๔. บรรดาศิษย์ของหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ ทำหน้าที่กัลยาณมิตร
ประกาศข่าว เชิญชวนผู้อื่นให้มาบูชาหลวงพ่อวัดปากน้ำฯทั้งอามิสบูชา และปฏิบัติบูชา ทำอย่างไรจึงจะทำให้คนที่ยังไม่ได้รู้คุณท่านจะได้รู้
และคนที่รู้แล้วจะได้ศรัทธาที่จะปฏิบัติธรรมตามท่านยิ่งๆ ขึ้นไป ?
ก็บูชาท่านด้วยการหล่อรูปของท่านด้วยทองคำ แล้วก็ประกาศออกไปว่า ใครจะบูชาคุณของท่านก็มาเลย เพราะท่านผู้นี้ควรแก่การบูชา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ มีอยู่ ๒ อย่าง คือ
อามิสบูชากับปฏิบัติบูชา
อามิสบูชา คือ นำสิ่งของที่เหมาะสมมาถวาย ถ้าท่านมีชีวิตอยู่ก็มีดอกไม้ธูปเทียน ข้าวปลาอาหารหวานคาว เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มที่เหมาะสมกับสมณเพศ เป็นต้น
ซึ่งเรื่องนี้ เราก็ทำกันมายี่สิบกว่าปี
ถ้าจะใช้อามิสบูชาก็ต้องเป็นอามิสที่ประณีต แล้วก็ปลูกฝังกันมายี่สิบกว่าปี
วัดพระธรรมกายไม่เคยสอนเลยให้ถวายทานชุ่ยๆ ไม่มีเลย
มีแต่ประณีตทานตลอดมา
เพราะ
หว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น เราพูดอย่างนี้มาตลอด แล้วเราก็ทำเองอย่างนี้มาตลอด
เวลาเราเอาอะไรไปฝากแม่ เราก็เลือกของที่ประณีตไป
จะเอาไปฝากพ่อ เราก็เลือกของที่ประณีตไป
แม้ที่สุดจะซื้อข้าวซื้อของไปฝากลูก ฝากผัว ฝากเมีย ฝากเพื่อน เราก็ยังใช้ของประณีตเอาไป
คราวนี้ เราจะบูชาคุณของหลวงพ่อวัดปากน้ำฯด้วยทองคำ ไม่มีใครขัดแม้แต่นิดเดียว เพราะเราซาบซึ้งและเห็นคุณ เห็นอานิสงส์ของการถวายประณีตทานกับใครต่อใครมาเยอะแยะแล้ว
การถวายทองคำประณีตทานกับหลวงพ่อวัดปากน้ำฯจึงแสนจะเต็มใจ
เพราะอยากจะทำมาให้ล้นหัวใจเต็มที่ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่ของที่เกิดได้เองลอยๆ
แต่เพราะมีองค์ประกอบอย่างนี้ นี่เป็นภาพที่เราต้องมองให้ชัด
แม้ว่าอานิสงสของอามิสบูชา ์จะสามารถปิดนรกเปิดสวรรค์ได้
ทำให้เกิดความเลื่อมใสต่อพระรัตนตรัยและ ต่อการเกิดคุณธรรมอีกเยอะแยะเลย
ก็ยังสู้ปฏิบัติบูชาไม่ได้ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นนัยที่บอกให้เรารู้ว่า
จะเอาแต่อามิสบูชาก็ไม่ได้ ต้องเอาปฏิบัติบูชาด้วย และจะเอาแต่ปฏิบัติบูชา ไม่เอาอามิสบูชาก็ไม่ไม่ดี
สู้ทำทั้งสองอย่างดีกว่า นั่นคือ ทั้งหล่อรูปท่านด้วยทองคำ ทำให้ใครมองเห็นแล้ว เกิดความเลื่อมใสเป็นอามิสบูชาแล้ว แล้วเราก็ควรจะเอารูปหล่อทองคำของท่าน มาใช้เป็นสื่อให้เกิดการปฏิบัติธรรม เพราะฉะนั้น แทนที่จะหล่อรูปทองคำของท่านเป็นท่าอื่น เราก็ไม่เอา
เรา
หล่อรูปของท่านในท่านั่งสมาธิเต็มองค์เสียเลย ให้เห็นท่ามาตรฐานว่าผู้จะเข้าถึงธรรมะ แม้ในการนั่งสมาธิเขาจะต้องนั่งอย่างไร เราทำมาให้ดูกันให้ชัดๆ ให้เขาได้เห็นเต็มองค์
แล้วก็โตพอที่จะได้เห็นเต็มตาอีกด้วย และเนื่องจากว่าถ้าทำเท่ากับตัวท่านจริงๆ พอไปตั้งประดิษฐานในที่สูงเข้า เดี๋ยวก็จะรู้สึกว่าท่านเล็กเกินไป
จึงทำขนาดใหญ่กว่าตัวจริงถึงเท่าครึ่งของท่าน
ซึ่งก็ใช้ทองคำน้ำหนักประมาณ ๑ ตัน หรือ ๑,ooo กิโลกรัม
ซึ่งในการทำงานเกี่ยวกับศาสนา มีสิ่งที่ต้องระมัดระวังอยู่มากๆ
แต่ทั้งๆ ที่หลวงพ่อและหลวงพ่อธัมมชโยระมัดระวัง ก็ไม่วายถูกทั้งชมทั้งโจมตี ฝ่ายที่ชมก็ชมกันเต็มที่ ฝ่ายที่โจมตี ก็โจมตีกันอย่างหนัก แต่ในการหล่อรูปหลวงพ่อวัดปากน้ำฯด้วยทองคำ เสียงโจมตีนั้นน้อยมากๆ เลย
แล้วถ้าสงสัยก็มักมาถามด้วยตัวเอง หรือฝากคำถามกันมา ซึ่งก็เป็นคำถามที่ไม่แรง
รายที่แรงที่สุด ก็เป็นคำถามที่มาจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่บริหารบ้านเมืองท่านหนึ่ง
ท่านตรงมาด้วยตัวเอง แล้วตั้งคำถามไว้เยอะแยะเลย
เพราะว่าข้อมูลเกี่ยวกับที่ใครโจมตีวัดพระธรรมกายมีเท่าไหร่ๆ ไปอยู่ที่ทำงานของท่านทั้งนั้น
ท่านเลยมาด้วยตัวเอง
ท่านถามว่า
หลวงพ่อไม่กลัวอันตรายกับวัดหรือ เอาทองคำมาหล่อเป็นรูปหลวงพ่อวัดปากน้ำ หลวงพ่อก็ตอบว่า
ไม่อันตรายหรอก เพราะว่า
๑. เพราะป้องกันอันตรายกับญาติโยมที่ชอบใส่ทองคำอยู่แล้ว
๒. การหล่อรูปหลวงพ่อวัดปากน้ำนั้น ถ้าจะมีอันตรายคือหล่อองค์เล็กๆ
ขนาดกำลังคว้าใส่กระเป๋าได้ คว้าติดมือได้ ถ้าอย่างนั้นอันตราย
แต่ที่เราหล่อนั้นองค์โต ขนาดใหญ่กว่าเท่าครึ่งขององค์จริง
ซึ่งก็หนักสักประมาณ ๑ ตัน ไม่สามารถคว้าใส่กระเป๋าหรือคว้าติดมือได้
ท่านนั้นก็ถามต่อว่า
“แล้วหลวงพ่อจะต้องใช้คนมาเฝ้าเท่าไหร่ หรือว่าจะต้องทำเป็นสัญญาณนิรภัย ไม่ต้องติดรอบไปหมดหรือนี่” หลวงพ่อก็บอกเขาว่า
“ไม่หรอก หลวงพ่อทำขึ้นมาเพื่อให้เกิดกำลังใจในการปฏิบัติธรรม
เพราะฉะนั้นหลวงพ่อไม่เอาท่านไปเก็บกัก ใส่โซ่ใส่ตรวน
ไม่ต้องใส่ลูกกรง เอาโซ่ล่ามอาคาร หรือกรรมวิธีอื่นๆ อีกเยอะแยะ
หลวงพ่อจะเปิดพื้นที่กว้างให้โล่งไปเลย แล้วก็ให้ทั้งพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา
หมุนเวียนกันมานั่งสมาธิเหมือนอย่างกับสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่
คุณยายอาจารย์ได้ยืนยันไว้แล้วว่า ยุคนั้น เขานั่งสมาธิกลางวัน ๖ ชั่วโมงรวด และกลางคืน ๖ ชั่วโมงรวด
ในรอบที่คุณยายนั่งสมาธินั้น คือเริ่มตั้งแต่ ๖ โมงเช้า กินข้าวเสร็จแล้ว
ก็ไปนั่งสมาธิกับหลวงพ่อวัดปากน้ำฯจนกระทั่งถึงเพล แล้วก็ไปพัก
ชุดที่เขานั่งสมาธิชุดที่ ๒ ก็เข้ามานั่งตอนช่วงเพล แล้วก็ไปออกประมาณ ๖ โมงเย็น
ชุดที่พักตอนเพล ก็มาเข้า ๖ โมงเย็นออกเที่ยงคืน
และชุดที่ออกตอนหกโมงเย็นก็มาเข้าเที่ยงคืน ไปออกตอน ๖ โมงเช้า
หมุนกันอย่างนี้ตลอดชีวิตที่หลวงพ่อท่านวัดปากน้ำฯทำภาวนามา
เพราะฉะนั้น เราก็จะถอดแบบอันนี้มาปฏิบัติกันต่อไป
ซึ่งไม่เฉพาะภายในวัดเท่านั้น ทั้งญาติโยมที่ประกาศตัวว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดปากน้ำ
ก็ให้มานั่งสมาธิกันให้รอบทีเดียว ” หลวงพ่ออธิบายให้มองภาพให้ชัดๆ ท่านก็เลยร่วมบุญสร้างหลวงพ่อวัดปากน้ำทองคำกับหลวงพ่อมา
ก็เป็นรายที่ซักถามหลวงพ่อมากที่สุด ส่วนนอกนั้น ไม่มีใครมาซักถามจ้ำจี้จ้ำไชอะไรมากไปกว่านี้เลย