Jump to content


Photo
- - - - -

หมอบอกว่าคุณจะต้องตายภายในวันนี้คุณจะเตรียมตัวยังไง


  • You cannot start a new topic
  • Please log in to reply
26 replies to this topic

#1 สาคร

สาคร
  • Members
  • 764 posts

Posted 23 August 2006 - 02:04 PM

ยังมีคนอีกมากที่ไม่ได้เตรียมตัวตาย ไม่ได้นึกถึงความตาย และทำเหมือนกับว่าตัวเองจะไม่ตาย ต่อเมื่อจะตายนั่นแหล่ะถึงจะรู้สึกตัวว่าจะต้องตายแน่แล้ว แต่แทนที่จะมีสติในการทำใจ กลับวุ่นวายใจไปกับการไม่อยากตาย จึงขอถามท่านทั้งหลายว่า ถ้าหมอบอกว่าท่านจะต้องตายภายในวันนี้ท่านทั้งหลายจะเตรียมตัว เตรียมใจยังไง ขอสัก3ข้อเป็นอย่างน้อย ขออนุโมทนาด้วยครับ
ความรักความเมตตาและการให้อภัยเป็นสิ่งที่คนดีเขามีกัน


[email protected]

#2 บุญโต

บุญโต
  • Members
  • 2,192 posts
  • Gender:Female
  • Location:อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • Interests:ปฏิบัติธรรม

Posted 23 August 2006 - 02:07 PM

ยอมรับและ........ทำใจใส ๆ นึกถึงบุญที่เคยทำมาทั้งหมด...(เพราะเราเข้าวัดปฏิบัติธรรม ถูกสอนถูกเน้นย้ำเรื่องนี้ตลอดอยู่แล้วค่ะ)จัดการเรื่องที่ยังเป็นห่วงอยู่ให้เสร็จ...แต่ถ้าไม่ห่วงอะไรแล้วได้ก็ดีค่ะ...แต่คนที่ไม่ได้เข้าวัด ทำบุญ ปฏิบัติธรรม ก็ไม่รู้ยังงัยเหมือนกันค่ะ

#3 Talent_book

Talent_book
  • Members
  • 95 posts
  • Gender:Male
  • Interests:นั่งสมาธิ

Posted 23 August 2006 - 02:12 PM

อนุโมทนาบุญ กับคน ตั้งคำถามด้วยนะครับ เด็จมากเลย เพราะทำให้เตรียมตัวตายทุกวันทุกวินาที ทำใจใสๆ ทำการบ้านหลวงพ่อ
ดุจแสงเทียนแสงธรรมนำชีวิต
พระอุทิศกายใจทำไมหนอ
เพียงลำพังพระเองก็สุขพอ
ใยต้องรอผองเราเข้าถึงธรรม

สุนทรพ่อ

I Love You หลายเด้อ

#4 koonpatt

koonpatt
  • Members
  • 616 posts
  • Gender:Female

Posted 23 August 2006 - 02:25 PM

ถ้าภายในวันนี้ ให้ดีน่าจะรู้ว่ากี่โมงด้วยนะคะ คงจะทำอะไรได้ไม่เยอะนะคะ

1.จะกราบแม่ค่ะ ขออโหสิกรรม แล้วบอกแม่ว่า อย่าเสียใจ ให้ทำใจให้เข้มแข็งและเป็นสุข ต่อไปแม่ต้องอยู่คนเดียว ให้เข้าวัดให้มากๆ ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ดูแลจนแก่ เฒ่า อย่างที่ควรจะได้ทำ (ถ้ามีอะไรที่จะห่วง ก็แม่นี่แหล่ะค่ะ เพราะมีกันแค่ 2 คนถ้าเราต้องไปก่อน คงไม่ดีนะคะ)

2.โทรแจ้ง โรงพยาบาล ให้เตรียมพร้อมค่ะ เพราะ บริจาคอวัยวะทั้งหมดไว้ค่ะ เดี๋ยวจะพลาด

3.โทร.หา พ่อ อโหสิให้พ่อ และขออโหสิกรรม กับพ่อด้วย (เคยโกรธ เคยว่า(ในใจ) ไม่เคยได้ดูแลค่ะ เพราะพ่อไม่อยากให้เราดูแล อยากให้คนอื่นดูแลมากกว่าเรา)

4.โทร.หาญาติ พี่ น้อง เพื่อน พ้อง ทุกคนที่รู้จัก ทั้งคนที่รัก และ เกลียด ขออโหสิกรรม กับทุกๆ คน

5.เตรียมตัว ด้วยการ อาบน้ำ เตรียมตัวและ ใจ ให้พร้อม สวดมนต์ แล้วนั่งสมาธิค่ะ เดี๋ยวถึงเวลาก็จะได้สบายๆ

โรงพยาบาล ก็เอาอวัยวะทั้งหลายที่ใช้การได้ไป ศพ ก็รับไป ที่บ้านก็ไม่ต้องเดือดร้อน จัดงาน เพื่อนฝูงไม่ต้องเสียเวลา มาพบปะสังสรรค์กัน

คือส่วนตัวก็เตรียมไว้ เกือบหมดแล้วล่ะค่ะ ทั้งเรื่องของนอกกาย และของในกาย เหลือแต่จะไม่รู้ล่วงหน้านี่แหล่ะค่ะ ที่จริงก็เตรียมตัวไว้นานแล้วค่ะ เตรียมทุกอย่างมาตลอด เพราะอะไรไม่ทราบค่ะ มีความรู้สึกว่า ตัวเอง จะอายุไม่ยืน แต่ก็แข็งแรงดีนะคะ ไม่มีโรค

ตอนผ่อนที่ ผ่อนรถ ก็จะไปทำประกันระยะสั้น หรือ เฉพาะรายปีไว้ ให้ครอบคลุมยอดหนี้ไว้ก่อน (ไม่อยากให้แม่เดือดร้อนน่ะค่ะ เกิดปุบปับไปขึ้นมา)

ที่คิดเสมอก็คือว่า ตอนอยู่อย่าเบียดเบียนใคร ตอนไปก็อย่าให้ใครเดือดร้อน

อันนี้ส่วนตั๊ว ส่วนตัวนะคะ ไม่ทราบว่า ยังขาดอะไรที่ควรทำมั๊ยคะ ขอคำแนะนำเพิ่มเติมด้วยค่ะ
จึงยังคง เชื่อมั่นและศรัทธาใน "รัก" เหมือนอย่างที่เคย...เสมอมา...และจะตลอดไป
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ

#5 บุญโต

บุญโต
  • Members
  • 2,192 posts
  • Gender:Female
  • Location:อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • Interests:ปฏิบัติธรรม

Posted 23 August 2006 - 02:30 PM

ohmy.gif สาธุ ๆ ๆ ค่ะคุณkoonpatt
ครอบคลุมจริง ๆ ... ไว้เอาไปใช้บ้างนะคะ อย่าหวงนะคะ

#6 สาคร

สาคร
  • Members
  • 764 posts

Posted 23 August 2006 - 02:39 PM

อ่านแล้วรู้สึกสะอื้นอยู่ในใจด้วยความปิติ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธู สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ
ถ้าเป็นตัวผมนะครับเมื่อรู้ว่าคืนนี้จะต้องตายแล้ว ผมจะนึกถึงแม่ก่อนเพราะพ่อเสียนานแล้ว ขอกราบเท้าแม่และอธิบายให้แม่ฟังถึงเรื่อง กฏแห่งกรรม แล้วก็จะบอกลาพี่ๆน้องในครอบครัว หลังจากนั้นจะแต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วทำสมาธิจนวาระสุดท้ายของชีวิตครับ
ความรักความเมตตาและการให้อภัยเป็นสิ่งที่คนดีเขามีกัน


[email protected]

