ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * - - 1 คะแนน

สัจธรรมคืออะไรค่ะแล้วพระนิพพานเป็นอย่างไร


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 usr20989

usr20989
  • Members
  • 8 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 August 2008 - 06:22 PM

คนเราเกิดมาเพื่อหาสัจธรรมอันแท้จริงแล้วเราเคยรู้ไหมว่าสัจธรรมนั้นคืออะไร?

แล้วพระนิพพานเป็นอย่างไรกัน

#2 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 29 August 2008 - 08:19 PM

QUOTE
เราเคยรู้ไหมว่าสัจธรรมนั้นคืออะไร?


มนุษย์ในกาลก่อน ยุคนี้ และยุคอนาคต ในกัป นี้หรือกัป ไหน ๆ
ก็มีทั้งพวกที่รู้จักสัจธรรม และพวกที่ยังไม่รู้จักสัจธรรม ครับ
พวกที่รู้ ก็มีทั้งรู้ผิวเผิน รู้จริง และ รู้แจ้ง ครับ

ปุถุชนก็รู้จักสัจธรรมเพียงผิวเผิน ถึงรู้จริง แต่ยังไม่รู้แจ้ง แทงตลอดสัจธรรม

ส่วนอริยชน มีทั้งรู้จริงและรู้แจ้ง ในสัจธรรม ครับ
แม้ความรู้แจ้งในสัจธรรม ของอริยชน ก็ยังมีขอบเขต ความลุ่มลึก ประณีต ไม่เท่ากันครับ

QUOTE
พระนิพพานเป็นอย่างไรกัน


คำถามเรื่อง นิพพาน
ควรศึกษาหลาย ๆ แห่ง แล้วจะพอเข้าใจได้ในเบื้องต้น ครับ
เพราะการสนทนาว่าด้วยเรื่องพระนิพพาน จากบุคคลที่ยังไม่บรรลุนิพพาน
ก็ยากที่เข้าใจถูกต้อง อย่างถ่องแท้
แม้ตามบันทึกในพระไตรปิฎก มีพุทธพจน์ ตรัสเรื่อง นิพพาน ไว้หลายแห่ง หลายวาระ
พระธรรมถึกและอรรถกถาจารย์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ก็ยังเข้าใจ และตีความ แปล แตกต่างกันเลยครับ
ก็เป็นธรรมดาของนักภาษาศาสตร์ ฯล

กล่าวโดยรวม คือ ก็เป็นธรรมดาของบุคคลที่ยังไม่บรรลุนิพพาน ครับ

ดีที่สุด เราต้องเข้าถึงสภาวะธรรมของพระนิพพาน ด้วยตนเองครับ
ซึ่งก็ต้องขวนขวาย ขยัน หมั่นและเพียร ประพฤติธรรม ปฏิบัติ สมถะ วิปัสสนากรรมฐาน
กระทั่งได้บรรลุนิพพานด้วยตนเอง แบบ ปัจจัตตัง วิญญู หิ
จึงจักรู้รสแห่งธรรมของพระนิพพาน อย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ครับ

เบื้องต้น แนะนำให้ศึกษาผ่านหนังสือธรรมะ เท่าที่แสวงหาได้และค้นในระบบเครือข่ายไป ก่อนนะครับ

ตัวอย่างแหล่งข้อมูลศึกษา เรื่อง นิพพาน
http://www.google.co...น...;hl=th&sa=2

ความหมายของ นิพพาน
http://84000.org/tip...d_item.php?i=27
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต นิพพานสูตรที่ ๔
http://www.84000.org...?...4022&Z=4033

อรรถกถา ขุททกนิกาย อุทาน ปาฏลิคามิยวรรคที่ ๘ นิพพานสูตรที่ ๔
อรรถกถาจตุตถนิพพานสูตร
http://www.84000.org....php?b=25&i=161

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต นิพพานสูตร
http://www.84000.org...h...8870&Z=8945
ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม

#3 ลูกพระพุทธ

ลูกพระพุทธ
  • Members
  • 136 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 August 2008 - 09:05 PM

ขอตอบเฉพาะนิพพาน ครับ

นิพพาน ตามความหมายโดยตรง มาจากคำว่า นิร ผสมกับคำว่า วานะ

ตัวคำว่า นิร (นิ-ระ) เอง หมายความว่า ไม่มี , พ้น , หมด ยกตัวอย่างเช่น นิรทุกข์ หมายถึงหมดทุกข์ , นิรภัย (เช่นคำว่าตู้นิรภัย) ก็แปลว่าพ้นภัย เป็นต้น

สำหรับอีกคำ คำว่า วานะ คำคำนี้ หมายถึงตัวความต้องการหรือตัณหาโดยตรง ทั้งกามตัณหา ภวตัณหา และวิภวตัณหา อันนี้กล่าวโดยย่อ แต่หากจะขยายก็คือ ความต้องการ ความปรารถนาทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่เงิน ไปจนถึงความเป็นเทวดานางฟ้า ไปจนถึงความอยากเป็นพรหม

เมื่อนำสองคำนี้มารวมกัน ตามหลักภาษา นิร+วานะ จะได้คำว่า นิพพาน โดยตัวความหมายคือ การพ้นจากการติดในทุกสิ่งทุกอย่าง


ดังนั้น นิพพาน จึงเป็นสภาพที่ ไม่ปรากฎอะไร เพราะไม่มีเหตุผลที่จะต้องให้อะไรปรากฎ

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าอยากเกิดเป็นเทวดา ก็ทำบุญจนได้เป็นเทวดา ในสถานที่ของเทวดา อยากเกิดเป็นมนุษย์ ก็ทำบุญจนได้เป็นมนุษย์ ในสถานที่ของมนุษย์ อยากเกิดเป็นพรหมก็ทำสมาธิ แล้วก็จะเกิดในสถานที่ของพรหม

แต่นิพพาน คือ การไม่ต้องการที่จะไปไหนทั้งนั้น เมื่อไม่ต้องการจะไปไหน จิตก็ไม่มุ่งไปสู่ภพไหน ๆ ไม่ว่าจะเป็นภพมนุษย์ ภพเทวดา ภพพรหม

เมื่อไม่ต้องการที่จะไปไหน ก็จบ ทุกอย่างไม่มีอะไรสานต่อไปอีก ชาติต่อไป ผู้ที่นิพพานแล้ว จะไม่ไปปรากฎกายที่ไหนอีก เพราะหมดเหตุผลที่จะไป "อยู่ต่อ" ที่ไหน ในสถานที่ใด ๆ

ดังนั้น นิพพาน จึงไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นความสิ้นสุดของการเกิดของบุคคลนั้น ๆ นั่นเอง เช่นที่พระโพธิสัตว์เมื่อทรงคลอดออกจากพระครรภ์ของพระนางสิริมหามายา ทรงเดินบนดอกบัวเจ็ดก้าวแล้วตรัสว่า "ชาตินี้เป็นที่สุด บัดนี้ภพใหม่ของเราไม่มี"


คำว่า "ภพใหม่ของเราไม่มี" ภพในที่นี้คือ กามภพ เริ่มตั้งแต่อเวจีมหานรก จรดปรนิมมิตวสวัสตี , รูปภพ คือ รูปพรหม , และสุดท้าย คือ อรูปภพ คือ การเกิดเป็นอรูปพรหม ดังนั้น คำว่า ภพใหม่ของเราไม่มี คือ กล่าวง่าย ๆ คือ " บัดนี้ ถ้าเราตายแล้ว เราจะไม่ไปโผล่ที่ไหนอีก " ครับ

แล้วสูงกว่าโสดาบันคือ นิพพานใช่ใหมคับ ?

พระพุทธเจ้าตรัสว่า "นิพพาน เป็นธรรมอันยิ่ง" หมายถึง เป็นสภาพที่สูงที่สุดกว่าทุกสิ่งทุกอย่างครับ แม้แต่ความเป็นพระโสดาบันเช่นกัน เพราะการสำเร็จเป็นพระโสดาบันนั้น คือ การเข้าถึงพระนิพพาน แต่ไม่ใช่ "ตัวพระนิพพาน" เป็นแต่เพียง การเข้าถึง


เปรียบเหมือน เรากำลังจะเดินเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง พระโสดาบันก็คือ การได้เปิดประตูเข้าไปในห้องนั้นนั่นเอง


...แล้วชั้นที่สูงกว่าพรหม คือชั้นโสดาบัน ใช่ไหม ?

ข้อนี้ต้องแยกตอบครับ เพราะว่า

พรหมที่บรรลุโสดาบันก็มี พรหมที่บรรลุโสดาบัน เช่น พรหมที่มาฟังธรรมจักรกัปปวัตนสูตรที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เป็นต้น พรหมเหล่านั้นเป็นพระโสดาบัน แต่เมื่อเทียบกับนางวิสาขา หรือท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ซึ่งท่านก็เป็นพระโสดาบันเหมือนกัน แล้ว พรหมเหล่านั้น ท่านจัดอยู่ในภพภูมิที่สูงกว่า แต่ภูมิธรรมะของท่านก็เท่ากัน คือ ละอนุสัยกิเลสตัวเดียวกันได้เหมือนกัน

แต่สำหรับพรหมธรรมดาที่เป็นพรหมปุถุชน แม้เกิดในเนวสัญญานาสัญญายตนะ ซึ่งเป็นอรูปพรหมที่สูงที่สุดในโลกก็ตาม ก็ยังมีคุณต่ำกว่าพระโสดาบันที่เป็นชาวบ้านร้านตลาดธรรมดา เนื่องจาก พรหมเหล่านี้ สามารถระงับกิเลสได้ชั่วคราวเท่านั้น เราเรียกการระงับลกิเลสชั่วคราวนี้ว่า วิขัมภนปหาน เมื่อหมดอายุต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก อาจจะเป็นสุนัขหรือแม้แต่ลงนรกก็ยังได้ แต่พระโสดาบันถึงแม้ท่านจะเป็นมนุษย์ท่านก็เหนือกว่าพรหมปุถุชน เพราะท่านสามารถตัดกิเลสในส่วนต้นได้อย่างถาวร ซึ่งพระพรหมปุถุชนท่านทำได้แค่ข่มกิเลสเท่านั้น

เทวดา6ชั้นติดในเรื่องกามคุณฯ แล้วชั้นดุสิต ที่เป็นที่อยู่ของ พระโพธิสัตว์ กับ พระศรีอริยะเมตไตร ท่านเสพกามอะไรถึงไปเกิดในสวรรค์ชั้น 4 ?

