มีกรณีศึกษาของหลวงพ่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหมค่ะ ดิฉันเป็นพนักงานบริษัท พอดีว่าที่ทำงานได้มีการปรับเปลี่ยนฮวงจุ้ยของสำนักงาน และอื่นๆมากมายโดยคำแนะนำจากซินแสชื่อดังคนหนึ่ง... จึงมีข้อสงสัยเกียวกับอิทธิพลของฮวงจุ้ยค่ะ
รบกวนผู้รู้ตอบหน่อยค่ะ
เริ่มโดย ปาราตี, Jul 20 2008 09:59 AM
มี 10 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 20 July 2008 - 09:59 AM
#2
โพสต์เมื่อ 20 July 2008 - 02:18 PM
อันนี้ไม่ใช่กรณีศึกษาของหลวงพ่อนะครับ แต่เป็นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้และศึกษามาก่อน
ก่อนอื่นต้องขอบอกไว้ก่อนว่า จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของฮวงจุ้ยนั้น จริงๆแล้วเป็นการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมเพื่อให้มนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้ สะดวกในการดำเนินชีวิต และนำเอาธรรมชาติมาใช้กับตัวเราให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดเท่านั้นเองครับ มิได้เป็นการเสริมหรือแก้ไขดวงแต่อย่างใด แต่ในปัจจุบันนั้น คนทั่วไปส่วนใหญ่จะหาที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเวลาที่ตัวเองมีความทุกข์ตามที่แต่ละคนได้พบเจอ เช่น เจ็บป่วยไม่สบายบ่อย มีปัญหาต่างๆในทุกด้าน อยากรวย จึงมีคนหัวหมอบางกลุ่มนำเอาหลักฮวงจุ้ยมาใช้ประโยชน์ในทางธุรกิจขึ้น และได้ใช้กันสืบต่อกันมา เกริ่นกันแค่นี้คงพอแล้วนะครับ เข้าเรื่องเลยดีกว่า
ฮวงจุ้ยที่แท้จริงนั้นมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตเหมือนกันครับ ฮวงจุ้ยก็คือธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเราและแม้แต่ตัวเราคือฮวงจุ้ยทั้งสิ้น ฮวงจุ้ยนั้นแบ่งออกเป็นด้าน+และ- ในกรณีของคุณเจ้าของกระทู้ เป็นการปรับเปลี่ยนฮวงจุ้ยของที่ทำงาน ฮวงจุ้ยด้าน+นั้นก็อย่างเช่น การจัดวางผังหรือตำแหน่งโต๊ะที่ทำงานควรจัดให้เป็นระเบียบง่ายต่อการติดต่อ ไม่ซับซ้อนจนเกินไป สะดวกในการใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ของบริษัท เพื่อให้การทำงานเป็นไปได้อย่างราบรื่นไม่ติดขัด ส่วนฮวงจุ้ยในด้าน-ก็อย่างเช่น การจัดวางผังหรือตำแหน่งการจัดวางโต๊ะ เครื่องใช้ในสำนักงานไม่ดี ทำให้การดำเนินงานเกิดความล่าช้าเป็นนั่นเอง เช่น
โต๊ะฝ่ายขายที่ควรอยู่ใกล้ฝ่ายการตลาดเพื่อที่จะได้สะดวกติดต่อประสานงานสอบถามราคาเวลามีผู้มาติดต่อและสามารถได้ทราบข้อมูลอย่างถูกต้องครบถ้วนในทันที ส่งผลทำให้การติดต่อซื้อขายเป็นไปอย่างรวดเร็ว นี่จึงเป็นหลักฮวงจุ้ยในด้าย+ครับ
