ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ศรัทธา หรือ หลงงมงาย


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 17 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 usr21582

usr21582
  • Members
  • 71 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 July 2008 - 10:08 AM

ผมเชื่อว่าคนที่มาวัด ส่วนใหญ่มาเพราะศรัทธา จะมีบ้างหรือไม่ที่มาเพราะว่า หลงงมงาย
ซึงคนที่มาเพราะศรัทธาเป็นเพราะบุญส่งผล แต่คนที่บอกว่าคนนั้นมาเพราะหลงงมงาย ที่เป็นเช่นนั้นเป็นเพราะ กิเลศครอบงำจิตใจของคนที่พูด ใช่หรือไม่




#2 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2511 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 July 2008 - 10:41 AM

ขออนุญาต ไม่ตอบคำถามของ จขกท. นะคะ แต่ขออนุญาต อธิบายเพิ่มเติมดังนี้ค่ะ

- บัวมี 4 เหล่า (พระพุทธเจ้ายังสามารถโปรดบุคคล ได้แค่เพียง 3 เหล่าเท่านั้นเอง ปริ่มน้ำ กับพ้นน้ำแล้ว ส่วนพวกพ้นจากตม อาจจะโปรดยากหน่อย แต่ก็ยังพอมีเชื้อแห่งปัญญาอยู่บ้าง)
- คนมีหลายจริต
- สวรรค์มี 6 ชั้น แต่ละชั้น ก็แบ่งประเภท ของคนที่มีจริต ในการทำกุศล แตกต่างกันไป (บวกชั้นพรหม เข้าไปอีก 16 ชั้นนะคะ)
อ่านเพิ่มเติม ทำบุญอะไรจึงจะได้ไปสวรรค์ในแต่ละชั้น
http://www.dmc.tv/pa...ide/page09.html

คนอื่นจะเป็นอย่างไร ก็ปล่อยเขาไปเถิด ไม่จำเป็นต้องไปสนใจ เพราะสนใจไป ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย มีแต่โทษเสียละมาก เอาตัวเราให้รอด โปรดคนที่พอจะโปรดได้เป็นพอ อันดับแรก ปรับความเห็นของตนเองให้ตรง ทำตัวให้มีสัมมาทิฐิให้ได้เสียก่อน ทำตัวให้เป็นกัลยาณชน ให้ได้เสียก่อน ไม่ให้ใครมาบอกได้ว่า เราเป็น "กัลยาณพาล" ช่วยตนให้ได้เสียก่อน

เมื่อใดเรากลายเป็นบัณฑิตเสียแล้ว เราก็จะรู้วิธีช่วยคนแต่ละประเภทได้ ตามสติปัญญาบารมีที่สั่งสมมา
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)


#3 สุขสบาย

สุขสบาย
  • Members
  • 28 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 July 2008 - 10:46 AM

เคยถูกสามีสงสัยว่างมงายหรือถูกหลอกเหมือนกัน ก็พยายามอธิบายให้เข้าใจ
ตอนนี้สามีก็มาวัดด้วยแล้วค่ะ
ด้วยคำพูดที่ว่า คนที่ว่าเรางมงายนั้น มีความน่าศรัทธา น่ายกย่อง หรือคุณงามความดีอะไรบ้าง
คุณถึงเชื่อเขา การที่คุณจะเชื่อคำพูดคน ควรดูความประพฤติ ของผู้พูดเสียก่อน
และที่สำคัญ คุณควรเชื่อด้วย ตา หู และ ใจ ของคุณเอง ไม่ใช่หูเพียงอย่างเดียว

#4 เพื่อบุญ

เพื่อบุญ
  • Members
  • 154 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 July 2008 - 11:21 AM

เคยอยู่ใกล้วัด (ทำงานอญู่ในนวนคร บ้านอยู่ประตูน้ำพระอินทร์) เคยเห็นด้วยกับคนไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับวัด
เคยคิดอกุศลกับพระ และทุกคนที่เข้าวัด
ปัจจุบันเป็นคนวัด (ทั้งครอบครัวด้วย)

อย่างทีคุณฟ้าร้างบอก "คนอื่นจะเป็นอย่างไร ก็ปล่อยเขาไปเถิด"



#5 ลูกอินทรีย์หัดบิน

ลูกอินทรีย์หัดบิน
  • Members
  • 369 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 July 2008 - 11:25 AM

