ข้อเสนอแนะการตักบาตรพระ500,000 รูป
#1
โพสต์เมื่อ 01 August 2008 - 02:15 PM
#2
โพสต์เมื่อ 01 August 2008 - 03:44 PM
#3
โพสต์เมื่อ 01 August 2008 - 05:09 PM
#4
โพสต์เมื่อ 01 August 2008 - 10:07 PM
#5
โพสต์เมื่อ 01 August 2008 - 10:17 PM
#6
โพสต์เมื่อ 01 August 2008 - 10:30 PM
ส่วนตัวแล้ว เข้าใจว่าสาธุชนทั่วไปยังไม่ชินกับรูปแบบการจัดงานของฝ่ายพิธีการ โดยฝ่ายพิธีการอาจจะเอาบรรยากาศของที่วัดมาเป็นโจทย์ในการจัดงานมากเกินไป ซึ่งคนที่ไปวัดเป็นประจำจะเข้าใจดี แต่ผู้ที่ไม่ใช่คนวัดจะไม่สะดวกเพราะคิดแต่ว่าจะมาใส่บาตรแต่ทำไมไม่เริ่มซะที รออะไรกันอยู่
ส่วนมากแล้วพิธีการช่วงที่มีปัญหามากที่สุดคือ ช่วงหยุดนิ่งรวมใจก่อนการตักบาตรนั่นแหละครับ สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยจะมีความรู้สึกว่านานมากเพราะไม่มีกิจกรรมทำได้แต่นั่งเฉยๆ จะหลับตาก็ไม่หลับเพราะอยากดูว่าจะมีอะไรต่อไป คอยมองนั่นมองนี่ตลอดเวลา เขาไม่เข้าใจว่านั่งกันเฉยๆทำไม ฉันมารอตักบาตรนะ เริ่มซะทีสิ คนที่มาที่หลังก็พยายามแทรกเข้ามาดูว่า ทำอะไรไปถึงไหนแล้ว ทำให้บรืเวณรอบนอกเกิดความสงบค่อนข้างยาก
อีกอันที่เห็นชัด คือ ช่วงที่พระท่านแปรแถวเข้าพื้นที่เพื่อเตรียมรับบาตรนั้น คนที่ไม่ได้ใส่ใจฟังพืธีการนั้นๆก็จะงงว่าทำไมพระเดินเลยไปเฉยๆ หลายๆคนพยายามแทรกเข้ามาเพื่อที่จะใส่บาตร ก็เลยดูวุ่นวายพอสมควรในช่วงกลางๆไปถึงปลายแถว
อีกจุดที่ทำอะไรไม่ได้แน่นอนคือสาธุชนที่มาใส่บาตรต้องการเก็บภาพครอบครัวตัวเองที่มาตักบาตร ก็เลยมีการกีดขวาง บังหน้าบังหลังสาธุชนที่มาใส่บาตรพอสมควร รวมทั้งสุภาพสตรีบางท่านก็ล้ำเข้าไปในทางเดินพระด้วย ก็วุ่นวายกันเล็กๆ
ยังนึกแนวทางแก้ไขไม่ออก แต่มีความรู้สึกว่า การแปรแถวพระเป็นแถวเดียวยาวๆคงไม่เหมาะแล้ว เพราะดูจะควบคุมบรรยากาศได้ยากมาก มีความรู้สึกว่าบรรยากาศของพิธีกรรมมีอยู่แค่ไม่เกินยี่สิบเมตรจากศูนย์กลางพิธีเลย
คนวัดคงพอเข้าใจและพยายามช่วยรักษาบรรยากาศกันเต็มที่ ยังไงลองมองมุมของสาธุชนที่ไม่ค่อยได้เข้าวัดแต่อยากมีส่วนร่วมบ้างก็ดีนะครับ เผื่ออะไรๆมันจะลงตัวได้ง่ายๆ
อนุโมทนาบุญด้วยครับ
ทางเราเองก็ไม่สามารถไปกะเกณฑ์อะไรได้มากสำหรับสาธุชนที่มาใหม่
แว๊ก.....บรรทัดสุดท้ายมาจากไหนเนี้ย ทำไงดีล่ะ ผมไม่รู้เรื่องนะ ฮือ....ฮือ.....
#7
โพสต์เมื่อ 02 August 2008 - 01:19 PM
เป้าหมายชีวิต คือ ที่สุดแห่งธรรม
#8
โพสต์เมื่อ 04 August 2008 - 09:19 PM
...........มีอีกเรื่องมาเล่าสู่กันฟังน่ะครับ...ว่าในขณะนี้พวกมิจฉาชีพกำลังจับตางานตักบาตรกันอยู่เพราะเขาเหล่านั้นจะมาโขมยของงานตักบาตร รวมไปถึงปัจจัยไทยธรรมจากต้นผ้าป่า และกล่องรับบริจาคกันด้วย ส่วนประสบการณ์ของผู้เขียนนั้นเคยจับกลุ่มขโมยได้แล้วพาไปสถานีตำรวจ เขาเล่าให้ฟังว่า ของที่คนเหล่านั้นโขมยไปส่วนใหญ่จะนำไปขายที่แถวคลองหลอด สนามหลวง เช่น มาม่าขาย 3 ห่อ 10 , ปลากระป๋อง 10 บาท ซึ่งคนเหล่านั้นจะชักชวนกันไปเกือบทุกงานเลยก็ว่าได้ เห็นแล้วก็เศร้าใจน่ะครับ...ยังไงช่วยกันเป็นหูเป็นตาด้วยอย่างน้อยคนเหล่านั้นจะได้ไม่สร้างบาปให้กับตัวเองเพียงเพื่อการอยู่รอดน่ะครับ...ส่วนบางงานก็มีสงฆ์ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่าเป็นกลุ่มที่คนที่เรียกว่า เลียนแบบสงฆ์หรือพระปลอมมาร่วมงานด้วยหรือเปล่าซึ่งสิ่งที่เห็นนั้นคือการที่นำถุงมาใส่ของตอนสาธุชนตักบาตรจนเต็มแล้วยังมีที่ซ่อนอยู่ภายในจีวรอีก พออุบาสกไปขอถ่ายบาตร ก็ไม่ให้ถ่ายและไม่ให้แตะต้องของอีกด้วย ซึ่งการป้องกันตรงนี้คงเป็นเรื่องยากของ เรา เรา กันน่ะครับ เพราะตรวจสอบลำบากบางที่อาจจะต้องเลยตามเลยหรือเปล่า...แต่เป็นภาพที่บุคคลมาร่วมงานรู้สึกมองอย่างไม่สบายใจกัน...ส่วนใหญ่แล้วหลายๆงานคณะสงฆ์จะถวายของให้ภาคใต้หมดเลย ถึงแม้ว่าบางวัดจะนำสิ่งของไปด้วยแต่ก็จะมีขั้นตอนที่ดูดีกว่านี้แน่นอน...แต่ยังไงก็เชื่อว่าอนาคตคงจะมีรูปแบบการป้องกันเรื่องอย่างนี้กันน่ะครับ ...สุดท้ายถ้าใครมีประสบการณ์การจัดงานอยากให้เข้ามาแชร์ความคิดเห็นและแนะนำกันน่ะครับ งานต่อๆไปจะได้ดีดีดีดีดี และดีขึ้นไปน่ะครับ อนุโมทนาบุญกับยอดนักสร้างบารมี
ลูกพระธัมฯกันน่ะครับ
#9
โพสต์เมื่อ 06 August 2008 - 08:22 PM
1 เรื่องเสียง ที่จะต้องถ่ายทอดให้ทั่วถึงทั้งบริเวณงาน
2 ถ้าให้ดี น่าจะมีจอถ่ายทอด ให้คนที่ไม่ได้อยู่ใำกล้ บริเวณพิธีการด้านหน้า ถ่ายทอดให้สาธุชนได้เห็นว่าขณะนี้กำลังทำอะไรกันอยู่
3 ถ้าทำได้ จะดีมากเลย คือคนของวัด จะต้องพยายามกระจายกันนั่งให้ทั่วบริเวณงาน เพื่อเป็นต้นบุญต้นแบบให้กับสาธุชน ที่ยังไ่ม่คุ้นเคยพิธีการ
4 ขอเสนอแนะว่า ถ้าจะมีการนั่งสมาฺธิก่อนตักบาตร ไม่น่าจะเกิน 5-10 นาที
5 เรื่องพระปลอม ที่ๆ นึงก็เคยสงสัยเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้พูดกับคนที่ไปตักบาตรด้วยกัน เพราะไม่อยากให้ใจหมอง ถ้าใช้วิธีแบบของจังหวัดสระบุรี(หรือป่าว) น่าจะช่วยได้นะคะ
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป