อยากให้ช่วยกันฝัน
#1
โพสต์เมื่อ 08 April 2010 - 06:33 PM
...เมื่อวันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2553 ที่ผ่านมา คุณปู่ผมได้เสียชีวิตลง โดยก่อนหน้านี้ วันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมาคุณปู่ผมได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเพราะกินยานอนหลับไป 3 เม็ด หลับเป็นวันๆ ไม่รู้สึกตัว เมื่อฟื้นขึ้นก็มีอาการแทรกซ้อน คือ เกิดแผลในกระเพาะอาหารเพราะไม่มีอาหารลงไปหลายวันทั้งๆที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอยู่แล้วด้วย ความดันไม่ปกติ ชีพจรไม่ปกติ ร่างกายเริ่มทรุดหนัก ประกอบกับโรคทางใจคือคิดถึงคุณย่าซึ่งท่านทั้ง 2 อยู่ด้วยกันมาตลอดหลายสิบปี ที่สิ้นชีพเมื่อ วันที่ 20 มกราคม 2551
นับแต่วันที่เข้าโรงพยาบาลอาการก็มีแต่ทรงๆ ทรุดๆ จนต้องปั้มหัวใจ ฉีดยากระตุ้นหัวใจ ฉีดยาหลายชนิด จนในที่สุดก็รู้ว่าไตวาย หลังจากนั้น 3 วันก็เสียชีวิต
...คุณปู่ผมเป็นคนจีนที่อพยบเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภร เป็นต่างด้าว เพราะหนีการคัดเลือกทหาร เป็นคนที่เป็นมิจฉาทิฐิอ่อนๆ ไหว้แต่จ้าวที่+ไปงานศพ ไม่ทำทาน ไม่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา ชวนไปวัดก็ไม่ไป ไม่เคยมีส่วนร่วมในงานบุญของพระพุทธศาสนา ชวนไปบริจาคโลงที่ศาลจ้าวก็ไม่ไป ชอบบอกว่า "ไม่เอาอะไร เดี๋ยวก็ตายแล้ว" ไม่เชื่อในบุญสักเท่าไร เป็นคนแข็งแรง ไม่เคยเข้าดรงพยาบาลนอกจากครั้งสุดท้าย ไม่เคยมาวัดพระธรรมกาย ทั้งนี้เพราะคุณย่าผมก็เป็นมิจฉาทิฐิรุนแรง ไม่เชื่อบุญ-บาป ไม่สอนลูกๆเรื่องกฎแห่งกรรมเลย+ค้านอีกด้วย
...ตอนนี้ในงานศพก็ไม่มีใครคิดจะทำบุญอะไรให้ มีแต่บ้านผมที่รู้หลักวิชชา เนื่องจากเป็นครอบครัวคนจีน ก็มีญาติห่างๆแนะให้ลูกหลานกินเจอุทิศบุญให้ ให้งานศพปราศจากกลิ่นคาวเลือดเนื้อ ก็กินมาได้ 3วัน ก้แตกเจหมด มีแต่บ้านผมอีก
