เชื่อว่าคุณๆ และท่านทั้งหลายเคยพานพบกันมาแล้วทั้งนั้น คุณคิดยังไงกับคนปากร้าย ด่าเก่ง แต่ใจดี เข้าข่ายใจอ่อน แต่เสียงดัง รุนแรง โกรธง่าย เมื่อมาอยู่ด้วย เกิดทะเลาะกันบ้าง กระทบกระทบกัน คุยกันแล้วมีน้ำโหเกิดขึ้นได้ง่าย แต่ก็คิดว่า ควบคุมอารมณ์ไว้ดีที่สุด คือไม่อยากมีวจีกรรมอ่ะ
แล้วท่านทั้งหลายมีประสบการณ์แก้ไขอย่างไรกันบ้าง
คุณคิดยังไงกับคนปากร้าย แต่ใจดี
Started by D_jung, Sep 24 2006 01:32 PM
10 replies to this topic
#1
Posted 24 September 2006 - 01:32 PM
#2
Posted 24 September 2006 - 02:50 PM
ต้องใช้ความอดทนกับเขาค่ะ เป็นกัลฯ ให้เขามากๆ คนประเภทนี้ หากเป็นญาติสนิท เพื่อน หรือพ่อแม่ เขาจะไ่ม่ค่อยเชื่อเรา ต้องให้ดู DMC พาไปให้พระอาจารย์แนะนำ พาขึ้นพณาวัฒน์ ชวนนั่งสมาธิให้มากๆ เดี๋ยวจากปากร้าย ก็จะกลายเป็นปากดี ปากหวาน พูดจาไพเราะเองโดยปริยายค่ะ ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานะคะ อย่าคิดว่าจะเปลี่ยนเขาได้ง่ายๆ ค่ะ
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#3
Posted 24 September 2006 - 04:03 PM
ดีกว่าปากดี ใจร้าย ถ้าให้ดี ปากดี ใจดี นี่ดีแน่นอน
#4
Posted 24 September 2006 - 04:25 PM
ก่อนอื่นต้องขอให้น้องดีจังคิดตามพี่สักนิดนะจ๊ะ น้องจะคิดยังไงบ้างหาก
1.ของร้อนเจอกับของร้อน ก็ยิ่งร้อนเข้าไปใหญ่ใช่ไหมจ๊ะ
2.ของร้อนเจอกับของเย็น อืม เอามาผสมกันได้อุ่นกำลังดี จริงไหมจ๊ะ
อ่ะ มาคิดกันใหม่ น้องดีจังเลือกแบบไหนถ้า มีสิ่งของหรือคนพุ่งเข้าหาน้องอย่างเร็วและแรง
1.ไม่ยอมแพ้พุ่งเข้าไปรับ แรงมาแรงตอบ ปะทะกันมีแต่เจ็บทั้งคู่ใช่ไหมจ๊ะ ดีไม่ดีเจ็บหนักถึงขนาดหามส่งโรงพยาบาลใช่ไหมจ๊ะ
2.หยุดนิ่งเฉย(สูตรสำเร็จ) รอรับอย่างเดียว เราอาจจะไม่เจ็บมาก(เจ็บแค่ใจไม่เจ็บตัว)หรือไม่เจ็บเลยก็เป็นไปได้ใช่ไหมจ๊ะ
อ่ะ ทีนี้ขอยกตัวอย่างนะจ๊ะ ตัวพี่เองนี่แหละ สมัยก่อนพี่ทำผิดพ่อแม่พี่เรียกพี่ไปต่อว่า พี่เถียงท่าน แทนที่เรื่องจะจบเร็วกลายเป็นต่อความยาวสาวความยืดไป บางทีพ่อแม่พี่ถึงกับลงไม้เรียวเพราะพี่ไม่ยอมรับผิด แต่ตอนนี้ เวลาพี่ทำผิดคุณพ่อคุณแม่พี่เรียกพี่ไปต่อว่า ส่วนมากพี่จะยืนนิ่งเงียบอย่างเดียว พ่อแม่พี่ด่าพี่ได้สักพักไม่ถึงชม.หรอกจ๊ะท่านก็เหนื่อย บางทีหมดคำด่า ท่านก็ให้พี่ไป พี่ก็แค่เก็บเอาคำด่าของคุณพ่อคุณแม่ไปคิด ทบทวนสิ่งที่ตัวเองทำผิดเท่านั้น เดี๋ยวนี้พี่เลยไม่ต้องสร้างวจีกรรมที่เถียงพ่อแม่
สรุปนะจ๊ะ หยุดเท่านั้นจ๊ะ เป็นตัวสำเร็จในทุกสิ่ง ดั่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านใช้ปราบองคุรีมาลไงจ๊ะ
1.ของร้อนเจอกับของร้อน ก็ยิ่งร้อนเข้าไปใหญ่ใช่ไหมจ๊ะ
2.ของร้อนเจอกับของเย็น อืม เอามาผสมกันได้อุ่นกำลังดี จริงไหมจ๊ะ
อ่ะ มาคิดกันใหม่ น้องดีจังเลือกแบบไหนถ้า มีสิ่งของหรือคนพุ่งเข้าหาน้องอย่างเร็วและแรง
1.ไม่ยอมแพ้พุ่งเข้าไปรับ แรงมาแรงตอบ ปะทะกันมีแต่เจ็บทั้งคู่ใช่ไหมจ๊ะ ดีไม่ดีเจ็บหนักถึงขนาดหามส่งโรงพยาบาลใช่ไหมจ๊ะ
2.หยุดนิ่งเฉย(สูตรสำเร็จ) รอรับอย่างเดียว เราอาจจะไม่เจ็บมาก(เจ็บแค่ใจไม่เจ็บตัว)หรือไม่เจ็บเลยก็เป็นไปได้ใช่ไหมจ๊ะ
