ขอถามให้หายสงสัยครับ
#1
โพสต์เมื่อ 04 September 2008 - 01:37 PM
1. กระทำปิตุฆาต มาตุฆาต เป็นอนันตริยกรรมจัดเป็นกรรมหนักสุดถูกต้องใช่ไหมครับ แล้วสมมุติว่าเป็นพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงจัดเป็นกระทำปิตุฆาต มาตุฆาต หรือไม่ครับ แบบว่าดูหนังแล้วสงสัยน่ะครับ
2. การค้าอาวุธเป็นอาชีพต้องห้ามอยากทราบว่า ผู้ที่ขายปืนอัดลม ปืนอัดแก๊สหรือที่เรียกกันว่าปืนBBซึ่งปัจจุบันทำได้เหมือนของจริงมากๆ ในสังคมจัดเป็นปืนของเล่นเพราะใช้ฆ่าคนไม่ได้แต่สามารถทำให้คนเจ็บหรือบาดเจ็บสาหัสได้หากถูกยิงเข้าสู่จุดสำคัญหรือจุดที่บอบบาง จะจัดอยู่ในอาชีพต้องห้ามไหมครับ ไปซื้อหนังสือเห็นที่ร้านเขามีขายปืนประเภทนี้ ซึ่งเมื่อก่อนผมก็ชอบเล่นมาก และเคยซื้อยิงเล่นมาก่อน(ยิงแต่เป้านะครับ ไม่เคยยิงสัตว์หรือยิงคนเลย) และผู้ที่เปิดสนามซ้อมยิงปืนจริง จะจัดอยู่ในอาชีพต้องห้ามด้วยหรือไม่(เคยไปลองยิงมาครั้ง2ครั้งครับ)
3. มีคนรู้จักผมคนหนึ่งเขามายืมเงินผม ผมก็ให้ไปโดยบอกกับเขาว่า จะเอามาใช้คืนเมื่อไหร่ก็ได้ หากมีก็ค่อยเอามาใช้ หากไม่มีก็ไม่ต้องก็ได้ แต่ใจผมไม่คิดที่จะเอาคืนอยู่แล้ว แต่เขาขอผมจะทำงานชดใช้ให้ ซึ่งตอนแรกผมก็ปฏิเสธบอกเขาว่าไม่ต้องก็ได้ แต่เขาเกรงใจผมขอให้ผมใช้เขา พอดีตอนนั้นผมพึ่งซื้อบ้านใหม่ และอยู่คนเดียว ไม่มีคนคอยช่วยดูแลและทำความสะอาดให้ เขาเลยเสนอกับผม ว่าจะมาช่วยดูแลทำความสะอาดบ้านให้ ผมเลยบอกกับเขาว่าตามใจเขาแล้วกัน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การที่ผมให้เขายืมเงินโดยไม่คิดเอาคืนจะเป็นบุญหรือไม่ครับ
ขออนุโมทนาทุกท่านล่วงหน้านะครับ
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#2
โพสต์เมื่อ 04 September 2008 - 04:47 PM
2. ตอบยากจริงๆ ข้อนี้่ ประเด็นอยู่ที่ว่า วัตถุสิ่งของทั่วๆไป มีความเป็นอาวุธมากน้อยแค่ไหน เช่น มีดทำครัว ไม้เบสบอล ชะแรงเหล็ก ขวานผ่าฟืน แน่นอนว่า วัตถุเหล่านี้ ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อจะให้เป็นอาวุธ แต่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้งาน หากใครนำมันไปใช้เป็นอาวุธ ผู้สร้างย่อมไม่บาป ผู้ขายก็ไม่บาป แต่ผู้นำไปใช้เป็นอาวุธย่อมได้ชื่อว่าทำบาป แต่เพียงผู้เีดียว
แ้ล้วทีนี้ถ้าวัตถุสิ่งของนั้น มีความเป็นอาุวุธมากขึ้นล่ะ เช่น มากจนถึงกับกลายเป็น ดาบ ปืน หน้าไม้ ธนู แน่นอนว่า ผู้ผลิต และผู้ขายก็ย่อมบาป ตามผู้ซื้อเอาไปใช้เป็นอาวุธไปด้วย
ปัญหาอยู่ที่ถ้าวัตถุดิบนั้นมีความเป็นอาวุธมากกว่า วัตถุธรรมดา แต่ก็ไม่มีความเป็นอายุถึงขั้นปืนจริง กรณีนี้ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ
3. ตอนแรกที่ให้ยืมเงินไป บุญก็เกิดขึ้นน่ะครับ ส่วนตอนให้เขามาทำความสะอาดให้ เขาได้บุญจากการทำความสะอาดให้เราไงล่ะครับ
#3
โพสต์เมื่อ 04 September 2008 - 05:14 PM
