ผมคิดถูกหรือเปล่าเนี่ย T T
#1
โพสต์เมื่อ 05 April 2008 - 09:40 PM
บอกตามตรงตอนนี้ผมกลัวมากที่สุดคือกลัวว่าจะทำให้ท่านไม่สบายใจจนร่างกายทรุดหนักอีกเพราะท่านก็อายุปาเข้าไป90แล้ว ตอนนี้ที่ผมกังวลไม่ใช่เรื่องแต่งงานเพราะผมตัดสินใจเด็ดขาดไปแล้ว แต่ผมสับสนว่าผมควรจะไปเยี่ยมท่านอีกไหม ควรจะไปหาท่านอีกหรือไม่ ผมเอ่ยปากกับท่านไว้ว่าถ้าท่านหายดีจะพาท่านไปทำบุญปล่อยสัตว์ปล่อยปลาทุกอาทิตย์ แต่หลังจากผมกลับมาถึงบ้านผมก็มานั่งคิด ถ้าท่านเจอหน้าเราอีกท่านจะไม่สบายใจเช่นวันนี้อีกหรือเปล่า กลัวว่าตัวผมเองจะเป็นคนทำให้ท่านอายุสั้นลง
อยากถามความเห็นและขอคำแนะนำจากพี่ๆกัลยาณมิตรทุกท่าน
ผมคิดถูกไหมที่ไปเยี่ยมท่านในวันนี้จนทำให้ท่านไม่สบายใจ ผมควรจะไปเจอท่านอีกไหม ผมกลัวถ้าท่านเจอผมแล้วจะไม่สบายใจเหมือนอย่างวันนี้อีก แต่อีกใจก็อยากพาท่านไปสร้างบุญสร้างบารมีให้ยิ่งๆขึ้นไป ผมควรจะทำตัวอย่างไรดีครับ ผมรักท่านมากอยากให้ท่านอายุยืนอยู่สร้างบุญสร้างบารมีต่อไปอีกนานๆน่ะครับ T T
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#2
โพสต์เมื่อ 06 April 2008 - 01:14 AM
#3
โพสต์เมื่อ 07 April 2008 - 12:17 AM
เราว่าคุณควรไปเยี่ยมท่านเหมือนเดิม..
ทำ.. แบบที่ใจอยากทำ.. และ
ทำ.. ในสิ่งที่ควรทำ..
คุณจะได้ไม่ต้องมาเสียใจในภายหลัง..
แต่การไปเยี่ยมท่าน.. เมื่อท่านชวนคุยเรื่องแฟน.. เรื่องแต่งงานอีก
คุณควรบอกท่านไปว่า..
คุณรอให้ท่านหายดีอย่างสมบูรณ์.. แล้วช่วยตัดสินใจในเรื่องนี้
เพราะคุณตัดสินใจไม่ถูก.. มีหลายคนนิสัยดีสูสีกัน.. เธอเหล่านั้นชอบไปวัด(พระธรรมกาย)
เลยอยากให้คุณย่าช่วยตามไปวัดเพื่อช่วยตัดสินใจที.. (เข้าทางเลย.. 555)
เรามองว่า.. นี่เป็นกุศโลบาย..
1. คุณย่าคุณเมื่อได้ฟังตามนี้.. ท่านน่าจะมีกำลังใจ.. อยากฟื้นเป็นปกติไวไว
เพื่อมาทำหน้าที่ให้หลานสุดที่รัก
2. เมื่อคุณย่าคุณแข็งแรงดีแล้ว.. คุณก็พาท่านมาวัด.. (แล้วก็ทำบุญ)
แล้วก็ค่อยๆแทรกธรรมมะให้ท่านแบบค่อยเป็นค่อยไป.. (ตามวาระโอกาสและสถานการณ์)
เช่น.. คนเราเกิดมาทำไม.. อะไรคือหน้าที่ๆแท้จริงของเรา..
ทำไมการอยู่คนเดียวจึงดีกว่าการมีครอบครัว.. การถือพรหมจรรย์มีข้อดีอย่างไร
โดยตลอดขั้นตอนทั้งหมดนับจากนี้.. คือ..
คุณควรนั่งสมาธิแล้วเชิญคุณย่ามาไว้ที่ศูนย์กลางกายคุณ..
อธิษฐานขอให้ท่านแข็งแรง.. และเข้าใจหมู่คณะ..
และมาร่วมสั่งสมบุญกับหมู่คณะโดยเร็ว.. และเข้าใจเจตนารมณ์ของคุณ
แต่.. เราว่านะ.. ถ้าคุณหาสาวที่วัดเป็นแฟนจริงๆ.. ก็อาจไม่ใช่เรื่องเสียหาย
เพราะบางคนเธออาจเข้าใจเจตนารมณ์คุณดีมากๆ.. และอยู่กับคุณแบบเพื่อนกัลยาณมิตร คู่บุญคู่บารมีก็ได้
โดยที่ไม่ต้องมีเรื่อง Sex เข้ามาเกี่ยวข้องเลย.. เพราะเธอก็ต้องการแบบนั้น
และเมื่อไรที่คุณอยากบวชตลอดชีวิต.. เธอก็เข้าใจ.. เต็มใจ.. ดีใจ.. และอนุโมทนาสาธุการ
เราว่าน่าจะมีสาวๆแบบนี้ที่วัดเยอะพอสมควรนะ..
(อืมมม.. ไม่คิดก็ไม่แปลก.. แต่ถ้ายิ่งคิดก็ยิ่งแปลก..)
(เลียนแบบหลวงพ่ออ่ะค่ะ.. 555)
ขอให้ประสบความสำเร็จ.. และขอให้คุณย่าแข็งแรงนะคะ..
ขอร่วมอนุโมทนากับความคิดดีๆในการถือพรหมจรรย์ของคุณ.. สาธุ
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#4
โพสต์เมื่อ 07 April 2008 - 10:05 AM
คิดบวกลบ แล้วยังกำไรเลย สุดยอดจริงๆ ผมเคยเจอญาติๆถามเหมือนกัน อิอิ
แต่ผมเกเรหน่อยนะ ผมบอกว่าไม่อยากเป็นทุกข์จากภาระแบบพวกท่านๆที่ถามไง เหอๆ
จขกท.ความคิดไกลไปคนไม่เคยเข้าวัดเข้าใจยาก
ยิ่งคนจีนอยากอุ้มหลานนะถามทั้งวันแน่ๆ (อืมมม.. ไม่คิดก็ไม่แปลก.. แต่ถ้ายิ่งคิดก็ยิ่งแปลก..)
#5
โพสต์เมื่อ 07 April 2008 - 10:11 AM
#6
โพสต์เมื่อ 07 April 2008 - 02:49 PM
ตั้งใจเป็นโสด
หรือตั้งใจจะประพฤติพรหมจรรย์คะ?
ถ้าจะประพฤติพรหมจรรย์
อย่าใจอ่อน เรื่อง แฟน ทีเดียวนะคะ
หาวิธีทีให้ท่านสบายใจ และอย่าผูกมัดตัวเองเลย
ทำใจใสๆ อธิษฐานจิตให้ท่านหายไวๆ และสั่งสมบุญในชื่อท่านสิคะ
หลวงพ่อสอนเสมอว่า "บุญอยู่เบื้องหลังความสุขความสำเร็จ"
#7
โพสต์เมื่อ 07 April 2008 - 08:06 PM
"พอใช้ได้"
เข้าขั้น"อึ้งย้ง"
อย่างน้อยก็ได้อารมณ์ขัน
55555
ตอบกระทู้บ่อยๆนะหลาน
จะคอยอ่านได้สบายใจ
#8
โพสต์เมื่อ 07 April 2008 - 09:45 PM
เห็นด้วยกับคำแนะนำของเพื่อนกัลยาณมิตร
เรื่อง ให้เจ้าของกระทู้ หมั่นไปเยี่ยมคุณย่า ที่ป่วย ครับ
แต่คิดแตกต่างเรื่อง อุบายที่อ้างว่า มีแฟนแล้ว ขอให้คุณย่ารีบหายป่วยแล้วมาช่วยตัดสินใจ
กับเรื่องแสวงหาสาวที่รักการสร้างบารมี มาเป็นคู่ครอง ครับ
เจ้าของกระทู้มีปัญญาแยบคายมากพออยู่แล้ว ที่จะเลี่ยงการสนทนากับคุณย่า เรื่องแต่งงาน
ผมว่าการแสดงความจริงใจ ด้วยการยืนยันในเจตนารมณ์ อุดมการณ์ในการทำความดี
เป็นสิ่งประเสริฐ อันบุคคลทำได้ยาก คือ สิ่งที่เหมาะสม สำหรับคุณ ครับ
และอย่างที่ เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี บอกไว้
อธิษฐานขอให้ท่านแข็งแรง.. และเข้าใจเจตนารมณ์ของคุณ
นี่ คือ เรื่องสำคัญและเกิดคุณประโยชน์ ต่อตัวเจ้าของกระทู้และคุณย่า อย่างแท้จริง ครับ
#9
โพสต์เมื่อ 07 April 2008 - 11:44 PM
แค่แนะให้บอกประมาณว่า..
มีสาวๆน่ารักนิสัยดีชอบไปวัดหลายคนอยากให้ท่านไปช่วยดูหน่อยอ่ะ..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..
#10
โพสต์เมื่อ 07 April 2008 - 11:52 PM
แค่แนะให้บอกประมาณว่า..
มีสาวๆน่ารักนิสัยดีชอบไปวัดหลายคนอยากให้ท่านไปช่วยดูหน่อยอ่ะ..
ขออภัย หากเข้าใจความหมายคลาดเคลื่อนไป นะครับ
ไฟล์แนบ
#11
โพสต์เมื่อ 08 April 2008 - 12:02 AM
#12
โพสต์เมื่อ 08 April 2008 - 09:24 AM
เมื่อวันอาทิตย์ต้นเดือนผมไปเยี่ยมท่านอีกครั้ง เพื่อที่จะนำบุญบูชาข้าวพระอาทิตย์ต้นเดือนไปฝากท่าน เหตุการณ์ก็เหมือนเดิมครับคือท่านพยายามพูดให้ผมหาคู่ชีวิต ซึ่งผมก็ทำตามอย่างที่เพื่อนกัลยาณมิตรบอกคือเลี่ยงไปพูดเรื่องอื่น บอกบุญที่ได้ทำในวันนั้นให้ท่านฟังท่านก็อนุโมทนา แต่เนื่องจากท่านอายุมากแล้ว ท่านจึงหลงๆลืมๆ สุดท้ายก็วกกลับเข้ามาเรื่องเดิม ท่านพูดไปนําตาก็ซึมไป ผมฟังนําเสียงของท่านแล้วสงสารท่านมากเลยน่ะครับ นําเสียงท่านเหมือนมีอาการเหนื่อยหอบเหมือนกับพูดจะไม่ไหว ผมไม่รู้จะทำตัวเช่นไรดีเหมือนกันก็เลี่ยงพูดเรื่องอื่นไปเรื่อยๆ แต่ท่านก็วกกลับมาเรื่องเดิมอื่น วันนั้นท่านนําตาซึมจากเรื่องนี้ถึง3ครั้งทีเดียว โชคดีที่หลานสาวซึ่งเป็นลูกของพี่ชายผมมาช่วยไว้ซึ่งพี่ชายผมมาถึงหลังผมประมาณครึ่งชม. หลานสาวพึ่งอายุได้แค่10เดือน จึงเป็นที่ดึงดูดความสนใจจากคุณย่าผมไม่ใช่น้อย ทำให้ท่านอารมณ์ดีขึ้น (หลานสาวช่วยชีวิตไว้แต๊ๆ T T ) พอพี่ชายผมกลับผมจึงต้องรีบกลับพร้อมพี่ชาย กลัวอยู่แล้วจะทำให้ท่านไม่สบายใจอีกน่ะครับ
ยอมรับนะครับว่าเจอแบบนี้ทำให้ผมเครียดพอสมควรเหมือนกัน กลัวจะเป็นคนทำให้ท่านอายุสั้นลงน่ะครับ ตอนนี้ก็ได้แต่อธิฐานจิตให้ท่านแข็งแรงขึ้น
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#13
โพสต์เมื่อ 08 April 2008 - 01:04 PM
คุณควรนั่งสมาธิแล้วเชิญคุณย่ามาไว้ที่ศูนย์กลางกายคุณ..
อธิษฐานขอให้ท่านแข็งแรง.. และเข้าใจหมู่คณะ..
และมาร่วมสั่งสมบุญกับหมู่คณะโดยเร็ว.. และเข้าใจเจตนารมณ์ของคุณ
เห็นด้วยอย่างมากกับความคิดนี้ เพราะสำหรับตัวเอง หลังจากที่เชิญพ่อแม่ มาไว้ที่ศูนย์กลางกาย
ก็รู้สึกว่าท่านเข้าใจเรามากขึ้นน่ะคะ
อนุโมทนา สาธุนะคะ ขอให้คุณย่าหายเร็วๆ และคุณก็ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#14
โพสต์เมื่อ 08 April 2008 - 01:31 PM
กุุศโลบายที่่ได้ผลที่สุดคือ
(พิสูจน์มาแล้ว ๒๓ พุทธันดร( ๔ อสงไขยแสนมหากัปป์ )จากพระไตรปิฏก )
ยุคนั้นๆ ใช้วิธีหล่อรูปปั้นทองคำเป็นสาวสวยระดับนางงามจักรวาล ไปแห่
ถ้าเจอก็แต่ง ไม่เจอไม่แต่ง
อำมาตย์แห่ไปทั่วชมพูทวีปอยู่หลายเพลานานมากๆ
จึงได้เจอคู่บุญคู่บารมีระดับพระนางยโสธราพิมพา
ซึ่่งอย่างเราๆท่านๆไม่มีทางมีบุญมากขนาดนั้น
แปลว่าไม่มีทางได้แต่งแน่นอน
( นอกจากคุณจะเป็นเจ้าชาย )
เพราะฉะนั้น ให้บอกครอบครัวไปว่า
ผมตั้งสเปคไว้สูงสุดๆในทุกๆด้านไปเลย
รับรองว่าหาจนแก่ก็ไม่ได้แต่ง
(ลึกๆแล้วผู้ใหญ่เองก็รู้ว่าแต่งงานเป็นทุกข์
ถ้าคุณยืนกราน ท่านก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องปล่อยเลยตามเลย)
ขอบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ตัวของเราเอง
ทุกคนมีเจตน์จำนงเสรี (free-will)
และสิทธิอันชอบธรรมส่วนบุคคล
(ว่าแต่น้องอย่าเผลอลดสเปค
เพราะพี่่เข้าวัดมายี่สิบกว่าปี
เพื่อนธรรมทายาทที่่ฮึดฮัดที่สุดว่าจะไม่แต่ง
ก็แต่งก่อนเพื่อนเลย (ไม่ได้ตั้งสัจจะกันจึงไม่เสียสัจจะ)
แถมลดสเปคกระหน่ำชนิด midnight summer sales.
แถมบอกเพื่อนๆด้วยว่าระวังจะต้องเลี้ยงลูกตอนอายุหกสิบ
แถมอีกว่าเดี๋ยวนี้ไม่ใช่ยุคหญิงซ้ายชายขวาแล้ว
เดี๋ยวนี้ยุคครอบครัวธรรมกายแล้ว
ระวังจะกลายเป็นไดโนเสาร์ตัวสุดท้าย
ไดโนเสาร์ที่ไม่ปรับตัวไปตามยุคสมัยก็ต้องสูญพันธุุ์
ก็เลยทะยอยแต่งปีละคนสองคน
ผ่านไปยี่สิบกว่าปีก็มีลูกกันหมด
พาลูกๆเข้าวัดน่ารักมากตัวเล็กๆ
เดี๋ยวนี้โตเกือบหมดแล้ว
พ่อๆก็ทยอยบวชสั้นรอบสอง
พอหลายอย่างโอเค ก็จะไปบวชยาวรอบสามกัน
(แต่สุขภาพแต่ละคนไม่ค่อยเอื้ออำนวยแล้ว
แล้ววัดเราพระใหม่ก็ต้องอึดมากๆถึงจะอยู่รอดได้
เพื่อนบางคนวางแผนบวชยาวแต่ก็ต้องกลับออกมา
จึงขอแนะนำน้องๆหลานๆให้บวชยาวตั้งแต่หนุ่มๆ)
เห็นไหมว่าอะไรๆมันก็เปลี่ยนไปตามกฏไตรลักษณ์
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
อย่างไรก็ตามพี่ก็สนับสนุนน้องอย่าแต่งงาน
มันทุกข์มากกว่าสุข
ที่เล่าให้ฟังเพื่อให้น้องๆวางแผนชีวิตให้รอบคอบ
เตรียมเงินส่วนตัวไว้ใช้ตอนแก่ด้วยครับ
แม้บวชยาวเวลาป่วยก็ใช้เงินตนเองดีกว่า
เพราะวัดก็มีค่าใช้จ่ายมากมาย
อนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้
#15
โพสต์เมื่อ 08 April 2008 - 06:12 PM
งานนี้เกี่ยวข้องกับผู้ที่เรารักและเคารพ ทำให้การแก้โจทย์ดูยากยิ่งขึ้น
มุมมองเรา ผู้สูงวัยมีมรณะสัญญาเป็นปกติ ในระดับปุถุชนย่อมหวั่นในมรณะภัย เว้นแต่ขาดสติ
ถ้าทำได้ควรเป็นกัลยาณมิตรให้ท่านเข้าใจ ถ้าทำไม่ได้คงต้องประคองใจรอจังหวะที่ใจท่านเปิดรับฟัง
การไปเยี่ยมท่านนั้นเหมาะสมแล้ว นำสิ่งที่ดีงามกล่าวผ่านวาจาสุภาษิตให้ใจท่านตรึกอยู่ในบุญ ถ้าท่านยืนกรานก็บอกไปเลยว่าจะบวชให้คุณย่าก่อนเพราะปรารถนาให้คุณย่าได้บุญมากๆ อยากให้คุณย่าหายไวไว จะได้มอบผ้าไตรให้กับผมด้วยตนเอง อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึงไว้ว่ากันในภายหลังลาสิกขา...
#16
โพสต์เมื่อ 14 April 2008 - 05:09 PM
และก้อเลิก งานแฟนให้ อิ อิ อิ อิ
[email protected]