มองโลกในแง่ฮา
#1
โพสต์เมื่อ 16 March 2008 - 02:56 PM
เรื่องที่ 1
คนไข้ทางจิตผู้หนึ่งได้แสดงความกล้าหาญกระโดดลงไปช่วยผู้ป่วยอีกคนหนึ่ง
ให้รอดพ้นจากการจมน้ำตาย หมอเรียกคนไข้มาพบและบอกเขาว่า
หมอ : ยินดีด้วยนะครับ การกระทำอันกล้าหาญของคุณ แสดงว่าคุณหายเป็นปกติแล้ว คุณจะได้กลับบ้านแล้วครับ
คนไข้ : (ตื่นเต้น) จริงๆ นะครับ โอ้...วิเศษที่สุด...
หมอ : แต่...ผมเสียใจด้วยเรื่องหนึ่งนะครับ
คนไข้ : (สีหน้างง) เรื่องอะไรเหรอครับ คุณหมอ
หมอ : คนไข้ที่คุณเสี่ยงชีวิตลงไปช่วยนั้น เขาผูกคอตายเสียแล้ว !
คนไข้ : (ยิ้ม ถอนหายใจโล่งอก) โธ่! นึกว่าอะไร เขาไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเห็นเขาตัวเปียกน้ำ ก็เลยจับแขวนกับขื่อผึ่งลมให้แห้งน่ะครับ
หมอ : !?!?!?!?
เรื่องที่ 2
ผู้ป่วยทางจิตคนหนึ่งไปพบแพทย์โดยใส่ถุงเท้า 2 ข้าง ไม่เหมือนกัน
หมอ : (เสียงอ่อนโยน) ทำไมใส่ถุงเท้าแบบนี้ล่ะครับ
คนไข้ : ก็มันมีแต่แบบนี้นี่ครับคุณหมอ
หมอ : คุณมีถุงเท้าคู่เดียวหรือครับ
คนไข้ : ปล่าว...ที่บ้านก็มียังงี้อีกคู่ เหมือนกันเปี๊ยบเลย
หมอ : ?!?!?!
เรื่องที่ 3
จิตแพทย์ร้อนวิชาออกเดินเยี่ยมผู้ป่วยในตึก เพื่อหาทางจับผิดการรักษาของแพทย์อื่น เห็นชายคนหนึ่งแต่งตัวดี นั่งอยู่ที่ระเบียงจึงเดินเข้าไปชวนคุย
หมอ : วันนี้อากาศน่าสบายนะครับ
คนไข้ : ผมก็สบายของผมทุกวันแหละ พวกคุณมาบอกผมไม่สบาย ผมผิดตรงไหนนะ กะอีแค่ชอบรองเท้าหนังหุ้มส้นมากกว่ารองเท้าแตะฟองน้ำ
หมอ : (ตาลุก มองเห็นช่องทางจับผิด) นั่นน่ะสิ ! เกิดเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ใครเป็นเจ้าของไข้ของคุณ ผมไม่เห็นว่าจะผิดปกติตรงไหนเลยหากคุณจะชอบรองเท้าหนังหุ้มส้น ผมเองก็ชอบรองเท้าหนังหุ้มส้นครับ
ผู้ป่วย : (ตื่นเต้นดีใจ) โอ...จริงนะครับคุณหมอ ผมอยากพบมานานแล้วคนที่ชอบอะไรเหมือนกันเนี่ย
หมอ : จริงครับ สบายใจได้
ผู้ป่วย : ถ้างั้นคุณหมอชอบแบบปิ้งหรือต้มล่ะครับ
หมอ : ?!?!?!
ผู้ป่วยทางจิตนั้นเป็นผู้ที่ใช้เหตุผลคนละชุด และมีมิติเวลาไม่เหมือนกับคนปกติ การพยายามพูดคุยสนทนากับผู้ป่วยทางจิต เราจึงถือสาไม่ได้ ดังนั้น เวลาที่อ่านหรือฟังข่าวการให้สัมภาษณ์ที่ชวนเครียด โกรธเกลียดกับความไร้เหตุผล หรือการใช้เหตุผลแบบดันทุรัง เอาสีข้างเข้าถู เราก็ใช้จินตนาการ คิดเสียว่า เขาเป็นเหมือนคนไข้ในเรื่องที่เล่ามา ไม่สามารถคาดหวังให้เขาใช้เหตุผลแบบคนปกติได้ โบราณก็บอกอยู่แล้วว่า "อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา" นั่นคือการสนทนาหรือสื่อสารกับคนบ้าและคนเมานั้น มีประโยชน์น้อย ไม่ควรเอามาถือเป็นอารมณ์
เรื่องที่ 4
ครู : ด.ช.ปื้ดเธอมาสายบ่อยมาก เธอจะแก้ตัวว่ายังไง กับการไม่มีวินัยของเธอ
ปื๊ด : ครูครับ ผมไม่ได้อยากมาสายเลย แต่ที่สายเพราะต้องทำตามป้ายที่ปักอยู่ใกล้ๆ โรงเรียนครับ
ครู : ป้ายอะไรของเธอ ?
ปื๊ด : ป้ายจราจรที่เขียนบอกว่า "โรงเรียนอยู่ข้างหน้า ให้ไปช้าๆ"
ครู : ?!?!?!
ถ้าเขาที่ทำให้เราเครียดเซ็งไม่ใช่ผู้ป่วยทางจิต เขาก็อาจจะเป็นเด็กกลมกลิ้ง ที่พยายามหาทางแก้ตัวด้วยการหยิบฉวยเอาอะไรบางอย่างของสังคมมาใช้ประโยชน์แบบข้างๆ คูๆ เพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ
เรื่องที่ 5 : ในชั่วโมงวิชาภูมิศาสตร์
ครู : จิมมี่ ออกมาชี้แผนที่ให้เพื่อนดูซิว่า ทวีปอเมริกาอยู่ตรงไหน
จิมมี่ : (ออกมาชี้แผนที่) ตรงนี้ครับครู
ครู : ดีมากจ้ะ (หันมาถามนักเรียนทั้งห้อง) นักเรียนใครเป็นคนค้นพบทวีปอเมริกาจ้ะ
นักเรียนทั้งชั้น : (ตอบพร้อมเพรียง) จิมมี่ครับคุณครู !
ครู : ?!?!?!
นี่ก็เป็นเรื่องของการเข้าใจคำถามผิด เพราะระดับความสามารถของเขายังน้อยอยู่ จึงตอบไปเรื่อยโดยไม่รู้ว่าคนถามต้องการคำตอบอะไร (น่าเอ็นดู)
ในวันที่อะไรๆ ก็ใช้เหตุผลไม่ได้ จนดูเหมือนไม่มีทางออก มองโลกแง่ขันไว้ก่อน จะได้ไม่เครียด เพราะความเครียดทำลายปัญญา ใครก็ไม่รู้บอกว่า "สติดี จะมีรอยยิ้ม สติถูกทิ่มรอยยิ้มจะไม่มี" และ "สติมีผีจะหลบ สติถูกตบจะพบกับผี" ไม่อยากพบกับผี ต้องมีอารมณ์ขันไว้บ้าง...
#3
โพสต์เมื่อ 17 March 2008 - 09:12 AM
#4
โพสต์เมื่อ 17 March 2008 - 01:22 PM
#5
โพสต์เมื่อ 17 March 2008 - 02:14 PM
หลายปีก่อนน้องสาวเปิ้ลไปเที่ยวภาคใต้ (ตอนนั้นยังไม่มีบึ้มรายวันนะ) น้องก็โทรมือถือมาถามแม่ว่า อยากได้ของฝากอะไร แม่เปิ้ลก็ตอบว่า เอาตาแป๊ะกล่องเขียวมากล่องนึง น้องเค้าก็งงๆ แต่ก็เดาว่าเป็นพริงเกิลกระป๋องเขียวรสซาวครีมมาฝาก ปรากฎว่าซื้อมาถูก แม่อยากกินพริงเกิลรสซาวครีมจริงๆ
ต่อมาเปิ้ลได้ไปเดินที่คาร์ฟูร์พระราม 4 (ตอนที่ยังไม่ได้ต่อเติม) เปิ้ลโทรมือถือถามแม่ว่าแม่อยากได้อะไร แม่ก็แนะให้โทรหาป๊าเพราะป๊าอยู่ที่คาร์ฟูร์เหมือนกัน พอเปิ้ลโทรไปหาป๊า ป๊าบอกว่าจะรอที่ตาแป๊ะที่ชั้น 2 เปิ้ลก็เดินขึ้นชั้นสองไปแล้วไปเจอป๊ายืนอยู่ข้างๆ หุ่นผู้พันแซนเดิลแห่ง KFC ไม่ใช่ชั้นขายพริงเกิล!!
เรื่องนี้เลยทำให้เปิ้ลกับน้องๆ สรุปได้ว่า แป๊ะม๊า กับ แป๊ะป๊า ไม่เหมือนกัน และได้ความรู้ทางภาษาเพิ่มขึ้นว่า สำหรับบางคน ตาแป๊ะหมายถึงคนแก่ทั่วไป ไม่ใช่แค่คนจีน (แก่ๆ)
#6
โพสต์เมื่อ 17 March 2008 - 10:17 PM
จะได้มีอารมณ์สบาย นั่งสมาธิก็เบิกบาน
อนุโมทนากับทุกเรื่องของทุกท่านเลยค่า
#7
โพสต์เมื่อ 18 March 2008 - 09:12 AM
#8
โพสต์เมื่อ 18 March 2008 - 02:40 PM
#9
โพสต์เมื่อ 18 March 2008 - 07:59 PM
#10
โพสต์เมื่อ 19 March 2008 - 09:31 AM
ขำขัน อารมณ์ดีครับ
มีเรื่องเกี่วกับเภสัชกร ขำขันมาฝากครับ
โรคของคุณป้า
หญิงชราคนหนึ่ง เดินเข้าโอสถศาลา และปรับทุกข์ กับอาจารย์สุรพจน์ ถึงปัญหาน่าขายหน้าของตน
"คุณเภสัชกรคะ ป้าผายลมอยู่ตลอดเวลา แต่ยังดีที่ไม่มีเสียง และไม่มีกลิ่น
ตั้งแต่เดินเข้าร้านมานี่ ป้าผายลมไม่ต่ำกว่า สิบครั้งแล้วค่ะ ป้าจะทำยังไงดี ช่วยจัดยารักษาให้ทีสิคะ?"
หลังจากมองหน้าหญิงชรา และนิ่งคิดสักครู่ อาจารย์สุรพจน์จึงจ่ายยา ให้กับหญิงชรา
"นี่ครับยาของคุณป้า รับประทานครั้งละแคปซูล วันละสามครั้งก่อนอาหาร เช้า กลางวัน เย็น ติดต่อกัน 7 วัน
แล้วกลับมาหาผม เพื่อติดตามผล สัปดาห์หน้านะครับ"
สัปดาห์ต่อมา หญิงชราเดินหน้าบอกบุญไม่รับ มาหาอาจารย์สุรพจน์ ในโอสถศาลา
"คุณเภสัชกรคะ ไม่รู้ว่าให้ยาอะไรป้าไป แต่มันทำให้ อาการยิ่งหนักขึ้นอีก
เดี๋ยวนี้ป้ายังคงผายลมบ่อย โดยไม่มีเสียงเหมือนเดิม แต่กลับมีกลิ่นเหม็น เหลือทนจริงๆ คุณจ่ายยาภาษาอะไรคะ"
"ใจเย็นๆ คุณป้า"
อาจารย์สุรพจน์กล่าวตอบ ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
"ขณะนี้ผมรักษาไซนัส คุณป้าหายดีแล้ว วันนี้ผมจะแก้ไขปัญหา เรื่องหูตึงต่อไป"
***
ที่ห้องสันทนาการคณะเภสัชฯ
อาจารย์ 1 "หมู่นี้ลูกชายผมใช้เงินเปลืองเป็นบ้าเลย เมื่อวานซืนขอ 500 เมื่อวานขอ 400 และเมื่อเช้านี้ขออีก 300"
อาจารย์ 2 "เขาขอไปทำอะไรรู้ไหม?"
อาจารย์ 1 "ใครจะไปรู้ เพราะผมไม่เคยให้ซักที"
***
เนื่องจากการเรียน ในคณะเภสัชศาสตร์ เป็นงานที่หนักมาก
ดังนั้นในชั่วโมงสุดท้าย ของการสอนวิชาเภสัชวิทยา ผมมักจะเตือนนิสิตในชั้น
เรื่องการเตรียมตัวสอบโดยพูดขึ้นว่า
"ขณะนี้เป็นโอกาสสุดท้าย ที่พวกเธอจะได้ดูหนังสือ เตรียมสอบปลายปี วิชาเภสัชวิทยา ในสัปดาห์หน้า
ซึ่งเหลือเวลาน้อยลงทุกที ตอนนี้ข้อสอบ เรื่องยาออกฤทธิ์ ต่อระบบประสาทส่วนกลางของผม
อยู่ในมือคนพิมพ์เรียบร้อยแล้ว พวกเธอมีคำถามอะไรเกี่ยวกับข้อสอบไหม"
นักศึกษาชายคนหนึ่งนั่งอยู่หลังสุดถามว่า "ข้อสอบมีคำถามทั้งหมดกี่ข้อครับ อาจารย์"
นักศึกษาชายอีกคนถามว่า "ข้อสอบเป็นแบบอัตนัยหรือปรนัยครับ"
นักศึกษาหญิงคนหนึงถามว่า "ข้อสอบมีแนวเหมือนของเดิมไหมคะ"
นักศึกษาชายคนที่นั่งลอกรายงาน วิชาปฏิบัติการเภสัชกรรม อยู่หลังห้องยกมือสูงแล้วถามว่า
"ใครเป็นคนพิมพ์ข้อสอบครับ"
***
ทำอย่างไรให้คนไทยมีความสุข
นักการเมืองสามคน กำลังเดินทางกลับกรุงเทพ ด้วยเครื่องบินส่วนตัวลำเดียวกัน
นักการเมืองคนแรก นั่งอยู่ริมหน้าต่าง มองลงไปเบื้องล่าง แล้วจึงกล่าวขึ้นว่า
"รู้ไหมว่าตอนนี้ ผมคิดจะทำอะไร ผมอยากจะโยนแบ๊งค์ 1,000 ลงไปหนึ่งใบ
เพื่อจะทำให้ คนข้างล่างสักคน มีความสุข"
นักการเมืองคนที่สอง ได้ฟังดังนั้นก็ไม่ยอมแพ้ มองลงไปข้างล่างแล้วกล่าว
"โอ๊ย ถ้าเป็นผมนะ ผมจะโยนแบ๊งค์ 500 ลงไปสองใบ ผมก็จะทำให้ คนข้างล่างสองคน มีความสุขได้"
"แต่ผมว่านะ ถ้าเป็นผม ผมจะโยนแบ็งค์ 10 บาทลงไป 100 ใบ คงจะทำให้คนไทย 100 คนมีความสุขขึ้นได้บ้าง" นักการเมืองคนที่สาม รีบเสริมทันควัน แบบกลัวน้อยหน้า
"ขอโทษนะครับ ถ้าผมจะเสริมอะไรบ้าง" เสียงมาจากข้างหน้า บริเวณที่นั่งนักบิน
"ถ้าเป็นกระผม ผมจะโยนท่านทั้งสาม ลงไปข้างล่าง มันคงทำให้คนไทย 70 ล้านคน มีความสุขขึ้นทันตาเห็นเลย"
#11
โพสต์เมื่อ 19 March 2008 - 10:02 AM
ทำไมเวลาเปิดตู้ยาต้องเปิดและปิดเบาๆ
.:•:. กลัวยานอนหลับตื่น
ปลาอะไร สุภาพที่สุด
.:•:. ปลาคร้าบบบ…ฟ....
ทำไม ปลาจึงวางไข่
.:•:. เพราะถ้าโยน ไข่จะแตก
มันอะไร ข้างนอกสีเขียวข้างในสีแดง
.:•:. มันคือแตงโม
จุฬาเข้าไปธรรมศาสตร์ได้แต่ทำไมธรรมศาสตร์ เข้าไปในจุฬาไม่ได้
.:•:. จุฬาลงกรณ์ (ลงกลอน)
ชีอะไร ไม่ชอบว่ายน้ำ
.:•:. She doesn't like swim
วันอะไรไม่ควรสระผม
.:•:. วันพฤหัส (วันพฤหัสสระบ่ดี)
ปัจจุบันอักษรในภาษาอังกฤษมีกี่ตัว
.:•:. 24 ตัว (เดิมมี 26 ตัวแต่ E.T. Go Home ไปแล้ว 2 ตัว)
#12
โพสต์เมื่อ 19 March 2008 - 10:40 PM
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์
#13
โพสต์เมื่อ 21 March 2008 - 01:13 PM
#14
โพสต์เมื่อ 26 March 2008 - 08:21 AM
อนุโมทนาบุญ นะคะ ทุกๆท่าน