...1.อยากทราบว่า บุคคลแบบๆปู่ผมเมื่อตายแล้วจะไปไหน
2.วิบากกรรมใดทำให้ปู่ของผมไม่สบาย
3.การกินเจ คือมีศีลข้อ1เคร่งครัด ไม่สนับสนุนการฆ่าเพิ่ม ผมว่าไม่เกิดบุญน่ะ แต่ญาติคนนั้นที่ให้กินเจเขาว่า "ทุกวันนี้การลดดลกร้อนโดยการงดใช้ถุงพลาสติก ปิดไฟนั้นก็ช่วยอะไรไม่มากแต่ก็ทำกัน ถ้างั้นวันไหนในโลกมีแต่คนกินเจ โลกก็สว่างไม่มีการฆ่า ไม่มีการซื้อ ไม่มีคนขาย เพราะไม่มีคนกิน" ผมก็ว่ามันเป็นกรรมของสัตว์ อีกอย่างเรากินเพราะมีเหตุผลว่าดำรงชีวิต เขาก็ว่า "มีเหตุผลทั้งนั้นแหละ บอกว่ามันเป็นกรรมของสัตว์ แล้วทำไมไม่ให้มีการทำแท้งเสรีหละ มันเป็นกรรมของสัตว์เหมือนกัน มีเหตุผลคือดำรงชีวิต หน้าตาในสังคมเหมือนกัน" ว่าไงดี กินเจมีบุญไหม
ขอบคุณครับ
#2
โพสต์เมื่อ 08 April 2010 - 07:57 PM
1. น่าจะไปเป็นบริวารของภุมิเทวาในศาลเจ้า นั่นแหละครับ เนื่องจากไม่ทราบว่า ท่านติดบุหรี่สุราหรือเปล่านะครับ
แต่สังเกตไม่บอกว่า เสียชีวิตด้วยอาการทุรุนทุราย(หากเป็นเช่นนี้ ตามสถิติมักไปไม่ดี) ก็สันนิษฐานว่า เสียชีวิตด้วยอาการสงบ
จึงน่าจะไปเป็นบริวารแถวศาลเจ้า เหตุที่คิดว่าเป็นบริวารเพราะ ไม่ทำทาน จึงไม่มีผู้รองรับให้เป็นผู้ปกครองได้ ดีไม่ดีต้องอยู่
อย่างอดๆ อยากๆ ด้วยล่ะครับ
2. โรคกระเพาะ มักเกิดจากกรรมฆ่าสัตว์ทำอาหารในอดีตครับ หรือ ฆ่าคนเมื่อชาติในอดีตก็เป็นได้ ส่วนโรคไตมาจากการให้กู้ดอกโหดครับ
3. กินเจ แล้วสบายใจ ไม่ฆ่าสัตว์ใดๆ เลย ก็ได้บุญจากการรักษาศีลข้อ 1 น่ะครับ แต่ถ้ากินเจ แล้วยังบี้มด ตบยุง ก็ไม่ได้บุญจากการผิดศีลข้อ 1 ครับ จะได้บาปไปแทนต่างหาก
#3
โพสต์เมื่อ 08 April 2010 - 10:56 PM
ถ้ากินเจได้บุญจริง การเกิดเป็น..วัว..ความ..ก็คงได้บุญไปเต็มๆ (พูดทำนองนี้ครับ)
พอจะอธิบายแยกแยะได้ดังนี้ครับ..
เรื่องการก่อเวรฆ่าสัตว์..กับเรื่องการกินซากสัตว์..มันเป็นคนละเรื่องกันครับ
การกินเจนั้น..ยังไม่ได้ทำบุญสร้างบารมีอะไรเลยครับ..แล้วจะได้บุญจากการสร้างเหตุอะไร?
