Jump to content


Photo
- - - - -

คนวัดทะเลาะกัน ทำไงดี


  • You cannot start a new topic
  • Please log in to reply
23 replies to this topic

#1 PS-Junior

PS-Junior
  • Members
  • 247 posts
  • Location:Bangkok
  • Interests:Meditation

Posted 26 April 2006 - 08:48 PM

วันนี้กระทู้จะออกเครียดหน่อยค่ะ มีปัญหามาปรึกษาอีกแล้ว :( อาจแก้ไขยากแต่เรื่องนี้คงพอเป็นอุทาหรณ์ให้สมาชิกบางท่านนะค่ะ

ไม่ใช่ใครอื่นไกลเลยค่ะ เป็นคนใกล้ชิดเราเอง ท่านทั้ง 2 เป็นผู้นำบุญทางภาคอีสาน แต่งงานกันมาก็ 30ปีแล้วค่ะ เข้าวัดมานานแล้วสั่งสมบุญทุกบุญทั้งบุญใหญ่บุญน้อยไม่เคยขาด คุณพ่อนี้เป็นผู้หาเลี้ยงครอบครัว ส่วนลูกๆก็โตช่วยเหลือตัวเองได้แล้วเหลือคนเล็กที่ยังเรียนไม่จบอีก 1 ปี ท่านเป็นพ่อแม่ที่ดีทุกอย่างค่ะ เลี้ยงลูกจะออกแบบคนไทยสมัยก่อนหน่ะค่ะ (คิดเอาเองนะค่ะ ไม่ขอลงรายละเอียด :) )

ปัญหาก็คือ (เอ เรียกปัญหาดีรึเปล่านะ) ท่านทั้งคู่จะต้องมีเรื่องมาระหองระแหง (ก็ทะเลาะ นั้นแหละค่ะ) กันประจำเลย เฉลี่ยเดือนละครั้งได้ ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน ไม่ยอมมีใครลงให้กันเลย ส่วนมากสาเหตุก็เป็นเรื่องพูดไม่เข้าหูกันเล็กๆน้อยๆ คนนึงอาจพูดกระทบแบบไม่ตั้งใจอะไรทำนองนี้ ก็ทะเลาะกันแล้ว ลูกๆก็ไม่รู้จะทำอย่างไรค่ะ พยายามบอกให้คิดถึงคำหลวงพ่อ และอีกหลายอย่าง ช่วงอารมณืดีก็พอฟัง แต่ตอนทะเลาะกันเนี่ย เราก็ไม่สามารถพูดอะไรได้เลย เตือนไม่ได้บอกอะไรไม่ได้เลยคะ ไม่มีใครยอมว่าตัวเองผิด ลูกป็นลูกก็ไม่มีสิทธิมาบอกท่านมาก ท่านจะไม่พอใจ เราเคยอยากเขียนมาปรึกษาเป็น case study ก็เกรงท่านโกรธเราอีก เพราะท่านไม่อนุญาติ ท่านขู่จะแยกทางกันหลายรอบแล้ว ลูกๆตอนหลังก็ไม่ห้ามแล้วเพราะถ้าอยู่แล้วเป็นแบบนี้แยกกันดีกว่า การทำบุญจะได้ดีขึ้นกว่านี้ แต่เอาไปเอามาก็เดี๋ยวดีเดี๋ยวไม่ดีอยู่นี่แหละค่ะ

ที่อยากให้สมาชิกช่วยแนะนำคือ แนวทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้

ส่วนอีกเรื่องคืออยากให้เป็นข้อเตือนใจสำหรับท่านสมาชิกทุกท่านเลยนะค่ะ เพราะส่วนมากเราก็คิดว่าคนที่เข้าวัด ไปพนาวัตณ์มา หรือแม้แต่คนที่นั่งสมาธิแล้วนั่งดีเริ่มเห็นนิมิตบ้างแล้ว (แต่ยังไม่ได้เห็นของจริง เพราะถ้าเข้าถึงองค์พระภายในแล้วก็คงคิดได้) จะเป็นคนใจเย็น ดีทุกอย่าง ชีวิตมีความสุขไม่มีการทะเลาะกัน (ขนาดเราเองยังดีใจเลยพ่อแม่เข้าวัด ทำบุญมากๆ แถมท่านป็นผู้นำบุญด้วย ก็คิดว่าเรื่องอารมณืร้อนนี้จะดีขึ้นกว่าเก่า แต่กลับกันเลยค่ะ เอ่อ เราไม่ได้โทษการทำบุญนะค่ะ คนละประเด็นค่ะ) ทีนี้พอในบ้านเกิดปัญหาขึ้น การที่เราไปอธิบายหรือชวนคนที่ไม่เข้าใจวัดมาสร้างบารมี ก็จะติดตรงนี้แหละค่ะ สำหรับคนที่เข้าใจก็ดี แต่คนที่ไม่เข้าใจก็จะประมาณว่า ครอบครัวเราเองขนาดเข้าวัดยังเป็นแบบนี้เลย แล้วจะแนะนำคนอื่นได้อย่างไร ใครจะมาเชื่อ แถมอาจโดนว่ามาถึงวัดอีก

เนี่ยหละค่ะ การที่กัลยาณมิตรมาทะเลาะกันเอง ยิ่งเป็นผู้นำบุญด้วย ยังแก้ไขตนเองไม่ได้ ทั้งที่ทำบุญนั่งสมาธิไม่ขาด อย่างนี้คนอื่นที่ไม่เข้าใจเรื่องบุญเค้าจะเข้าใจได้อย่างไร เพราะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น จึงอยากขอให้เราทุกคน ที่เกิดมาสร้างบารมี ลองสำรวจตัวเองกันนะค่ะ ทุกคนก็มีสิ่งที่ต้องแก้ไข มีทั้งดีไม่ดีในตัวค่ะ เรากระทบกระทั่งกันได้ตลอดแหละค่ะ แต่อยู่ที่ว่าพอกระทบแล้วเราจะหาทางแก้ หรือยิ่งทำให้เรื่องมันหนัก แล้วท้ายสุด คนที่กลุ้มก็คือ ตัวเรา คนใกล้ชิดเรา คนที่เรารักทั้งนั้น คนที่ไม่รักไม่แคร์เราเค้าก็ไม่มาสนหรอกค่ะ บุญก็ตกๆหล่นๆ ทำเยอะได้น้อย ไม่คุ้มนะค่ะ นำบุญให้คนอื่นได้หมด แต่พอคนใกล้ตัวเองกลับร้อนเนี่ย ไม่ดีเลยค่ะ

อะไรที่มันไม่หนักหนาก็ยอมถอยกันคนละก้าว จะได้เดินหน้าไปด้วยกันได้บุญเนตๆดีกว่านะค่ะ ลดทิฐฐิกันลงมาหน่อย เพื่มความอดทนต่อการกระทบกระทั่งกันอีกนิด พูดจากันดีๆ อันไหนพูดหรือแนะนำแล้วเค้าไม่พอใจก็ขอโทษถึงแม้เราจะถูกก็ตามนะ แล้วพออีกฝ่ายอารมณ์ดี พร้อมฟังค่อยเอาใหม่ไปเรื่อยๆ อะไรๆก็จะได้ดีขึ้น ถือเป็นการสร้างบารมีไปด้วยไงค่ะ เราจะได้ไม่ทำให้ใครหลุดออกนอกหมู่คณะเป็นกรรมติดเราไปอีก คงไม่มีใครอยากหลุดจากหมู่คณะ ทั้งชาตินี้ชาติไหนหรอกนะค่ะ

สุดท้ายก็ฝากไว้แค่นี้แหละค่ะ ฝากถามความเห็นชาว DMC ถึงแม้ลึกๆเนี่ยเราคิดว่าปัญหาท่านทั้งสองคงแก้ได้อยากถ้าท่านไม่เปลี่ยนทัศนคติของตนเอง แต่ยังไงก็ฝากรื่องไว้เตือนใจพวกเราทุกคนด้วยนะค่ะ.....สาธุ ส่วนตัวเองก็จะเอาบุญขอให้ท่านดีขึ้นเรื่อยๆหล่ะ :)

#2 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2,511 posts

Posted 26 April 2006 - 08:56 PM

ที่บ้านก็เป็นค่ะ เป็นหนักกว่านี้อีก ปล่อยๆไปเถอะค่ะ คิดไปก็ไม่จบ เป็นนักเรียนอนุบาลฯ ก็เป็นอยู่ รู้ก็รู้หมดทุกอย่างแล้ว ถ้าเค้าไม่แก้ไขตัวเขาเอง แล้วเราจะไปช่วยอะไรเขาได้คะ รอบุญของเขาส่งผล หรือพระพุทธเจ้าโปรดก็แล้วกันค่ะ
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)


#3 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1,209 posts

Posted 26 April 2006 - 09:15 PM

ปัญหาทะเลาะกันลองพิจารณาดูดี ๆ

เป็นปัญหาเศรษฐกิจหรือไม่ ครอบครัวญาติเราที่เงิน ๆ ทองมันไม่ลงตัวไม่ได้เหมือนเดิม
หรือติดขัดมีปัญหา ดู ๆ ก็ไม่น่าทะเลาะกันเรื่องนี้ แต่ความเครียดมันบีบให้ต้องทะเลาะกัน
เล็กน้อย ๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่พอแก้ปัญหาเรื่องนี้ไปได้ทุกอย่างก็ราบรื่น เรื่องใหญ่ก็
กลายเป็นเบา เรื่องเบาก็กลายเป็นหาย และพวกผู้ใหญ่มีปัญหาเขาก็ไม่บอกให้เด็ก ๆ รู้หรอก
กลัวจะคิดมากและไม่ใช่เรื่องของเด็ก

เล่าจากประสพการณ์ให้ฟังนะ อาจจะคนละแบบก็ได้ แต่ที่เหมือนกันก็คือ "ความเครียด"
หาเหตุที่มาของความเครียดได้แล้วก็จะเข้าใจเอง

แต่เรื่องของผู้ใหญ่เขาจะไม่ให้เด็ก ๆ ยุ่งหรอก บางครั้งต้องวางอุเบกขาเหมือนกัน
หยุดคือตัวสำเร็จ