ผู้ที่เกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต ไม่จำเป็นที่จะต้องอยากจะเสพกามอะไร แต่สวรรค์ชั้นนี้ เป็นชั้นรับรองพิเศษกว่าสวรรค์ชั้นอื่นๆ ตรงที่ ผู้ที่เกิดในสวรรค์ชั้นนี้ เป็นผู้ที่มีความตั้งใจ เป็นผู้ที่ไม่ประมาท มีสติ มีความตั้งใจ

ถ้าจะเปรียบแล้ว ผู้ที่เกิดสวรรค์ชั้นอื่นๆ แม้แต่ชั้นที่ห้า หรือหก หรือแม้แต่หนึ่ง ก็เป็นเพียงเทวดาและนางฟ้าธรรมดา ตื่นมาวัน ๆ หนึ่งก็เล่น ๆ ๆ ๆ ผ่านไปวัน ๆ อาจมีปฏิบัติธรรมบ้าง แต่ไม่หนักเท่าสวรรค์ชั้นนี้ สวรรค์ชั้นอื่น ๆ อาจจะไปเดินสวน เก็บดอกไม้ ร้องเพลง แต่ในสวรรค์ชั้นนี้ เขาประชุมเรื่องนั้นเรื่องนี้เกี่ยวกับธรรมะกันเสมอ ๆ

ดังนั้น ผู้ที่ปรารถนาจะเกิดในสวรรค์ชั้นนี้ ให้ทาน รักษาศีลห้า กตัญญูต่อพ่อแม่ ไม่โกรธง่าย และรักษาอุโบสถศีล และตั้งจิตไว้ในสวรรค์ชั้นนี้ ก็จะได้ปฏิสนธิในสวรรค์ชั้นนี้ ครับ

จากคุณ : SpiritWithin_HolyStream


#4 jane_072

jane_072
  • Members
  • 539 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 August 2008 - 08:53 AM

ขอกราบอนุโมทนาบุญ กับทุกท่าน นะครับ สาธุๆๆๆ

#5 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 August 2008 - 01:13 PM

ในระดับพหูสุต...รู้จำ...ลองศึกษา

เห็นอริยสัจ
http://203.147.62.15...?showtopic=9065
ทำพระนิพพานให้แจ้ง
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=9064


ขั้นต่อไปก็...ปฏิบัติ...ก็จะรู้จริง
ปฏิบัติชอบ...เข้าถึงธรรม...ก็จะรู้แจ้ง
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#6 Dhamma Bot

Dhamma Bot
  • Members
  • 477 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 01 September 2008 - 09:49 AM

นิพพานัง ปรมัง สุขัง พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่งครับ happy.gif
ถ้าพระนิพพานไม่มีอะไรเหลือเลย แล้วจะมีความสุขเหลืออยู่ได้อย่างไรครับ
การปฏิบัติจึงเป็นการหาคำตอบที่ดีที่สุดครับ เท่าที่จำได้ เราได้ตอบกระทู้เรื่องพระนิพพานกันมามากมายหลายครั้ง
หลักๆ ก็คือ บ้างมีความเห็นว่านิพพานนั้นสูญสิ้นทุกสิ่ง อีกส่วนก็คือนิพพานมิใช่สูญสิ้นทุกสิ่ง สูญเฉพาะกิเลสกับอวิชชา
สำหรับคำสอนจากพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายนั้น
ท่านได้ศึกษาพระคัมภีร์ก่อน จากนั้นจึงลงมือปฏิบัติอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน จนกระทั่งเข้าถึง และสามารถอธิบายเรื่องพระนิพพานได้อย่างละเอียด

ถึงอย่างไรการถกเถียงเรื่องพระนิพพานก็คงไม่มีวันจบ ยกตัวอย่างเช่น บางท่านอาจเคยอ่านหนังสือนำเที่ยวประเทศเนปาล แต่ไม่เคยไปด้วยตัวเอง ก็จะมีความรู้และความเข้าใจระดับหนึ่งจากที่อ่านมา แต่สำหรับท่านที่เคยอ่านและเคยไปด้วยตัวเองมาแล้ว ความรู้ความเข้าใจย่อมถ่องแท้ แม้จะกลับมาเมืองไทยแล้วเล่าให้ผู้อื่นฟัง ก็ยากที่จะทำให้ผู้ที่อ่านอย่างเดียวนั้นเข้าใจตามได้หมด ดีที่สุดก็คือให้นักคิดนักอ่านนั้นตีตั๋วไปเที่ยวเนปาล ไปเห็นกับตาตัวเองเสียก่อนจึงดีที่สุดครับ