หากเราบริโภคซากสัตว์..โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ..ในการก่อเวรปาณาฯ..เลย ทั้งทางตรงและทางอ้อม
ก็ไม่เกี่ยวกับการผิดศีลข้อ 1 เช่นกัน (แล้วเราก็ไม่ได้รู้เห็น สนับสนุนยินดีกับการกระทำนั้นแล้ว ก็สบายใจได้ครับ)
หากอยากได้บุญจริงก็ควรจะซื้อสัตว์ที่เค้าจะนำไปฆ่าขาย..แล้วนำไปปล่อยดีกว่าครับ..ได้บุญเต็มๆเห็นได้ชัดเจน
#4
โพสต์เมื่อ 08 April 2010 - 11:24 PM
การกินเจไม่ใช่การลดการฆ่าที่ถูกวิธีนัก
เพราะผักจะปลูกได้ต้องขุดดินซึ่งจอบย่อมไปโดนสัตว์ในดินเช่นใส้เดือน,แมลงต่างๆ ,ยังมีเรื่องของยาฆ่าแมลง ฯลฯ
พระเทวทัตเคยขอให้ทรงห้ามภิกษุฉันเนื้อสัตว์ พุทธองค์ไม่ทรงอนุญาตเพราะทรงเห็นว่าภิกษุทรงอาศัยการบิณฑบาตรเลี้ยงชีพโยมเขากินอย่างไรพระก็ควรฉันอย่างนั้น "บรรชิตควรพิจารณาเนืองๆว่าการเลี้ยงชีวิตของเราเนื่องด้วยผู้อื่น เราควรทำตัวให้เขาเลี้ยงง่าย"
แต่ได้ทรงกำหนดว่าเนื้อสัตว์ดังต่อไปนี้ห้ามฉันเด็ดขาดคือ
1.เนื้อที่เข้าข้อหนึ่งข้อใดต่อไปนี้
1.1ฆ่าเองหรือใช้ให้เขาฆ่า
1.2รู้เห็นว่าเขาฆ่าเพื่อนำมาถวาย
1.3มีความรังเกียจในเนื้อนั้น
2.เนื้อสัตว์ที่ทรงห้ามเด็ดขาด10ชนิดคือ
เนื้อมนุษย์,เนื้อช้าง,เนื้อม้า,เนื้องู,เนื้อเสือเป็นต้น
#5
โพสต์เมื่อ 08 April 2010 - 11:36 PM
1."ถ้ากินเจได้บุญจริง การเกิดเป็น..วัว..ความ..ก็คงได้บุญไปเต็มๆ" เขาก็ว่า "หากการไม่ดื่มสุราเป็นศีลบารมีจริง การเกิดเป็น..วัว..ความ..ก็คงได้บุญไปเต็มๆ"
2.เขาว่า"การกินเจเป็นการสร้าง เมตตาบารมี กินโดยพิจารณาว่านี้เป็นการไม่เบียดเบียนเพื่อนร่วมโลกอย่างแท้จริง"
3.เขาว่า "การกินเนื้อสัตว์เป็นการจ้างวานฆ่าโดยไม่รู้ตัว จะว่าไปหากไม่มีคนกินก็ไม่มีคนขาย หากไม่มีคนขายก็ไม่มีคนฆ่า โลกก็ไม่มีการฆ่า"
4.เรื่องพระเทวทัต เขาว่า "วิชชาธรรมกายยังว่าขาดหายไปหลังพุทธปรินิพพาน 500 ปี การกินเนื้อสัตว์โดยอ้างพระเทวทัตก็อาจเป็นไปได้ว่าเป็นการแต่งเข้ามา"
5.เรื่องยาฆ่าแมลง เขาว่า "มันเป็นเรื่องสุดๆๆวิสัย ไม่มีน้ำหนักเหมือนการไม่กินเนื้อสัตว์"
จะว่าไงดีอะ เราก็พูดไม่ออกแล้ว
คนที่เถียงเก่งๆๆนี่เขา ไม่กินเนื้อสัตว์ทุกชนิดมา30 กว่าปีแล้วครับ