แต่หากโต๊ะฝ่ายขายและฝ่ายการตลาดอยู่ไกลกัน แทนที่จะสามารถติดต่อสอบถามราคาได้ทันทีกลับต้องเสียเวลาเดินไปถามหรือโทรภายในไปถามซึ่งมีสิทธิ์ทำให้สื่อสารข้อมูลกันได้อย่างผิดๆและปล่อยให้ผู้มาติดต่อต้องรอนานจนทนไม่ไหวกลับไป นี่จึงจัดเป็นฮวงจุ้ยด้านลบ
นอกจากนี้พนักงานหรือผู้ที่ทำงานในสำนักงานก็ถือเป็นฮวงจุ้ยเหมือนกันครับ เช่น แม้เราจะมีสำนักงานที่จัดถูกหลักของฮวงจุ้ยแต่พนักงานเกรียจคล้าน ไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน ที่สำคัญไม่มีศีล แม้ฮวงจุ้ยของสำนักงานจะดีเพียงใดก็สามารถทำให้บริษัทล่มจมได้เช่นกัน
ขอแนะนำอย่างหนึ่งนะครับ นักฮวงจุ้ยที่ดีจะพูดคุยหลักฮวงจุ้ยอย่างมีเหตุมีผล หากเป็นผู้ที่ทำตัวเป็นนักฮวงจุ้ย มักจะอวดอ้าง และมักจะมองแต่สิ่งไม่ดีและให้กำจัดทิ้งทั้งหมด ดังนั้นระวังตัวให้ดีนะครับ หุหุ
ผมเคยมีประสบการณ์มากก่อน สมัยที่ผมยังเด็กอายุประมาณ12ปี แม่ผมยังไม่รู้จักวัดดีเท่าไหร่ มักชอบพึ่งพาหมอดูอยู่เสมอ มีอยู่วันหนึ่ง พาซินแสคนหนึ่งมาดูฮวงจุ้ยที่บ้าน เขาว่าไงรู้ไหมครับ เขาชี้ไปที่พระประธานแก้วใส บอกองค์พระนี้ไม่ดีผิดหลักฮวงจุ้ยให้นำเอาไปทิ้ง ผมเริ่มเขม่นเล็กน้อย แล้วมันก็ชี้มาที่เจ้าแม่กวนอิมหยกที่ตอนนั้นแม่ผมนับถืออยู่ บอกเช่นเดิมว่าผิดหลักฮวงจุ้ยให้เอาไปทิ้งนํา ผมเริ่มตะหงิดๆ และของทุกชิ้นที่มันชี้เป็นของแพงๆทั้งสิ้น มีการบอกแม่ผมด้วยว่าหากไม่มีเวลาเขาจะนำไปจัดการให้ ตอนนั้นอารมณ์ผมเริ่มรุนแรง สุดท้าย มันเดินมาดูที่ห้องนอนผม และบอกแม่ผม ว่าห้องผมผิดหลักฮวงจุ้ยอย่างแรงซึ่งตอนนั้นผมยอมรับว่าผิดหลักจริงๆเพราะผมปล่อยให้ห้องรกมากนั้นเองครับ - -" แต่มันก็ว่าของมันไปเรื่องและที่สุดชี้ไปที่รูปในหลวงที่ผมเคารพรักที่ติดไว้ในห้องนอนผม แล้วบอกว่าไม่ดีต้องเอาไปทิ้งเช่นกัน เท่านั้นแหล่ะตะบะผมแตกทันทีถึงกับพูดออกมาว่า กล้าลบหลู่เบื้องพระยุคลบาทหาก...แจ้งตำรวจใครจะซวยเพราะฮวงจุ้ยกันแน่ เท่านั้นแหล่ะ รีบเดินออกจากห้องผมทันที
นี่เป็นตัวอย่างของผู้ที่อ้างเป็นนักฮวงจุ้ยนะครับ ^ ^"
ก่อนอื่นต้องขอบอกไว้ก่อนว่า จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของฮวงจุ้ยนั้น จริงๆแล้วเป็นการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมเพื่อให้มนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้ สะดวกในการดำเนินชีวิต และนำเอาธรรมชาติมาใช้กับตัวเราให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดเท่านั้นเองครับ มิได้เป็นการเสริมหรือแก้ไขดวงแต่อย่างใด แต่ในปัจจุบันนั้น คนทั่วไปส่วนใหญ่จะหาที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเวลาที่ตัวเองมีความทุกข์ตามที่แต่ละคนได้พบเจอ เช่น เจ็บป่วยไม่สบายบ่อย มีปัญหาต่างๆในทุกด้าน อยากรวย จึงมีคนหัวหมอบางกลุ่มนำเอาหลักฮวงจุ้ยมาใช้ประโยชน์ในทางธุรกิจขึ้น และได้ใช้กันสืบต่อกันมา เกริ่นกันแค่นี้คงพอแล้วนะครับ เข้าเรื่องเลยดีกว่า