#7 Tanay007

Tanay007
  • Members
  • 616 posts

Posted 23 August 2006 - 02:43 PM

มันเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ควรจะเจริญมรณสติอยู่เสมอนะ
แต่เท่าที่ผ่านมา ยังไม่เคยได้ยินได้ทราบจากที่ไหนเลย ที่หมอจะบอกว่าคุณจะตายวันนี้ แม้แต่นักโทษประหารฟังคำพิพากษาประหารชีวิต ก็ยังไม่เจอว่าฟังปุ๊ปประหารปั๊ป (ในปัจจุบันนะ ไม่ใช่เปาบุ้นจิ้นนะ)

#8 จงมีสมบัตตักไม่พร่อง

จงมีสมบัตตักไม่พร่อง
  • Members
  • 57 posts

Posted 23 August 2006 - 03:28 PM

สัตว์ทั้งหลายเมื่อจุติเกิดขึ้น คือถึงแก่ความตายลงแล้ว ถ้ากิเลสอันเป็นเครื่องเศร้าหมองที่ดองอยู่ภายในจิตใจยังคงมีอยู่แล้ว จะหนีจากการปฏิสนธิคือเกิดขึ้นมาอีกในภพใหม่ชาติใหม่อีกไม่ได้ อาจจะต้องเกิดเป็น เปรต อสุรกาย มนุษย์หรือเทวดาก็ได้ แล้วแต่อำนาจของบาปและบุญที่ได้กระทำเอาไว้
>>
>>
อันการที่สัตว์ทั้งหลายไปบังเกิดอีกในภพใหม่ชาติใหม่นั้น อาศัยกำลังอำนาจของอารมณ์ที่ได้เมื่อตอนใกล้จะถึงแก่ความตายเป็นตัวผลักส่ง หรือเป็นแรงดันให้ต้องเกิดขึ้นมาอีก เหมือนเราจะไปชียงใหม่ อารมณ์ที่ปรากฏภายในจิตใจก็เป็นเชียงใหม่ นักล้วงกระเป๋าก็มีอารมณ์คือกระเป๋าของคนอื่นๆ มาปรากฏในจิตใจแล้วก็ยังไปที่ๆ มีคนสัญจรไปมา ตามรถ ตามเรือ ที่มีผู้คนพลุกพล่าน คนที่มีจิตเป็นกุศลชอบทำบุญให้ทาน ระลึกถึงวัดเป็นอารมณ์เสียก่อนแล้วจึงเดินทางไปวัด
>>
>>
บรรดาผู้ที่ใกล้จะถึงแก่ความตายก็จะมีอารมณ์มาปรากฏอยู่ต่อหน้า ซึ่งอารมณ์เหล่านี้จะเป็นอารมณ์ที่ดีหรือที่ชั่ว บุญหรือบาปก็ได้ ซึ่งมักจะเป็นอารมณ์ที่ตนได้มีความชำนิชำนาญตั้งแต่ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นส่วนมาก เช่น คนที่ชอบยิงนกตกปลา ก็มักจะเห็นไฟลุกเพื่อต้มสัตว์ เห็นอาวุธคือปืนผาหน้าไม้สำหรับใช้ในการฆ่าสัตว์ ก็จะเป็นตัวการสำคัญในการผลักส่งให้ผู้ถึงแก่ความตายต้องมาเกิดในที่ร้อนๆ ในที่ๆ มีความเจ็บปวดมากๆ นั่นก็คือเมืองนรก ถ้าเห็นเป็นบ้านช่องเห็นปราสาทราชวัง เห็นการทำบุญให้ทาน อารมณ์เหล่านี้ก็จะเป็นแรงดันให้เกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดา

>>
อารมณ์ คืออะไร?