#4 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 posts

Posted 26 April 2006 - 10:02 PM

QUOTE
ท่านทั้ง 2 เป็นผู้นำบุญทางภาคอีสาน แต่งงานกันมาก็ 30ปีแล้วค่ะ

ท่านทั้ง 2 แต่งงานเพราะรักและเข้าใจกันมาก่อนหรือป่าวหละครับ หรือถูกบังคับให้รักกันครับ
ถ้าท่านแต่งงานเพราะรักและเข้าใจกันจึงอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ ปล่อยให้ท่านทะเลาะกันเถอะครับ
หยิกบ้าง หยอกบ้าง รักบ้าง ตบบ้าง เป็นของธรรมดาของชีวิตคู่ครับ ผมว่าท่านสามารถปรับตัวเข้าหากัน
ได้เองนะครับ ไม่น่าจะเกินความสามารถครับ

QUOTE
ไม่ยอมมีใครลงให้กันเลย ส่วนมากสาเหตุก็เป็นเรื่องพูดไม่เข้าหูกันเล็กๆน้อยๆ คนนึงอาจพูดกระทบแบบไม่ตั้งใจอะไรทำนองนี้ ก็ทะเลาะกันแล้ว

สาเหตุของปัญหามาจากความต้องการเป็นใหญ่ในครอบครัวครับ ถ้าผมวิเคราะห์เหตุการณ์ไม่ผิดมารดาของคุณจังกึมน่าจะมีลักษณะของคุณแม่ที่มีความเป็นผู้นำสูง ไม่แพ้คุณพ่อเลยหละครับ เข้าข่ายคุณแม่หรือหญิงสมัยใหม่ที่ต้องการอำนาจในการดูแลครอบครัวต้องการความเป็นใหญ่ครับ

ธรรมดาเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ครับ ถ้ายังมีทิฐิต้องการเป็นใหญ่อยู่ก็แน่หละครับที่ปัญหาจะต้องเกิดตามมาแน่ครับ ถ้าคุณพ่อคุณจังกึมสามารถรอมชอมหรือยอมคุณแม่ได้ก็เท่ากับเป็นการยอมสูญเสียภาวะผู้นำซึ่งปกติแล้วผู้ชายทุกคนถ้ามีความรับผิดชอบในครอบครัวแล้วจะไม่ค่อยยอมลดนิสัยข้อนี้นะครับ

ดังนั้นการแก้ปัญหาข้อนี้ต้องอาศัยบารมีแล้วว่าใครจะมากกว่ากัน บอกท่านไปครับว่าคนที่มีบารมีแก่กล้าที่สุดเท่านั้น
ที่จะรอมชอมเห็นคุณค่าของจิตใจสำคัญยิ่งกว่าปัญหาขัดแย้งกันครับ

QUOTE
แต่ตอนทะเลาะกันเนี่ย เราก็ไม่สามารถพูดอะไรได้เลย เตือนไม่ได้บอกอะไรไม่ได้เลยคะ ไม่มีใครยอมว่าตัวเองผิด

ใช่เลยครับเข้าสูตรราชสีห์ 2 ตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้ครับ คนที่พูดเตือนไม่ได้ หรือไม่รับฟังเหตุและผลหรือธรรมะใดๆ คือคนดื้อครับ อุปมาเหมือนน้ำเต็มแก้ว เทศนาไปก็ป่วยการพระพุทธองค์จะทรงชักสะพานออกเสีย โปรดไม่ขึ้นครับ

คนที่มีความรู้สึกว่าตนเองเป็นราชสีห์ หรือราชา หรือเทพผู้ยิ่งใหญ่ โดยมากมักจะเป็นคนที่มีกิเลสคือมานะทิฐิสูง อันเกิดมาจากการที่ท่านทำบุญมามาก ทำให้กิเลสคือมานะถือตนว่าตนเองดีกว่า เลิศกว่าบุคคลอื่นในจิตสันดานเกิดการกำเริบขึ้นครับ

QUOTE
แต่ยังไม่ได้เห็นของจริง เพราะถ้าเข้าถึงองค์พระภายในแล้วก็คงคิดได้

ลำพังเพียงแค่เห็นองค์พระภายในคงยังไม่พอครับ เพราะการเห็นภายในนั้นเป็นเพียงแค่การเห็นแต่กิเลส ณ ภายใน
ยังไม่ได้ถูกกำจัดไปครับ ดังนั้นถ้าเห็นองค์พระภายในได้ก็ไม่ควรประมาทคิดว่าตนเองดีกว่าคนอื่น เพราะถ้าคิดแบบนั้น
จิตก็จะเลวทันทีครับที่มองไม่เห็นความเลวที่มีในตนดังภาษิตที่ว่า "อัตตนา โจทยัทตานัง" จงกล่าวโทษโจษความผิดของตนเองไว้เสมอๆ ครับ

ลองนำภาษิตข้อนี้ไปแปะไว้ที่บ้านตัวใหญ่ๆ ให้ท่านได้อ่านกันสิครับ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#5 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1,368 posts

Posted 26 April 2006 - 10:37 PM

โกรธกันคนละเวลา เสน่หาเวลาเดียวกันสิครับ พูดประโยคนี้ตอนท่านทั้ง 2 ทะเลาะกัน ท่านอาจจะได้คิดครับ เพราะเป็น วลีทองของคุณครูไม่ใหญ่
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#6 PS-Junior

