Jump to content


Photo
* * * * * 1 votes

ผมอยากหล่อพระธรรมกายประจำตัว แต่ถ้าผมไม่มีกำลังทรัพย์ต้องทำอย่างไร


  • You cannot start a new topic
  • Please log in to reply
8 replies to this topic

#1 BoY

BoY
  • Members
  • 5 posts

Posted 09 April 2005 - 02:12 PM

ผมอยากร่วมหล่อพระประจำตัวมาก ต้องใช้ค่าใช้จ่ายเยอะไหมครับ

แล้วถ้าผมไม่มีกำลังทรัพย์ถึงขั้นนั้นล่ะครับ ทำอย่างไรได้บ้าง

#2 BoY

BoY
  • Members
  • 5 posts

Posted 09 April 2005 - 02:23 PM

การหล่อพระนี่ทำแค่วันที่ 22 หรือเปล่าครับ หรือว่ายังสามารถทำได้ไปเรื่อยๆ

แล้วถ้าทำหลังวันที่ 22 พระที่สร้างจะได้ไปบรรจุอยู่ในเจดีย์หรือเปล่าครับ

#3 *สาธุ*

*สาธุ*
  • Guests

Posted 09 April 2005 - 02:51 PM

การร่วมบุญหล่อพระสามารถทำใด้ทั้งก่อนและหลังจากวันที่๒๒เม.ย.นี้ครับ

แต่หากร่วมบุญก่อน๒๒เมษษยนนี้ องคืพระของเราที่หล่อก้จะใด้อัญเชิญเข้าไปประดิษฐานในพระเมหาธรรมกายเจดีย์ก่อน

ส่วนการร่วมบุญหล่อพระสามารถทำใด้จนถึงเมื่อไหร่ นั้น คงต้องดูว่ามีผู้ร่วมบุญสร้างพระกันมากน้อยแค่ไหนหากมีผู้มาร่วมบุญสร้างองค์พระจนครบทั้งหมด ก็คงอดแล้วหละครับ

กราบอนุโมทนาบุญด้วยครับ

#4 *Guest*

*Guest*
  • Guests

Posted 09 April 2005 - 02:59 PM

ติดต่อทางวัดเลยค่ะ ถ้ารู้จักเจ้าหน้าที่ตามภาคต่างๆก็ถามเ้ค้าได้ค่ะ

#5 IQ0

IQ0
  • Members
  • 366 posts
  • Gender:Male
  • Location:MS16
  • Interests:อยากสร้่างบ้านพักคนชราไว้รองรับจนทให้อยู่ใกล้ๆวัด

Posted 10 April 2005 - 02:25 AM

ตามความคิดผมนะ

๑. ทำเต็มที่ของเรา คือ เราศรัทธาเท่าไหร่ก็ทำไปให้เต็มที่ โดยไม่คิดเสียดาย ไม่ร้อนใจ
๒. ทำเต็มกำลังของเรา นอกจากทำเองแล้ว ก็ไปชวนหมู่ญาติ คนอื่นๆ ทำด้วย

ถ้าได้ครบองค์ ก็อาจจะสลักชื่อเรา หรือชื่อคนที่เรารัก เช่น ชื่อของครูไม่ใหญ่ พ่อ แม่ ก็ได้
ถ้าได้บางส่วน ก็ร่วมบุญกับผู้อื่นได้ครับ

เวลาเราสร้างองค์พระ ก็เหมือนกับเราได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสร้างเจดีย์ด้วยครับ
ไม่ต้องกังวลว่าได้ทำไปนิดเดียว หากเราได้ทำเต็มที่ เต็มกำลังของเราแล้ว

แล้วก็หาโอกาสทำอีกเรื่อยๆ ครับ

#6 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4,531 posts
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

Posted 10 April 2005 - 08:15 PM

เห็นด้วยกับคุณ IQO ครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#7 *เกียรติก้องธรณินทร์*

*เกียรติก้องธรณินทร์*
  • Guests

Posted 13 April 2005 - 02:03 PM

ก่อนอื่นก็ต้องขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ สาธุ... แต่อยากจะฝากเตือนคุณ BOY อย่างหนึ่งว่าการทำบุญนั้น เราจะต้องไม่เบียดเบียนตนเองและไม่ทำให้ตนเองเดือดร้อนในภายหลัง การบำเพ็ญบุญกุศลนั้น ไม่ว่าจะเป็นบุญกิริยาใดๆ ก็ตาม จะต้องอยู่บนพื้นฐานของความพอดี (เดินอยู่บนทางสายกลาง) "มิใช่ดีขาดดีหรือดีจนเกินดี" เพราะการจะได้บุญมากหรือน้อยนั้น หาใช่อยู่ที่กำลังทรัพย์ไม่ หากแต่อยู่ที่ดวงจิต ก่อนทำ (เรียกว่า "ปุพพเจตนา") ขณะทำ (เรียกว่า "มุญจเจตนา") และหลังทำ (เรียกว่า "อปราปรเจตนา") ว่ามีความบริสุทธิ์สะอาดมากน้อยเพียงใด รวมไปถึงพลังแห่งศรัทธาที่มีอยู่ในดวงจิตขณะนั้นก็เช่นกัน ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ศรัทธาดังกล่าวจักต้องทรงไว้ประกอบไว้ซึ่ง (สัมมา) ปัญญา (อันนี้ขอย้ำมากๆ เลยนะครับ) มิเช่นนั้นแล้วก็จะกลายเป็น "ความงมงาย" ไป เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นทรงสอนให้พุทธบริษัททั้ง ๔ บำเพ็ญบุญอย่าง "พุทธะ อันแปลว่าผู้รู้" หาใช่สอนให้สาวกของพระองค์ทำบุญอย่างผู้หลงงมงายไร้ปัญญาไม่ ซึ่งความงมงายนี้เองจะเป็นตัวอันตราย และฉุดเราให้ต่ำลงไปเรื่อยๆ ผลก็คือ ปิดปัญญา (ของตนเอง) และดวงตาเห็นธรรมก็จะไม่เกิดขึ้นกับเรา (ขอยกตัวอย่างง่ายๆ เหมือนกับการทำข้อสอบแบบอัตนัย (บรรยาย/พรรณา) ในรั้วมหาวิทยาลัย ใช่ว่าการที่ท่านเขียนตอบอาจารย์มากๆ แล้วแปลว่าท่านจะได้คะแนนเยอะนะครับ ต้องตัดสินกันตรงที่ว่า "การตอบของท่านนั้น ตรงกับถ้อยกระทงคำถาม (main topic) ของอาจารย์หรือเปล่า?" ใช่ไหมครับ? นักศึกษาทั้งหลาย การทำบุญก็คล้ายๆ กันอย่างนั้น แม้การทำบุญนั้นทำด้วยทรัพย์ในปริมาณมากก็จริงอยู่ หากแต่ตัวของผู้กระทำนั้นมิได้ชำระ กาย วาจา ใจ ให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ และ/หรือทำด้วยดวงจิตที่ประกอบไปด้วยกิเลสานุสัย เช่น ความโลภ (โลภะ) เป็นต้น แล้วล่ะก็ การทำบุญของท่านก็เป็นประหนึ่งดัง "เข่งเปียก" อธิบายว่า เข่งเวลาเราเอาไปจุ่มน้ำเนี่ย เวลามันอยู่ในน้ำเราก็เห็นว่า ปริมาณของน้ำในเข่งนั้นมันมีมาก ใช่ไหมครับ? แต่พอเรายกเข่งขึ้นมาจากน้ำแล้ว ก็จะเห็นว่าน้ำก็ติดเข่งขึ้นมาเพียงหน่อยเดียวเท่านั้นเอง (ก็เหมือนกับนักศึกษาที่ตอบข้อสอบของอาจารย์แบบน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง คือ ตอบอาจารย์ไปเสียเยอะแต่เมื่อดูรายละเอียดแล้วกลับหาสาระไม่ได้ จึงได้คะแนนน้อยและผลก็คือ "สอบตก") เพราะเหตุนี้จึงได้บุญน้อย ส่วนผู้ที่ทำบุญด้วยดวงจิตที่สะอาดบริสุทธิ์ใน 3 วาระดังกล่าว อีกทั้งยังมีศรัทธา (อันประกอบไปด้วย (สัมมา) ปัญญา) ที่เต็มเปี่ยมแล้ว (เปรียบเหมือน ปริมาณน้ำในขัน 1 ใบ ซึ่งอย่างไรเสียก็มีปริมาณที่มากกว่าเข่งเปียก) แม้จตุปัจจัยไทยธรรมของเราจะมีน้อยแต่ผลานิสงส์ที่เกิดขึ้นนั้นหาน้อยไม่ ด้วยเหตุนี้จึงได้บุญมาก ขอฝากทิ้งท้ายไว้ว่า ท่านจะเป็น "น้ำในขัน 1 ใบ" หรือจะเป็น "เข่งเปียก" ก็เลือกเอาแล้วแต่สะดวกก็แล้วกันนะครับ ไม่ว่ากัน (สำหรับผมแล้วขอเลือกเป็น "น้ำในขัน 1 ใบ" ครับ)) และหากเรามีกำลังทรัพย์ไม่ถึงเราก็ยังมีช่องทางอื่นอีกทีจะช่วยสนับสนุนส่งเสริมให้งานวันคุ้มครองโลก 22 เมษา นี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี โดยการช่วยประชาสัมพันธ์บอกกล่าวข่าวมหากุศล (คือ การร่วมสร้างองค์พระธรรมกายประจำตัวและหล่อมหาสุวรรณนิธิ) นี้ให้แก่พ่อแม่ญาติพี่น้องอันเป็นที่รักของเราให้ทราบโดยทั่วกัน สำหรับตัวของเราเองนั้นก็ขอให้ทำบุญแบบเต็มที่ เต็มกำลัง (แต่ขอเน้นว่า!!! ต้องไม่ให้เดือดร้อนตนเองนะครับ) ของเรา เมื่อเราทำแล้วก็อย่าลืมชักชวนให้ผู้อื่นมาร่วมทำบุญกับเราด้วยนะครับจึงจะถูกหลักวิชชา และที่ **สำคัญยิ่งกว่าสำคัญที่สุด (ที่มักจะลืมนึกถึงกัน) ก็คือ "การสร้างองค์พระธรรมกายภายในตนเอง" (ด้วยการปฏิบัติตามแนววิชชาธรรมกายให้เข้าถึง) เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ นะครับ เพราะนอกจากจะมีอานิสงส์มากกว่าการสร้างพระที่เป็นรูปของวัตถุอย่างมากมายสุดคณนาแล้ว ยังเป็นการทำเพื่อตัวของเราเองอันจะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งในภพนี้ ภพหน้า ตลอดชาติอย่างยิ่ง ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม

#8 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4,109 posts
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

Posted 02 April 2007 - 10:12 AM

ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ

#9 usr16547

usr16547
  • Members
  • 12 posts

Posted 07 August 2007 - 01:20 PM

แค่คิดก็ได้บุญแล้วครับคุณบอย พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าบุญส่วนหนึ่งเกิดจากการอนุโมทนาบุญที่ผู้อื่นได้กระทำดีแล้ว
ขอให้ตั้งจิตเป็นกุศล แล้วกล่าวสาธุการขออนุโมทนาบุญที่บรรดากัลยาณมิตรได้ร่วมกันสร้างพระประจำตัวเถิด แม้ผลบุญที่เกิดขึ้นจะได้ไม่เท่ากับเจ้าของบุญเขาก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย
ผมเองขออนุญาตอนุโมทนา สาธุ และขอมีส่วนร่วมในบุญที่ทุก ๆ ท่าน ได้มีส่วนร่วมกันประกอบสืบมาด้วยครับ
สาธุ ๆๆๆๆๆๆครับ