>>
ธรรมดาของคนที่แก่มากๆ ถ้าอยากจะเดินทางไปไหนหรือจะไปมาหาสู่ใคร ก็มักจะต้องพึ่งพาอาศัยเพื่อนคู่ใจให้ไปด้วยกัน เพื่อนคู่ใจของคนแก่ก็คือไม้เท้าที่จะเอาไว้ค้ำยันเพื่อช่วยในการทรงตัวนั่นเอง
>>
จิตใจของบุคคลทั้งหลายก็เหมือนกับคนแก่ เพราะไม่มีความสามารถด้วยตนเองที่จะเกิดขึ้นมาได้ ถ้าไม่มีผู้ช่วยเหลือแล้วก็จะเกิดขึ้นมาเองไม่ได้เลย ด้วยเหตุที่ว่าจิตใจนั้นมิได้เกิดขึ้นมาด้วยการดลบันดาลของใคร ทั้งมิใช่เป็นสิ่งกายสิทธิ์ที่จะมีสิทธิพิเศษอะไรด้วย
>>
>>
จิตใจนั้นจะเกิดขึ้นมาได้ก็จะต้องอาศัย "เหตุ" ซึ่งเป็นไปตามหลักการของธรรมชาติ เหตุให้เกิดจิตใจมีหลายเหตุด้วยกัน แต่เหตุหนึ่งนั้นก็ได้แก่ "อารมณ์" นั่นเอง
>>
>>
ในปัฏฐานนุทเทสทีปนี แสดงว่า
>>
>>
"จิตฺเจตสิโกหิ อาลมฺทิตพฺพฏฺเฐน อารมฺมณํ" แปลว่า สภาวะที่สามารถยังให้จิตและเจตสิกธรรมข้องได้นั้นชื่อว่า อารมณ์ ฉะนั้นเมื่อถามว่า อารมณ์คืออะไร ก็ตอบคำถามนี้ได้ว่า อารมณ์คือธรรมชาติที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวของจิตหรือจะพูดให้ง่ายขึ้นอีกก็ว่า อารมณ์ คือธรรมชาติที่จิตใจเข้าไปยึดจับนั่นเอง
>>
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีอารมณ์อยู่แล้ว และอารมณ์มาปรากฏอยู่ต่อหน้าก็ตาม จิตก็จะเกิดขึ้นมาไม่ได้เลยเป็นอันขาด ถ้าไม่มีสถานที่ๆ จะให้มันเกิด ไม่มีสถานที่ทำงาน ไม่มีทวาร หรือไม่มีประตู จิตจะทำงานได้อย่างไรเล่า ฉะนั้น
>>
๑. รูปารมณ์ อันได้แก่คลื่นของแสงที่มากระทบตา เป็นตัวการให้จิตเจตสิกยึดจับ จึงเป็นอารมณ์ทางตา ก่อให้เกิดความรู้สึก "เห็น"

๒. สัททารมณ์ อันได้แก่คลื่นของเสียงที่มากระทบหู เป็นตัวการให้จิตเจตสิกยึดจับ จึงเป็นอารมณ์ทางหู ก่อให้เกิดความรู้สึก "ได้ยิน"

๓. คันธารมณ์ อันได้แก่กลิ่นที่มากระทบจมูก เป็นตัวการให้จิตเจตสิกยึดจับ จึงเป็นอารมณ์ทางจมูก ก่อให้เกิดความรู้สึก "ได้กลิ่น"

๔. รสารมณ์ อันได้แก่รสที่มากระทบลิ้น เป็นตัวการให้จิตเจตสิกยึดจับ จึงเป็นอารมณ์ ทางลิ้น ก่อให้เกิดความรู้สึก "รู้รส"

๕. โผฏฐัพพารมณ์ อันได้แก่การสัมผัสทางกายกับสิ่งที่มากระทบ เป็นตัวการให้จิตเจตสิกยึดจับ จึงเป็นอารมณ์ทางกาย มีความรู้สึกว่า อ่อนหรือแข็ง เป็นต้น

๖. ธรรมารมณ์ อันได้แก่การสัมผัสทางใจ จากตัวการที่มากระทบใจหลายอย่าง คือ ปสาทรูป ๕ สุขุมรูป ๑๖ จิต ๘๙ เจตสิก ๕๒ นิพพาน บัญญัติ เป็นตัวการให้จิตเจตสิกยึดจับ จึงเป็นอารมณ์ทางใจ ก่อให้เกิดความรู้สึกคิดนึกขึ้น


ความจริงจิตเกิดขึ้นที่ไหน ก็จะดับลงที่นั่น และอารมณ์ก็จะดับลง ณ ที่นั่นด้วย จิตดวงที่ปฏิสนธิเป็นจิตอีกดวงหนึ่งที่สืบต่อไปต่างหาก หาใช่เป็นดวงเดียวกันได้ไม่ เพราะว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จะไม่เกิด ไม่ดับ หรือไม่เปลี่ยนแปลงไป ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ไม่เป็นอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา

>>
แต่เมื่อจิตดวงหนึ่งดับลงแล้ว ก็มีปัจจัยหลายประการสนับสนุนให้เกิดจิตดวงต่อไป สิ่งต่างๆ เช่น บุญ บาป อัธยาศัยใจคอ ทุกอย่างที่สั่งสมเอาไว้ก็สืบต่อไปยังจิตดวงใหม่ในชาติใหม่
>>
>>
เมื่อบุคคลใดใกล้จะถึงแก่ความตาย ก็จะเกิดกรรมอารมณ์ กรรมนิมิตอารมณ์ หรือคตินิมิตอารมณ์ อย่างใดอย่างหนึ่ง
>>
>>
อารมณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งสุดท้ายของชีวิตนี่เอง ที่เป็นตัวการส่งให้เกิดการปฏิสนธิขึ้น
>>
>>
จิต เจตสิก และกรรมชรูปที่เกิดขึ้นยังภพใหม่ชาติใหม่นี้ เรียกว่า ปฏิสนธิ เป็นจิต เจตสิก และกรรมชรูป ที่สืบต่อมาจากจุติจิตในภพชาติที่แล้วมา
>>
>>
ความพิสดารของเรื่องการตายการเกิดมิใช่เรื่องเล็กน้อยเลย ด้วยเหตุนี้ในสมัยพุทธกาลพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังคงดำรงพระชนม์อยู่ เมื่อมีผู้ถามถึงเรื่องนี้ บางทีพระองค์ก็นิ่งเฉยเสีย ทั้งนี้ก็เพราะพระองค์ทราบวาระจิตของผู้ถามดีว่าไม่มีความสามารถที่จะเข้าถึงความจริงในเรื่องที่ลึกซึ้งเหล่านี้ได้ และความเชื่อของท่านผู้นั้นเป็นสัสสตทิฏฐิ(เห็นว่าเที่ยง) สืบต่อมาตั้งแต่อดีตชาติ มีความเหนียวแน่นในความคิดเห็นว่า คนตายแล้วจิตใจล่องลอยไปเกิด ถ้าพระองค์ยอมรับความเกิดในชาติหน้าโดยมิได้ให้หลักการและเหตุผลอย่างละเอียด ท่านผู้นั้นก็จะอาศัยคำรับรองจองพระองค์ออกไปเป็นเครื่องมือสนับสนุนความเห็นผิดของตนให้หนักยิ่งขึ้น ความเสียหายก็จะขยายออกไปอย่างกว้างขวาง
>>
>>
นอกจากนั้นพระองค์ก็ทราบในวาระจิตของผู้ถามบางท่านดีว่า มิได้เป็นผู้ที่มีความปรารถนาที่จะทราบเรื่องการตายการเกิดนี้อย่างจริงใจ หากแต่ต้องการจะฉกฉวยโอกาสที่จะแสดงวาทศิลป์อันคมกล้าของตนให้เป็นที่ประจักษ์แก่ผู้อื่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบความคิดอ่านนี้ดีว่าติดตัวมาหลายชาติแล้ว จึงมิได้โต้ตอบให้เสียเวลา>>



