ทำไงดีครับ เมื่อเจอคนโจมตีวัดทางเน็ต
#1
โพสต์เมื่อ 17 July 2008 - 10:19 PM
#2
โพสต์เมื่อ 17 July 2008 - 10:39 PM
#3
โพสต์เมื่อ 17 July 2008 - 11:49 PM
ทำให้ใจหมองเปล่าๆ
นั้นคือทางที่ดีที่สุดสำหรับเราคะ
"ว่าอย่างไร ก็ต้องว่าตามกันนะคะ"
หยุดนั่นเองเป็นตัวสำเร็จ
ทั้งทางโลกและทางธรรม สำเร็จหมด
#4
โพสต์เมื่อ 18 July 2008 - 02:09 AM
สู้กับคนพาล ที่เป็นบัวในตรมไม่สมควรครับ
ที่สำคัญทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟครับ
ด้วยความเคารพ
...ปล่อยให้่เวลามันพาไป...
...สำหรับฉัน เธอคือ สิ่งที่ดีที่สุด เท่าที่ชีวิตนี้จะมีได้...
#5
โพสต์เมื่อ 18 July 2008 - 08:38 AM
#6
โพสต์เมื่อ 18 July 2008 - 09:09 AM
เรานิ่งนิ่งเถอะค่ะ อะไรที่เราอธิบายได้ดีก็ควรอธิบาย อะไรที่คิดว่าตัวเราอธิบายได้ไม่ดีพอก็นิ่งดีกว่า เดี๋ยวจะยิ่งไปกันใหญ่
คนเราในเมื่อใจไม่ยอมเปิด ไม่ยอมเข้ามาศึกษา ว่าอะไรคือสิ่งที่เป็นจริง
คนเหล่านั้นฟังแค่ปากของคนที่มีอคติบอกต่อกันมา ฟังข่าว(ซึ่งคนเขียนข่าวก็อคติ)
คนเหล่านั้นก็ย่อมไม่รู้ว่าอะไรคือข้อเท็จจริง
#7
โพสต์เมื่อ 18 July 2008 - 09:32 AM
#8
โพสต์เมื่อ 18 July 2008 - 09:56 AM
ก็ต้องนิ่ง เฉย เสีย ฟังหลวงพ่ออย่างเดียวค่ะ มีคำตอบให้เสมอ
ลองอธิษฐานจิต ตอนคุณครูไม่ใหญ่ถ่ายทอดสดซิคะ จะรู้ว่าปฎิหารย์ มีจริง (ทำบ่อยค่ะ ได้ผลทุกครั้งไป)
หยุด เป็นตัวสำเร็จ
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
#9
โพสต์เมื่อ 18 July 2008 - 10:01 AM
แต่ลมแรงๆ ก็คงไม่พัดทั้งวันทั้งคืน
ทางที่ดี หาที่เหมาะๆ ดูลมพัดแรง สักพักลมก็สงบครับ ด้วยตัวของมันเอง
อนุปวาโทครับ ไม่ว่าร้ายใคร ไม่สู้ ไม่หนี มุ่งทำดีเรื่อยไป ครับ
สาธุ
#10
โพสต์เมื่อ 18 July 2008 - 10:03 AM
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#11
โพสต์เมื่อ 18 July 2008 - 11:11 AM
#12
โพสต์เมื่อ 18 July 2008 - 11:19 AM
หากคุณเจ้าของกระทู้อยากได้ข้อมูลอย่างที่ว่าจริงๆ ให้ไปที่เว็บไซด์ของวัดพระธรรมกายครับ www.dhammakaya.org
เขามีรวบรวมไว้พร้อมแล้ว กับคำถามเหล่านี้ แต่หากจะนำมาใช้เพื่อให้ได้วัตถุประสงค์ดังที่เจ้าของกระทู้ต้องการล่ะก็ ให้ลองอ่านกระทู้ของเพื่อนๆ ที่มาตอบถัดๆ มานั่นแหละครับ มันจะเป็นอย่างนั้น มันไม่ได้ผลหรอก
แต่หากจะนำไปใช้เพื่อจะสร้างบุญเป็นกัลยาณมิตรให้ญาติมิตรล่ะก็ ทำต่อไปได้เลยครับ บุญก็จะได้ต่อเนื่องเรื่อยๆ
#13
โพสต์เมื่อ 18 July 2008 - 12:27 PM
แต่ก็เห็นด้วยกับคำตอบของเพื่อนกัลยาณมิตรหลายๆ ท่านทั้งในกระทู้นี้ และกระทู้อื่นที่คล้ายกันนะคะว่า