ฮวงจุ้ยที่แท้จริงนั้นมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตเหมือนกันครับ ฮวงจุ้ยก็คือธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเราและแม้แต่ตัวเราคือฮวงจุ้ยทั้งสิ้น ฮวงจุ้ยนั้นแบ่งออกเป็นด้าน+และ- ในกรณีของคุณเจ้าของกระทู้ เป็นการปรับเปลี่ยนฮวงจุ้ยของที่ทำงาน ฮวงจุ้ยด้าน+นั้นก็อย่างเช่น การจัดวางผังหรือตำแหน่งโต๊ะที่ทำงานควรจัดให้เป็นระเบียบง่ายต่อการติดต่อ ไม่ซับซ้อนจนเกินไป สะดวกในการใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ของบริษัท เพื่อให้การทำงานเป็นไปได้อย่างราบรื่นไม่ติดขัด ส่วนฮวงจุ้ยในด้าน-ก็อย่างเช่น การจัดวางผังหรือตำแหน่งการจัดวางโต๊ะ เครื่องใช้ในสำนักงานไม่ดี ทำให้การดำเนินงานเกิดความล่าช้าเป็นนั่นเอง เช่น
โต๊ะฝ่ายขายที่ควรอยู่ใกล้ฝ่ายการตลาดเพื่อที่จะได้สะดวกติดต่อประสานงานสอบถามราคาเวลามีผู้มาติดต่อและสามารถได้ทราบข้อมูลอย่างถูกต้องครบถ้วนในทันที ส่งผลทำให้การติดต่อซื้อขายเป็นไปอย่างรวดเร็ว นี่จึงเป็นหลักฮวงจุ้ยในด้าย+ครับ
แต่หากโต๊ะฝ่ายขายและฝ่ายการตลาดอยู่ไกลกัน แทนที่จะสามารถติดต่อสอบถามราคาได้ทันทีกลับต้องเสียเวลาเดินไปถามหรือโทรภายในไปถามซึ่งมีสิทธิ์ทำให้สื่อสารข้อมูลกันได้อย่างผิดๆและปล่อยให้ผู้มาติดต่อต้องรอนานจนทนไม่ไหวกลับไป นี่จึงจัดเป็นฮวงจุ้ยด้านลบ
นอกจากนี้พนักงานหรือผู้ที่ทำงานในสำนักงานก็ถือเป็นฮวงจุ้ยเหมือนกันครับ เช่น แม้เราจะมีสำนักงานที่จัดถูกหลักของฮวงจุ้ยแต่พนักงานเกรียจคล้าน ไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน ที่สำคัญไม่มีศีล แม้ฮวงจุ้ยของสำนักงานจะดีเพียงใดก็สามารถทำให้บริษัทล่มจมได้เช่นกัน
ขอแนะนำอย่างหนึ่งนะครับ นักฮวงจุ้ยที่ดีจะพูดคุยหลักฮวงจุ้ยอย่างมีเหตุมีผล หากเป็นผู้ที่ทำตัวเป็นนักฮวงจุ้ย มักจะอวดอ้าง และมักจะมองแต่สิ่งไม่ดีและให้กำจัดทิ้งทั้งหมด ดังนั้นระวังตัวให้ดีนะครับ หุหุ
ผมเคยมีประสบการณ์มากก่อน สมัยที่ผมยังเด็กอายุประมาณ12ปี แม่ผมยังไม่รู้จักวัดดีเท่าไหร่ มักชอบพึ่งพาหมอดูอยู่เสมอ มีอยู่วันหนึ่ง พาซินแสคนหนึ่งมาดูฮวงจุ้ยที่บ้าน เขาว่าไงรู้ไหมครับ เขาชี้ไปที่พระประธานแก้วใส บอกองค์พระนี้ไม่ดีผิดหลักฮวงจุ้ยให้นำเอาไปทิ้ง ผมเริ่มเขม่นเล็กน้อย แล้วมันก็ชี้มาที่เจ้าแม่กวนอิมหยกที่ตอนนั้นแม่ผมนับถืออยู่ บอกเช่นเดิมว่าผิดหลักฮวงจุ้ยให้เอาไปทิ้งนํา ผมเริ่มตะหงิดๆ และของทุกชิ้นที่มันชี้เป็นของแพงๆทั้งสิ้น มีการบอกแม่ผมด้วยว่าหากไม่มีเวลาเขาจะนำไปจัดการให้ ตอนนั้นอารมณ์ผมเริ่มรุนแรง สุดท้าย มันเดินมาดูที่ห้องนอนผม และบอกแม่ผม ว่าห้องผมผิดหลักฮวงจุ้ยอย่างแรงซึ่งตอนนั้นผมยอมรับว่าผิดหลักจริงๆเพราะผมปล่อยให้ห้องรกมากนั้นเองครับ - -" แต่มันก็ว่าของมันไปเรื่องและที่สุดชี้ไปที่รูปในหลวงที่ผมเคารพรักที่ติดไว้ในห้องนอนผม แล้วบอกว่าไม่ดีต้องเอาไปทิ้งเช่นกัน เท่านั้นแหล่ะตะบะผมแตกทันทีถึงกับพูดออกมาว่า กล้าลบหลู่เบื้องพระยุคลบาทหาก...แจ้งตำรวจใครจะซวยเพราะฮวงจุ้ยกันแน่ เท่านั้นแหล่ะ รีบเดินออกจากห้องผมทันที
นี่เป็นตัวอย่างของผู้ที่อ้างเป็นนักฮวงจุ้ยนะครับ ^ ^"
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#3
โพสต์เมื่อ 20 July 2008 - 03:07 PM
มีใน มงคลชีวิต38ประการของหลวงพ่อทตฺตชีโว
พระภาวนาวิริยคุณ
(เผด็จ ทตฺตชีโว)
มงคลที่ ๔ อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม
http://www.kalyanami...x_mongkhol.html
มีใน มงคลชีวิต38ประการของหลวงพ่อทตฺตชีโว
พระภาวนาวิริยคุณ
(เผด็จ ทตฺตชีโว)
มงคลที่ ๔ อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม
http://www.kalyanami...x_mongkhol.html
พระภาวนาวิริยคุณ
(เผด็จ ทตฺตชีโว)
มงคลที่ ๔ อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม
http://www.kalyanami...x_mongkhol.html
มีใน มงคลชีวิต38ประการของหลวงพ่อทตฺตชีโว
พระภาวนาวิริยคุณ
(เผด็จ ทตฺตชีโว)
มงคลที่ ๔ อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม
http://www.kalyanami...x_mongkhol.html
#4
โพสต์เมื่อ 20 July 2008 - 04:34 PM
ถ้าตอบโดยใช้ความรู้พื้น ๆ ก็น่าจะหมายความถึง ข้อนึงของความเป็นสัปปายะ 4
คือ อาวาสเป็นที่สบาย น่าจะหมายความรวมถึงทั้ง บ้านและที่ทำงาน
เมื่อมีความสะดวกสบายเกิดขึ้น ความกระทบกระทั่งกันก็ไม่มี หรือลดน้อยลง
ส่งผลให้ทุกคนอยู่ร่วมกัน หรือทำงานร่วมกันด้วยความสบายใจ ไม่มีความหงุดหงิดขุ่นเคืองใจ
เมื่อใจใส ใจสบาย "บุญ" ของแต่ละคนก็จะได้ช่องส่งผล
เมื่อบุญได้ช่อง ทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้นก็จะมีผลดี กับทั้งองค์กรและเรื่องส่วนตัว
เข้าใจอย่างนี้ ถูกต้องมั้ยค๊า??????
คือ อาวาสเป็นที่สบาย น่าจะหมายความรวมถึงทั้ง บ้านและที่ทำงาน
เมื่อมีความสะดวกสบายเกิดขึ้น ความกระทบกระทั่งกันก็ไม่มี หรือลดน้อยลง
ส่งผลให้ทุกคนอยู่ร่วมกัน หรือทำงานร่วมกันด้วยความสบายใจ ไม่มีความหงุดหงิดขุ่นเคืองใจ
เมื่อใจใส ใจสบาย "บุญ" ของแต่ละคนก็จะได้ช่องส่งผล
เมื่อบุญได้ช่อง ทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้นก็จะมีผลดี กับทั้งองค์กรและเรื่องส่วนตัว
เข้าใจอย่างนี้ ถูกต้องมั้ยค๊า??????
#5
โพสต์เมื่อ 20 July 2008 - 07:07 PM
ขออนุโมทนาท่านผู้รู้ทุกท่านค่ะ โดยเฉพาะ คนเคยเข้าวัด ชัดเจนมากค่ะ...สาธุ
#6
โพสต์เมื่อ 20 July 2008 - 08:53 PM
เพิ่มเติมนะคะ
ก็เคยได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับฮวงจุ้ยและหนังสือเกี่ยวกับการตกแต่งบ้านบ้าง
เพราะตัวเองก็ทำงานที่เป็นลักษณะฟรีแลนซ์ ต้องแบ่งมุมทำงานไว้ที่บ้าน
ก่อนหน้านี้ก็เป็นมุมเล็ก ๆ ในห้องนอน เพราะคิดว่าน่าจะสะดวกที่สุด
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ตื่นขึ้นมาก็เห็นงาน ก่อนจะนอนก็เห็นงาน
พอนานวันเข้าเวลาทำงาน รู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว
และในช่วงที่ทำงาน บางครั้งก็รู้สึกขี้เกียจขึ้นมาเฉย ๆ บางเวลา ต้องใช้โทรศัพท์บ่อย ก็รู้สึกหงุดหงิดง่าย
ไม่เคยรู้ตัวเลยว่าเรามีความเครียดสะสม
พอได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับฮวงจุ้ยก็เลยลองเปลี่ยนมุมมาเป็นห้องอีกห้องนึงของบ้านมีมุมที่เดิมเอาไว้รับแขก
แต่ปัจจุบันเปลี่ยนมุมรับแขกไปอีกห้องนึง ห้องนี้เลยว่าง เราก็เลยลองจัดดูใหม่
ปรากฏว่าสิ่งที่เกิดขึ้น คือ รู้สึกทำงานได้ดีขึ้น อารมณ์สบายมีมากขึ้น ความคิดและสมองปลอดโปร่งขึ้น
ที่สำคัญคือ มีรายรับมากขึ้นด้วย
แต่เรื่องสำคัญที่น่าสนใจก็คือ
เคยได้ยินมาว่า ในสมัยที่โทรทัศน์เพิ่งเข้ามาเมืองไทยใหม่ ๆ
หลวงปู่ได้บอกกับศิษย์ทั้งหลายว่า มารมาถึงห้องนอนแล้ว (ข้อความนี้หากไม่ถูกต้องช่วยแจ้งด้วยนะคะ)
เราก็เลยไม่ใช้โทรทัศน์ในห้องนอนเลย
โดยเฉพาะห้องนอนที่มีเด็ก
ถ้าใครได้อ่านหนังสือ "ครอบครัวอบอุ่น" หรือ "เลี้ยงลูกอย่างไรให้เมืองไทยได้เยาวชนดี" แล้ว
จะรู้ได้ทันทีว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้เด็ก ๆ มีโอกาสตื่นสาย เมื่ออยากตื่นสาย ก็จะมีข้ออ้าง ดื้อ
เพาะนิสัยชอบเถียง และโกหกตามมาอีก
ถ้าไม่มีโทรทัศน์ ก็พอจะช่วยตัดวงจรนี้ไปได้บ้าง
เอ๊ะ.....มาถึงเรื่องนี้ได้ไง.....