อ่ะ ทีนี้ขอยกตัวอย่างนะจ๊ะ ตัวพี่เองนี่แหละ สมัยก่อนพี่ทำผิดพ่อแม่พี่เรียกพี่ไปต่อว่า พี่เถียงท่าน แทนที่เรื่องจะจบเร็วกลายเป็นต่อความยาวสาวความยืดไป บางทีพ่อแม่พี่ถึงกับลงไม้เรียวเพราะพี่ไม่ยอมรับผิด แต่ตอนนี้ เวลาพี่ทำผิดคุณพ่อคุณแม่พี่เรียกพี่ไปต่อว่า ส่วนมากพี่จะยืนนิ่งเงียบอย่างเดียว พ่อแม่พี่ด่าพี่ได้สักพักไม่ถึงชม.หรอกจ๊ะท่านก็เหนื่อย บางทีหมดคำด่า ท่านก็ให้พี่ไป พี่ก็แค่เก็บเอาคำด่าของคุณพ่อคุณแม่ไปคิด ทบทวนสิ่งที่ตัวเองทำผิดเท่านั้น เดี๋ยวนี้พี่เลยไม่ต้องสร้างวจีกรรมที่เถียงพ่อแม่
สรุปนะจ๊ะ หยุดเท่านั้นจ๊ะ เป็นตัวสำเร็จในทุกสิ่ง ดั่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านใช้ปราบองคุรีมาลไงจ๊ะ
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#5
Posted 24 September 2006 - 06:23 PM
คนปากร้ายขออธิษฐาน อย่าให้ได้เจอเลย บางทีตอนโมโห
พูดอะไรออกมาสารพัด แต่พอหายแล้วกลับลืมเป็นคนใจดี คนที่
อยู่กับคนแบบนี้ ต้องใจเย็นพอควรครับมีขันติบารมีเป็นเลิศ ไม่งั้นเป็นเรื่อง
แต่ก็ยังดีกว่า ปากร้ายแล้วใจร้ายด้วย
ถ้าจำเป้นต้องเจอก็คงจะต้องใช้ นิ่งเสีย หรือ เฉย ๆ เหมือนไม่ได้ยินอะไร
ปลงว่า มันเป้นกรรมของเราเอง
พูดอะไรออกมาสารพัด แต่พอหายแล้วกลับลืมเป็นคนใจดี คนที่
อยู่กับคนแบบนี้ ต้องใจเย็นพอควรครับมีขันติบารมีเป็นเลิศ ไม่งั้นเป็นเรื่อง
แต่ก็ยังดีกว่า ปากร้ายแล้วใจร้ายด้วย
ถ้าจำเป้นต้องเจอก็คงจะต้องใช้ นิ่งเสีย หรือ เฉย ๆ เหมือนไม่ได้ยินอะไร
ปลงว่า มันเป้นกรรมของเราเอง
หยุดคือตัวสำเร็จ
#6
Posted 24 September 2006 - 06:25 PM
พรหมวิหารสี่
----------
----------
เพียง. . .เพื่อดำรงชีวิตอยู่ให้มีคุณค่า
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
เพียงพอ
#7
Posted 25 September 2006 - 01:57 AM
[ของร้อนเจอกับของร้อน ก็ยิ่งร้อนเข้าไปใหญ่ ของร้อนเจอกับของเย็น อืม เอามาผสมกันได้อุ่นกำลังดี]
เห็นด้วยค่ะ
จงทำตนให้เป็นของเย็น เพื่อรับการถ่ายเทความร้อนจากผู้อื่น
เห็นด้วยค่ะ
จงทำตนให้เป็นของเย็น เพื่อรับการถ่ายเทความร้อนจากผู้อื่น
#8
Posted 25 September 2006 - 10:48 AM
เชื่อไหมเอ่ย ?
วาจาก็ทำร้ายจิตใจคนได้นะ
จะมีประโยชน์อะไร ถ้าใจดี๊ดี ดีสุดๆ
แต่ปากก็ร้ายสุดๆ..พูดทีก็เฉือนใจคนฟังเป็นริ้วๆ
น่าจะปากคมพอประมาณ
(เพราะพยายามปรับปรุงและพูดอย่างมีสติ..นึกถึงใจคนฟังก่อนพูด)
แล้วใจดีอย่างเดิม
น่าจะดีกว่านะคะ
วาจาก็ทำร้ายจิตใจคนได้นะ
จะมีประโยชน์อะไร ถ้าใจดี๊ดี ดีสุดๆ
แต่ปากก็ร้ายสุดๆ..พูดทีก็เฉือนใจคนฟังเป็นริ้วๆ
น่าจะปากคมพอประมาณ
(เพราะพยายามปรับปรุงและพูดอย่างมีสติ..นึกถึงใจคนฟังก่อนพูด)
แล้วใจดีอย่างเดิม
น่าจะดีกว่านะคะ
ถ้าใจใส
เรื่องดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน
เรื่องดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน
#9
Posted 25 September 2006 - 12:56 PM
ใจเย็นๆ ดีที่สุด
ท่อง...สัมมาอะระหังไว้
ท่อง...สัมมาอะระหังไว้
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ
#10
Posted 25 September 2006 - 05:28 PM
ใจเย็นๆๆครับค่อยๆๆพ๔ดค่อยๆๆจากันแล้วดูว่าเขาอารมร์ดีมั้ยก็ค่อยคุยถ้าอารมณ์ไม่ดีอย่าเพิ่งไปคุย
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#11
Posted 27 September 2006 - 12:09 AM
ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความรู้และความคิดเห็น ขอรับ