PS-Junior
  • Members
  • 247 posts
  • Location:Bangkok
  • Interests:Meditation

Posted 26 April 2006 - 11:36 PM

QUOTE
[ภาษิตที่ว่า "อัตตนา โจทยัทตานัง" จงกล่าวโทษโจษความผิดของตนเองไว้เสมอๆ ครับ

ลองนำภาษิตข้อนี้ไปแปะไว้ที่บ้านตัวใหญ่ๆ ให้ท่านได้อ่านกันสิครับ]



น้องได้บอกคุณแม่ว่า ลองคิดว่าตัวเองเป็นคนผิดดูหน่อยสิค่ะ ได้คำตอบว่า ไม่แม่ไม่เคยผิด ส่วนพ่อก็เหมือนกันเลยค่ะ


QUOTE
[โกรธกันคนละเวลา เสน่หาเวลาเดียวกันสิครับ พูดประโยคนี้ตอนท่านทั้ง 2 ทะเลาะกัน ท่านอาจจะได้คิดครับ เพราะเป็น วลีทองของคุณครูไม่ใหญ่]


อันนี้นะเวลาดีๆ ท่านแม่แหละเป็นคนพูดเองเลย แต่พอโกรธขึ้นมาอะไรๆก็ไม่ฟังค่ะ


ปัญหาก็คือ แต่ละคนไม่ยอมรับฟังปัญหาของอีกคน กลับพูดแล้วทำให้อีกฝ่ายฟังรู้สึกไม่ดีด้วย แถมยังมองว่าตัวเองถูกเสมอทุกที ก็ไม่เข้าใจค่ะแต่งกันก็เพราะรักกันไม่ได้มีคนบังคับนี่ค่ะ ทำไมท่านไม่มองภาพตอนที่รักกันใหม่ๆบ้างนะ

#7 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 posts

Posted 26 April 2006 - 11:40 PM

งั้นขอแนะนำให้นำกระทู้นี้ไปให้ท่านทั้ง 2 ได้อ่านกันเลยดีกว่าครับ
http://www.dmc.tv/fo...indpost&p=21290

อ่านทุกวันแล้วถามว่าจำได้หรือยังเจ้าคะ ถ้าจำได้รบกวนท่านพ่อท่านแม่ช่วยเทศน์ให้หนูฟังหน่อยเจ้าค่ะ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#8 PS-Junior

PS-Junior
  • Members
  • 247 posts
  • Location:Bangkok
  • Interests:Meditation

Posted 26 April 2006 - 11:45 PM

อีกเรื่องนะค่ะ คือการสร้างบารมีของท่านแม่ คิดว่าหลายคนก็คงเจอคล้ายๆกัน ท่านจะค่อนข้างสุดๆมากกับการทำบุญ แต่ที่ทำให้คนใกล้ชิดอึดอัด โดยเฉพาะลูกๆ คือ ท่านจะบังคับให้เข้าวัด ซึ่งอันนี้ก็ดีอยู่หรอกค่ะ แต่ตอนนี้เราก็ทำงานแล้วบางเวลามันไม่สะดวก อาทิตย์ต้นเดือนกับบุญใหญ่ๆหน่ะไม่ขาดอยู่แล้ว แต่แบบที่ไปปฏิบัติธรรมหลายวัน บางทีเราก็ลางานไม่ได้บ้าง ใกล้สอบบ้าง ปฏิเสธท่าน ก็ถูกดุอีก บางทีท่านยังบอกว่าทำไปทำไมงานทางโลก ไม่มาเอาบุญ บางทีถึงกับบอกว่าสอบก็นั่งสมาธิมากๆ ไม่อ่านหนังสือเดี๋ยวบุญก็ช่วย เรานี่พูดอะไรไม่ได้เลยค่ะ เถียงก็หาว่าวจีกรรมอีก บางทีก็ยอมๆไปถ้าพอทำได้

แบบนี้จะแก้ทัศนคติท่านได้ไงค่ะ เพราะเราก็ไม่ได้ว่าห่างวัดเลยนะ อยากให้ท่านกลางๆ เพราะการถูกบังคับทำโน่นทำนี่ เช่นบังคับไปปฏิบัติธรรมเป็นอาทิตย์ หรือเข้าค่ายเป็นเดือน น้องๆเราเนี่ยก็ไปแบบงั้นๆ ตัวเองกลัวไปแล้วจะได้บุญไม่เต็มมากกว่าค่ะ

#9 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 posts

Posted 27 April 2006 - 12:00 AM

มัชฌิมาปฏิปทา ควรถือทางสายกลางครับ
การพยายามทำสุดโต่งเกินไป 2 ทาง ย่อมไม่สามารถเข้าถึง เอกายนมรรค คือทางสายกลางได้ครับ
เคร่งเกินไป หรือหย่อนเกินไป ก็ไม่ดีนะครับ