เข้ามาอ่านค่ะ ...ละเอียดเกินไปที่จะช่วยวิเคราะห์ค่ะ
ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)
ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป
#4
โพสต์เมื่อ 04 September 2008 - 06:44 PM
2.ปืนปลอมก็ไม่เกี่ยว ต้องเป็นปืนที่เป็นอาวุธเท่านั้น
3.ได้บุญตอนแรก ตอนหลังหายกัน
#5
โพสต์เมื่อ 04 September 2008 - 07:23 PM
และถ้านำไปดัดแปลงสภาพให้สามารถใช้ยิงกระสุนเหล็กได้ ก็สามารถทำให้คนตายได้นะครับ
การขายปืนปลอมนั้นแม้ยังไม่แน่ว่าเป็นอาชีพต้องห้ามก็ตาม แต่ผู้ที่ซื้อไปมีจิตใจคิดอย่างไร
เอาไปใช้แล้วจิตในขณะใช้เป็นอย่างไร หลังใช้มีการพูดคุยกันถึงกิจกรรมที่ทำ ทำให้ใจคิดอย่างไร
นั่นล่ะอานิสงค์ของคนขายคนสร้างล่ะครับ
#6
โพสต์เมื่อ 05 September 2008 - 12:49 AM
- ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่บังเกิดเกล้าหรือพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรามาก็มีพระคุณดุจเดียวกัน หากประทุษร้ายท่านก็บาปมหันต์พอ ๆ กัน เพียงแต่เป็นอนันตริยกรรมหรือไม่เป็นอนันตริยกรรมเท่านั้นเอง เหมือนความผิดขั้นสูงสุดกับความผิดรองลงมาซึ่งต่างก็มีโทษประหารดุจเดียวกัน
- แม้จะไม่ใช่อาชีพต้องห้ามเพราะไม่ได้ขายให้ใครใช้ไปฆ่าหรือทำร้ายกัน เป็นแต่นำไปเล่น นำไปยิงแข่งกัน แต่กระนั้นก็ไม่ใช่สัมมาอาชีพเสียทีเดียว เพราะเป็นการส่งเสริมให้ผู้อื่นสั่งสมความหยาบกระด้างของจิตใจและความคุ้นเคยในการใช้อาวุธที่แทบไม่ต่างจากของจริงเลย หากไม่ได้รับการอบรมที่ดีพอ หรือขาดสติยับยั้งชั่งใจ ก็จะเหมือนที่เราได้ยินข่าวเป็นพัก ๆ ที่ว่าผู้ใหญ่หาปืนของเล่นให้เด็ก ด้วยความซนพอไปเจอปืนจริงก็หยิบมาเล่นแล้วก็ยิงคนอื่นตาย ในขณะที่เด็กคนอื่น ๆ หากเห็นปื่นวางไว้ก็จะไม่หยิบมาเล่น หรือไม่ก็แค่หยิบดูแต่ไม่นำมายิงนั่นเอง
- เราให้ยืมโดยคิดว่าเขาไม่คืนก็ไม่เป็นไร ไม่หวง ไม่ทวง ไม่ว่าอะไร ให้เขาไปก็ได้ นั่นก็เป็นบุญอยู่แล้ว แต่หากเขานำมาคืนหรือตอบแทนด้วยสิ่งอื่นด้วยความเต็มใจของเขา ก็แสดงว่าเขาเป็นคนดีและก็ถือเป็นกำไรของเราเพราะเราไม่ได้คิดจะเอาคืนอยู่แล้ว รับน้ำใจของเขาที่อุตส่าห์หยิบยื่นให้ก็ไม่ได้ทำให้บุญในตอนแรกลดลงแต่อย่างใด แม้เราไม่รับแต่เขาก็ยังจะให้ ฝ่ายให้ยืมได้บุญและได้ทรัพย์คืน ฝ่ายยืมได้ทรัพย์และได้บุญหลังจากคืน เป็นการได้บุญกันทั้งสองฝ่าย
#7
โพสต์เมื่อ 05 September 2008 - 08:58 AM
ไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ ยังคงสถิตอยู่ที่เวปDMCนี่แหล่ะครับ ^ ^ เพียงแต่ช่วงนี้งานเยอะเลยไม่ค่อยได้เข้ามาพบปะกับพี่ๆเพื่อนๆและได้ร่วมสนทนาซักเท่าไหร่ ได้แต่เข้ามานั่งอ่านติดตามงานบุญและความเปลี่ยนแปลงทางเวปบอร์ดเท่านั้นน่ะครับ จะเลือกออกความเห็นบ้างเป็นบางข้อเท่านั้นน่ะครับ ^ ^
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย