พระปีติมัลละอรหันต์
ล้านนา ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม จะมีใครสักกี่คนที่รู้ซึ้งถึงประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของแผ่นดินล้านนา ร่องรอยแห่งอารยธรรมและความเจริญรุ่งเรืองอย่างสุดขีดของพุทธศาสนากว่า ๑,๒๐๐ ปี นับตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี ยังคงมีซากปรักหักพังของถาวรวัตถุให้เห็นอยู่จนกระทั่งปัจจุบันนี้ นับเป็นร่องรอยของโบราณวัตถุสถานของประวัติศาสตร์อันแสดงให้เห็นถึงความผูกพันอันยิ่งใหญ่แห่งชนชาวล้านนา ที่มีต่อพระพุทธศาสนาและความเคารพศรัทธายึดมั่นในพระรัตนตรัย จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า เพราะเหตุใดผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นชาวล้านนาจึงได้มีจิตใจอ่อนโยน มีความกรุณาปราณี มีเมตตาและเอื้ออาทรต่อคนต่างถิ่นเสมอมา ก็คงเป็นด้วยเพราะบรรพบุรุษดั้งเดิมแต่ครั้งโบราณใช้หลักธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ผู้เขียนเองก็เป็นชาวล้านนาคนหนึ่ง และได้ศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นมาถึงความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาในแผ่นดินล้านนาบ้างพอสมควร จึงได้ทราบว่าผู้ที่มีบทบาทอย่างมากในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาตั้งแต่เริ่มต้นของประวัติศาสตร์ชาวล้านนาก็คือ พระนางจามเทวี ผู้ซึ่งชาวล้านนาในแคว้นหริภุญชัยสมัยนั้น(ปัจจุบันคือจังหวัดลำพูน) ได้ทูลเชิญท่านจากลพบุรีมาเสวยราชที่ลำพูน พระนางใช้เวลาเดินทางถึง ๑ ปี (พ.ศ. ๑๓๑๑ – ๑๓๑๒) และระหว่างการเดินทางนั้นก็ทรงตั้งเมืองต่าง ๆ ตามรายทาง ระหว่าง ลพบุรี – ลำพูน พร้อมทั้งทรงเป็นผู้นำเผยแผ่พระพุทธศาสนา วัฒนธรรม ความรู้ทางแพทย์ศาสตร์และเทคโนโลยีมอญทวารวดีในล้านนาด้วย คุณความดีของพระนางจามเทวีนี้ได้ถูกจารึกและเล่าขานสืบต่อกันมาจนถึงรุ่นลูกหลานในปัจจุบัน เช่นเดียวกับพระไตรปิฎกที่ได้บันทึกไว้ซึ่งคุณความดีของพุทธบริษัทสี่ไว้มากมายหลายท่านที่ทรงคุณในบวรพระพุทธศาสนา และในครั้งนี้ผู้เขียนได้คัดย่อเอาเรื่อง พระปีติมัลลเถระ ซึ่งพระพรหมโมลี(วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.๙) ท่านได้รจนาไว้ในหนังสือ วิปสสนาทีปนี โดยคงรูปแบบของภาษาไทยดั้งเดิมไว้ มีความดังนี้
ยังมีกุมารผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นบุตรแห่งตระกูลสูงศักดิ์ กุมารนั้นรักใหคร่ในการมวยปล้ำเป็นชีวิตจิตใจ จำเดิมแต่ยังเล็กอยู่ ดังนั้นผู้เป็นบิดาจึงให้ชื่อว่า “ปีติมัลลกุมาร” กุมารผู้นี้เป็นผู้มีกำลังวังชามากพอใจที่จะปล้ำนั้นยิ่งนัก ถ้าได้ยินว่าจะมีงานนักขัตฤกษ์ที่ไหน เป็นอดใจไว้ไม่ได้ ต้องไปเที่ยวงานนั้นจนได้ แม้ว่าจะไกลเพียงใดก็ตาม เพราะความนิยมของคนในสมัยนั้นมีว่า นิคมชนบทราชธานีใด เมื่อจัดงานแล้วถึงแม้จะมีมหรสพการละเล่นอย่างอื่นมากมาย หากขาดการเล่นมวยปล้ำกันกลางสนามแล้ว งานนั้นย่อมจะกร่อยไป ไม่ครึกครื้น ฉะนั้นทุก ๆ งานจึงมีการเล่นมวยปล้ำกันเสมอ
