ปุจฉา ปราชญ์ทั้งหลาย เชิญ
#1
โพสต์เมื่อ 23 January 2006 - 09:26 PM
#2
โพสต์เมื่อ 23 January 2006 - 09:59 PM
"ดูก่อน ภิกษูทั้งหลาย"
ถูกไหมคะ
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)
#3
โพสต์เมื่อ 24 January 2006 - 09:07 PM
คิดว่าคำตอบมีอยู่ในใจน้องบูมอยู่แล้วนะครับ !?
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#4
*ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 24 January 2006 - 09:50 PM
ถูกไหมคะ?
![nerd_smile.gif](style_emoticons/default/nerd_smile.gif)
#5
โพสต์เมื่อ 24 January 2006 - 09:52 PM
...............................................................................
ความเห็นของผมนะครับ...น่าจะเป็นการสอนให้เหล่าภิกษุทั้งหลายสำรวมใน "โอวาทปาฎิโมกข์" ถือว่าเป็นหัวใจพระพุทธศาสนา โอวาทปาฎิโมกข์ น่าจะเป็นคำสอนที่เป็นประธานของคำสอนทั้งหมด และ พระพุทธองค์มีปรกติตรัสกับเหล่าภิกษุสงฆ์...(ขอความเห็นสนับสนุนจากนักเรียนอนุบาลฝันในฝันด้วยนะครับ เผื่อผมเข้าใจผิดจะได้ปรับความเข้าใจให้ตรงกันครับ).....สรุปพุทธพจน์ง่ายๆ สั้นๆ ว่า "เว้นชั่ว ทำดี ทำใจให้บริสุทธิ์" ครับ ภาษาพระหรือภาษาบาลีว่า.....
" สพฺพปาปสฺส อกรณํ กุสลสฺสูปสมฺปทา สจิตฺตปริโยทปนํ เอตํ พุทฺธานสาสนํ "
"การไม่ทำความชั่วทั้งปวง การทำความดีให้เพรียบพร้อม การชำระจิตของตนให้บริสุทธิ์ผ่องใส นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย"
.............................................................................................
เรื่องการ..ละชั่วและทำดี..นั้นเป็นคำสอนระดับพื้นฐาน(ศีลธรรม)ครับ...ซึ่งเป็นคำสอนง่ายๆสำเร็จรูป แม้ไม่ต้องใช้ปัญญาพิจารณาก็สามารถนำไปปฏิบัติได้ทันที เช่น คำสอนเรื่องการมีศีล, การให้ทาน, มีความขยันอดทน ,มีความเสียสละ,มีการให้อภัย เป็นต้น ซึ่งเอาไว้สอนแก่บุคคลทั่วๆไป ที่ยังมีสติปัญญาไม่มากนัก โดยมีผลเป็นความปกติสุขไม่เดือดร้อน(สันติสุขและสันติภาพ) คำสอนเรื่องการทำจิตให้บริสุทธิ์นี้เป็นคำสอนระดับสูง(ปรมัตถธรรม) ซึ่งเป็นการสอนที่เน้นไปที่เรื่องการดับทุกข์ โดยสรุปอยู่ที่เรื่องอริยสัจ ๔ ซึ่งจะเอาไว้สอนแก่คนที่ค่อนข้างมีปัญญาบ้างแล้ว โดยมีผลเป็นความพ้นจากทุกข์ทั้งปวง(นิพพาน) ครับ..
.........................................................................
อนุโมทนาบุญในการสนทนาธรรม นะครับ..ธรรมเสวนามัย...บุญสำเร็จด้วยการสนทนาธรรมครับ..สาธุ..
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#6
*ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 24 January 2006 - 10:24 PM
#7
โพสต์เมื่อ 26 January 2006 - 07:38 PM
#8
โพสต์เมื่อ 27 January 2006 - 02:17 AM
น้าจี้
#9
โพสต์เมื่อ 28 January 2006 - 09:27 AM
" สพฺพปาปสฺส อกรณํ กุสลสฺสูปสมฺปทา สจิตฺตปริโยทปนํ เอตํ พุทฺธานสาสนํ "
"การไม่ทำความชั่วทั้งปวง การทำความดีให้เพรียบพร้อม การชำระจิตของตนให้บริสุทธิ์ผ่องใส นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย"
.............................................................................................
เรื่องการ..ละชั่วและทำดี..นั้นเป็นคำสอนระดับพื้นฐาน(ศีลธรรม)ครับ...ซึ่งเป็นคำสอนง่ายๆสำเร็จรูป แม้ไม่ต้องใช้ปัญญาพิจารณาก็สามารถนำไปปฏิบัติได้ทันที เช่น คำสอนเรื่องการมีศีล, การให้ทาน, มีความขยันอดทน ,มีความเสียสละ,มีการให้อภัย เป็นต้น ซึ่งเอาไว้สอนแก่บุคคลทั่วๆไป ที่ยังมีสติปัญญาไม่มากนัก โดยมีผลเป็นความปกติสุขไม่เดือดร้อน(สันติสุขและสันติภาพ) คำสอนเรื่องการทำจิตให้บริสุทธิ์นี้เป็นคำสอนระดับสูง(ปรมัตถธรรม) ซึ่งเป็นการสอนที่เน้นไปที่เรื่องการดับทุกข์ โดยสรุปอยู่ที่เรื่องอริยสัจ ๔ ซึ่งจะเอาไว้สอนแก่คนที่ค่อนข้างมีปัญญาบ้างแล้ว โดยมีผลเป็นความพ้นจากทุกข์ทั้งปวง(นิพพาน) ครับ..
สาทุ คัยรู้อีกเชิญนะครับ
คำตอบที่แท้จริง เด่วก็คงมีคนที่รู้จิงมาตอบเองและครับ รออออ หน่อยน้าาาาาา...
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#10
โพสต์เมื่อ 28 January 2006 - 09:43 AM
ตกลงคำตอบที่แท้จริงคืออะไรเหรอคะ?
........................................................
เรียน..ท่านธรรมจักร ครับ.
ทวนคำถามนะครับ.."พระพุทธเจ้ามีปรกติตรัสกับเหล่าภิกษุสงฆ์ว่าอย่างไร?"
ตอบ..เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำ
จะเกิดมาทำไม
.....อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง
ทำให้จิตมันเป็นห่วงเป็นใย
.....เลิกอยากลาหยอก รีบออกจากกาม
เดินตามขันธ์สามเรื่อยไป
.....เสร็จกิจสิบหก ไม่ตกกันดาร เรียกว่า "นิพพาน" ก็ได้
.............................................................
เลิกอยากลาหยอก รีบออกจากกาม " เดินตามขันธ์สามเรื่อยไป "
........ท่านหมายถึง เป็นผู้ตามรู้ดูการปรุงแต่ง ใน " กามภพ " อันได้แก่ " ขันธสันดาน " ที่ประกอบด้วย
.......1.ราคะ
.......2.โทสะ
.......3.โมหะ
......เมื่อรู้แล้วก็ละเสียออกจาก กามภพนั้น ด้วยการปฏิบัติจิตต์ให้เข้าถึง ความ " เสร็จกิจสิบหก ไม่ตกกันดาร เรียกว่า "นิพพาน" ก็ได้ "
.......กิจ 16 อย่างได้แก่
...........1.ดวงจิตต์แห่งความใสสอาด แห่ง " ดวงทาน "
...........2..ดวงจิตต์แห่งความใสสอาด แห่ง " ดวงศีล "
...........3..ดวงจิตต์แห่งความใสสอาด แห่ง " ดวงธรรม "
...........4..กายมนุษย์ หยาบ
...........5..กายมนุษย์ ละเอียด
...........6..กายเทวดา หยาบ
...........7..กายเทวดา ละเอียด
...........8..กายพรหม หยาบ
...........9.กายพรหม ละเอียด
...........10.กายพระโสดาปฏิมรรค์
...........11..กายพระโสดาปฏิผล
...........12.. กายสกิทาคาปฏิมรรค์
...........13..กายสกิทาคาปฏิผล
...........14. กายอนาคาปฏิมรรค์
...........15. กายอรหัตตมรรค์
........... 16.กายอรหัตตผล
...........กระทำโดยสม่ำเสมอจะไม่ตกต่ำ สามารถที่จะก้าวเข้าสู่แดนนิพพานได้
.............................................................
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#11
โพสต์เมื่อ 28 January 2006 - 12:38 PM
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#12
*ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 29 January 2006 - 01:19 PM
#13
โพสต์เมื่อ 30 January 2006 - 05:49 PM
ดูกร เธอไม่รู้หรือ??
ดูกร อิคิวซังเธอเป็นเณรน้อยเจ้าปัญหาหรือ??
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#14
*ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 07 February 2006 - 07:30 PM
คำถามนี้เป็นคำถามที่พระที่พระเจ้าอโศก ทรงใช้ถามภิกาทุกองค์ ในตอนที่พระอง๕ทรงสังคายนาพระพุทธศาสนา
อิอิ..
#15
โพสต์เมื่อ 06 February 2007 - 01:26 PM
![happy.gif](style_emoticons/default/happy.gif)