กรณีของน้องจังกึม ยังถือว่าโชคดีมากนะครับที่มีพ่อแม่เป็นนักบุญ
ถึงแม้ว่าบางครั้งเราอาจจะรู้สึกอึดอัดใจไปบ้างที่จะต้องไปทำบุญด้วยความ
ไม่เต็มใจ แต่ก็อีกนั่นแหละครับ บุญก็ยังเกิดอยู่ดีแม้เราจะไม่เต็มใจทำ

อุปมาเหมือนคนกินข้าว แม้จะไม่อยากกินข้าว ถ้ากินข้าวแล้วก็ต้องอิ่มอยู่ดีแหละครับ

ดังนั้นหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง ลาออกจากงานเลยครับ และก็ไม่ต้องเรียนอีกครับบอกท่านเลยว่า
หนูอยากบวชเป็นชีเจ้าค่ะ หนูไม่อยากทำงานแล้ว หนูอยากบวช หนูไม่อยากเรียนแบบเรียนๆ โดดๆ
หนูบวชเลยดีกว่า ถ้าเรียนแล้วไม่ตั้งใจเรียนหนูเลิกเรียนเจ้าค่ะ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#10 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1,209 posts

Posted 27 April 2006 - 12:12 AM

ผมเคยเห็นว่าแข่งกันทำมาหากินจนเครียด
พึ่งเห็นว่าแข่งกันทำบุญจนเครียด ลูกหลานเครียดไปด้วย

แต่ว่าเป็นความเครียดที่ดี ๆ ถ้าลด ๆ ลงมาหน่อยก็พอดี
ม่ายงั้นบุญหกหล่น เสียดายเด้อ

หยุดคือตัวสำเร็จ

#11 hugworld072

hugworld072
  • Members
  • 1 posts

Posted 27 April 2006 - 12:27 AM

จริงๆ แล้วชื่อกระทู้ ไม่ควรเป็นแบบนี้ เพราะแม้คนมาวัดจะทะเลาะกันได้ เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ แต่กระทู้ที่ตั้งจะเป็นเสมือนป้ายประกาศหัวข้อหนึ่งที่ติดไปในใจผู้อ่านที่แรกกวาดตาดู โดยบางท่านไม่ได้คลิกมาอ่านรายละเอียด ทำให้อาจเข้าใจไปในทางลบ 2 ลักษณะใหญ่ คือ 1.คนวัด (คือคนที่เป็นอุบาสก อุบาสิกา ที่อยู่ในวัดเลย) ทะเลาะกัน 2. แหม...คนมาวัดแล้วมีศีลมีธรรมยังไม่เห็นฝึกตัว ทะเลาะกันได้ อย่างนี้ธรรมะจะดีอะไร
ควรตั้งว่า "สามีภรรยาทะเลาะกันทำอย่างไรดี" เพราะ เมื่ออ่านเรื่องคร่าวๆ ก็ชัดเจนว่า เป็นปัญหาของสามีและภรรยา ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ คนละเรื่องกับหัวข้อกระทู้ไปเลยครับ

ทีนี้มาถึงปัญหาของสามีภรรยาทะเลาะนั้น ต้องบอกว่าเป็นเรื่องปกติ (มากๆ) โดยเฉพาะยิ่งเมื่ออยู่กันมานาน จริงๆ คงมีการพูดจาถูกใจบ้าง ไม่ตรงกันบ้าง ทะเลาะเล็ก ทะเลาะใหญ่มาตลอดอยู่แล้ว รับรองได้ว่าเป็นเช่นนั้น ดังนั้น ผู้ที่ฉลาดจึงแสวงหาธรรม คือ เน้นการนำเครื่องหล่อเลี้ยงใจให้ชุ่มเย็นมีความสุขจริงๆ เข้ามาเติมใจที่อ่อนล้าและเคลือบซึมอยู่ด้วยอวิชชาและกิเลสทั้งหลาย ให้เกิดสภาพใจที่คิดเป็น คิดถูกและคิด มีกำลังใจสูง เอาชนะอารมณ์ร้ายในตัว สู่การทำสิ่งดีๆ แก่ตนเอง คนรอบข้าง และสังคม โดยเฉพาะเมื่อเกิดเป้าหมายชีวิตที่ถูกต้องและแรงกล้าแล้ว จะนำไปสู่การสั่งสมบารมีอย่างต่อเนื่องและยิ่งยวด ก็จะยกฐานะตน คนรอบข้าง และสังคมให้ดีขึ้น
จึงให้ทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้ทั้งสองบุคคล หมั่นเตือนตนจากความประมาทอยู่ ไปสู่ผู้ไม่ประมาท มีใจมุ่งตรงต่อสิ่งที่เป็นคุณ มากกว่าจับผิด ติดในความไม่สมบูรณ์ของคู่ครองหรือเหตุการณ์ไม่สมใจที่เกิด นี่จะนำไปสู่ "อภัยทาน" กันได้บ่อยๆ และง่ายๆ สม่ำเสมอ

วันหนึ่ง เขาจะรู้ว่า ชีวิตที่แท้ต้องเร่งแก้ไขตน หมั่นสั่งสมบารมี ทำพระธรรมกายให้เกิดขึ้นเป็นที่พึ่งนั้น มีค่ามากมายเพียงใด