เจ้าปีติมัลลกุมารทีแรกเมื่อไปเที่ยวงานก็ตกแต่งกายนุ่งห่มผ้าย้อมด้วยสีต่าง ๆ ทัดทรงดอกไม้ลูบไล้ของหอมเป็นอย่างดี ตามธรรมดาของผู้ที่เกิดในตระกูลมีศักดิ์ และไปยืนกอดอกดูที่ขอบสนามปะปนกับชนทั้งหลาย เพื่อจะดูนักมวยเขาปล้ำกัน ขณะเมื่อนักมวยปล้ำทั้งหลายซึ่งล้วนแต่งกายสำหรับนักมวยปล้ำย่างเข้าสู่สนามแล้ว ชนทั้งหลายที่ตั้งใจเชียร์พวกตน ต่างก็ตบมือโห่ร้องกันให้อึงคะนึง แล้วนักมวยปล้ำทั้งหลายต่างก็ออกท่าปล้ำกันในกลางสนามนั้น เจ้าปีติมัลลกุมารเห็นเช่นนั้น เพราะค่าที่ตนมีสันดาน ชอบอยู่นักหนา เลยลืมตัวไปว่าตนอยู่ในสภาพอย่างไร อดใจมิได้ก็วิ่งแล่นเข้าไปในกลางสนามโถมเข้าไปด้วยกำลังต่อสู้กับนักมวยปล้ำทั้งปวง นักมวยปล้ำทั้งหลายนั้นก็มิอาจจะทานกำลังเจ้าปีติมัลลกุมารได้ ถูกจับเข้าที่ตรงไหนก็ให้รู้สึกเจ็บปวด ปานดังว่ากระดูกจะแตกทำลาย มิอาจต่อสู้ด้วยกลยุทธ์มวยปล้ำไหนได้ ถูกเจ้าปีติมัลลกุมารจับตัวฟาดลงกับพื้นปฐพีเช่นตนเป็นทารกน้อย ๆ ฉะนั้น แล้วก็พลันถึงความพ่ายแพ้ไปตาม ๆ กัน จนหามีผู้จะต่อสู้ได้ไม่ แต่กุมารนั้นเที่ยวปล้ำถึงสามเมืองแล้ว จะหาใครเป็นผู้ชนะเขาได้เป็นไม่มีเลย ครั้นเจ้าปีติมัลละเดินทางไปยังลังกาทวีป เข้าถวายตัวเป็นทหารของสมเด็จพระมหากษัตริย์ด้วยใจภักดี พระองค์ก็ประธานยศศักดิ์ และทรงพระกรุณาชุบเลี้ยงให้ได้รับความสุขสบายเป็นที่ทรงโปรดปรานและไว้วางพระราชหฤทัยเป็นอันมาก คราหนึ่งสมเด็จพระมหากษัตริย์ในลังกาทวีปเดินทารงไปยังประตูศาลาพร้อมด้วยชนผู้เป็นบริวารเพื่อเที่ยวเล่น เดินเรื่อยมาถึงวิหารอาวาสแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ป่า ครานั้นมีพระภิกษุหนุ่มองค์หนึ่ง ซึ่งจำพรรษาอยู่ในวิหารนั้น เธอนั่งนอนอยู่บนที่นอน ผินหน้าออกไปทางช่องหน้าต่างปากเธอก็สังวัธยายซึ่งพระบาลีพุทธวจนะ อันมีชื่อว่า “นตุมหากวรรค” เมื่อเจ้าปีติมัลละได้ยินก็เดินเข้าไปใกล้และตั้งใจฟังด้วยความปีติปราโมทย์ยิ่งนัก และดำริว่า
“แท้จริง รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์ พระพุทธเจ้าเทศนาว่ามิใช่ตัวตน มีสภาวะสูญเปล่าหาแก่นสารมิได้ คนอันธพาลเท่านั้นแล จึงจะรักใคร่นับถือซึ่งเบญจขันธ์ว่างามว่าดี ส่วนองค์พระชินสีห์เจ้าหาถือว่างามว่าดีไม่ พระองค์ทรงเทศนาว่าละเบญจขันธ์เสียได้นั่นแลบังเกิดสุข เราควรอุตสาหะปฏิบัติตามพระธรรมเทศนาเถิด เห็นจะเกิดประโยชน์อย่างแท้จริงแก่ตนแน่”