ก็คงพอสรุปได้ว่า ฮวงจุ้ย มีอิทธิพลจริง ๆ ถ้าเข้าใจหลักเหตุและผล ของการนำไปใช้นะคะ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเห็นนึง โปรดพิจารณาค่ะ
สาธุ
ก็เคยได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับฮวงจุ้ยและหนังสือเกี่ยวกับการตกแต่งบ้านบ้าง
เพราะตัวเองก็ทำงานที่เป็นลักษณะฟรีแลนซ์ ต้องแบ่งมุมทำงานไว้ที่บ้าน
ก่อนหน้านี้ก็เป็นมุมเล็ก ๆ ในห้องนอน เพราะคิดว่าน่าจะสะดวกที่สุด
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ตื่นขึ้นมาก็เห็นงาน ก่อนจะนอนก็เห็นงาน
พอนานวันเข้าเวลาทำงาน รู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว
และในช่วงที่ทำงาน บางครั้งก็รู้สึกขี้เกียจขึ้นมาเฉย ๆ บางเวลา ต้องใช้โทรศัพท์บ่อย ก็รู้สึกหงุดหงิดง่าย
ไม่เคยรู้ตัวเลยว่าเรามีความเครียดสะสม
พอได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับฮวงจุ้ยก็เลยลองเปลี่ยนมุมมาเป็นห้องอีกห้องนึงของบ้านมีมุมที่เดิมเอาไว้รับแขก
แต่ปัจจุบันเปลี่ยนมุมรับแขกไปอีกห้องนึง ห้องนี้เลยว่าง เราก็เลยลองจัดดูใหม่
ปรากฏว่าสิ่งที่เกิดขึ้น คือ รู้สึกทำงานได้ดีขึ้น อารมณ์สบายมีมากขึ้น ความคิดและสมองปลอดโปร่งขึ้น
ที่สำคัญคือ มีรายรับมากขึ้นด้วย
แต่เรื่องสำคัญที่น่าสนใจก็คือ
เคยได้ยินมาว่า ในสมัยที่โทรทัศน์เพิ่งเข้ามาเมืองไทยใหม่ ๆ
หลวงปู่ได้บอกกับศิษย์ทั้งหลายว่า มารมาถึงห้องนอนแล้ว (ข้อความนี้หากไม่ถูกต้องช่วยแจ้งด้วยนะคะ)
เราก็เลยไม่ใช้โทรทัศน์ในห้องนอนเลย
โดยเฉพาะห้องนอนที่มีเด็ก
ถ้าใครได้อ่านหนังสือ "ครอบครัวอบอุ่น" หรือ "เลี้ยงลูกอย่างไรให้เมืองไทยได้เยาวชนดี" แล้ว
จะรู้ได้ทันทีว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้เด็ก ๆ มีโอกาสตื่นสาย เมื่ออยากตื่นสาย ก็จะมีข้ออ้าง ดื้อ
เพาะนิสัยชอบเถียง และโกหกตามมาอีก
ถ้าไม่มีโทรทัศน์ ก็พอจะช่วยตัดวงจรนี้ไปได้บ้าง
เอ๊ะ.....มาถึงเรื่องนี้ได้ไง.....
ก็คงพอสรุปได้ว่า ฮวงจุ้ย มีอิทธิพลจริง ๆ ถ้าเข้าใจหลักเหตุและผล ของการนำไปใช้นะคะ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเห็นนึง โปรดพิจารณาค่ะ
สาธุ
#7
โพสต์เมื่อ 21 July 2008 - 02:46 PM
ท่านเคยบอกใน case study เคสนึงครับ ว่า
บุญเป็นหลักครับ ฮวงจุ้ยเป็นของเสริม รายละเอียดในเคสไหนจำไมไ่ด้แล้วครับ
บุญเป็นหลักครับ ฮวงจุ้ยเป็นของเสริม รายละเอียดในเคสไหนจำไมไ่ด้แล้วครับ
#8
โพสต์เมื่อ 21 July 2008 - 03:38 PM
ตามที่คุณ Somchet บอกมานั้น อยู่ในเคสข้างล่างนี้เลยครับ
http://www.dmc.tv/pa...2549-08-12.html
หากหมกมุ่นกับฮวงจุ้ยมากเกินไป ก็จะกลายเป็นนิสัย ดังเคสข้างล่างนี้ครับ
http://www.dmc.tv/pa...2550-07-28.html
http://www.dmc.tv/pa...2549-08-12.html
หากหมกมุ่นกับฮวงจุ้ยมากเกินไป ก็จะกลายเป็นนิสัย ดังเคสข้างล่างนี้ครับ
http://www.dmc.tv/pa...2550-07-28.html
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#9
โพสต์เมื่อ 22 July 2008 - 07:05 PM
ขอบคุณทุกท่านค่ะ
#10
โพสต์เมื่อ 22 July 2008 - 07:14 PM
ไม่ว่าทราบว่าจะหาซีดี หรือดาวน์โหลดการนำนั่งสมาธิเป็นภาษาอังกฤษได้ที่ไหนคะ ต้องการเอาไปให้เพื่อนชาวต่างชาติค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
#11
โพสต์เมื่อ 23 July 2008 - 12:19 PM
คุณปาราดี ไม่ลองไปคลิ๊กที่หน้าภาษาอังกฤษดูล่ะครับ น่าจะมีนะครับผมว่า
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร