ชักให้ใคร่ พาใจให้กำหนัด
กามคุณ ๕ ประการนี้เป็นเหตุให้เกิดสุขและโสมนัสได้

QUOTE
"ดูก่อนอานนท์! กามคุณ ๕ เหล่านี้ กามคุณ ๕ เป็นไฉน?
กามคุณ ๕ คือ รูปที่พึงรู้แจ้งทางตา อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เป็นสิ่งที่ชวนให้รัก ชักให้ใคร่ พาใจให้เกิดความกำหนัด; เสียง, กลิ่น, รส, โผฏฐัพพะ (สิ่งที่พึงถูกต้องสัมผัสได้) ที่พึงได้รู้ทางหู, จมูก, ลิ้น, และกาย อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เป็นสิ่งที่ชวนให้รัก ชักให้ใคร่ พาใจให้กำหนัด

ดูก่อนอานนท์! นี้แลคือกามคุณ ๕
ดูก่อนอานนท์! ความสุขทางกาย สุขทางใจ อันใดที่พึงเกิดขึ้นเพราะอาศัยกามคุณ ๕ เหล่านี้
ความสุขกาย สุขใจนี้นั้นเรียกว่า กามสุข (ความสุขที่เกิดจากกาม)”
(สํ. ฉฬา.๑๘/๔๑๓/๒๗๘)


พระผู้มีพระภาคตรัสว่า“ภิกษุทั้งหลาย อะไรเล่าเป็นโทษแห่งกาม(กามาทีนพ)ทั้งหลาย”

คือ พระพุทธองค์ทรงแสดงการต้องประกอบอาชีพต่างๆ เช่น การพานิชยกรรม การกสิกรรม การรับราชการ ต้องลำบากตรากตรำ อดทนต่อความหนาว ร้อน หิว กระหาย เป็นต้น

การที่เพียรพยายาม แต่เมื่อไม่ได้ผลต้องโศกเศร้า เสียใจ เมื่อได้ผลแล้วก็ต้องทุกข์กาย ทุกข์ใจ เนื่องด้วยการอารักขาสินทรัพย์ที่เกิดขึ้นเพื่อมิให้เป็นอันตราย

เมื่อมีอันตรายเกิดขึ้นก็โศกเศร้าเสียใจ ทะเลาะวิวาทกับคนทั้งหลาย แล้วทำร้ายร่างกายกัน ใช้อาวุธทำสงครามฆ่าฟันกัน ก่อสร้างป้อม ถูกลงโทษทรมานต่างๆ เพราะทำความผิด เช่น ตัดช่องย่องเบา ปล้นสะดม เป็นต้น

ที่มีกามเป็นเหตุว่าแต่ละอย่างเหล่านี้เป็นโทษของกาม เป็นกองทุกข์ที่เห็นทันตา มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเหตุ มีกามเป็นเหตุเกิด เกิดเพราะเหตุแห่งกามทั้งหลายนั่นแล

ผู้ได้รับผลก็เป็นทุกข์ เนื่องจากเหตุแห่งการรักษาคุ้มครอง
ผู้ทำงานแต่ไม่ได้รับผลก็เป็นทุกข์ กลัวภัยต่างๆ จะเกิด เช่น
โจรภัย ราชภัย อุทกภัย วาตภัย เป็นต้น

นอกจากนี้ กามทั้งหลายยังเป็นเหตุให้เกิดโทษต่างๆ เช่น เกิดการยื้อแย่งแข่งกันในการต้องการคนที่มีรูปสวย นักร้องเสียงดี เกิดการทะเลาะวิวาทถึงกับฆ่ากันก็มี

ผู้ดีทะเลาะกับผู้ดี นักปกครองทะเลาะกับนักปกครอง พราหมณ์ทะเลาะกับพราหมณ์ พ่อค้าทะเลาะกับพ่อค้า แย่งความเป็นเจ้าของในคนงาม คนสวย เห็นกันอยู่ในสังคมทั่วๆ ไป

ตลอดจนการทะเลาะกันภายในครอบครัว สามีไปมีเมียน้อย ภรรยาเล่นชู้ เป็นเหตุให้ประหัตประหารฆ่าฟันกัน ก่อให้เกิดการบาดเจ็บและถึงแก่ชีวิตก็มี ทั้งหมดนี้ก็เพราะกามเป็นเหตุ

ชนทั้งหลายประพฤติกายทุจริต วจีทุจริต และมโนทุจริต ก็เพราะกามเป็นเหตุ
เห็นผิดเป็นถูก ครั้นประพฤติทุจริตต่างๆ ดังกล่าวแล้ว
หลังจากตายแล้วย่อมไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
นี้ก็ชื่อว่าเป็นโทษของกาม เป็นกองทุกข์ในสัมปรายภพ
(ม.มู.๑๒/๑๖๙)

QUOTE
คุณของกามหรือกามคุณเป็นสิ่งดีสำหรับปุถุชน
แต่เป็นโทษสำหรับผู้ปฏิบัติเพื่อบรรลุมรรคผล
เพราะฉะนั้นบัณฑิตพึงกำจัดฉันทราคะในกามคุณทั้งหลายเสีย


ธรรมกถา พระพิสาลพัฒนาทร ( ถาวร จิตฺตถาวโร )
๙๙๙ วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร ถนนพระราม ๑
แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ๑๐๓๓๐


ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#13 ใส ใน สว่าง

ใส ใน สว่าง
  • Members
  • 127 posts

Posted 13 June 2009 - 06:47 PM

จัย เขา จัย เรา ^ ^"

เราพรางคนอื่นได้ แต่เราพรางตนเองไม่ได้


#14 สาธุธรรม

สาธุธรรม
  • Members
  • 1,124 posts

Posted 13 June 2009 - 06:54 PM

สาธู๊ ค่ะ คุณ wish


หากอ่านตรงตัว ดูจะเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจได้
ที่จะอธิบายถึง
คนที่รักษาศีล 8 แต่ยังดู ทีวี ฟังเพลงบรรเลง ร้องเพลงธรรมะให้ไพเราะๆ
โดยบอกว่า ตนไม่ได้มีเจตนาให้เป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์....ไม่ได้กระทำไปด้วยทำให้เกิดความกำหนัดยินดี ในกามสุข
อันเป็น รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส

หากจะช่วยขยายความให้ยิ่งๆ ขึ้นไปอีก จะเป็นพระคุณยิ่งค่ะ

ปล. ไม่มีเจตนาว่าใคร เพียงต้องการความกระจ่าง จากผู้ที่รู้มากกว่าค่ะ
หยุดนิ่งนั้นแหละไซร้ พรหมจรรย์
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ

สุนทรพ่อ

#15 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3,579 posts

Posted 13 June 2009 - 10:28 PM

ตอบแบบอิงปริยัติแล้ว...

แต่จะขอตอบแบบอิงต้นโพธิ์...โดย พระเดชพระคุณพระภาวนาวิริยะคุณ เรื่อง ทำไมเข้าถึงพระธรรมกายได้ยาก
- ทำไมจึงหาศูนย์กลางกายได้ยาก?....เพราะใจมนุษย์นั้นถูกเครื่องล่อเครื่องหลอก ให้ออกจากศูนย์กลางกายนั่นเอง
- กล่าวโดยปฏิบัติ กำหนัดเป็นเครื่องล่อหลอกให้ผู้ประพฤติธรรม หลุดออกจากเส้นทางอริยมรรค เข้าสู่โลกียสุข พอใจในกามคุณ...พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯเคยกล่าวไว้ในเรื่อง ดอกไม้แห่งพญามาร ทำนอง...กำลังจะออกจากสวนดอกไม้แท้ๆ กลับหันหลังไปเด็ดดอกไม้มาชมอีกแล้ว
- แล้วอะไรทำให้ใจดำรงอยู่ในเส้นทางแห่งมรรคผล?...คำตอบคือบารมีทั้ง10ทัศน์นั่นเอง พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯจึงกล่าวถึง เลิกอยาก ลาหยอก รีบออกจากกาม เดินตามขันธ์สามเร็วไว
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#16 Dhamma Bot

Dhamma Bot
  • Members
  • 477 posts
  • Gender:Male

Posted 14 June 2009 - 10:24 AM

ผมเองก็ถือศีล 8 ครับ แต่ก็ต้องคอยดูทีวีอยู่เรื่อยๆ ดูว่าทางโลกเขาไปถึงไหนแล้ว มีวิธีการนำเสนอกิเลสอย่างไรบ้าง จะได้นำมาปรับปรุงวิธีเผยแผ่ธรรมะ และจับประเด็นเรื่องราวต่าง ๆ จากทีวี และภาพยนตร์มาใช้เป็นตัวอย่างในการสอนคับ

#17 สาธุธรรม

สาธุธรรม
  • Members
  • 1,124 posts

Posted 15 June 2009 - 10:41 AM

ขอบพระคุณมากค่ะ
หยุดนิ่งนั้นแหละไซร้ พรหมจรรย์
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ

สุนทรพ่อ