หากเป็นการทำหน้าที่กัลายาณมิตรให้แก่บุคคลที่รู้จักโดยตรง หรือเป็นบุคคลที่ยอมรับฟังข้อมูลด้วยใจที่เป็นธรรม หรือผู้ที่มีเหตุผล ก็น่าจะลองทำดูนะคะ เพราะ
1. เผื่อว่าเป็นช่วงจังหวะบุญส่งผล ทำให้เขาได้มาพบกัลยาณมิตร ก็จะทำให้เขาใจเปิด ได้มาร่วมสั่งสมบุญกับหมู่คณะ หรือหากยังไม่ถึงขั้นมาร่วมสั่งสมบุญ ก็อาจทำให้หยุดวิจารณ์ในทางที่ผิด ซึ่งจะเป็นการช่วยปิดอบายให้เขา
2. อีกทั้งเขาอาจจะช่วยนำข้อมูลที่ถูกต้องที่ได้รับฟังจากคุณ Blissinessman ไปบอกต่อคนอื่นตามปกติวิสัยของปุถุชน ซึ่งจะเป็นส่วนให้เขาได้บุญจากการทำหน้าที่กัลยาณมิตรแม้โดยไม่เจตนา เนื่องจากเขาอาจเป็นผู้มีส่วนช่วยลดกระแสความเข้าใจผิดในวัดให้ลดลงได้บ้าง เพราะหากคนที่เข้าใจวัดผิดได้ฟังข้อมูลด้านบวกที่มีเหตุผลจากปากคนที่เคยไม่เข้าใจวัด อาจทำให้เขาเหล่านั้นบรรเทาความปักใจเชื่อในข้อมูลด้านลบลงได้บ้าง
แต่หากเป็นการทำหน้าที่กัลายาณมิตรให้แก่บุคคลที่ทราบดีว่า ยังไงก็ไม่มีวันยอมมรับฟังเหตุและผล หรือเป็นการตอบทาง internet ใน web ที่เป็นแหล่งรวมของผู้ที่มีความเข้าใจผิด ก็น่าจะวางอุเบกขาไปก่อนนะคะ เพราะ
1. นอกจากไม่เกิดประโยชน์แล้ว พวกเขายังอาจเป็นนำไปเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบต่อไปอีกมากมาย อันจะยิ่งเป็นการพิ่มอกุศลกรรมซะเปล่าๆ
2. หากพิจารณาสิ่งที่คุณยายทำเวลามีคนไม่เข้าใจ มาด่าว่าท่านเสียๆหายๆ คุณยายท่านจะพูดเพียงว่า เธอจะว่า ก็ว่าไป ฉันจะนั่งฟัง แล้วท่านก็เข้าที่นั่งฟังนิ่งๆ ไม่โต้ตอบ จนคนที่มาว่าท่านเหนื่อยเลิกราไปเอง
3. หากพิจารณาย้อนไปถึงสมัยพุทธกาล พระโมคคัลลานะ ท่านเคยกราบทูลอาราธนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ไปเทศน์โปรดยายหอยซึ่งยืนด่าพระอยู่หน้าวัดพระเชตวันทุกวัน แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสตอบว่าหากพระโมคคัลลานะปรารถนาจะโปรดยายหอย ก็ขอให้ไปทดลองเทศน์โปรดดูเอง ปรากฏว่าพระโมคคัลนะท่านไปยืนดักหน้าเพื่อจะเทศน์โปรด แต่ยายหอยหันหน้าหนีไปทางซ้ายไม่ยอมฟังท่าน ท่านปาฏิหารย์กายอีกกายที่ด้านซ้าย ยายหอยก็หันหนีไปทางขวา พอท่านปาฏิหารย์กายอีกกายที่ด้านขวา ยายหอยก็แหงนหน้าหนี พอท่านปาฏิหารย์กายอีกกายที่ด้านบน แทนที่ยายหอยจะเกิดสำนึกเป็นสัมมาทิฏฐิที่มีพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญาขนาดนี้ เมตตามาพยายามทุกวิถี่ทางที่จะช่วยโปรดให้พ้นอบาย ยายหอยกลับพยายามเอาชนะโดยการก้มลงมองใต้ผ้าถุงต้นเอง พระโมคคัลลานะท่านจึงต้องยอมแพ้ เลิกความพยายามที่จะเทศน์โปรดยายหอย