ขอเพียงเริ่มคิด คิดมากขึ้น ทำต่อเนื่อง พูดให้ดี มีกิจกรรมที่มุ่งตรงสู่หนทางพระนิพพานอยู่อย่างสม่ำเสมอ

สักวัน เสียงทะเลาะจะหายไป กลายเป็นแต่เสียงให้กำลังใจกัน เสียงอนุโมทนาบุญ

และความสงบ สบาย เพราะต่างแสวงหาความสุขภายใน...ที่แท้จริง

อนุโมทนาบุญครับ
HUGWORLD072

#12 panu

panu
  • Members
  • 530 posts

Posted 27 April 2006 - 08:25 AM

น้องจังกึมโชคดีมากๆๆๆ ที่มีคุณพ่อคุณแม่ที่มีสัมมาฐิทิ พยายามทำหน้าที่ของลูกที่ดี ให้ดีที่สุดเถอะครับ ส่วนเรื่องความเข้มงวดของพ่อแม่เรื่องปฏิบัติธรรมนั้น ไม่ต้องห่วงหรอก อีกสักระยะเมื่อเราเป็นผู้ใหญ่ มีความคิดแบบผู้ใหญ่ขึ้น ท่านก็จะไม่ค่อยมายุ่งแล้ว ครับ

#13 บุญรักษา

บุญรักษา
  • Members
  • 189 posts
  • Interests:ขอชีวิตงดงามตามที่ฝัน ขอทุกวันเป็นวันอันสดใส ขอทุกก้าวคือก้าวที่มั่นใจ ขอวันใหม่ก้าวไกลไปกว่าเดิม

Posted 27 April 2006 - 01:20 PM

อืม เรื่องภายในก็เดายาก

เข้าใจว่าเจตนาแม่ คือ เห็นว่าลูกยังไม่ศรัทธาในธรรมเท่าที่ควรหรือเปล่า อาจจะเกรงไปถึงลูกจะติดกระแสกรรมทางโลกด้วยวัยสะรุ่นนั้นพลาดพลั้งไปง่ายนัก จึงมัก คะยั้นคะยอให้ลูก ๆ มาวัด เพื่อว่าสักวันหนึ่งที่เติบใหญ่มีธรรมะยังภูมิคุ้มกันให้อยู่ในครรลองคลองธรรมแล้ว ถึงตรงนั้นคงไม่ต้องแนะนำอะไรอีกเท่าไหร่

ผู้ให้ย่อมจะภูมิใจเมื่อคนที่เรารัก อุ้มชูกันมา มีศรัทธาและเห็นความเป็นไป คือการเป็นนักบุญนักสร้างบารมี ที่เห็นภัยของวัฏสงสารอย่างคุณแม่ของน้องนี่ล่ะครับ ท่านคงอยากให้ครอบครัวเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน ไม่พะว้าพะวงเรื่องทางโลกมากนัก อย่างว่าล่ะครับ ต่างเหตุต่างผลวิธีการกัน

ต้องจูนเท่านั้นล่ะครับ ความถี่ที่เหมาะสมต้องอาศัยคนในบ้านช่วย ๆ กันครับ องศาน้อย ๆ น่ะจ้ะ สุขภาพแข็งแรงครับผม

#14 Smiling Girl

Smiling Girl
  • Members
  • 550 posts

Posted 27 April 2006 - 03:08 PM

ขอยืมคำแนะนำของคุณครูไม่ใหญ่ที่ตอบลูกๆ อยู่เสมอ เมื่อมีปัญหาและอุปสรรคเกิดขึ้น คุณครูไม่ใหญ่แนะนำอยู่ประโยคเดียวว่า "ให้ไปหลับตา"

เวลาทำอะไรพลาด อย่าคิดนำไปก่อน เพราะมารจะเข้าแทรกผัง ให้เราคิดได้เป็นเรื่องเป็นราวทันที ยิ่งคิด ยิ่งมีผลเสียแก่ตัวเราเอง ถ้าคิดอย่างนี้แล้วใจจะตก มารจะแทรกผังสำเร็จใส่ทันที ทำให้เรื่องที่ยังไม่มีอะไร กลับกลายเป็นเรื่องร้ายทันที ยิ่งคิดจะยิ่งเสีย ฉะนั้น เมื่อเกิดเรื่อง ให้เราทำใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายอย่างเดียว (ขุมทรัพย์จากคุณยาย)


#15 พบพาน ผ่านภพ

พบพาน ผ่านภพ
  • Members
  • 236 posts
  • Gender:Male

Posted 27 April 2006 - 04:42 PM

ต้องเสมอกัน ด้วยธรรม 4 ประการ

1. ศีลเสมอกัน
2. ทิฏฐิเสมอกัน
3. จาคะเสมอกัน
4. ปัญญาเสมอกัน

เป็นไปตามลำดับ
ครับผม

" พบพาน _ผ่านภพ "
เ พี ย ง พ บ พ า น . . . _ เ พื่ อ ผ่ า น ภ พ
Passing by to meet you.