ขอร้อง อย่าลบกระทู้นี้ ผมไม่มีปัญญาเถียงแล้วจริงๆ อาจมีการใช้คำพูดไม่ดี แต่ก็เป็นสิ่งที่เขาว่ามา
#6
โพสต์เมื่อ 09 April 2010 - 03:26 AM
ศีล หมายเอา ปกติ และปกติของมนุษย์คือ ศีล ๕ ครับ อย่างกรณีหลังนี่ถ้าผู้ร่วมสนทนาด้วยเข้าใจเรื่องศีลจริงๆ ก็คงไม่กล่าวแย้งมาอย่างนั้น
ดีแล้วครับ เพราะเราไม่ได้ห้ามไม่ให้เขากินเจ ดังนั้นถ้าเขาทานเจก็ดี แต่ที่พระพุทธเจ้าท่านไม่อนุญาตให้พระฉันเจตามที่พระเทวทัตขอก็ว่ากันตามที่ นรอ.ตำรวจรักบุญ ว่าครับ
อันนี้เข้าทำนอง "งูกินหาง" ครับ เพราะถ้ามองย้อนกลับคือ ไม่มีคน ฆ่า(ไม่มีคนผิดศีลข้อ ๑) ก็ไม่มีการขาย...... ดังนั้น .... จุดเริ่มต้นของมนุษย์คือ รักษาศีล ๕ หรือคงความปกติแห่งมนุษย์ใว้
และในกรณีอยากจะฝากให้คิดนะครับว่า ถ้าเนื้อนั้นได้มาจากการตายตามธรรมชาติละครับ กินได้หรือเปล่า ...... อย่างไร
อันนี้น่ากลัวจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าสามารถคิดได้ว่า "แต่งเข้ามา" พระไตรปิฎกมีการชำระ-สังคายนาเสมอมาโดยผู้ทรงธรรม ประกอบกับได้รับการให้ความรู้จากผู้ทรงภูมิพร้อมทั้งการตรองตรึกตามภูมิธรรมของเราท่าน ดังนั้นจึงไม่ควรที่จะบอกในทำนองว่าอย่างนั้น
ข้อนี้ผมฟังดูแล้วมันแปลกๆ นะครับ อาจจะแสดงถึงความเห็นที่ไม่ค่อยตรงนักของเขา (เห็นผิดแล้วเบี่ยงไปค่อนไปทางว่าถูก) แต่ที่แน่นอนคือเขาต้องรู้จักปกติของมนุษย์(ศีล ๕)จริงๆ ก่อนครับ ...... กินเนื้อที่ถูกต้องไม่ผิดศีล แต่ใช้ยาฆ่าแมลงโดยหวังให้สัตว์ตายและสัตว์นั้นตาย ครบทั้งหมดในองค์แห่งศีล อันนี้ศีลขาด ความเป็นมนุษย์ไม่ครบแล้วนะครับ
ขออนุโมทนากับ จขกท ที่พยายามเป็นกัลยาณมิตรให้กับเพื่อนพ้องด้วยนะครับ
คนทานเจได้ผมยินดีครับ เพราะอย่างน้อยก็แสดงว่าเขาหรือเธอก็มีความเมตตาอยู่ในที
#7
โพสต์เมื่อ 09 April 2010 - 09:04 AM
สัพเพ สัตตา เสียงร้องขอ ชีวิตจิตหวั่นไหว
เสียงห่ำหั่น เข่นฆ่า น่าสยอง
เสียงซวบซาบ ดาบคมเชือด เลือดไหลนอง
เสียงกรีดร้อง สะท้านจิต สะกิดใจ
เสียงสัพเพ สัตตา พาให้คิดว่าชีวิตนี้ มีค่า กว่าสิ่งไหน
อเวรา อย่ามีเวร อย่ามีภัย
ชีวิตใคร ใครก็หวง อย่าล่วงเกิน
ท่องสัพเพ สัตตา มาแต่ไหน ยังเข้าใจ ในเนื้อแท้ ้แค่ผิวเผิน
ยังฆ่าบ้าง กินบ้าง อย่างเพลิดเพลิน ยังใช้เงิน ซื้อชีวิต อนิจจา
สัตว์เกิดกาย มาใช้กรรม ที่ทำไว้ เป็นเป็ดไก่ กุ้งปลา ูและหมูหมา
ตามเหตุต้น ผลกรรม ที่ทำมา มิใช่ฟ้า ประทานมา ให้คนกิน
มีปัญญา แต่ไฉน จึงไม่คิด
มองชีวิต กลับเห็น เป็นทรัพย์สิน
เสียงกรีดร้อง ก่อนตาย ใครได้ยิน น้ำตาริน เมื่อถูกเฉือด เลือดกระเซ็น
พูดว่าเขา เกิดมา เป็นอาหาร เขาลนลาน หนีตาย ใครมองเห็น
เขาจนใจ พูดไม่ได ้เถียงไม่เป็น ช่างเลือดเย็น เข่นฆ่า ไม่ปราณี
มีพืชผัก มากมาย นับไม่ถ้วน ทุกกลิ่นรส สดใส หลายหลากสี
ธรรมชาติ วางไว้ อย่างดิบดี สัตว์วิ่งหนี พืชเต็มใจ ให้กินมัน
เพราะเรากิน เขาจึงฆ่า เอามาขาย เราสบาย แต่สัตว์โลก ต้องโศกศัลย์
ท่องสัพเพ สัตตา มาทุกวัน
เมตตากัน โปรดอย่าฆ่า และอย่ากิน
#8
โพสต์เมื่อ 09 April 2010 - 09:28 AM
"คนพาลไม่มีเหตุผล คนพาลแม้พูดดีดีด้วยก็โกรธ"
#9
โพสต์เมื่อ 09 April 2010 - 10:35 AM
...เหตุที่ไม่ได้คิดว่าไปสวรรค์ หรือนรกเลย เพราะบาปบุญไม่ชัดเจน ไม่เป็นอาจิณกรรม ประกอบกับพึ่งตายใหม่ๆ และศีลข้อ 1 คงไม่ได้ผิด ส่วนข้อ 5 ก็ไม่ชัดเจน แต่ถ้ามีกรรมด่าพระด้วย (ไม่ได้บอกว่าทำหรือป่าว?) อันนี้คงไปเป็นเปรต หรือผีเปรตอยู่ได้ทีเดียว เพราะเป็นกรรมหนัก เท่าที่อ่านไม่มีอันไหนกรรมหนักนอกว่า เป็นมิจฉาทิฏฐิน่ะครับ กลัวจังว่าจะไปด่าไว้ด้วย...
#10
โพสต์เมื่อ 09 April 2010 - 11:10 AM
คนที่มีความศรัทธาอย่างแรงกล้า ก็ปล่อยๆเขาไปเถอะครับ น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือขวาง เปลืองสมอง ใจหม่น
#11
โพสต์เมื่อ 09 April 2010 - 11:55 AM
#12
โพสต์เมื่อ 09 April 2010 - 01:16 PM
#13
โพสต์เมื่อ 09 April 2010 - 01:18 PM
สุกรและ มนุษย์นี้ มีชีวิต
ถูกลิขิต จากรรม ที่ทำไว้
มีเจ็บปวด มีกลัวตาย มีจิตใจ
เหตุไฉน จึงประหาร ทุกวารวัน
เป็นอาหาร ของมนุษย์ สุดอร่่อย
เพื่อบำรุง น้ำย่อย ช่างหฤหรรย์
เป็นร้อยพัน สรรมาฆ่า พรรวยกัน
แต่กรรมนั้น ใครได้รับ ไว้กับคน
ยามสิ้นชีพ ทรมา หน้าอดสู
ต้องมาร้อง เสียงเหมือนหมู ดูสับสน
มีสภาพ คล้ายสัตว์ ไม่เหมือนคน
กรรมให้ผล ในชาตินี้ นี่ของจริง
รักสัตว์ ไยจึงกินเนื้อสัตว์
สุกรไก่ แพะโค กุ้งเป็ดปลา
ต่างต้องมา เป็นอาหาร รับทานลิ้น
สัตว์ทั้งหลาย ถูกฆ่าตาย กายถมดิน
ช่างชาชิน กินเลือดเนื้อ ไม่เบื่อกัน
คนกับสัตว์ มีชีวิต รักชีวี
ต่างก็มี ความรู้สึก มีโศกศัลย์
เปลี่ยนพฤติกรรม การกิน เสียใหม่พลัน
รับทาน มังสวิรัติกัน ไม่ก่อเวร
ขนของแม่
แม่เพิ่งคลอด ลูกนี้ สี่ชีวิต
คนอำมหิต ปลิดชีวี แม่ดับสิ้น
เหลือแต่กอง ขนไก่ บนพื้นดิน
ลูกจำกลิ่น แม่ได้ ไม่คลายจาง
ต่อนี้ไป จะมีใคร กางปีกปก
ลูกมีอก แม่อุ่น ไม่เคยห่าง
โอ๋แม่จ๋า ลูกมีแม่ เคยนำทาง
ลูกอ้างว้าง เพราะใครหนอ เขาก่อเวร
ทุกข์ทรมานจนตาย
ความเจ็บปวด รวดร้าว ถูกเชือดคอ
จะร้องขอ ความปราณี ได้ที่ไหน
ต้องด่าวดิ้น หลายนาที จึงสิ้นใจ
โอ้เป็ดไก่ ยามถูกเชือด เลือดไหลนอง
ช่างเป็นภาพ ที่เวทนา น่าเศร้านัก
โปรดตระหนัก ภาพพจน์ สยดสยอง
เมื่อรับประทาน สัตว์ทุกครั้ง ควรตรึกตรอง
เขาทั้งหลาย คือพี่น้อง ร่วมโลกเรา
น้ำมือคน
เกล็ดของปลา เปรียบเสมือน เล็บมนุษย์
ถ้าเล็บหลุด สุดเจ็บปวด อย่างมหันต์
ต้องหาหมอ ทำแผล ดูแลกัน
แต่สัตว์นั้น ไม่มีปัญญา รักษาตน
เราขอดเกล็ด ปลาเป็น เห็นธรรมดา
แต่อนิจา หารู้ไม่ เขาเจ็บล้น
ต้องเกลือกกลิ้ง ดิ้นหนี น้ำมือคน
สุดจะทน ภาพเช่นนี้ มีทุกวัน
ถ้ามนุษย์ หยุดทำร้าย ทำลายสัตว์
โลกคงจัด อยู่ในทาง ที่สร้างสรรค์
ยึดมั่น อยู่ในศีล ชั่วชีวัน
รับทาน มังสวิรัติกัน ทั้งครอบครัว
ลานประหาร
สัตว์น้ำ ทุกชีวิต ถูกปลิดชีพ
ต่างก็รีบ เอาตัวรอด ดิ้นรนหนี
มีดฟันขาด สองท่อน ยังอยู่ดี
แหวกวายหนี มือมาร กลัวการตาย
บางชีวิต นำไปทอด ในกระทะ
ก็ยังจะ ดิ้นได้ น่าใจหาย
เขารักชีวี หวงชีวิต ห่วงร่างกาย
โปรดละอาย อย่าฆ่าสัตว์ วิรัติกรรม
ยังไงก็ทานเจสักจนกว่าจะหมดงานศพก็แล้วกันค่ะ ได้กุศลแรงมากๆ
#14
โพสต์เมื่อ 09 April 2010 - 02:04 PM
#15
โพสต์เมื่อ 09 April 2010 - 02:23 PM
ไม่อยากหลงไปในความเชื่ออื่นๆ ค่ะ รู้สึกว่าชีวิตเสียเวลามามากพอแล้ว
ขอเป็นลูกที่ไม่ดื้อของพ่อค่ะ พ่อบอกให้รวยก็รีบรวยค่ะ
#16
โพสต์เมื่อ 09 April 2010 - 04:18 PM
กุศลหนะ ไม่ได้หรอก ขอบอก แต่ถ้าอยากทำเพื่อความสบายใจก็อีกเรื่อง อร่อยไปอีกแบบ
#17
โพสต์เมื่อ 09 April 2010 - 05:28 PM
คุณทำได้เหมือนเขาหรือเปล่าหละ
ฉันเองเวลาจะถือศีล8ก็ไม่ทานเนื้อสัตว์เหมือนกัน จะได้บริสุทธิ์จริงๆ
หากพิจารณาไปตามอริยสัจ4 เพราะมีคนกินค่ะ เราต้องยอมรับ "จะไปว่าคนขายน้อยกว่าเพราะฉะนั้นหยุดคนขาย" ไม่จริง เพราะคนขายAคนนี้หยุดก็มีอีกคนขายB ... เพราะมีคนกินค่ะ
#18
โพสต์เมื่อ 09 April 2010 - 10:44 PM
เรื่องการทานเจเป็นสิ่งที่ถ้าผมเห็นใครทำและมีโอกาสได้ทำผมก็ยินดีด้วย และเป็นเรื่องที่เราก็ควรยินดี
ส่วนเรื่องการทานเจเพื่อหยุดการฆ่า ..... มองดูแล้วการที่คนหันมาทานเจกันมากๆ ก็อาจจะมีส่วนครับ
แต่ถ้าจะให้หยุดการฆ่าจริงๆ คือ มนุษย์ต้องรู้จักและเป็นไปตามปกติของมนุษย์ นั่นก็คือมั่นในศีล ๕ ครับ
ลองถ้าเรามีศีล ๕ กันทุกคนแล้ว อย่างไรข้อ ๑ การฆ่าก็จะไม่มี ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าเพื่อทำอาชีพคนฆ่าสัตว์ก็ตาม
ดังนั้นเวลามีพวกมาถามผมว่าทานเจช่วยไม่ให้มีการฆ่าสัตว์ หรือช่วยลดลงได้หรือเปล่า
ผมก็มักจะตอบว่า ก็น่าจะมีส่วนช่วยระดับหนึ่ง แต่ถ้าอยากจะหยุดการฆ่าจริงๆ ก็คือคนต้องมั่นในศีล ๕ โดยเริ่มที่ตัวเราและขยายไปสู่คนรอบข้าง พร้อมทั้งนั้นถ้าร่วมทานเจไปด้วยก็น่าจะดีถ้าสามารถกระทำได้
#19
โพสต์เมื่อ 10 April 2010 - 12:24 AM
เหมือนอยู่เฉยๆ ไม่ได้สร้างบุญ
ไม่ได้ถือศีล เราจะไม่ได้อานิสงส์แห่งศีลเรื่องสุขภาพดี มีอายุยืน
ปล. หากผิดพลาดประการใด ชี้แจงและแก้ไขได้ครับ
เพราะขาดแม้เพียงวันเดียว ใจเราจะหยาบ ทำให้ผังวิตกกังวลได้ช่อง
#20
โพสต์เมื่อ 10 April 2010 - 01:52 AM
ไม่เห็นมีใครกินคนแต่กับฆ่ากันทุกวัน สัตว์โลกมันจองเวรกัน มันก็เลยฆ่ากัน
ปลูกข้าวปลูกผักก็ใช้ยาฆ่าแมลง ไถนาแมลงและไส้เดือนก็ตาย
#21
โพสต์เมื่อ 10 April 2010 - 09:52 AM
(บางคนกินเจตลอดชีวิต แต่ก็ผิดศีลตั้งแต่ข้อ 1-5 เลย)
แต่ผมสรรเสริญคนที่รักษาศีลได้บริสุทธิ์ครับ
(ศีลบริสุทธิ์ตลอดชีวิต กินได้ทั้ง ผัก เนื้อ นม ไข่) ไม่ต้องเครียด
อีกอย่างกินเจ ยากต่อการเข้าถึงธรรมอีกนะ
ต้องมา กังวลกับเรื่อง อาหาร
ถ้าคุณเป็นพระภิกษุสงฆ์จะเลือกได้กิน หรือ
เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคร๊าบบบบ...
เราพันธุ์ดีสุดขั้ว ชั่วลืมไปหมดแล้ว,จิตใจสูงส่งเหลือเกิน,มีปัญญา,มีมงคล,ทำที่ท่านได้ที่เรา