จากตัวอย่างข้างต้น คงพอทำให้คุณ Blissinessman สบายใจขึ้นนะคะว่าเราไม่ได้ละเลยการทำหน้าที่กัลยาณมิตรและไม่ได้ละทิ้งพวกเขาเหล่านั้น แต่บุคคลบางคนบางประเภทอาจต้องปล่อยไปก่อน รอเวลาให้บุญเก่าของเขาตามมาทัน ส่งผลให้เขาใจเปิดกว่านี้ เป็นแบบคนประเภทที่ 1 ซะก่อนจึงค่อยไปทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้ หรือนอกจากว่าหมู่คณะเราไปถึงที่สุดแห่งธรรมเมื่อไร ทุกอย่างก็จบ
#14
โพสต์เมื่อ 18 July 2008 - 12:45 PM
- นิ่ง...วางเฉยพอแล้ว ลองศึกษา ว่าวัตถุประสงค์ของผู้ส่งข้อความคืออะไร
- ส่วนใหญ่...มักจะวางกับดักนะ...ยั่วโทสะไง...ยิ่งตอบยิ่งชี้แจง...ก็ยิ่งปั่นกระทู้ให้แรงขึ้นอย่างไม่รู้จบ...กว่าจะจบก็หมดลมหายใจเสียก่อน...แถมไม่รู้จะจบในภพใด
- ใจไม่แกร่งพอ...ก็ถือแนวทาง...ไม่สู้ ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป จนใจแกร่งพร้อม
- ถ้าพร้อมจะตอบ...ต้องตอบด้วยจิตเมตตาเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน...ดังเช่น พระคุณานันทะ ตอบเหล่าศาสนิกอื่นๆ...ให้เขารับรู้ว่า...เรารู้จริง-รู้แจ้งมากกว่าเขา...สิ่งที่เขารู้นั้นเพียงรู้จำ(จากไหนก็ไม่ทราบได้)...มาร่วมพิสูจน์กันเถิด
ชัยชนะเริ่มจากภายในใจเรา
#15
โพสต์เมื่อ 18 July 2008 - 01:25 PM
#16
โพสต์เมื่อ 18 July 2008 - 01:48 PM
#17
*ประภาสิรินาท*
โพสต์เมื่อ 18 July 2008 - 03:15 PM
#18
โพสต์เมื่อ 18 July 2008 - 03:33 PM
ที่สำคัญเมื่อเจอคนที่มีปัญหาข้องใจแล้ว ก็อย่าปล่อยให้เลยตามเลยคะ ก็ใช้วิธี อยากรู้อะไรก็เข้าเวปวัดหรือดีเอ็มซีเลยคะ แล้วก็ยิ้มส่งท้าย
ส่วนทางเน็ต ก็เอาข้อมูลวัดไปแปะไว้แค่นั่น ส่วนใครจะเข้าใจมากขึ้นหรือไม่ ก็แล้วแต่บุญในตัวเค้าคะ และจะใช้วิธี ทำใจนิ่ง ๆ ก่อนส่งข้อความสักพัก
#19
โพสต์เมื่อ 18 July 2008 - 08:37 PM
"..พระพุทธศาสนา เหมาะสำหรับผู้ที่ยินยอม และยอมรับที่จะแก้ไขตัวเอง (พูดง่ายๆ..ตั้งใจจะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ)
..แต่พระพุทธศาสนา จะไม่มีประโยชน์อันใดเลย สำหรับผู้ที่เต็มไปด้วย ทิษฐิ มานะ คือความถือตน..
..ดังนั้นต่อให้อธิบายจนปากหัก ก็ไม่ได้ทำให้คน (มิจฉาทิษฐิ) เหล่านั้นได้รู้สึกตัวขึ้นมาแม้แต่น้อย..รังแต่จะทำให้เขาเตลิดหนีเข้าป่าไปลึกมากยิ่งขึ้น (อันนี้ผมว่าเอง เด้อ..).."
แม้กระทั่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขณะจะไปโปรดผู้ใด ท่านยังต้องตรวจอุปนิสัยเวไนยสัตว์นั้นๆเสียก่อน และเมื่อแน่ใจว่าผู้นั้นสามารถรับธรรมได้ชัวร์แล้ว ท่านก็จะเทศนาแค่พอกระชับ ไม่มากไป ไม่น้อยไป เอากะพอว่าผู้รับข้อมูลได้ยิน ไดฟังปุ๊ป ปัญญาเริ่มงอกปั๊ป แสงสว่าง (ในใจ) เกิดขึ้นทันใด แล้วสามารถตรองตามพระธรรมนั้นๆ สุดท้ายก็บรรลุธรรมอยู่ตรงนั้นเอง..