เมื่อมีดำริจิตคิดฉะนี้แล้ว เจ้าปีติมัลละก็รีบเดินทางออกไปจากวิหารนั้น ขมีขมันเข้าไปสู่สำนักสมเด็จพระมหากษัตริย์ กราบบังคมทูลพระกรุณาขออนุญาตบรรพชาอุปสมบทในพระบวรพุทธศาสนาเมื่อได้รับพระบรมราชานุมัติแล้ว ก็ดีใจดังได้แก้วรีบเข้าสู่สำนักพระภิกษุสงฆ์ เพทื่อขอบรรพชาอุปสมบท แล้วก็อุตสาหะร่ำเรียนพระมาติกาจนชำนิชำนาญ แล้วก็รียนซึ่งพระกรรมฐานตั้งใจปฏิบัติวิปัสสนาธุระ จึงพาเพื่อนพระภิกษุ ๓๐ รูปไปอาศัยกระทำสมณธรรมอยู่ในราวป่าแห่งหนึ่ง
พระปีติมัลละ เมื่อไปกระทำสมณธรรมบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานในป่าครั้งนั้น ท่านก็ยับยั้งอยู่ด้วยอิริยาบถทั้งสอง คืออิริยาบถเดินประการหนึ่ง อิริยาบถยืนประการหนึ่ง ประพฤติแต่อิริยาบถทั้งสองประการนี้โดยมาก ทั้งนี้ก็เพื่อจะไม่ให้เกิดอาการง่วงเหงาหาวนอนอันเป็นนิวรณ์อย่างร้ายกาจต่อการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเข้ามาครอบงำในสันดานได้ เมื่อพระผู้เป็นเจ้าเฝ้าเดินจงกรมไปหลาย ๆ วันเข้าเท้าทั้งสองก็พุพองบวมเป่งแตกเป็นหนองบุพโพโลหิต เมื่อเดินจงกรมไปด้วยเท้ามิได้แล้ว พระปิติมัลละเถระก็ไม่ละความเพียรพยายามอุตสาหะจงกรมไปด้วยเข่าคือคลานไป เมื่อจงกรมไป ๆ มา ๆ ด้วยเข่าในราวป่านายพรานคนหนึ่งไปเห็นเข้า ไม่ทันพิจารณาพินิจสำคัญผิดว่าเป็นเนื้อตัวใหญ่ จึงพุ่งหอกอันคมกล้าไปโดยแรง ถูกสีข้างของพระผู้เป็นเจ้าทะลุ พระผู้เป็นเจ้าจึงร้องถามขึ้นว่า
“ ใครนั่นมาแทงเรา โกรธเคืองเราด้วยเรื่องอะไรกัน ?”
นายพรานได้ยินเสียงพระเถระร้องดังนั้นก็ตกใจ เกรงกลัวความผิดเป็นกำลัง จึงตั้งหน้าวิ่งหนีไปจากที่นั่นโดยเร็ว พระปีติมัลละเถระ จึงร้องเรียกเพื่อนพระด้วยกันให้มาช่วยชักหอกออกจากกายแล้วก็เอาหญ้าและใบไม้ม้วนจุกบาดแผลเข้าไว้ ให้เพื่อนพระช่วยพยุงกายไปนั่งเหนือหลังแผ่นศิลาราบในที่สุดกที่จงกรม แล้วขอร้องให้เพื่อนพระทั้งปวงหลีกออกไปจากที่นั้นให้หมดแล้ว พระเถระก็ตั้งสติกำหนดบทกรรมฐาน ซึ่งมีเวทนานุปัสสนาเป็นไปโดยมาก คือมากกว่าอนุปัสสนาทั้ง ๓ ในพระมหาสติปัฏฐาน ต่อกาลไม่นานพระวิปัสสนาญาณก็เริ่มบังเกิดขึ้นเป็นลำดับ และเจริญขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงสูงสุด พระชินบุตรปีติมัลละก็ได้สำเร็จซึ่งอรหัตผล สำเร็จเป็นพระอริยบุคคลชั้นสูงสุดในพรนะบวรพุทธศาสนา พร้อมด้วยพระสัมปฏิสัมภิทาญาณ
ครั้นพระผู้เป็นเจ้าได้สำเร็จเป็นพระอรหันตขีณาสพแล้ว ก็ให้สัญญาแก่บรรดาพระภิกษุสงฆ์ทั้งปวงให้มาประชุมกัน แล้วกล่าวซึ่งคุณแห่งพระอรหันตผลอันตนได้ แก่เพื่อนสงฆ์ทั้งปวงแล้ว จึงมีเถรวาจากล่าวว่า