เรื่องบางเรื่อง ถ้าไม่เห็นกับตนเอง ก็คงไม่เชื่อ จะไปอธิบายให้เขาฟังเขาก็ว่าเราโกหก จะต้องมาพิสูจน์เองครับ อย่างละเอียด ไม่ใช่ดูแบบผิวเผินครับ คนที่เข้าวัดล้วนแต่เจอ อานิสงค์ และเหตุการณ์กับตัวเองครับ

รายการชีวิตในสังสารวัฏ

ยืนยันตัวจริงเสียงจริงเจ้าของกรณีศึกษากฎแห่งกรรม

http://video.dmc.tv/programs/life_in_samsara/page5.html


หนังสือเรียนธรรมะ DOU           http://book.dou.us/d...ya-book-gl.html

GL 101 จักรวาลวิทยา                            http://book.dou.us/gl101.html
GL 102 ปรโลกวิทยา                              http://book.dou.us/gl102.html
GL 203 กฎแห่งกรรม                             http://book.dou.us/gl203.html
GL 305 ปฏิปทามหาปูชนียาจารย์           http://book.dou.us/gl305.html


#6 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 July 2008 - 11:33 AM

QUOTE
ศรัทธา หรือ งมงาย
- เหมือนกันที่เป็นความเชื่อ
- ต่างกันที่พื้นฐานจิดใจ

ทุกชีวิตในโลก ล้วนมีความเชื่อเพราะผู้"ไม่เชื่อ" คือ ผู้ที่เชื่อว่า....ไม่มี
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#7 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 14 July 2008 - 11:37 AM

ผมเข้าวัดเพราะงมงายครับ งมงายกับความทุกข์ทางโลกจนคิดว่ามันเป็นความสุขอยู่นานตั้งหลายปี กว่าจะรู้ตัวว่าโง่งมงายก็ปาเข้าไปค่อนชีวิต เลยรีบเข้าวัดหาความสุขที่แท้จริง เหอๆๆ

ที่ผมเข้าวัดไม่ใช่เพราะว่าผมหลงในความอัศจรรย์ของทางวัดหรือของหลวงพ่อหลวงปู่ที่หลายๆคนกล่าวถึงแต่อย่างใด แต่ที่ผมเข้าวัดและคิดว่าวัดนี้ใช่สำหรับผม เพราะชื่นชอบในปณิภาณของคุณครูไม่ใหญ่และคุณยาย ที่ว่า "จะสร้างพระให้เป็นพระ สร้างคนให้เป็นคนดี" ครับ ^ ^

เอ๋ แบบผมจะเรียกว่างมงายหรือเปล่าหว่า - -" เพราะตั้งแต่ผมเข้าวัดมา ก็เห็นคุณครูไม่ใหญ่สอนให้คนเป็นคนดีจริงๆ อย่าง เลิกเหล้าเลิกบุหรี่ ไม่ให้เล่นการพนัน สอนให้รู้กฎแห่งกรรมซึ่งตรงตามพระไตรปิฎกทุกอย่าง โครงการครอบครัวแก้วครอบครัวธรรมกาย มอบทุนการศึกษา และอีกหลายๆโครงการซึ่งล้วนแต่สนับสนุนให้คนเป็นคนดีทั้งนั้น เอ๋ ช่างเถอะ ถ้าผมงมงายแล้วทำให้ผมเป็นคนดีได้ก็โอเคอ่ะนะ ยอมงมงายเพื่อเป็นคนดีคร้าบพี่น้อง! - -"
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#8 somchet

somchet
  • Members
  • 900 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 July 2008 - 12:56 PM

การเชื่อ โดยประกอบด้วยปัญญา เรียกว่าศรัทธา เช่นศรัทธาในพระรัตนตรัย

แต่ถ้าเชื่อ โดยไม่ประกอบด้วยปัญญา เรียกว่างมงาย เช่นเชื่อว่า ถ้าบูชาปลาไหลเผือกแล้วจะโชคดี

ศรัทธา กับ งมงาย มันจึงต่างกันที่ ปัญญา ของ"คนทำ" และ"คนพูด"

ยกตัวอย่าง พระโพธิสัตว์ สร้างบารมี โดยเอาชีวิต เป้นเดิมพัน เพราะคิดว่า มีหนทางแห่งการพ้นทุกข์ได้ พวกที่ไม่มีปัญญา ก็มองว่า ท่านงมงาย หาอะไรที่ไม่มีอยู่จริง