แล้วเราเป็นใคร? มั่นใจในธรรมแค่ไหน? มั่นใจในผู้รับแค่ไหน? และที่สำคัญเราได้บรรลุในธรรมนั้นๆแล้วหรือยัง?
ถ้ามั่นใจ..ก็..ลุยเลยยยยยยยยย
#20
โพสต์เมื่อ 18 July 2008 - 09:33 PM
เพราะความรู้สึกแบบนี้เกิดเมื่อไร.. ความโง่กำลังจะมาเยือนเราแล้ว
และก็อาจจะทำอะไรผิดๆลงไปได้อีกมากมาย.. ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อหมู่คณะได้ต่อไป..
ดังนั้น.. ใครยังทำใจไม่ได้ดังนี้.. จงถอยออกมาเถิด..
รักษาใจตัวเองเอาไว้ก่อนเลย.. อันดับแรก..
ถ้าเรารักษาใจเราเอาไว้ได้แล้ว.. ค่อยมาว่ากันต่อ..
เมื่อนั้นปัญญาจะเกิด แล้วจะรู้ว่า..
ดอกบัวมี 4 เหล่า..
การตอบสนองต่อคนในโลกนี้.. เราขอยืมแนวคิดมาจากพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสมอๆ..
เพราะแนวคิด และวิธีการของพระองค์.. คือสุดยอดอัจฉริยะแล้ว..
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
แล้วเราจะรู้ว่าควรตอบสนองกับใครอย่างไร..
แต่จะว่าไป.. ความจริงคำตอบทั้งหมดอยู่ในเพลงๆนี้แล้ว..
เพลงหยุดใจ
หยุดใจเราไว้ที่ศูนย์กลางกาย
ตรึกเบาๆ กลางดวงกลมๆ ใสๆ
ยิ้มสักนิดเอาไว้กลางใจข้างใน
กลั่นดวงให้ใสด้วยใจเย็นๆ
หยุดใจเราไว้ที่กลางของกลาง
ทำให้เห็นทางสว่างไสว
นี่แหละธรรมะจะเป็นที่พึ่งภายใน
เบิกบานสดใสทุกวันเวลา
สุขจริงๆ อยู่ที่ศูนย์กลางกาย
เป็นความสุขใจที่เราใฝ่หา
ตลอดชีวิคทึ่ทุกคนเกิดมา
ก็เพื่อค้นหาความสุขภายใน
หยุดใจเราไว้ที่กลางดวงธรรม
นำให้เห็นกายในกายใสใส
หยุดในหยุด กลางของกลางเรื่อยไป
พบธรรมกายสว่างไสวงดงาม
ชีวิตคือการเข้ากลาง
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย
โลกจะสุขศานต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม....
เร่งปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงองค์พระภายในดีที่สุด
เมื่อนั้นจะอธิบายธรรมมะได้เฉียบคม กระจ่างแจ้ง เปิดหูเปิดตาผู้คนให้รู้เห็นตามความเป็นจริงได้ดีกว่า
และเป็นพยานในการตรัสรู้ธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และยืนยันการมีอยู่จริง และการค้นพบวิชชาธรรมกายของหลวงปู่ด้วย
สาธุ สาธุ สาธุ..
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#21
โพสต์เมื่อ 18 July 2008 - 10:21 PM
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
#22
โพสต์เมื่อ 21 July 2008 - 10:22 AM
เราก็ต้อง นิ่ง เช่นเดียวกันครับ
"หยุด" คือตัวสำเร็จ
สาธุ
#23
โพสต์เมื่อ 21 July 2008 - 10:57 AM
หลังๆมา ก็เลยไม่ยุ่ง ไม่เปิด ไม่ดู ไม่สน ไม่คิด นั่งธรรมอย่างเดียว ตอนนี้ไม่สนแล้วครับ
เราเดินทางถูกต้องแล้ว อย่าไปสนใจพวกทำลาย อย่าไปแวะข้างทาง ปลายทางเราต้องเข้าถึงธรรม แล้วพิสูจน์ว่า
หลวงพ่อและหมู่คณะสอนอะไร เราได้อะไร แล้วเราจะไม่สงสัยเลยเมื่อมีคนอื่นมาว่าวัดเรา
#24
โพสต์เมื่อ 21 July 2008 - 11:32 AM