#9 koonpatt

koonpatt
  • Members
  • 616 posts
  • Gender:Female

Posted 23 August 2006 - 03:32 PM

สา...ธุด้วยค่ะ คุณสมบัติตักไม่พร่อง
จึงยังคง เชื่อมั่นและศรัทธาใน "รัก" เหมือนอย่างที่เคย...เสมอมา...และจะตลอดไป
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ

#10 บุญโต

บุญโต
  • Members
  • 2,192 posts
  • Gender:Female
  • Location:อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • Interests:ปฏิบัติธรรม

Posted 23 August 2006 - 03:49 PM

สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

#11 เพียงพอ

เพียงพอ

    I |\|EE|) S()|\/|E |3()DY |_()\/E.

  • Members
  • 724 posts
  • Location:ไม่มีข้อมูล
  • Interests:ไม่มีข้อมูล

Posted 23 August 2006 - 05:23 PM

อาบน้ำ อาบท่า แต่งตัว พูดคุยกะคนในครอบครัวสักหน่อย แล้วก็ไปนั่งสมาธิ^^

หากเราทำดีมาโดยตลอดแล้ว เราก็ไม่ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนอะไรเลยก่อนตาย
เพียงแต่มีหน้าที่ ประคับประคองจิตให้ดี ก่อนจะจากไปเท่านั้นเอง ^^
----------------------------------------------------------------------
เพียง. . .เพื่อดำรงชีวิตอยู่ให้มีคุณค่า
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.

เพียงพอ


#12 joeintra

joeintra
  • Members
  • 261 posts

Posted 23 August 2006 - 05:30 PM

ถ้ารู้ว่าจะต้องตายวันนี้ การเตรียมตัว ไม่ยากเลยครับ
ถ้าให้ 3 ข้อ ก็จะทำ
1. นึกถึงบุญที่ได้สั่งสมมาทั้งหมด อย่างต่อเนื่อง
2. อยู่ท่ามกลางผู้รู้ ที่สามารถช่วยให้เราใจใสได้ตลอดเวลา
3. ทำใจให้สบาย วางใจไว้ที่ศูนย์กลางกาย แล้วตรึกระลึกถึงมหาปูชนียาจารย์ที่เราคุ้นเคย

อย่าให้ใครมาร้องให้ใกล้เรา เพราะจะทำให้เราเกิดความกังวล และ เป็นห่วง ทำให้ใจไม่ใสเท่าที่ควรจะเป็น

สาธุ ครับ

#13 น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

น้ำฝน มัชฌิมหญิงรุ่น14

    เราคือ นักรบกล้าอาสาสมัคร กองทัพธรรม

  • Members
  • 1,961 posts
  • Gender:Female
  • Interests:ช่วยงานบุญที่วัด ให้ถึงที่สุดกำลัง ตราบวันที่ชีวิตจะสิ้นลมหายใจ

Posted 23 August 2006 - 07:13 PM

สำหรับหนุ
1 หนูจะเข้าไปกราบแม่งามๆ บอกแม่ว่าหนุรักแม่นะ
2 หนูจะขอแม่ไปวัดพระธรรมกาย
3 จะนึกถึงบุญ ให้หมดนั่งสมาธิ
4ปล่อยวางทุกอย่างถ้าตายขอตายในท่าสมาธิ
"ด้วยใจกล้าอาสา พัฒนาไม่หยุดยั้ง"

น้ำฝนลูกพระธัมฯ

#14 JK564

JK564
  • Members
  • 121 posts

Posted 23 August 2006 - 07:54 PM

บวชครับ

ปล.ขอรู้ก่อนซัก 1 เดือนได้มั้ย

#15 LiL' Faery

LiL' Faery
  • Members
  • 1,160 posts
  • Location:@ Time : Europe
  • Interests:Basic and Advance Meditation;วิชชา ธรรมกาย<br />Birth Day : 19 January