“ดูรา สหธรรมมิกทั้งหลายแท้จริง พระพุทธฎีกาแห่งองค์สมเด็จพระมหากรุณาเจ้า พระองค์ผู้ทรงตรัสรู้พระจตุราริยสัจธรรมอันประเสริฐนั้น ย่อมทรงไว้ซึ่งความจริงแท้นักหนา อนึ่งสมเด็จพระศาสดาเจ้าได้พร่ำสอนพวกเราไว้โดยมากว่า รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ อันรวมเป็นเบญจขันธ์นี้ มิใช่อาตมา มิใช่ของอาตมา หาสาระแก่นสารมิได้ ฉะนั้นท่านทั้งหลายจงพิจารณาสละเสียอย่าอาวรณ์ในเบญจขันธ์นั้นเลย สังขารธรรมทั้งหลาย มีสภาวะไม่เที่ยงแท้ บังเกิดแล้วก็ดับสูญทำลายฉิบหายไป ถ้ามีบุคคลใดดับสังขารเสียได้ และถึงอาสวขัยสำเร็จแก่พระนิพพาน บุคคลผู้นั้นจักได้ชื่อว่า เป็นผู้ถึงซึ่งเอกันตบรมสุข อันล้ำเลิศแสนประเสริฐเที่ยงแท้นักหนา ขอให้ท่านทั้งหลายอย่าประมาทเลย”
เพื่อนสงฆ์ทั้งหลาย ครั้นได้ฟังเถรวาทีก็มีใจชื่นชมยินดีในวาจาของพระผู้เป็นเจ้ายิ่งนัก ต่างก็อัญชลีประนมมืออนุโมทนาสาธุการแก่พระผู้เป็นเจ้าว่า
“ข้าแต่พระคุณเจ้าปีติมัลละ ! พระเดชพระคุณได้รับทุกขเวทนาเพราะบาดแผลใหญ่เจ็บปวดนักหนาแล้ว ยังอุตสาหะตั้งจิตเจริญสมณธรรมกระทำวิปัสสนากรรมฐานให้สำเร็จกิจแห่งพรหมจรรย์ได้ นี่หากว่าสมเด็จพระมหากรุณาสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานล่วงไปแล้ว ถ้าพระองค์ยังมีพระชนม์อยู่ถึงขณะนี้แล้ว ก็น่าที่พระองค์คงจะมีพระพุทธหฤทัยยินดีด้วยกับพระเดชพระคุณ คงจะทรงยื่นพระหัตถ์มาแต่ชมพูทวีปโพ้น ข้ามมหาสมุทรมาถึงลังกาทวีปที่เราอาศัยอยู่ ณ สถานที่นี้ แล้วคงจะยังพระหัตถ์อันประดับไปด้วยลักษณะวงกงจักร ให้ตกลงและปรามาสลูบคลำอยู่ไปมาเหนือเศียรเกล้าแห่งพระผู้เป็นเจ้า ณ กาลบัดนี้เป็นแน่แท้” กล่าวสรรเสริญพระเถระดังนี้ ก็กราบอำลาไปบำเพ็ญสมณธรรมด้วยความขะมักเขม้น เพื่อให้ได้ผลเช่นพระปีติมัลละอรหันต์
บุคคลผู้ทรงคุณของพระพุทธศาสนามีมากมายหลายท่าน ซึ่งล้วนถูกจารึกไว้ในพระไตรปิฎกและนับได้ว่าพระไตรปิฎกที่มีอยู่หลายแห่งทั่วโลกเป็นหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ การศึกษาสภาพสังคมโบราณในประวัติศาสตร์ รวมทั้งขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมประเพณีต่าง ๆ นักโบราณคดีส่วนใหญ่ยอมรับว่าล้วนมีรากฐานมาจากความเชื่อทางศาสนาแทบทั้งสิ้น ทุกครั้งที่ผู้เขียนได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมโบราณสถานวัตถุในที่ต่าง ๆ ผู้เขียนมักคิดถึงเรื่องราวที่ย้อนรอยไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของสถานที่ต่าง ๆ ในประวัติศาสตร์บ้านเมืองโบราณ ซึ่งพบว่าอารยธรรมที่เกิดขึ้นและเจริญจนถึงขีดสุดในแต่ละยุคแต่ละสมัยนั้นล้วนมีรากเง้าแลร่องรอยความเป็นมาจากลัทธิความเชื่อทางศาสนาทั้งสิ้น ดังนั้นเมื่อข่าวการทำลายพระพุทธรูปของรัฐบาลตาลีบันปรัเทศอาฟกานิสถานแพร่สะพัดออกไปทั่วโลก
ผู้เขียนรู้สึกเศร้าสลดกับการกระทำดังกล่าวนั้น หากแต่ผู้เขียนก็ยังมีความหวังว่าการเผยแพร่ข่าวสารดังกล่าวนั้นคงไม่เป็นจริง แต่เป็นเพียงกุศโลบายเพื่อเรียกร้องความสนใจจากประชาคมโลก ให้หันมาสนใจความเดือดร้อนอดอยากยากแค้นที่ประเทศอาฟกานิสถานต้องประสบกับปัญหาดังกล่าวเป็นระยะเวลานานถึง ๒๐ ปี รวมทั้งปัญหาการระบาดเรื้อรังของไข้มาเลเลียที่มีอยู่ในปัจจุบันของประเทศอาฟกานิสถาน ประชากรของอาฟกานิสถานต้องการยารักษาโรค ต้องการอาหาร เหมือนเช่นประชากรทั่วโลก ผู้เขียนทราบข่าวจากผู้ใหญ่ของบ้านเมืองบางท่านว่า รัฐบาลตาลีบันไม่เคยออกวีซ่าให้แก่ผู้ใด แม้กระทั่งผู้แทนจากองค์กรสหประชาชาติก็ตาม ดังนั้นภาพข่าวที่เผยแพร่ออกไปทั่วโลกนั้นอาจมิใช่ภาพที่แท้จริงก็เป็นได้ ขณะเดียวกัน “อิสลาม” แปลว่า “สันติ” ผู้เขียนยังมีความหวังว่ารัฐบาลตาลีบันคงจะมิได้ดำเนินการอันเป็นการทำลายจิตใจของชาวพุทธทั่วโลก และคงไม่คิดทำลายพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งนับว่าเป็นหม้อข้าวใบใหญ่แห่งเศรษฐกิจของประเทศตนเองได้ ความจริงเท็จในเรื่องดังกล่าวคงจะปรากฎขึ้นต่อสาธารณชนทั่วโลกในอีกไม่ช้านี้ เมื่อบุคคลสำคัญผู้หนึ่งทางพระพุทธศาสนาของไทยเดินทางกลับมาจากประเทศอาฟกานิสถาน และด้วยหลักแห่งเมตตาธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้ทรงสอนไว้ ผู้เขียนใคร่ขอร้องให้สาธุชนทุกท่านได้ให้ความเป็นธรรมและมีเมตตากรุณาแก่ประชาชนของประเทศอาฟกานิสถาน ผู้เขียนได้แต่ภาวนาว่า...ขออย่าให้เหมือนกับกรณีปัญหาที่วัดพระธรรมกายโดนกระทำจากกลุ่มคนผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิเลย...
กาญจน์มุนี ศรีวิศาลภพ( ร้อยตะวัน )
[email protected]
จำไม่ได้นะคะว่าตีพิมพ์ในวารสารกัลยาณมิตรฉบับไหน...แต่ก็ต้องขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านนะคะ
พระปีติมัลละอรหันต์
เริ่มโดย Roytavan, Jan 18 2009 08:25 PM
มี 1 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 18 January 2009 - 08:25 PM
#2 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 17 October 2011 - 09:29 AM
ken griffey shoes
ken griffey jr shoes
griffey jt shoes
ken griffey sneakers
griffeys sneakers
griffey shoes
women ken griffey shoes
women griffey shoes
griffey shoes for men
griffey shoes for women
griffeys
griffeys shoes
cheap griffeys
griffeys 2011
ken griffey shoes 2011
women griffeys
nike air griffey max 1
ken griffey jr shoes
griffey jt shoes
ken griffey sneakers
griffeys sneakers
griffey shoes
women ken griffey shoes
women griffey shoes
griffey shoes for men
griffey shoes for women
griffeys
griffeys shoes
cheap griffeys
griffeys 2011
ken griffey shoes 2011
women griffeys
nike air griffey max 1