หรือ คนบางคน เชื่อในเทวนิยม แต่เขาเรียกว่า เขาศรัทธาในองค์เทพ แต่สำหรับผู้มีปัญญา เราย่อมรู้ว่านั่นคือ งมงาย

สรุป งมงายกับศรัทธา อยู่ที่ปัญญา และเราไม่สามารถให้ทุกคนมีปัญญาเท่ากันได้ ดังนั้น เรื่องนี้จึงไม่ควรเอามาเป็นประเด็นพุดคุยครับ รังแต่จะทะเลาะกัน เราเองรู้ตัวเองดีที่สุดครับ

#9 usr20663

usr20663
  • Members
  • 65 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 July 2008 - 05:00 PM

ผมเชื่อว่าเพราะความไม่รู้(อวิชา)ของผู้พูดเอง จึงเกิดมิจฉาทิฐิขึ้นในใจ ผู้พูดไม่น่าจะมีความรู้ด้านพระพุทธศาสนา ขอให้ท่านเจ้าของกระทู้สบายใจ และศึกษา/ปฏิบัติธรรมอย่างสบายๆ

#10 กุ้งรพ.หัวหิน

กุ้งรพ.หัวหิน
  • Members
  • 201 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 July 2008 - 09:07 AM

เค้ามาเพื่อพัฒนาตนเจ้าค่ะ ไม่ใช่หลงงมงาย ยิ่งอยู่ยิ่งพัฒนา ยิ่งรู้ว่าอะไรควร ทุกอย่างจะดี แสนดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งชีวิตเลยแหละ ถ้าหลงงมงายเก๊าะเป็นความหลงที่ดี ที่น่ารัก ไม่ใช่หลงเลาวร้ายไปเล่นการพนัน กินเหล้า พูดจาส่อเสียด ฯลฯ นะ

#11 เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี

เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี
  • Members
  • 938 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 July 2008 - 10:27 AM

ไม่รู้ ไม่สน
ได้นั่งสมาธิแล้วมีความสุข และอยากจะนั่งบ่อยๆ มีอะไรไหม.. happy.gif
ชีวิตคือการเข้ากลาง..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..

#12 ณ ๐๗๒

ณ ๐๗๒
  • Members
  • 1340 โพสต์
  • Location:Ladkrabang

โพสต์เมื่อ 15 July 2008 - 06:47 PM

เมื่อก่อน...ปู้นน....เคยคิดว่า วัดนี้เค้าเก่งนะ บริหารจัดการได้ดี ถ้าบริหารประเทศได้แบบนี้ก็คงดี น่าเอาเยี่ยงอย่างนะ
ไม่เคยคิดอคติกับวัด แค่รู้สึกว่าคนที่เข้าวัด ตึงไป ไม่ได้เดินสายกลาง

พอได้ดู case study ใน DMC ไปซักพัก ก็คิดว่า
คนสอน ก็สอนให้เรากลัวการทำบาป ทำกรรมได้ขนาดดีนี้ สอนให้คนกลัวบาปได้ขนาดนี้ แล้วคนสอนจะเป็นคนไม่ดีได้อย่างไร ก็เห็นแต่สอนสิ่งดีๆ ทั้งนั้น

ดู DMC แรกๆ ก็สงสัยนะ ไม่เห็นเข้าใจ ที่บางครั้งหลวงพ่อ หัวเราะ ยาวนาน ท่านขำตรงไหนนะ?

วันหนึ่ง ... ก็เครียดนะ กับงานที่ทำ หน้านิ่วคิ้วขมวด ก็มานั่งดูหลวงพ่อ ท่านก็หัวเราะ..ยาววว จนต้องพลอยยิ้มตามท่านไปด้วย ....อ้อ...อย่างนี้นี่เอง ท่านคงอยากให้ใจเราใสๆ

แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าอะไรดีนะ ....รู้แต่ว่าเข้ามาแล้ว ตัวเอง ใจ ก็พัฒนาขึ้นทุกวัน


วันนึง...เดินๆ อยู่ ก็เห็นมีคนถือแว่นขยาย มาเดินส่งพระ ก็สงสัย....เอ้...เค้าทำไรเนี๊ยะ
แต่คิดอีกที ยังไงเค้ามาวัด ก็คงได้ถือศีล นั่งสมาธิล่ะ ยังไงเค้าก็ได้พัฒนาตัวเองล่ะ

แก้ไขโดย ณ 072 15 July 2008 - 06:50 PM

ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)

ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี  ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ  ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป


#13 homer324

homer324
  • Members
  • 522 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 July 2008 - 07:31 PM

ผมเข้าวัดก็เพราะความทุกข์ครับ..

ที่เค้าว่า--เห็นทุกข์ จึงเห็นธรรม--นี่ของจริงเลยครับ..

ไม่ได้เริ่มทั้งศรัทธา หรืองมงาย งมโข่ง งมไห อะไรทั้งสิ้น..

เริ่มที่เจ้าความทุกข์ ที่ติดมาแต่เกิด (แล้วเกิดอีก) นี่แหล่ะครับ..

ที่เข้าวัดไม่ใช่หนีความทุกข์ แต่กำลังหาหนทางปราบทุกข์ต่ะหาก..

เมื่อใดหมดสิ้นความทุกข์ ความสุข (ไม่ใช่สุกๆดิบๆ--ไม่เอาน่ะ) ก็จะมาเยือนเองครับ..

สาธู๊..









#14 usr23724

usr23724
  • Members
  • 120 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 July 2008 - 08:58 PM

ผมเข้าวัดได้เพราะไม่มีทุกข์และไม่มีสุข อยู่ๆวันนึงย่าก็มาชวน ลูกไปวัดพระธรรมกายกันป่ะไปหาพระอา ผมก็ไม่ได้คิดอไรเลยมาแล้วก็พบครับความสุขที่แท้จริง

#15 Ozeria

Ozeria
  • Members
  • 879 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 July 2008 - 03:26 PM

เข้าวัด เพราะอยากเข้า และได้พิสูจน์แล้วว่า ทำให้คนเป็นคนดีจริง ๆ
ตอนนี้ คุณพ่อเลิก อบายมุข ทุกอย่าง ไปวัดทุก อาทิตย์ต้นเดือน เพื่อบูชาข้าวพระ
น้องชาย ก็เลิกเหล้าเลย

ถ้าเป็นการงมงาย ก็ยอมค่ะ แต่วัดพระธรรมกาย ของเรา พิสูจน์ได้ค่ะ
เป็นนักเรียนอนุบาลฝันในฝันด้วยค่ะ

สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ

ลูกพระธัมฯ หลานหลวงปู่ หลานคุณยาย

#16 homer324

homer324
  • Members
  • 522 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 July 2008 - 05:11 PM

อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านเลย..

เก่ง และดี ทั้งน้านนนน..

ลูกใครหว่า?

อิ อิ

#17 RUNWAY

RUNWAY
  • Members
  • 6 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 July 2008 - 10:18 PM

ผมเข้าวัดเพราะมีความสุข

ผมเข้าวัดเพราะได้นั่งสมาธิ

ผมเข้าวัดเพราะได้ทำสังฆทานและได้ทำทาน

ผมเข้าวัดเพราะได้ความรู้ และรู้สึกปลอดโปร่ง ปลอดภัย ไม่เครียด

ผมเข้าวัดเพราะได้พัฒนาตัวเองให้ คิดดี ทำดี พูดดีมากขึ้น

ผมเข้าวัดเพราะผมหยุดการมีอคติ กับผู้อื่น อิจฉาริษยา และการอาคาตแค้น

ผมเข้าวัดเพราะ ทำให้ผม รู้จักการให้อภัย ปล่อยวาง รักผู้คน ไม่เบียดเบียนผู้อื่น

ผมเข้าวัดเพราะ ผมได้ช่วยเหลือผู้อื่น ทำให้ผมมีความสุข และเป็นคนที่มั่นคงขึ้น

เหตุผลนี้ ทำให้ผมมาวัดพระธรรมกาย...ผมได้สิ่งที่ดีๆ กับตัวเององ (คนอื่นจะคิดยังไงผมไม่รู้)



#18 kasaporn

kasaporn
  • Members
  • 870 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 July 2008 - 06:00 AM

แต่ก่อนเข้าวัดไม่สม่ำเสมอเพราะยังไม่เข้าใจ แต่เมื่อเห็นโทษภัยในสังสารวัฎ และเกิดขึ้นกับตนเอง เลยยิ่งไม่ประมาท ตอนนี้ไปวัดทุกวันอาทิตย์ ยกเว้นติดงานและไม่สบาย เห็นได้ชัดกับตัวเองเลยว่าการมองโลกและความคิดต่างๆเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