#16 mungkorn

mungkorn
  • Members
  • 10 posts

Posted 27 April 2006 - 05:27 PM

ดีชั่วรู้หมด แต่อดไม่ได้ 5555

#17 ปาลินารี

ปาลินารี
  • Members
  • 258 posts

Posted 27 April 2006 - 07:22 PM

ขอ copy คำตอบคุณ HUGWORLD072 เลยค่ะ

เห็นด้วยตั้งแต่ข้อแรกว่า หัวข้อกระทู้ทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อนจนเกือบไม่เข้ามาดูค่ะ

#18 PS-Junior

PS-Junior
  • Members
  • 247 posts
  • Location:Bangkok
  • Interests:Meditation

Posted 27 April 2006 - 08:01 PM

ขออภัยที่ทำให้เข้าใจผิดนะค่ะ

แต่ส่วนตัวคิดแบบนั้นจริงๆนะค่ะ เพราะคนทั่วไปเค้าจะเข้าใจคำว่า คนวัด ก็ประมาณนี้นะค่ะ ยิ่งพอดีเห็นเป็นผู้นำบุญทั้งคู่อีก เลยใช้คำนี้หน่ะค่ะ

ขออภัยอีกทีค่ะ

#19 เถลิงเกียรติ

เถลิงเกียรติ
  • Members
  • 760 posts
  • Interests:N/A

Posted 28 April 2006 - 07:06 PM

ใช้ศรัทธานำหน้าปัญญา มักจะเป็นเช่นนี้แล

ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย

ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม



#20 CEO

CEO
  • Members
  • 577 posts
  • Gender:Male
  • Interests:พระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย

Posted 28 April 2006 - 10:17 PM

ทุกครอบครัวย่อมมีปัญหาเกิดขึ้น
ครองตัวเป็นโสดดีกว่า
สร้างบารมีทุกวินาที
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้

#21 Locked merit

Locked merit
  • Members
  • 58 posts
  • Gender:Male

Posted 30 April 2006 - 12:47 AM

แนะนำว่าให้ ทั้งคู่นั่งธรรมะกันเยอะๆ ครับ จะไม่ค่อยทะเลาะกันหรอกครับ ยอมๆกันบ้าง ใช้คำแนะนำครูไม่ใหญ่บ้าง โกรธกันคนละเวลา รักกันเวลาเดียวกัน นั่งธรรมะเยอะๆครับ

#22 saowanee15

saowanee15
  • Members
  • 207 posts

Posted 30 April 2006 - 09:37 AM

อ่ะ คนเรามีหลายประเภทนะค่ะ...บางทีต้องทำใจ...บางทีต้องดึง ลูก ๆ ที่บอกว่าติดงาน ติดจริงแค่ไหน...ใช่คำพูดยังไงกับท่าน....ตัวเราเห็นความสำคัญแค่ไหนของงานกับงานสร้างบารมีแค่ไหน...อันไหนสำคัญกว่ากัน....หากติดงานจริง ๆ ช่วงวันหยุดยาว ๆ ควรให้รางวัลตัวเองหรือเปล่า...ชีวิตคนเรามันเหมือนศิลปะนะค่ะ...หากสร้างสรรค์ออกมาดี...เข้าใจวาดลายลงสี..มีน้ำหนักเบาเข้มต่างกัน ภาพก็ดูสวย มีมิติ....ทุกอย่างต้องเดินบนเส้นทางสายกลาง...อย่างตึงและหย่อนจนเกินไป...ชีวิตจะมีความสุข ส่วนแม่ที่บอกว่า ให้ลูกนั่งสมาธิเยอะ ๆ คงประมาณว่าไม่ต้องอ่านกระมั่ง?...แล้วบุญจะช่วย...ท่านก็คิดของท่านอย่างนั้น...คนเป็นลูก ก็บอกว่า หนูก็นั่ง แต่หนูจะเอาบญจากสมาธิเก็บสะสมไว้ใช้ยามจำเป็น...ตอนนี้สอบยังไม่จำเป็นของอ่านก่อน...แต่ยังไงหากไม่อ่าน แล้วตอนเรียนไม่ได้ตั้งใจเรียน ยิ่งไปไกลใหญ่...ยังไงก็ไม่เท่าช่วยอ่านหนังสือด้วยตัวเอง...แต่สมาธิก็ช่วยให้มีความจำดีขึ้น จดจ่อกับหนังสือมากขึ้น...ยังไงการสอบก็ต้องพึ่งตัวเองเป็นหลัก...ท่านคงเข้าใจอะไรผิดไปสักอย่าง...
เวลาท่านทะเลาะกัน เราก็ชวนอีกคนออกสักคนซิค่ะ...
แต่หากเหมือนอยู่ว่า ระหว่างศึกกำลังรบกันดุเดือด...หากทำอะไรไม่ได้ ก็เปิดดาวธรรมดังๆ เปิดซีดี เปิดเทป หลวงพ่อ...ให้ฟังเสียงหลวงพ่อ หรือ เพลงยักษ์ แล้วควรเป็นซีดี เพราะมันวนได้สะดวกกว่า...เปิดไปเรื่อย ๆๆๆๆ เด๊ยวศึกก็สงบ ๆ วิธีนี้เคยทำกับหลาน ๆ ไม่ใช้เปิด ใช้ร้องเอาเลย.... พอเริ่มร้องก็มีอาการกระฟัดกระเฟี้ยดมาเลย...ดูเหมือนจะโมโหมากกว่าเก่าก็จริง ๆ (ตัวหลานเราเองนะ ค่อนข้างโมโหง่ายมากกกๆๆๆ ง้อนก็เก่ง เหอๆ สงสัยอาการโดนตามใจ) แต่เราใช้วิธีนี้จริง ๆ กับหลาน พอเริ่มร้องก็จะมีลูกคู่ช่วย บางทีก็เป็นหลานสาวน้องสาวตัวเราอีกคน แต่ไม่ต้องยาวมากหรอกค่ะ วน ๆ ตรงจุดเนื้อสำคัญ ๆ ก็พอ...แต่บางทีนึกสนุกร้องเพลงรุมไม่ค่อยดี ง้อนไปเลยนั่น....แต่จะระงับได้เร็ว เพราะเด็ก ๆ เค้าก็ดูเรื่องยักษ์มา แล้วถามว่า อยากไปเกิดเป็นยักษ์อีกเหรอ...หรือชาติที่แล้วเป็นยักษ์มาคิดว่ายังไง เคยเป็นยักษ์มาเปล่า ถึงโกรธง่ายอย่างนี้....เค้าก็ทำหน้าคิดนะ...แล้วบางทีก็ยอมรับบางทีก็ปฎิเสธ... หาวิธี หากุศโลบาย
ที่ดี ๆ จะช่วยท่านได้เยอะ...แต่บางทีคนเราโมโหจัด ๆ เปิดเสียงหลวงพ่อ แต่กลัวจริง ๆ หากทำแบบนี้ อาจมีกรณีพาลเกิดขึ้น หากท่านทั้งสองรักหลวงพ่อจริง ๆ เป็นลูกที่ดีของท่านจริง ๆ ได้ ต้องพยายามขัดเกลาตัวเองให้ดีไปเรื่อย ๆ .....ส่วน ครอบครัว เราก็ประมาณว่า ใครจะมาก็มา ใครไม่มาก็ไม่ว่า ....บางทีเราหวังดีแล้วเค้าไม่เห็นก็ช่วยอะไรไม่ได้จริง ๆ บอกแล้ว ก็เฉย ๆ
หากเรารู้ว่าแม่เราเป้นแบบนี้ หรือแบบไหน เราก็ต้องหาวิธีตั้งรับมือกับท่าน หากยิ่งเข้าวัดทั้งครอบครัว แล้วค่อนข้างมีทิฐิอะไร ๆ ที่เสมอกัน เข้าใจเสมอ ๆ กัน น่าจะคุยง่าย..แต่ในความง่ายมันก็แฝงความลำบากอะไรไว้ด้วยเสมอ...บางทีคนเป็นลูกก็ไม่ใช่ย่อย...
เรื่องคนและครอบครัวนี่ น่าปวดหัวจริง ๆ...
จะหาแม่ที่ไหนได้...ไม่ให้ลูกทำงานภายนอก...ดีออก...ยิ่งหากตัวลูกไม่ติดภาระกิจอะไรเลย..
ไม่มีหวงไม่มีพันธะ....ดีจริง ๆ เลยค่ะ...แต่มันต้องยืนอยู่บนพื้นฐานครอบครัวด้วย....หากตัวลูกไม่ทำแล้ว ครอบครัวพ่อแม่อยู่ได้ไม่เดือดร้อนมากนัก...ท่านเปิดโอกาสให้แล้ว ......แม่ได้โอกาสเข้ามาช่วยงานหลวงพ่อ...เปิดทางให้ขนาดนี้...รีบ ๆ ซะน่ะค่ะ ไม่ฉวยก็ไม่รู้ว่าอะไร...คือ ตัวเด็กยังมี ยังอยาก ยังต้องการอยู่ทางโลก ตัวพ่อแม่ก็ต้องเข้าใจเค้าด้วย...บางคนกว่าพ่อแม่จะเข้าใจว่า จบแล้วไม่ทำงานทางโลก...กว่าพ่อแม่จะเข้าใจใช้เวลาร่วมหลายปี...บางท่านก็อาจทั้งชีวิต...เพราะฉะนั้น
พ่อแม่เปิดโอกาสให้แล้ว ถือว่าเป็นผลดีกับตัวลูก ๆ มากกว่า อีกอย่าง หากจะเปรียบก็เหมือนผู้ชายที่บวชเป็นพระเป็นเณร ยังไงคนเป็นพ่อเป็นแม่ ก็ต้องมาคอยดูแลถามไถ่สาระทุกข์สุกดิบ...พ่อแม่ก็ได้มีโอกาสเข้าวัดปฎิบัติธรรม

#23 glouy

glouy
  • Members
  • 162 posts

Posted 04 May 2006 - 08:10 AM

ค่อยพูด ค่อยจากันจะดีว่า แต่ถ้าไม่ได้ผล ก็ ใช้เวลาเป็นเครื่องเยียวยา ครับ

#24 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4,109 posts
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

Posted 27 February 2007 - 12:58 PM

เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยมาก ๆ ครับ ผมว่าอาจเป็นผังเก่าติดตัวมา ถ้าไม่แก้ชาตินี้ ก็จะติดตัวไปชาติหน้าอีก ต้องหักดิบครับ หักดิบ