Posted 23 August 2006 - 08:16 PM

QUOTE

1. จะกราบแม่ & พ่อ ค่ะ ขออโหสิกรรม แล้วบอกแม่ &พ่อ ว่า อย่าเสียใจ ให้ทำใจให้เข้มแข็งและเป็นสุข ต่อไปแม่ & พ่อ ต้องอยู่กัน2 คน ให้เข้าวัดให้มากๆ ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ดูแลจนแก่ เฒ่า อย่างที่ควรจะได้ทำ (ถ้ามีอะไรที่จะห่วง ก็แม่ & พ่อ นี่แหล่ะค่ะ เพราะมีกันแค่ 3 คนถ้าเราต้องไปก่อน คงไม่ดีนะคะ)

2. โทรแจ้ง โรงพยาบาล ให้เตรียมพร้อมค่ะ เพราะ บริจาคอวัยวะทั้งหมดไว้ค่ะ เดี๋ยวจะพลาด

4. โทร.หาญาติ พี่ น้อง เพื่อน พ้อง ทุกคนที่รู้จัก ทั้งคนที่รัก และ เกลียด ขออโหสิกรรม กับทุกๆ คน

5. เตรียมตัว ด้วยการ อาบน้ำ เตรียมตัวและ ใจ ให้พร้อม สวดมนต์ แล้วนั่งสมาธิค่ะ เดี๋ยวถึงเวลาก็จะได้สบายๆ


3. โทร.หา all the monks that I know & ขออโหสิกรรม

6. Sell All my long term stocks and donate all the money to LP

7. Go to the hospital and donate blood for the last time... in this life time...

8. นึกถึงบุญที่ได้สั่งสมมาทั้งหมด อย่างต่อเนื่อง
คุณครูไม่ใหญ่ บอกว่า :
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ^_^ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง

#16 ชาร์ป

ชาร์ป
  • Members
  • 985 posts
  • Gender:Male
  • Location:ปทุมธานี

Posted 23 August 2006 - 11:48 PM

คำถามแบบนี้กับนักเรียนอนุบาลฝันในฝันนี่...มันเป็นเรื่องง่ายมาก laugh.gif

#17 นิ่งๆ นุ่มๆ

นิ่งๆ นุ่มๆ
  • Members
  • 618 posts

Posted 24 August 2006 - 01:20 AM

เอาใบอนุโมทนาบัตรทั้งหมดตั้งแต่เข้าวัดแรกๆ มานั้งชมกับครอบครัว
อย่าทำตัวเหมือนเรือ ที่เก็บขยะในมหาสมุทร ใครเขาจะพูดอะไร จะว่าอะไรเราให้ใจขุ่น ก็อย่าไปสนใจ ปากก็ของเขา ความคิดก็ของเขา อย่าเอามาแบกไว้ เพราะสุดท้ายเรือจะล่มอยู่กลางมหาสมุทร ไปไม่รอด
น้าจี้

#18 บุญโต

บุญโต
  • Members
  • 2,192 posts
  • Gender:Female
  • Location:อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • Interests:ปฏิบัติธรรม

Posted 24 August 2006 - 09:22 AM

QUOTE
เอาใบอนุโมทนาบัตรทั้งหมดตั้งแต่เข้าวัดแรกๆ มานั้งชมกับครอบครัว
เอ้อ....ดีจังค่ะ Good Idea !

#19 light mint

light mint

    ขออนุโมทนาบุญค่ะ

  • Members
  • 1,423 posts
  • Gender:Female
  • Location:THAILAND
  • Interests:ธรรมะ

Posted 24 August 2006 - 10:57 AM

ถวายทรัพย์ที่มีกับเนื้อนาบุญ
รักษาใจใสๆทั้งวัน
บอกทุกคน บอกลา และบอกว่าให้ช่วยอะไรบ้าง
อาบน้ำ แล้วไปนั่งสมาธิยาว
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ


#20 คนรักวัด

คนรักวัด
  • Members
  • 626 posts

Posted 24 August 2006 - 12:29 PM

สาธุ ครับ
อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ

เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก

Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain

#21 arraya

arraya
  • Members
  • 298 posts

Posted 24 August 2006 - 02:51 PM

ขออโหสิกรรมกับคนที่เราเคยเบียดเบียน
ถอนเงินมาทำบุญให้หมด
ทำใจใสๆ นึกถึงบุญ , ทำสมาธิ

#22 นักรบทิศตะวันตก

นักรบทิศตะวันตก
  • Members
  • 354 posts
  • Gender:Male
  • Location:Bangkok Thailand
  • Interests:...หยุด...

Posted 25 August 2006 - 12:39 PM

ความไม่ประมาท เป็นทางอมตะ
ความประมาท เป็นทางแห่งความตาย
ผู้ไม่ประมาท ไม่มีวันตาย
ผู้ประมาท ถึงมีชีวิตอยู่ก็เหมือนคนตายแล้ว

พุทธพจน์

ผู้ที่สั่งสมความดีอยู่เนืองนิต ย่อมอ้าแขนพร้อมรับความตายอยู่ทุกวินาที ย่อมอาจหาญร่าเริงในภพหน้า ฉันใด
ผู้ที่ประมาทในการทำความดี ย่อมเกรงกลัวต่อพญามัจจุราช ย่อมทนทุกข์หวาดผวาต่อความตาย ฉันนั้น


ธรรมะภายในเป็นเพื่อนตายของเรา จะอยู่กับเราทั้งโลกนี้และโลกหน้า ผมคิดว่าก่อนตายคงจะไม่บอกใครไม่มีการเตรียมตัวใดๆ แต่จะเตรียมใจให้ใสๆให้พร้อมที่จะเดินทางไกลครับ
ผู้มีความกล้า....ย่อมมีความหวัง...

.
ฟังเรื่องราวดีๆได้ที่นี่ครับ

#23 joeintra

joeintra
  • Members
  • 261 posts

Posted 25 August 2006 - 02:36 PM

ซึ้งมากเลยน้องฝน
ขอแม่มาวัดพระธรรมกาย

#24 somchet

somchet
  • Members
  • 900 posts

Posted 25 August 2006 - 02:40 PM

นั่งทบทวนบุญทั้งหมด ที่เคยทำมาตลอดชีวิต ทบไปทวนมาจนกว่าจะหมดลม พอถอดกายแล้ว ค่อยนั่งสมาธิด้วยกายละเอียด

ส่วนร่างกายตายแล้ว ใครอยากได้ จะเอาไงก็ตามสบาย จะเผา จะฝัง จะเอาไปทิ้งกองขยะ ก็ไม่มีปัญหา

#25 luckynara

luckynara
  • Members
  • 714 posts

Posted 25 August 2006 - 08:32 PM

ตายวันนี้เลยเหรอคะ งั้นหนี้สินที่มีอยู่ก็คงใช้ไม่ทัน ไม่เป็นไรเตรียมตัวตายก่อนดีกว่าส่วนหนี้สินค่อยใช้ชาติหน้าก็แล้วกัน

เพราะคิดว่าบุญที่ทำไว้คงเหลือเฟือสำหรับใช้หนี้ที่มีอยู่ในชาตินี้

#26 บีบีน้อย

บีบีน้อย
  • Members
  • 116 posts

Posted 26 August 2006 - 02:32 AM


1.นั่งสมาธิ
2.ทำใจใสๆ
3.นึกถึงบุญที่เคยทำมาทั้งหมด



#27 นักท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยว
  • Members
  • 2,378 posts
  • Gender:Male
  • Location:รู้สึกว่าจะไม่ค่อยได้อยู่กะที่อ่ะ มาดูอารายกานอ่ะ
  • Interests:มาสร้างบารมีตามติดหมู่คณะดีกว่า

Posted 07 October 2006 - 10:19 PM

อันตัวเรานั้นตายแน่
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ


เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี