Jump to content


Photo
- - - - -

การแตกทำลายของจักรวาล


  • You cannot start a new topic
  • Please log in to reply
15 replies to this topic

#1 สาธุธรรม

สาธุธรรม
  • Members
  • 1,124 posts

Posted 20 August 2009 - 01:02 PM




สาเหตุแห่งการแตกทำลายของจักรวาล

สิ่งที่จะทำลายโลกมีอยู่ 3 สิ่งด้วยกัน คือ ไฟ น้ำ และลม

ไฟอะไรกันจะเผาไหม้ได้ทั้งโลก ขนาดมีผู้ลักลอบเผาบ่อน้ำมันตั้งหลายบ่อ ซึ่งถือว่ารุนแรงที่สุด ก็ไม่เห็นว่าจะเกิดความเสียหายมากมายอะไรนัก และอะไรหลายๆ อย่างในโลกก็ไม่ใช่ว่าจะไหม้ไฟไปเสียทั้งหมด และเช่นเดียวกัน

อย่าเพิ่งเข้าใจว่า น้ำและลมจะทำลายโลกไม่ได้ เพราะคุ้นเคยกับภาพ หรือข่าวน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ต่างๆ พายุ ถล่มในหลายภูมิภาค ซึ่งก็ไม่เห็นจะสร้างความเสียหายมากมายแต่อย่างใด

ไฟ น้ำ และลม ที่สามารถทำลายโลกได้นี้ ไม่ใช่ ไฟ น้ำ และลมอย่างที่เราเห็นหรือรู้จักกัน

แต่เป็นไฟ น้ำ และลมประลัยกัลป์ที่มีอานุภาพในการทำลายมหาศาล เพราะเกิดด้วย แรงกรรมของสัตวโลก

ซึ่งถ้าจะกล่าวตรงๆ แล้ว สัตวโลกที่ว่านี้ก็คือมนุษย์นั่นเอง เพราะว่าสัตว์อื่น ไม่สามารถจะทำกรรมอะไรได้มากมายเท่ามนุษย์ ส่วนมากล้วนกำลังเสวยวิบาก คือผลกรรมที่ตนเคยทำเมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ พวกเทวดา และพรหมในชั้นต่างๆ ก็เสวยผลบุญอยู่ และปกติก็มีจิตใจที่ดีงามอยู่แล้ว ถึงได้ไปเกิดตรงนั้นได้

ส่วนพวกที่เสวยทุกข์อยู่ในอบาย ไม่ว่าจะเป็นในมหานรกขุมต่างๆ ในยมโลก ที่เป็นเปรต อสุรกาย หรือแม้แต่สัตว์ดิรัจฉาน เพราะว่าสัตว์ที่เกิดในอบายนี้ ก็ย่อมต้องรับผลของบาปที่ตนกระทำ ด้วยวิธีการ และลักษณะต่างๆ กันไปตามแต่ละภพภูมิ จึงไม่มีโอกาสที่จะทำสิ่งไม่ดี ก็เหลือเพียงแต่มนุษย์เท่านั้นที่มี โอกาสอย่างเสรี ในการคิด พูด และทำสิ่งต่างๆ และเพราะเหตุที่มีเสรีภาพ ในการคิด พูด และทำได้ไม่มีที่ สิ้นสุดนี้เอง จึงทำให้มนุษย์ทำสิ่งไม่ดี ทำกรรมชั่ว เมื่อทำมากเข้า หนาแน่นเข้า ผลกรรมจึงทำให้โลกถูกทำลายลงในที่สุด


*************************************************************************



สิ่งที่ทำลายโลกขึ้นอยู่กับจิตใจมนุษย์




ถึงแม้ว่าทั้ง ไฟ น้ำ และ ลม จะเป็นสิ่งทำลายโลกและสรรพสิ่งทั้งปวง (ซึ่งไม่มีสิ่งใดๆ ที่จะมีอานุภาพ การทำลายมากไปกว่านี้) แต่ใช่ว่าทั้ง 3 สิ่ง จะสามัคคีชุมนุมมะรุมมะตุ้มตะลุมบอนออกฤทธิ์ถล่มโลกจน แตกสลายก็หาไม่ เพราะการทำลายจะเกิดขึ้นเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง คือถ้าเป็นไฟ ก็ไฟอย่างเดียว ถ้าเป็นน้ำก็น้ำอย่างเดียว และถ้าเป็นลมก็ลมอย่างเดียว

การที่สิ่งใดจะทำลายโลกนั้น ขึ้นอยู่กับจิตใจของมนุษย์ว่า หนาแน่นไปด้วยกิเลสตระกูลใดมากที่สุด

ซึ่งถ้าจิตใจมนุษย์หนาแน่นด้วยกิเลส ตระกูลโทสะ โลกจะถูกทำลายด้วยไฟ
ถ้ามนุษย์มีจิตใจที่หนาแน่นไปด้วย ราคะ โลกจะถูกทำลายด้วยน้ำ
และถ้าจิตใจของมนุษย์หนาแน่นด้วยกิเลส ตระกูลโมหะ โลกก็จะถูกทำลาย ด้วยลม

เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเราก็สามารถเลือกได้ว่า เราจะให้โลกถูกทำลายด้วยอะไรดี ถ้าอยากให้โลกถูก ทำลายด้วยไฟ ก็เกลียดกันเข้าไป โกรธกันเข้าไป ถ้าอยากจะให้โลกถูกทำลายด้วยน้ำก็โลภกันให้มากๆ เห็นแก่ตัวกันเข้าไป หมกมุ่นกามกันให้มาก และถ้าอยากจะให้โลกถูกทำลายด้วยลมก็ไม่ต้องสนใจกฎแห่งกรรม ไม่ต้องเชื่อบุญเชื่อบาป จะทำอะไรก็จงทำด้วยความพอใจไปเถิด แต่ถ้าอยากให้โลกอยู่รอดปลอดภัย ไม่ถูกสิ่งใดทำลายเลย ก็ต้องช่วยกันให้มนุษย์ทั่วทั้งโลกไม่ถูกครอบงำด้วยกิเลสทั้ง 3 ตระกูล



นอกจากโลกจะไม่ถูกทำลายด้วย ไฟ น้ำ หรือลมพร้อมกัน แต่จะถูกทำลายด้วยอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังกล่าวแล้ว
ในการทำลายของทั้ง 3 สิ่งนี้ ยังมีระยะเวลาและลำดับในการทำลายด้วย

โลกจะถูกทำลายด้วยไฟเป็นสิ่งแรก และจะถูกทำลายเป็นครั้งๆ ไป ถึง 7 ครั้ง ในครั้งที่ 8 โลกจะถูกทำลายด้วยน้ำ
หลังจากนั้นถูกทำลายด้วยไฟอีก 7 ครั้ง แล้วถูกทำลายด้วยน้ำอีก
จะเป็นเช่นนี้จนกระทั่งครั้งที่ 64
โลกจึงจะถูกทำลายด้วยลม 1 ครั้ง

หลังจากนั้นจึงเริ่มมีการเกิดขึ้นของโลกและจักรวาลขึ้นใหม่ และโลกก็จะถูกทำลายอีกจะเป็นอย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด

เมื่อรวมจำนวนที่โลกถูกทำลายด้วยสิ่งต่างๆ ใน 64 ครั้ง
จะถูกทำลายด้วยไฟ 56 ครั้ง ถูกทำลาย ด้วยน้ำ 7 ครั้ง และถูกทำลายด้วยลม 1 ครั้ง

Attached File  antennae_galaxy_pr2006046a_xl.jpg   311.98KB   279 downloads


***************************************************************************************


ลักษณะที่จักรวาลถูกทำลาย



Attached File  cigar_galaxy.jpg   11.12KB   93 downloads




1 เมื่อจักรวาลถูกทำลายด้วยไฟ

การที่โลกถูกทำลายด้วยไฟนั้น เริ่มจากจะไม่มีฝนตกเป็นเวลายาวนาน ความแห้งแล้งเริ่มปรากฏขึ้น ต้นไม้ทั้งหลายต่างเหี่ยวแห้งและตายจนหมดสิ้น ในกาลต่อมา ดวงอาทิตย์ดวงที่ 2 ปรากฏขึ้น ทำให้ ขณะนั้นโลกและจักรวาลมีดวงอาทิตย์ถึง 2 ดวง ทำให้ไม่มีกลางวันและกลางคืน เนื่องเพราะว่าโลกถูก แสงสว่างเจิดจ้าจากดวงอาทิตย์ทั้ง 2 ด้าน
ดวงอาทิตย์ดวงที่เกิดขึ้นมาใหม่นี้ จะมีความร้อนรุนแรงกว่าดวงอาทิตย์ที่มีมาแต่เดิม ทั้งนี้เป็นเพราะดวงอาทิตย์ดวงที่เกิดขึ้นใหม่นี้เกิดด้วยอานุภาพกรรมของมนุษย์ จึงไม่มีสุริยเทพบุตรอยู่เหมือน ดวงอาทิตย์ดวงแรกซึ่งไม่ได้เกิดจากแรงกรรม และด้วยความร้อนแรงที่มากขึ้นอย่างมหาศาล สุริยเทพบุตรที่ อาศัยอยู่ในดวงอาทิตย์ดวงเดิมนั้น ก็ไม่อาจจะอยู่ต่อไปได้ จึงเร่งทำความเพียรเจริญภาวนา เพื่อให้ได้ฌาน และหนีไปบังเกิดยังพรหมโลกชั้นสูง ซึ่งเป็นภพที่อานุภาพการทำลายไปไม่ถึง
และเพราะเหตุที่มีดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้นถึง 2 ดวง อุณหภูมิความร้อนในโลกจึงทวีขึ้นอย่างมากมาย ส่งผลให้บนท้องฟ้าปราศจากเมฆและหมอก น้ำตามแหล่งน้ำต่างๆ เหือดแห้ง น้ำที่ยังเหลืออยู่ในโลก มีเพียงน้ำในแม่น้ำ 5 สาย คือแม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี มหิ และสรภู เท่านั้น มนุษย์ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ต่างล้มตายและไปบังเกิดในพรหมโลกทั้งหมด เพราะพากันเร่งรีบเจริญภาวนาเพื่อให้ได้ฌานกัน ทั้งนี้เพราะทราบล่วงหน้าว่าภัยร้ายแรงจะมาเยือน

สาเหตุที่มนุษย์ทราบว่าโลกจะถูกทำลายนั้น เนื่องจากก่อนที่โลกจะถูกทำลายแสนปี จะมีเทวดาประเภทหนึ่ง เรียกว่า โลกพยุหเทวดา นุ่งห่มด้วยผ้าสีแดง มาป่าวประกาศให้มนุษย์ทราบว่า อีกแสนปี ข้างหน้าโลกจะพินาศ รวมทั้งจักรวาล ตลอดจนสรรพสิ่งทั้งปวง แม้กระทั่งภูมิของสวรรค์ทั้ง 6 ชั้น จนถึงพรหมโลกชั้นที่ได้ปฐมฌาน และยังแนะนำต่อไปอีกว่า อย่าประมาทให้เร่งสร้างบุญกุศล เพื่อจะได้ไปเกิดในภูมิที่พ้นจากความพินาศนี้

หลังจากที่เทวดานั้นมาประกาศให้มนุษย์ทราบแล้ว มนุษย์ต่างบังเกิดความสลดสังเวชใจ จึงเร่งสร้างบุญกุศล และบำเพ็ญภาวนากันจนได้ฌานสมาบัติ ตายแล้วไปบังเกิดในพรหมโลก เหล่าเทวดา และพรหมก็เช่นกัน ต่างเร่งเจริญภาวนาเพื่อจะได้ไปบังเกิดในภพภูมิที่ปลอดภัย ส่วนสัตว์ในอบายภูมิทั้งหลายเมื่อพ้นจากวิบากกรรมมาเกิดเป็นมนุษย์ และทราบเรื่องที่เทวดามาประกาศ ก็เร่งสร้างบุญกุศลและเจริญภาวนาเช่นกัน คงเหลือเพียงผู้ที่มีมิจฉาทิฏฐิที่ไม่เร่งสร้างบุญกุศล เมื่อโลกถูกทำลายจึงไปบังเกิดใน ภพภูมิเดิมของจักรวาลอื่นที่ยังไม่ถูกทำลาย

หลังจากนั้นมาอีกยาวนาน ดวงอาทิตย์ดวงที่ 3 ปรากฏขึ้น และด้วยอานุภาพความร้อนแรงที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้น้ำที่เคยเหลืออยู่ในแม่น้ำทั้ง 5 นั้น เหือดแห้งไปจนหมดสิ้น ต่อมาปรากฏมีดวงอาทิตย์ดวงที่ 4 ความร้อนแรงยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทับทวี จนกระทั่งทำให้น้ำในสระใหญ่บริเวณป่าหิมพานต์ซึ่งละลายมาจากหิมะ แห้งหายจนหมดสิ้น น้ำในมหาสมุทรของจักรวาลเริ่มแห้งขอดลง

หลังจากนั้น ดวงอาทิตย์ดวงที่ 5 ก็บังเกิดขึ้น ถึงตรงนี้ น้ำในมหาสมุทรต่างๆ เหือดแห้งจนหมดสิ้น และเมื่อดวงอาทิตย์ดวงที่ 6 ปรากฏ อานุภาพของความร้อนจึงทำให้แผ่นดินและภูเขาไม่หลงเหลือ ธาตุน้ำอยู่เลย ทำให้ไม่สามารถคงสภาพเดิมไว้ได้ กลายเป็นผงฝุ่นฟุ้งไปทั่วทั้งโลก

ต่อจากนั้นดวงอาทิตย์ดวงที่ 7 ก็ปรากฏขึ้น ด้วยความร้อนแรงที่ไม่มีประมาณ ทำให้โลกธาตุทั้งแสนโกฏิจักรวาลลุกเป็นไฟขึ้นพร้อมกัน เกิดการระเบิดเสียงดังสนั่นกึกก้องกัมปนาท ยอดเขาพระสุเมรุอันเป็นที่ตั้งของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา และดาวดึงส์ถอนหลุดออกจากที่ แล้วแตกแยกย่อยกระจัดกระจายสูญหายไปในอากาศ

สำหรับเปลวไฟที่เผาทำลายโลกและจักรวาลนี้ จะเริ่มที่โลกมนุษย์ก่อน จากนั้นจึงลุกลามไปยังเทวโลกทุกชั้นตามลำดับ และเลยไปถึงพรหมโลกชั้นต้น ซึ่งเป็นพรหมที่ได้ปฐมฌาน ได้แก่ พรหมปาริสัชชา พรหมปุโรหิตา และมหาพรหมมา ไฟนี้จะไหม้อยู่เป็นเวลาที่ยาวนานมาก จนกระทั่งไม่มีสิ่งใดหลงเหลือ ไฟจึงมอดดับลงในพรหมโลกชั้นนี้ หลังจากไฟมอดดับไปแล้ว จักรวาลเหลือเพียงอากาศว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดๆ บังเกิดความมืดมิดขึ้นทั่วทั้งจักรวาลเป็นเวลายาวนาน





2 เมื่อจักรวาลถูกทำลายด้วยน้ำ


การที่โลกถูกทำลายด้วยน้ำ จะไม่มีดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้นเหมือนกับที่โลกถูกทำลายด้วยไฟ โลกยังคงมีดวงอาทิตย์เพียงดวงเดียวอย่างที่เคยเป็นมา แต่การทำลายจะเริ่มจาก มีเมฆที่มีฤทธิ์เป็นกรดเกิดขึ้น แล้วฝนจึงตกลงมาจากเมฆที่มีฤทธิ์เป็นกรดนั้น ทำให้กลายเป็นน้ำกรดที่มีฤทธิ์รุนแรง สามารถกัดละลายสรรพสิ่งทั้งหลายให้ละลายได้ โดยจะตกต่อเนื่อง ไม่มีขาดช่วงเลย แรกๆ ก็ตกมาทีละน้อยและมีเม็ดละเอียด แล้วจึงตกหนักขึ้น พร้อมกับขนาดของเม็ดที่โตขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเหมือนสายน้ำ ทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นๆ จนในที่สุด ท่วมพื้นแผ่นดินและภูเขา ท่วมโลกจนกระทั่งเต็มทั่วท้องจักรวาลทั้งแสนโกฏิจักรวาล

น้ำซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดรุนแรงนี้ จะกัดละลายทุกสิ่งทุกอย่างจนสูญสลายไม่มีเหลือ ระดับน้ำจะสูงขึ้นไป จนท่วมสวรรค์ชั้นต่างๆ ท่วมถึงพรหมโลกชั้นที่ได้ทุติยฌาน คือ พรหมปริตตาภา พรหมอัปปมาณาภา และพรหมอาภัสสรา แล้วหยุดเพียงเท่านี้ สิ่งทั้งหลายที่จมน้ำหรือถูกท่วมถึง ก็จะถูกกัดละลายจนหมดสิ้น

เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างถูกกัดละลายจนไม่เหลือสิ่งใดๆ เลย น้ำซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดนั้นจะยุบแห้งหายไป เหลือเพียงอากาศที่ว่างเปล่าโล่งเตียนไม่หลงเหลือสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น ทั่วทั้งจักรวาลมืดมิดไม่มีแสงสว่างใดๆ




3 เมื่อจักรวาลถูกทำลายด้วยลม

ในครั้งที่โลกและจักรวาลถูกทำลายด้วยลม โลกยังคงมีดวงอาทิตย์ดวงเดียวเช่นที่เคยเป็นมา แต่ การทำลายด้วยลมเริ่มจากมีลมเกิดขึ้น ในช่วงแรกเป็นเพียงลมอ่อนๆ แล้วจึงแรงขึ้นตามลำดับ จากที่พัด พาสิ่งที่มีน้ำหนักเบา ก็แรงจนสามารถทำให้สิ่งต่างๆ พัดปลิวไปในอากาศได้ เริ่มจากที่เพียงพัดฝุ่นให้ฟุ้งตลบขึ้น เป็นพัดพาทราย กรวด และก้อนหิน และแรงขึ้นจนพัดสิ่งต่างๆ ที่มีขนาดใหญ่ ทั้งต้นไม้ อาคารบ้านเรือน ตลอดจนสรรพสิ่ง หลุดลอยขึ้นไปในอากาศ

ด้วยอานุภาพรุนแรงอย่างมหาศาล จึงทำให้สิ่งต่างๆ ที่ถูกพัดขึ้นไปแหลกละเอียดกระจัดกระจายไม่เหลือสิ่งใดๆ เลย

ต่อมาเกิดลมขึ้นใต้ผืนแผ่นดิน ความรุนแรงของลมได้พัดพลิกแผ่นดินให้หงายขึ้น และพัดปลิวขึ้นไปในอากาศ แม้แต่ภูเขา และน้ำจากแหล่งต่างๆ ทั้งในแม่น้ำ ทะเล และมหาสมุทร ทุกสิ่งทุกอย่างถูกพัดปลิวขึ้นสู่อากาศ และแหลกกระจุยกระจายด้วยแรงลมที่มีความรุนแรงในการฉีกทำลายมหาศาล

ลมได้พัดทำลายสรรพสิ่งสิ้นทั้งโลก พัดทำลายสิ่งต่างๆ ในจักรวาล เขาพระสุเมรุถูกพัดหลุดลอยขึ้นไปในอากาศ และแหลกละเอียดกระจัดกระจายไม่เหลือเศษ สวรรค์ชั้นต่างๆ จักรวาลทั้งหลายกระทบกระแทกเข้าหากันจนแตกละเอียดเป็นผุยผง ตลอดจนถึงพรหมโลกชั้นที่ได้ตติยฌานทั้ง 3 อันได้แก่ พรหมปริตตสุภา พรหมอัปปมาณสุภา และพรหมสุภกิณหา ได้ถูกลมพัดทำลายจนสิ้น

เมื่อสิ่งต่างๆ ถูกทำลายจนหมดสิ้น ลมจึงสงบหายไป เหลือเพียงความเวิ้งว้างของท้องจักรวาล ที่มีแต่ความว่างเปล่าโล่งเตียนไม่หลงเหลือสิ่งใดๆ ปรากฏเพียงความมืดมิดทั่วทั้งจักรวาล






ที่มา : หนังสือจักรวาลวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมกายแคลิฟอร์เนีย


(มาเรียน DOU กันเถิด ดีน้า..)

หยุดนิ่งนั้นแหละไซร้ พรหมจรรย์
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ

สุนทรพ่อ

#2 Tree

Tree
  • Members
  • 2,076 posts

Posted 21 August 2009 - 12:29 AM

ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับธรรมทานของเจ้าของกระทู้ด้วยนะครับ


#3 luckynara

luckynara
  • Members
  • 714 posts

Posted 21 August 2009 - 08:43 PM

สมัครเรียนแล้วค่ะ ชอบมากๆเลยค่ะ วิชาจักรวาลวิทยา ปรโลกวิทยา และอีกหลายๆวิชา (เพิ่งลงเรียนไปห้าเล่ม 4 วิชาเองค่ะ)

#4 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2,477 posts
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

Posted 22 August 2009 - 09:09 PM

ร่วมอนุโมทนาในสาระธรรมและคุณ สาธุธรรม ด้วยครับ

ภาพประกอบ สวยงามและหาชมได้ยากนะครับ
ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม

#5 ตะกร้าอีกใบ

ตะกร้าอีกใบ
  • Members
  • 1,297 posts

Posted 23 August 2009 - 02:37 AM

น่าศึกษามากเลยครับ
ไม่เคยได้รู้มาก่อนเลยว่าโลกจะถูกทำลายด้วยลม/น้ำ

ขอกราบอนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้ด้วยนะครับ
สาธุ
อย่าขาดการปฏิบัติธรรมแม้แต่เพียงวันเดียว
เพราะขาดแม้เพียงวันเดียว ใจเราจะหยาบ ทำให้ผังวิตกกังวลได้ช่อง

7 ส.ค. 48



#6 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3,579 posts

Posted 23 August 2009 - 07:13 PM

สาธุในธรรมทาน ครับ

ท่านใดอ่านแล้วขอจงคลายใจได้ว่า ไม่ใช่ปี ค.ศ. 2012 แน่นอนครับ แต่ก็อย่าประมาทในวันเวลานะครับ
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#7 usr24336

usr24336
  • Members
  • 8 posts

Posted 24 August 2009 - 10:12 AM

สาธคับสาธุ

#8 usr18090

usr18090
  • Members
  • 48 posts

Posted 24 August 2009 - 02:43 PM

สาธุครับ

เป็นวิชาที่น่าศึกษามากเลยครับ

#9 namfa

namfa
  • Members
  • 5 posts

Posted 25 August 2009 - 01:20 AM

บางครั้ง บางเรื่องเราคิดว่า เรารู้แล้ว แต่หารู้ไม่ว่าเรารู้ไม่จริง+!!! "DOU" เยี่ยมมากๆค่ะ

#10 Dok_Bua

Dok_Bua
  • Members
  • 233 posts
  • Gender:Female
  • Location:UK

Posted 25 August 2009 - 05:01 PM

สาธุ ๆ ๆ ค่ะ
...ขอสร้างบารมี เอาชีวีเป็นเดิมพัน ...

#11 Ozeria

Ozeria
  • Members
  • 879 posts

Posted 26 August 2009 - 11:22 AM

ต้องเรียน DOU แล้วจะเข้าใจอะไรได้มากขึ้น

ตอนนี้ก็เรียนอยู่ค่ะ สนุก และมีประโยชน์ในการดำเนินชีวิตมาก ๆ ค่ะ

ไม่ประมาทในธรรม

สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ

ลูกพระธัมฯ หลานหลวงปู่ หลานคุณยาย

#12 moo 072

moo 072
  • Members
  • 28 posts
  • Gender:Female

Posted 26 August 2009 - 09:21 PM

เรียน DOU 10 วิชาแล้วค่ะ ดีมากๆค่ะ ขอบอก laugh.gif

#13 kasaporn

kasaporn
  • Members
  • 870 posts

Posted 29 August 2009 - 11:49 PM

กำลังอยากอ่านเลยค่ะ พอดียังไม่ได้เรียน DOU เลย ขออนุโมทนาบุญกับธรรมทานนี้ด้วยค่ะ happy.gif

#14 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2,210 posts

Posted 01 September 2009 - 12:22 PM

Sa Thu Krub

#15 ปลัดใจบุญ

ปลัดใจบุญ
  • Members
  • 56 posts

Posted 06 April 2010 - 07:51 PM

ได้ความรู้มากกับ ธรรมทานอันนี้ ขออนุโมทนาบุญ นะครับ

#16 usr33280

usr33280
  • Members
  • 2 posts

Posted 26 April 2010 - 12:23 PM

ดีมาก ๆ เลยค่ะ สาธุ